ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 5 : คุณอาใจดีกับลุงหมอหน้าดุ

ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 5 : คุณอาใจดีกับลุงหมอหน้าดุ

โดย : นวาภัส

Loading

ลูกไม้เกี่ยวรัก โดย นวาภัส นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ (เล็กๆ) เรื่องราวของหญิงสาวสุดแกร่งที่ชีวิตนี้ขอมีลูก โดยไม่ต้องมีสามี แล้วใครเล่าจะเข้าใจเธอ พบกับความอลหม่านของสองแม่ลูกคู่ป่วนใน “ลูกไม้เกี่ยวรัก” ได้ในเพจอ่านเอา และ เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

ในวันที่ท้องฟ้าสดใส ปัณฑารีย์ได้รับข่าวดีว่าตัวเองถูกเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งรองคณบดีแทนคนเก่าที่ลาออกไป แม้จะมีเสียงซุบซิบนินทาถึงความไม่เหมาะสม เพราะเธอเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานและอายุยังน้อย แต่ผู้ใหญ่ในมหาวิทยาลัยหลายคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่า หญิงสาวมีความสามารถที่โดดเด่น โดยเฉพาะผลงานด้านสิ่งแวดล้อม จนกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและสร้างชื่อเสียงให้กับทางมหาวิทยาลัย ทำให้เธอมีคุณสมบัติไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้สมัครอีกคนที่เป็นตัวเต็ง ทำให้คู่แข่งไม่พอใจที่เธอได้รับการผลักดันทั้งที่ประสบการณ์และอายุงานน้อยกว่า

ขวัญสุดาเป็นเดือดเป็นแค้นที่ศัตรูหมายเลข 1 ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ จนทิ้งห่างเธอไปอย่างไม่เห็นฝุ่น หญิงสาวจึงเข้าหาผู้สมัครตัวเต็ง รับอาสาช่วยหาเสียง โดยใช้วิธีปล่อยข่าวลือเรื่องเสียหายของปัณฑารีย์ไปทั่วมหาวิทยาลัย เพื่อสร้างความเสื่อมเสียและลดความน่าเชื่อถือ คณาจารย์หลายคนเริ่มคล้อยตามจนมีปฏิกิริยาต่อต้านปัณฑารีย์

เดือดร้อนถึงอชิระต้องเข้ามาช่วยแก้ข่าว ทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ส่วนตัวให้หญิงสาว อชิระเป็นอาจารย์หนุ่มรูปหล่อ ไฟแรง มีความสามารถ มีน้ำใจ อัธยาศัยดี แถมพ่วงท้ายด้วยนามสกุลโด่งดังของพ่อที่เป็นถึงนักธุรกิจใหญ่ระดับประเทศ ผู้บังคับบัญชาและเพื่อนร่วมงานทั้งเกรงใจและรักใคร่ชื่นชม เขาจึงสามารถโน้มน้าวให้คนรอบข้างเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาจูงใจได้อย่างไม่ยากเย็น ถึงแม้จะไม่ใช่กับทุกคน แต่ก็ทำให้สถานการณ์ของหญิงสาวดีขึ้น

เมื่อได้กองหนุนที่แข็งแกร่งอย่างอชิระ ปัณฑารีย์ก็สบายใจหายห่วง เรื่องเล่าลือที่ไม่เป็นความจริงค่อยๆ จางลงถึงจะไม่ได้หายไปเสียทีเดียว แต่ก็ทำให้หญิงสาวไม่ต้องปวดหัวตามแก้ข่าว เธอจึงมีเวลาสร้างผลงานเพิ่มขึ้น ปัณฑารีย์ตอบรับงานสัมมนาบรรยายมากขึ้นจนไม่มีวันหยุดพักผ่อน และแทบไม่มีเวลาเอาใจใส่ลูกชายอย่างใกล้ชิดเหมือนเคย

จนกระทั่งวันหนึ่ง เธอเห็นบาดแผลถลอกที่แขนของลูกชาย จึงคาดคั้นจนได้รู้ว่าโอโซนถูกเพื่อนที่โรงเรียนผลักจนล้มไปโดนกับขอบโต๊ะ หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมทางโรงเรียนถึงปกปิดเอาไว้ไม่แจ้งให้เธอรู้ ปัณฑารีย์หงุดหงิด รีบคว้าโทรศัพท์โทรหาไปครูประจำชั้นของลูกชาย แต่สิ่งที่ครูรัตน์ตอบกลับมาทำให้เธอถึงกับชะงักพูดไม่ออก

“ครูไลน์บอกคุณแม่แล้วนะคะ แต่คุณแม่ก็ไม่อ่าน ไม่ตอบว่าอย่างไร ทางโรงเรียนก็เลยจัดการตักเตือนลงโทษเด็กที่ทำผิดไปแล้วค่ะ แต่ครูอยากจะฝากคุณแม่ให้ช่วยสังเกตโอโซนเวลาอยู่ที่บ้านด้วย ช่วงนี้โอโซนดูซึมๆ ไม่ค่อยร่าเริงเหมือนเดิมค่ะ” ครูรัตน์พูดอย่างใจเย็น พักหลังมานี้เธอไม่ค่อยเห็นปัณฑารีย์มารับโอโซน มีเพียงป้าแม่บ้านมารับแทนอยู่เป็นประจำ เมื่อถามกับลูกศิษย์ตัวน้อยก็ได้คำตอบว่าแม่งานยุ่ง มารับไม่ได้

เมื่อถูกครูประจำชั้นของลูกชายตอกกลับแบบสุภาพ ปัณฑารีย์จึงรีบย้อนดูข้อความและเห็นข้อความของครูรัตน์ที่ส่งมาตั้งแต่สามวันที่แล้ว เธอมัวแต่ยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาเปิดอ่าน อันที่จริงแทบไม่ได้สนใจข้อความนั้นด้วยซ้ำ เพราะคิดว่าเป็นการรายงานกิจกรรมการเรียนของลูกที่ครูส่งมาเป็นประจำ

“แล้วเด็กๆ เขาทะเลาะกันเรื่องอะไรคะ ทำไมต้องถึงกับต้องผลักกัน” หญิงสาวเสียงอ่อย รู้สึกผิดที่ไม่เอาใจใส่ลูกให้มากกว่านี้

“ก็เรื่องเดิมนั่นแหละค่ะ เรื่องพ่อของโอโซน…” ครูรัตน์รู้สึกอึดอัดใจ เมื่อตัวเองไม่สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ให้กับนักเรียนของเธอได้

ปัณฑารีย์นิ่งงัน หลังจากที่ลงแข่งขันชิงตำแหน่งรองคณบดี เธอก็วุ่นวายจนแทบไม่มีเวลาคุยกับลูก ทุกวันเมื่อกลับถึงบ้านโอโซนก็หลับไปแล้ว ส่วนช่วงเช้าที่ต้องขับรถไปส่งลูกที่โรงเรียน เธอก็วุ่นวายคุยงานตลอดเวลา จนไม่ได้พูดคุยซักถามเรื่องราวต่างๆ เหมือนเคย แต่โอโซนก็ไม่เคยปริปากบ่นหรืองอแง ยิ่งทำให้เธอหลงลืมหน้าที่ของแม่ที่ต้องคอยสอดส่องดูแลลูกตัวเอง

วันนี้หญิงสาวจึงรีบเคลียร์งานแล้วไปรับโอโซนที่โรงเรียน ปัณฑารีย์กวาดสายตามองหาลูกชาย เธอเห็นโอโซนนั่งแอบอยู่ในมุมหนึ่งของสนามเด็กเล่น เฝ้ามองเพื่อนๆ ที่มีพ่อแม่มารับพร้อมหน้า สายตาของลูกเศร้าจนเธอสะท้อนใจ รู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยว ความเศร้า

“โอโซน แม่มาแล้ว” หญิงสาวร้องเรียกลูกชายด้วยน้ำเสียงสดใสเพื่อกลบความรู้สึกผิดในใจ

โอโซนหันมาเห็นแม่ก็ดีใจ วิ่งเข้าไปกอด ปัณฑารีย์กอดลูกชายไว้แน่นเหมือนจะชดเชยความผิดที่ตัวเองเอาแต่ทำงานจนละเลยลูก

“วันนี้แม่พาไปกินพิซซ่า ดีมั้ยครับ”

“ดีคับ” สีหน้าและแววตาที่สดใสของโอโซน ทำให้ปัณฑารีย์ยิ้มได้ เธอหอมแก้มซ้ายขวาของลูกชายอย่างรักใคร่

“แม่ขอโทษนะ ที่ช่วงนี้ไม่ค่อยมารับลูก ต่อไปนี้แม่จะพยายามมารับโอโซนเอง จะได้พาไปกินของอร่อยๆ ก่อนกลับบ้าน ดีมั้ยครับ”

“ป้าณีบอกว่าแม่งานยุ่งมาก โอโซนกลับกับป้าณีก็ได้คับ” เด็กน้อยยิ้มแป้น เขาอยากทำให้แม่สบายใจ ป้าวรรณีบอกว่าแม่ทำงานหนักมาก กลับมาก็เหนื่อยจนไม่กินข้าว เขาเองก็เคยออกมาตอนดึกเห็นแม่หลับอยู่ที่โซฟาในชุดทำงาน เด็กน้อยยังเคยเอาผ้าห่มมาห่มให้เพราะกลัวแม่จะหนาว

ปัณฑารีย์มองลูกชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก ตัวแค่นี้รู้จักเป็นห่วงเป็นใย เธอกอดลูกชายแน่น กลิ่นหอมอ่อนๆ บนตัวลูก ทำให้เธอสบายใจได้อย่างประหลาด

“สวัสดีค่ะคุณแม่โอโซน” ลูน่าวิ่งเข้ามาสวัสดีคุณแม่ของเพื่อนรัก

“สวัสดีค่ะลูน่า คุณแม่มารับหรือยังคะ” ปัณฑารีย์มองเด็กหญิงตัวน้อยอย่างเอ็นดู

“วันนี้คุณพ่อมารับค่ะ” เด็กน้อยชี้ไปที่พ่อของเธอที่เดินอยู่ไกลๆ “ลูน่าไปก่อนนะโอโซน แล้วอย่าลืมเอารูปพ่อมาอวดนะ บ้ายบาย” ลูน่าโบกมือลาเพื่อน แล้วหันมาสวัสดีปัณฑารีย์ ก่อนจะวิ่งไปหาพ่อ

“รูปพ่อเหรอ” ปัณฑารีย์หันควับไปมองลูกชายด้วยสีหน้าสงสัย

โอโซนก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา หญิงสาวใจหายวาบเมื่อแอบเห็นน้ำตาใสๆ เอ่อขึ้นมาคลอเบ้าตาจนเกือบล้นของลูก

“โอโซนบอกแม่สิครับว่าลูกเป็นอะไร” เธอถามเสียงสั่นพร่า ความกลัวเล็กๆ ผุดขึ้นในจิตใจ

“โอโซน…โอโซนอยากมีพ่อ” เสียงของหนูน้อยสั่นเครือ หยาดน้ำใสๆ ไหลลงมาอาบแก้ม

ปัณฑารีย์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นน้ำตาของลูก เธอได้แต่กอดลูกไว้แนบอก จุกในอกจนพูดอะไรไม่ออก

คืนนั้นโอโซนนอนร้องไห้ทั้งคืน ปัณฑารีย์พยายามปลอบลูกทุกวิธีแต่ไม่เป็นผล โอโซนหลับไปและละเมอหาพ่อ หญิงสาวเจ็บปวดหัวใจ ไม่คิดว่าการที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวจะยากกว่าที่คิดเอาไว้มาก เธอนอนคิดทั้งคืนว่าควรจะทำอย่างไร ในที่สุดก็ฝืนใจโทร.ไปปรึกษาแม่ แต่คำตอบที่ได้กลับทำให้จิตตกกว่าเดิม

“แกก็บอกลูกไปสิ ว่าพ่อของเขาอยู่ไกลมาหาไม่ได้ หรือจะบอกว่าตายไปแล้วดี จะได้จบๆ ไป” อารีย์ทั้งกลุ้มใจทั้งสงสารหลานเมื่อได้ฟังปัญหาของลูกสาว เด็ก 3 ขวบที่ไหนจะไปเข้าใจเรื่องการผสมเทียม ขนาดเธอเป็นผู้ใหญ่ยังไม่เข้าใจเลย ยิ่งตอนนี้ชาวบ้านต่างก็พากันนินทาว่าลูกสาวของเธอถูกผัวทิ้งจนต้องหอบลูกกลับเมืองไทย แม้จะพยายามอธิบายจนปากเปียกปากแฉะว่าปัณฑารีย์มีลูกจากการผสมเทียม ไม่ได้ถูกผู้ชายทิ้ง แต่กลับไม่มีใครเชื่อ ทุกคนพร้อมใจคิดกันไปเองว่าอารีย์โกหกเพื่อปกป้องลูกสาวที่สมบูรณ์แบบไม่ให้มีประวัติด่างพร้อย จนหลายครั้งเธอเกือบจะปะทะกับชาวบ้านปากมากพวกนั้น ทำให้ตอนนี้เธอเองก็ไม่อยากออกไปพบปะกับใครในหมู่บ้าน เพราะรำคาญเสียงซุบซิบนินทา

เมื่อไม่ได้คำตอบที่พอใจจากแม่ หญิงสาวจึงค้นหาคำตอบด้วยตัวเองจากโลกออนไลน์ ซึ่งแบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งบอกให้เปิดใจพูดความจริงกับลูก เพราะถ้าลูกมารู้ความจริงทีหลังอาจจะทำให้เกิดปัญหาใหญ่กว่าเดิม แต่อีกฝ่ายให้หลบเลี่ยงอย่าเพิ่งบอกความจริง เพราะเด็กยังเล็กเกินกว่าจะเข้าใจว่าเขาเกิดมาด้วยวิธีพิเศษ ยังไงเด็กก็โหยหาความรักจากพ่อ แม้จะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจของเด็กจะเจ็บปวดแค่ไหน ไม่มีใครรู้ได้

ปัณฑารีย์ลองทักไปหาจิตแพทย์เด็กเก่งๆ ที่ค้นหาเจอในอินเทอร์เน็ต แต่ก็ได้รับคำตอบว่าต้องรอคิวอีกหลายเดือน เธอเครียดตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรให้ลูกชายที่ต้องการพ่อจนนอนละเมอเรียกหาอยู่ในตอนนี้กลับมามีความสุขเหมือนเดิม หรือว่าเธอต้องพาลูกหนีไปอยู่ในสถานที่ที่มีแค่สองคนแม่ลูก

“บ้าไปแล้ว มันมีที่แบบนั้นที่ไหนกัน” ปัณฑารีย์ด่าตัวเองที่คิดอะไรเหมือนคนไร้สมอง

เช้าวันต่อมาโอโซนมีอาการไข้ขึ้นสูง หญิงสาวตกใจรีบพาลูกไปโรงพยาบาลทันที โอโซนต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าดูอาการ เธอเฝ้ามองลูกที่หลับใหลด้วยฤทธิ์ยา สีหน้าที่เคยมีเลือดฝาดตอนนี้ซีดเซียว หน้าอกเล็กๆ กระเพื่อมขึ้นลงช้าๆ แผ่วเบาเหมือนกับดอกหญ้าที่ลู่ไหวไปกับสายลม ร่างน้อยๆ ของโอโซนกระตุกขึ้นมา สีหน้าเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์ฝันร้าย คนเป็นแม่ใจหายบีบมือลูกแน่น หวังให้ลูกหลุดจากฝันร้าย จู่ๆ น้ำตาแห่งความอัดอั้นก็ไหลลงมาจากดวงตาคู่สวย

“แม่ขอโทษนะโอโซน แม่ดูแลลูกไม่ดี ทำให้ลูกต้องเจ็บปวดเสียใจ แม่จะทำยังไงดี” หญิงสาวสะอื้นเบาๆ หัวใจของเธอตอนนี้ทั้งเป็นทุกข์และสับสน ไม่รู้จะต้องแก้ปัญหาอย่างไร

เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น หญิงสาวสะดุ้งรีบปาดน้ำตาทิ้ง กลัวคนที่กำลังเปิดประตูเข้ามาจะเห็นความอ่อนแอของเธอ

“ผมได้ข่าวว่าลูกปันป่วย เลิกงานก็เลยรีบแวะมาเยี่ยม เป็นยังไงบ้างครับ” อชิระวางตะกร้าผลไม้ลงบนโต๊ะ เขามองดูเด็กน้อยบนเตียงคนไข้ นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มได้เจอกับลูกชายของปัณฑารีย์

“หมอเอาเลือดไปตรวจอยู่ค่ะ” หญิงสาวสีหน้าอ่อนโรย ดวงตาฉ่ำด้วยน้ำตาที่เพิ่งเช็ดออกไป

“ผมว่าแกคงไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ ก็คงเป็นหวัดธรรมดา ช่วงนี้ฝนเริ่มตกแล้ว เด็กๆ เป็นกันเยอะ” หนุ่มหล่อปลอบใจ ไม่อยากให้ปัณฑารีย์เครียดมาก แค่เรื่องงานกับการชิงชัยตำแหน่งรองคณบดีก็ทำให้เธอเครียดจนหัวหมุน แทบไม่มีเวลาพักผ่อน ยังมาเจอเรื่องป่วยไข้ของลูกชายอีก เขาจึงคิดว่าตอนนี้เธอน่าจะต้องการกำลังใจมากที่สุด

“ขอบคุณนะคะที่มาเยี่ยม”

“ต้องมาสิครับ ก็เราเป็นเพื่อนกันนี่” ชายหนุ่มส่งยิ้มสดใส เป็นรอยยิ้มที่สร้างพลังใจให้กับคนที่ได้รับ “แล้วนี่ปันเจอพี่ซันหรือเปล่าครับ” เขาถาม

“พี่ซันเหรอคะ” เธอทำหน้าแปลกใจ

“ก็พี่ซันเขาเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลนี้ แต่ไม่ใช่หมอเด็กหรอกนะ เป็นหมอโรคหัวใจน่ะ”

ปัณฑารีย์ไม่รู้มาก่อนว่าอคิราห์ทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ แต่ก็คิดว่าคงไม่ได้เจอกันได้ง่ายๆ เพราะที่นี่เป็นโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ที่มีคนไข้จำนวนมาก หญิงสาวฝากอชิระช่วยดูโอโซนแทนเธอสักครู่ เพราะตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้อง ก่อนจะออกมาซื้อกาแฟและแซนด์วิชง่ายๆ แม้จะไม่หิวแต่อย่างน้อยเธอก็ต้องรับผิดชอบดูแลร่างกายของตัวเอง ถ้าปล่อยให้ร่างกายอ่อนแอและป่วยไปอีกคน โอโซนจะยิ่งลำบากกว่าเดิม

“อ้าวปัน มาทำอะไรที่นี่”

คนใจลอยที่กำลังยืนรอกาแฟหน้าตู้กดอัตโนมัติ สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงทักทายจากคุณหมอสุดหล่อในชุดกาวน์สีขาว

“พี่ซัน…สวัสดีค่ะ”

“ใครเป็นอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงของอคิราห์เจือความห่วงใยไว้อย่างชัดเจน

“ลูกชายปันค่ะ แกเป็นไข้ ตอนนี้รอผลเลือดอยู่ค่ะ” เสียงตอบเศร้าๆ ของเธอทำเอาคนถามใจวูบ

อคิราห์ได้ยินเรื่องของลูกชายปัณฑารีย์จากปากน้องชาย ครั้งแรกเขารู้สึกตกใจเมื่อรู้ว่าหญิงสาวมีครอบครัวแล้ว แต่เมื่ออชิระบอกว่าเธอเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ชายหนุ่มจึงทั้งแปลกใจและเห็นใจ แม้ในใจจะอยากรู้เรื่องราวของหญิงสาว แต่ก็ไม่อยากเสียมารยาทละลาบละล้วงถามเรื่องส่วนตัว ในเมื่อตอนนี้เขาเป็นเพียงคนเคยรู้จักเท่านั้น

หมอหนุ่มเดินตามหญิงสาวไปดูอาการของลูกชายเธอ และต้องแปลกใจเมื่อเจอน้องชายนั่งหน้าแฉล้มอยู่ในห้อง เขามองดูร่างเล็กๆ บนเตียงคนไข้ที่กำลังลืมตาตื่นขึ้นมาพอดี ดวงตากลมใสแต่หม่นหมองจ้องมองผู้ชายแปลกหน้าสองคนที่ยืนขนาบข้างแม่ของเขาอยู่

“แม่คับ ใครเหรอ” เด็กน้อยขมวดคิ้วมุ่น

“นี่เพื่อนแม่คับ คุณลุงซัน กับคุณอาเดย์” ปัณฑารีย์ยกสถานะลุงกับอาให้หนุ่มหล่อสองพี่น้อง โดยพิจารณาตามลำดับของอายุ

“สวัสดีคับ” โอโซนกระพุ่มมือไหว้สองหนุ่มโดยที่แม่ไม่ต้องบอก

ขาของอคิราห์ขยับถอยห่างจากเตียงโดยอัตโนมัติเมื่อถูกเด็กน้อยจ้องมอง หนุ่มหล่อไม่ชอบเด็กตัวเล็กๆ และไม่อยากเข้าใกล้ เพราะเคยเจอประสบการณ์เลวร้ายที่เกิดจากปีศาจตัวน้อยหลายครั้ง จนเข็ดขยาดถึงขนาดประกาศกับทุกคนว่าชาตินี้จะไม่ขอมีลูก ซึ่งสร้างความหนักใจให้กับครอบครัวและตีรณา ซึ่งเป็นคู่หมั้นอย่างมาก จนทำให้มีปากเสียงกันมาแล้วหลายครั้ง เพราะครอบครัวของตีรณาต้องการผลักดันให้ลูกสาวลงเล่นการเมือง เป็นทายาทสืบต่อจากบิดาที่เป็นนักการเมืองใหญ่ระดับประเทศ ดังนั้น เธอต้องแต่งงานและมีลูก เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว ซึ่งเป็นแนวคิดของนักการเมืองรุ่นเก่าที่ต้องการใช้พื้นฐานทางครอบครัวที่สมบูรณ์เพียบพร้อมมาเรียกความเชื่อมั่นต่อประชาชน เมื่อแนวคิดสวนทางกัน  อคิราห์จึงอึดอัดใจทุกครั้งที่บ้านตีรณากดดันเรื่องการแต่งงานและมีลูก

หมอเจ้าของไข้ของโอโซนที่พิ่งเปิดประตูเข้ามาพร้อมพยาบาล แปลกใจที่เจออคิราห์อยู่ในห้อง เพราะบรรดาหมอและพยาบาลที่นี่รู้ดีว่าถ้าไม่จำเป็นหมอโรคหัวใจรูปหล่อคนนี้จะไม่เข้าใกล้คนไข้เด็กๆ ยกเว้นเด็กที่นอนสลบไสลบนเตียงผ่าตัดเท่านั้น

เมื่อหมอบอกว่าโอโซนแค่เป็นไข้หวัดธรรมดา ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง ให้รักษาตัวที่โรงพยาบาลสองวันก็กลับบ้านได้ ทุกคนต่างโล่งใจโดยเฉพาะปัณฑารีย์ ดีใจจนน้ำตาไหล

ระหว่างที่อคิราห์ยืนคุยกับหมอเจ้าของไข้โอโซน สายตาก็เหลือบไปเห็นผลการตรวจเลือดของเด็กน้อย ชายหนุ่มชะงักเมื่อเห็นกรุ๊ปเลือด B Rh- บนเอกสาร ซึ่งเป็นกรุ๊ปเลือดที่หายากมากๆ ในเมืองไทย เขามองดูเด็กน้อยที่กำลังเล่นกับตุ๊กตากระต่ายตัวโปรดด้วยแววตาเป็นกังวล

ในขณะที่เจ้าตัวเล็กเองก็แอบพิจารณาผู้ชายตัวโตทั้งสองคน คนที่เป็นอาท่าทางร่าเริง ยิ้มเก่ง ดูใจดี ส่วนคนที่เป็นลุงหมอ หน้าดุ ไม่ยิ้ม นิ่งจนน่ากลัว แต่ทั้งคู่หล่อเหมือนดารา ถ้าสองคนนี้เป็นพ่อของเขาก็คงดี แต่ถ้าเลือกได้เขาอยากได้พ่อแบบอาเดย์ใจดี มากกว่าลุงหมอหน้าบึ้ง

‘อยากเจอพ่อจังเลย’ เด็กน้อยได้แต่ร่ำร้องโหยหาในใจ และกอดพี่กระต่ายบูบู้หลับไปอีกครั้ง

เมื่ออารีย์รู้ว่าหลานรักเข้าโรงพยาบาล จึงรีบบึ่งมาจากต่างจังหวัดทันที เธอต่อว่าปัณฑารีย์ที่ดูแลลูกไม่ดีทำให้ลูกป่วย หญิงสาวขี้เกียจเถียงกับแม่ จึงปล่อยให้บ่นจนหนำใจ ส่วนตัวเองก็หลบไปทำงานและฝากโอโซนไว้กับแม่ วันตัดสินใกล้เข้ามาทุกที เธอจึงต้องแสดงผลงานให้เต็มที่ ถ้าเธอได้ตำแหน่งก็จะทำให้มีความมั่นคงในหน้าที่การงานและฐานเงินเดือนเพิ่มมากขึ้น ไม่ใช่ว่าเธอหน้าเงิน แต่เพราะเงินคือสิ่งสำคัญที่จะสร้างชีวิตที่ดีให้กับลูกของเธอ

“คุณยายคับ พ่อของโอโซนชื่ออะไรเหรอ”

อารีย์เกือบตกเก้าอี้เมื่อจู่ๆ โอโซนมีโจทย์ยากมาให้เธอตอบโดยไม่ทันตั้งตัว

“เอ่อ…” คนแก่คิดหาคำตอบที่จะไม่ทำร้ายจิตใจหลานรัก “ยายก็จำไม่ได้หรอก เพราะพ่อของโอโซนอยู่เมืองนอก ยายก็ไม่เคยเจอเหมือนกัน” หญิงชราอ้ำอึ้งตอบออกไป คิดว่าน่าจะเป็นคำตอบที่ทำให้หลานชายหยุดตั้งคำถาม

“พ่ออยู่เมืองนอกเหรอคับ” โอโซนหน้าตาตื่นเต้นที่ได้ยินว่าพ่อของตัวเองมีชีวิตอยู่จริงๆ แต่อยู่อีกประเทศที่ห่างออกไป “แล้วพ่อทำงานอะไรคับ” เขาจ้องหน้าคุณยายรอฟังคำตอบใจจดใจจ่อ

อารีย์หน้าซีด นึกด่าตัวเองในใจว่าไม่น่าพูดออกไปเลย ถ้ารู้ว่าโอโซนจะช่างสงสัยขนาดนี้ ปิดปากให้สนิทแล้วเดินหนีออกไปข้างนอกเสียดีกว่า แต่ทว่าตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว

“เอ่อ…เอ่อ…โอโซนรอถามแม่เขาดีกว่านะ ยายเองก็ไม่ค่อยรู้อะไรหรอก” คนเป็นยายตัดสินใจโยนไปให้ลูกสาวแก้ปัญหา แต่เมื่อเห็นใบหน้าหงอยๆ ของหลานชายเธอก็รู้สึกผิด

โอโซนตั้งหน้าตั้งตารอแม่กลับมาเพื่อจะถามคำถามที่ยายตอบไม่ได้ แต่กว่าปัณฑารีย์จะมาถึงโรงพยาบาล โอโซนก็ผล็อยหลับไปก่อน คนเป็นแม่จึงไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับบทสนทนาระหว่างยายกับหลาน



Don`t copy text!