ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 7 : ความลับของหนุ่มหล่อ

ลูกไม้เกี่ยวรัก บทที่ 7 : ความลับของหนุ่มหล่อ

โดย : นวาภัส

Loading

ลูกไม้เกี่ยวรัก โดย นวาภัส นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ (เล็กๆ) เรื่องราวของหญิงสาวสุดแกร่งที่ชีวิตนี้ขอมีลูก โดยไม่ต้องมีสามี แล้วใครเล่าจะเข้าใจเธอ พบกับความอลหม่านของสองแม่ลูกคู่ป่วนใน “ลูกไม้เกี่ยวรัก” ได้ในเพจอ่านเอา และ เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

ปัณฑารีย์เดินออกมาจากห้องตรวจ มองหาโอโซนตรงที่นั่งรอของญาติ แต่ไม่มีวี่แววของลูกชาย หญิงสาวใจหายวาบ รีบกวาดสายตามองไปทั่ว ในใจนึกด่าตัวเองที่ทิ้งลูกไว้ข้างนอกคนเดียว ไม่คิดว่าเวลาแค่ไม่กี่นาทีลูกอาจจะถูกใครล่อลวงไปเหมือนในข่าว ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งใจเสีย กำลังจะเดินไปถามพยาบาลว่าเห็นลูกชายของเธอบ้างไหม แต่ได้ยินเสียงคุ้นเคยมากระชากความสนใจของเธอเสียก่อน

“พ่อคับ ทำไมพ่อไม่พูดกับโอโซนล่ะครับ” เสียงของโอโซนสั่นเครือ ดวงตาใสมองจ้องอคิราห์ที่ตอนนี้ยืนตัวแข็งทื่อ พูดไม่ออก

หญิงสาวตกใจที่เห็นลูกชายเรียกอคิราห์ว่าพ่อ เธอรีบวิ่งเข้าไปดึงโอโซนออกมาจากขายาวๆ ของหนุ่มหล่อ แต่ต้องออกแรงดึงกันนิดหน่อยเพราะเด็กน้อยกอดขาเขาเอาไว้แน่น

“โอโซน ทำไมถึงไปเรียกคุณลุงแบบนั้น” เธอนั่งลงจับสองไหล่ของลูกชายเอาไว้แน่น ละล่ำละลักถามด้วยความตื่นตระหนก

“ก็ลุงหมอเป็นพ่อของโอโซนนี่คับ โอโซนเห็นรูปถ่ายที่แม่เก็บเอาไว้” เด็กน้อยยืนยันว่าลุงขายาวคนนี้คือพ่อของเขา หญิงสาวยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ รูปถ่ายอะไรที่ลูกชายพูดถึง

“รูปอะไรเหรอครับ” หญิงสาวถามเพราะคิดไม่ออกจริงๆ

โอโซนดึงรูปถ่ายในกระเป๋าสะพายหลังออกมาแล้วยื่นให้แม่ ทันทีที่เห็นรูปใบนั้นปัณฑารีย์ก็หน้าซีดเผือด รีบหันไปมองทางอคิราห์ เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมัวแต่มองคนรอบข้าง เธอจึงรีบหยิบรูปใบนั้นเก็บใส่กระเป๋าลูกชายเหมือนเดิม แล้วรูปซิบปิดสนิททันที ถ้าอคิราห์เห็นสัญลักษณ์รูปหัวใจที่เธอทำไว้ เขาคงหัวเราะเยาะในความหน้าไม่อายของเธอแน่ๆ

หลายคนเริ่มหันมองมาด้วยความสนใจ พวกพยาบาลต่างซุบซิบกันว่าอคิราห์แอบไปมีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่ บางคนก็ชื่นชมว่าทั้งสองคนเป็นพ่อลูกที่น่ารัก บรรดาคนไข้และญาติๆ ต่างก็รอฟังว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป หนุ่มหล่อคนนี้จะยอมรับลูกของตัวเองหรือไม่ ตอนนี้พวกเขามีอะไรให้ทำสนุกๆ ฆ่าเวลาระหว่างรอตรวจแล้ว

“นี่มันอะไรกันเหรอปัน” ชายหนุ่มกระซิบถามหญิงสาว สีหน้าประหลาดใจปนสยอง จู่ๆ ก็มีเด็กคนหนึ่งมาทึกทักว่าเขาเป็นพ่อ ทั้งที่มั่นใจว่าไม่เคยไปไข่ทิ้งไว้ที่ไหน หรือถ้าจะเคยมีความสัมพันธ์กับใครบ้างเขาก็ป้องกันอย่างดี ไม่มีหลุดไปได้แน่นอน

“ปันขอโทษนะคะพี่ซัน โอโซนคงเข้าใจอะไรผิดค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็ลุกขึ้นจูงมือลูกชายให้กลับบ้าน แต่โอโซนไม่ยอมไปง่ายๆ พยายามยื้อแม่เอาไว้ อ้อยอิ่งมองอคิราห์ด้วยสายตาเว้าวอน

หนุ่มหล่อเห็นสายตาของเด็กน้อยก็รู้สึกสงสารปนเห็นใจ อชิระเคยเล่าให้ฟังบ้างว่าปัณฑารีย์กลับมาจากเมืองนอกพร้อมลูกชาย คนในมหาวิทยาลัยพูดกันว่าเธอถูกสามีทิ้ง แต่เรื่องจริงเป็นอย่างไรน้องชายก็ไม่กล้าถาม เพราะไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว ชายหนุ่มเดาว่าโอโซนคงไม่เคยได้เจอหน้าพ่อตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไมถึงเข้าใจว่าเขาเป็นพ่อไปได้ อาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดอย่างที่หญิงสาวบอก เพราะเธอเองก็ท่าทางตกใจไม่น้อยเช่นกัน แต่จะให้เขานั่งอธิบายอะไรยาวๆ ให้โอโซนเข้าใจก็คงไม่ใช่ความคิดที่ดี แค่ถูกเด็กน้อยกอดเมื่อกี้ยังถึงกับขนลุกซู่ รู้สึกคันยิบๆ เหมือนมีอะไรมาชอนไชใต้ผิวหนัง จนต้องดีดตัวเองให้ออกห่างจากเจ้าตัวเล็ก หมอหนุ่มคิดในใจว่าคงต้องหาเวลาไปพบจิตแพทย์บ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นอาการขยาดเด็กอาจจะหนักกว่านี้

“กลับบ้านกันเถอะลูก” หญิงสาวพยายามพาโอโซนให้ออกห่างจากอคิราห์

“แล้วพ่อไม่กลับบ้านกับเราเหรอคับ” โอโซนเงยหน้าขึ้นถามแม่อย่างสงสัยว่าทำไมพ่อของเขาถึงไม่กลับไปด้วยกัน

หญิงสาวหน้าเลิ่กลั่ก ไม่กล้าสบตารุ่นพี่สุดหล่อ แล้วไม่รู้จะตอบลูกว่ายังไงในเมื่อโอโซนปักใจเชื่อไปแล้วว่าผู้ชายในรูปนั้นคือพ่อของเขา

“คุณหมอคะ มีเคสด่วนเข้ามาค่ะ” เหมือนระฆังช่วยชีวิต เมื่อพยาบาลวิ่งมาตามอคิราห์ให้ไปดูคนไข้ฉุกเฉิน

“พี่ไปก่อนนะ” หนุ่มหล่อหันมาสบตาปัณฑารีย์ ส่งสายตาให้กำลังใจก่อนจะรีบชิ่งเดินตามพยาบาลไปทันที

“พ่อคับ” เด็กน้อยตะโกนเรียกพ่อ แต่ชายหนุ่มไม่ได้หันกลับมา โอโซนหน้าจ๋อยเพราะเข้าใจว่าพ่อไม่สนใจตัวเอง

“ลุงหมอเค้าต้องทำงาน อย่าไปกวนเค้าเลย เรากลับกันเถอะนะครับ” คราวนี้เด็กน้อยยอมเดินตามแม่อย่างง่ายดาย ไม่มีคำถามใดๆ หลุดออกมาจากปากอีก มีเพียงสีหน้าเศร้าสร้อยและหัวใจที่อ้างว้าง

เมื่อกลับถึงบ้านปัณฑารีย์ไล่เลียงถามว่าทำไมลูกชายถึงเข้าใจว่าหมออคิราห์เป็นพ่อของเขา แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบและแววตาที่เจ็บปวดของลูก โอโซนไม่ตอบคำถามของแม่ ได้แต่นิ่งและก็เดินหนีเข้าห้องนอน ขังตัวเองอยู่ในห้องตลอดทั้งวัน หญิงสาวร้อนใจที่เห็นลูกเป็นแบบนั้น เธอโทร.ไปปรึกษาจิตแพทย์ที่เพื่อนแนะนำ ก็ได้รับคำตอบว่าต้องเปิดใจคุยกับลูก รับฟังสิ่งที่อยู่ในใจของเขา แต่เมื่อโอโซนไม่ยอมเปิดปากพูดออกมา หญิงสาวก็จนปัญญา

โอโซนรู้ดีว่าแม่เป็นห่วง แต่ตอนนี้ตัวเขาเองกำลังน้อยใจที่พ่อทำเหมือนไม่รักไม่สนใจ เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับพ่อและแม่ ทำไมทั้งคู่จึงไม่อยู่ด้วยกัน ปล่อยให้เขาเป็นเด็กไม่มีพ่อเหมือนกับที่เพื่อนๆ ล้อ โอโซนหยิบรูปถ่ายมาดู จ้องใบหน้าหนุ่มหล่อบนรูปถ่ายใบนั้น น้ำตาไหลลงมาอาบแก้มตามด้วยเสียงสะอื้นเบาๆ

ตั้งแต่วันนั้นโอโซนก็ไม่ถามถึงพ่ออีกเลย แม้ปัณฑารีย์พยายามจะทำความเข้าใจกับลูกชายเรื่องรูปถ่าย แต่เด็กน้อยจะแกล้งเฉไฉไปเรื่องอื่นอยู่เสมอ จนเธอคิดไปเองว่าลูกชายน่าจะเข้าใจแล้วว่าอคิราห์ไม่ใช่พ่อของเขา แต่ไม่นานเธอก็รู้ว่าตัวเองคิดผิดมหันต์ เพราะหลังจากนั้นไม่นาน โอโซนก็มาขอให้แม่ไปบอกอคิราห์ให้มางานวันพบผู้ปกครองที่โรงเรียน ซึ่งที่โรงเรียนจะมีกิจกรรมให้นักเรียนพาพ่อแม่มาเล่าเรื่องของอาชีพที่ทำอยู่ เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ คนเป็นแม่เสนอตัวว่าจะเป็นคนไปพูดเรื่องอาชีพของเธอให้เพื่อนของโอโซนฟังเอง แต่เด็กน้อยไม่ยอมบอกว่าเพื่อนๆ อยากเห็นพ่อของเขาที่เป็นหมอ โดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิงอยากเห็นพ่อสุดหล่อของโอโซน ปัณฑารีย์ถึงกับปวดไมเกรนเมื่อได้ฟังเหตุผลของลูก

“โอโซนบอกเพื่อนทุกคนไปแล้วว่าพ่อจะไป ถ้าพ่อไม่ไป โอโซนก็จะไม่ไปโรงเรียนแล้ว” เด็กชายทำหน้าขึงขัง กอดอกแน่น หันหลังให้เธอ บอกให้แม่รู้ว่าเขาพูดจริงไม่ได้พูดเล่น

หญิงสาวกลุ้มใจ ไม่อยากให้ลูกต้องเสียใจหรืออับอายเพื่อน ถ้าเพื่อนๆ รู้ว่าสิ่งที่ลูกพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องไม่จริง โอโซนก็จะถูกเพื่อนๆ ต่อว่าและล้อเลียนว่าเป็นเด็กโกหก ถ้าเป็นแบบนั้นเขาอาจจะรู้สึกไม่ดีกับโรงเรียนและการมีเพื่อนอีกเลย เมื่อทุกอย่างมันล่วงเลยมาขนาดนี้ปัณฑารีย์จึงตัดสินใจว่าจะช่วยลูกให้สมหวังสักครั้ง สิ่งไหนที่ทำให้ลูกมีความสุขได้ มีหรือที่คนเป็นแม่จะไม่ทำให้ เธอจึงตัดสินใจโทร.ไปหาอคิราห์และขอร้องให้เขาช่วยเป็นพ่อปลอมๆ ของโอโซนหนึ่งวัน แต่ก็อย่างที่คาดเอาไว้ ชายหนุ่มปฏิเสธเสียงแข็ง เขาไม่อยากมีส่วนในการโกหก แม้หญิงสาวจะอ้อนวอนแค่ไหนเขาก็ไม่เปลี่ยนใจ

“แล้วทำไมปันถึงไม่ไปขอให้พ่อแท้ๆ ของโอโซนมาล่ะ ถ้าเขาได้เจอพ่อแท้ๆ จะไม่ดีกว่าเหรอ” คำถามของอคิราห์ ทำให้เธอตัดสินใจวางสายในทันที ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากบอกความจริง แต่เธออายเกินกว่าจะสารภาพกับผู้ชายที่เป็นรักแรกและรักเดียว ว่าเธอไม่มีแม้แต่คู่รักหรือสามี ลูกของเธอเกิดจากการซื้อน้ำเชื้อของใครก็ไม่รู้มาผสมเทียม ถึงจะเป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเองแค่ไหน แต่การต้องยอมรับว่าไม่เคยมีใครในชีวิตมาก่อนกับผู้ชายที่ทำให้เธออกหัก ไม่ใช่สิ่งที่อยู่ในสมองของเธอเลย

เมื่อผู้ชายไม่เล่นด้วย หญิงสาวจึงต้องคิดหาวิธีการที่จะทำให้เขายอมให้ได้ แต่ไม่ว่าจะคิดอะไรออกมาก็ไม่เข้าท่าสักวิธี จนเธอเริ่มสงสัยตัวเองว่าจบปริญญาเอกมาได้อย่างไร ในเมื่อสมองของเธอมันช่างโง่เขลาถึงเพียงนี้ แค่เรื่องง่ายๆ ที่ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งยอมมาเป็นพ่อของลูกแค่วันเดียวเธอยังทำไม่ได้ ใบปริญญาที่ได้มาจะมีความหมายอะไร วันพบผู้ปกครองก็ใกล้เข้ามา หญิงสาวก็ยิ่งเครียดที่ยังทำให้อคิราห์ใจอ่อนไม่ได้

จนกระทั่งวันนี้ อคิราห์มาหาน้องชายที่มหาวิทยาลัย เขาเดินขึ้นไปถึงห้องพักอาจารย์ บรรดาอาจารย์สาวแก่แม่ม่ายและสาวสองสาวสามต่างมองหนุ่มหล่อด้วยสายตาชื่นชมปนอยากได้ อชิระเมื่อเห็นพี่ชายมาถึงก็รีบเข้าไปลากออกมาคุยที่โต๊ะของตัวเอง ก่อนที่จะถูกสายตาเหล่านั้นแทะเล็มจนหมดตัว

“บอกแล้วว่าไม่ต้องขึ้นมา พี่ทำให้สาวๆ ที่นี่ละลายเป็นขี้ผึ้งกันไปหมดแล้ว แย่งซีนกันชัดๆ” หนุ่มหล่อคนน้องแกล้งบ่นพี่ชายที่ตอนนี้เอาแต่ชะเง้อมองหาใครบางคน

“ปันไม่อยู่เหรอ” หนุ่มหล่อถามออกมาเมื่อไม่เห็นคนที่มองหาในห้อง

“อ๋อ ที่ขึ้นมานี่ไม่ได้มาหาน้อง แต่มาหาสาว..ไม่อยู่หรอก เขาลงไปกินข้าว” อชิระแปลกใจที่พี่ชายถามถึงปัณฑารีย์ ถึงจะรู้ว่าเคยเรียนมหาวิทยาลัยเดีวกัน แต่ไม่ต้องถามหาก็ได้ คนเป็นน้องชายรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา

“ก็คนรู้จักกัน ถามหามันแปลกตรงไหน” พี่ชายทำเป็นไม่สนใจ แล้วคุยธุระที่มาหาน้องถึงที่ทำงาน คุยไม่นานก็ขอตัวกลับ อชิระไม่เข้าใจว่าพี่ชายจะมาถึงที่นี่ทำไม ทั้งที่เรื่องที่มาคุยก็ไม่ได้เร่งด่วนอะไร โทร.มาหรือกลับไปคุยที่บ้านก็ได้ แต่พี่ชายอ้างว่าเขาผ่านมาทางนี้พอดีก็เลยแวะพูดคุยปรึกษาก่อน

ระหว่างรอลิฟต์ ชายหนุ่มเกิดปวดท้องขึ้นมา จึงหาห้องน้ำเข้าแต่ห้องน้ำอาจารย์ที่มีแค่สองห้องเต็มหมด เขาจำได้ว่าเห็นห้องน้ำเล็กๆ ด้านข้างบันไดหนีไฟ เมื่อไปถึงก็รีบพุ่งเข้าไปทำธุระจนเสร็จสิ้น แต่พอกำลังจะเปิดประตูออกมา สายตาก็ปะทะกับสิ่งมีชีวิตที่เกาะติดแน่นอยู่บนประตูห้องน้ำ ตุ๊กแกตัวใหญ่ลายพร้อย กำลังจับจ้องผู้บุกรุกไม่วางตา ชายหนุ่มตกใจจนขาแข็งขยับไม่ได้ หัวใจร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่ม เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ

“ตั๊กแก!”

เสียงร้องอันทรงพลังของเจ้าถิ่น ทำเอาอคิราห์สติหลุดถอยกรูด แผ่นหลังกว้างเบียดชิดกับผนังจนแทบจะสิงเข้าไปในนั้น ภาพเหตุการณ์สยดสยองในวัยเด็กแล่นเข้ามาในสมองทันที ตอน 7 ขวบ อคิราห์ไปวิ่งเล่นที่หลังโรงเรียนแล้วเกิดท้องไส้ปั่นป่วน จึงจำใจเข้าไปใช้ห้องน้ำเก่าหลังโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีใครใช้แล้ว เขาจำฝังใจว่าตอนที่จะออกจากห้องน้ำไม่ทันได้สังเกตว่ามีตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ผนังด้านข้าง พอกระชากประตูเปิด ตุ๊กแกตัวนั้นไม่รู้ว่าเกิดตกใจอะไรขึ้นมา กระโดดเกาะที่ไหล่ของเขาทันที และอ้าปากร้องเสียงดังข้างหูของเขา อคิราห์ในตอนนั้นตกใจกลัวจนตัวสั่น ร้องไห้หาพ่อเสียงหลง จนเพื่อนๆ ต้องไปตามครูมาช่วย กว่าจะแกะตุ๊กแกเจ้ากรรมตัวนั้นออกได้ ใช้เวลานานมาก เล็บของมันข่วนกับไหล่ของเขาจนเลือดซิบ ชายหนุ่มยังจำเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ดีเหมือนกับเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน และตั้งแต่วันนั้นเขาก็กลายเป็นคนที่เกลียดกลัวตุ๊กแกยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้

“ช…ช…ช่วยด้วย” เสียงร้องขอความช่วยเหลือของเขาแหบแห้งขาดหายและเบาหวิวเหมือนปุยนุ่น แต่มีนักศึกษาคนหนึ่งที่แอบไปสูบบุหรี่ตรงบันไดหนีไฟได้ยินเข้า เขาคิดว่าเป็นผีที่สิงอยู่ในห้องน้ำ เพราะปกติห้องน้ำห้องนั้นไม่มีใครใช้มานานแล้ว จึงตกใจวิ่งหนีออกมาชนกับปัณฑารีย์ที่กำลังเดินไปห้องพักอาจารย์ เมื่อสอบถามได้ความว่าถูกผีหลอก เธอจึงลากนักศึกษาคนนั้นไปพิสูจน์ผีในห้องน้ำด้วยกัน

“ช่วย…ช่วยด้วย” อคิราห์ไม่กล้าร้องเสียงดัง เพราะกลัวว่าเจ้าถิ่นจะตกใจกระโดดเกาะเขาจนกลายเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จึงได้แต่ค่อยๆ เปล่งเสียงออกมาเมื่อได้ยินเสียงคนคุยกันด้านนอก

“เกิดอะไรขึ้นคะ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” หญิงสาวไม่คิดว่าเสียงที่ได้ยินเป็นผี แต่น่าจะเป็นคนที่กำลังบาดเจ็บหรือต้องการความช่วยเหลือ เธอร้อนใจเขย่าประตูอย่างแรงเพื่อหวังว่าจะช่วยเหลือคนข้างในได้ทัน

อคิราห์แทบช็อกเมื่อเห็นประตูถูกเขย่าจนเจ้าตุ๊กแกตกใจวิ่งปรู๊ดไปอยู่ที่ลูกบิด ชายหนุ่มผวากระโจนไปนั่งซุกตัวอยู่บนโถชักโครก นึกด่าคนข้างนอกที่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง ดวงตาตื่นตระหนกของหนุ่มหล่อจับจ้องไปที่ดวงตาโปนโตของสิ่งมีชีวิตตัวลาย เหมือนกับกำลังเล่นเกมจ้องตา ถ้าใครเผลอละสายตาก่อนจะถูกอีกฝ่ายโจมตีจนพ่ายแพ้

“ช่วยด้วยครับ ตุ๊ก…แก อยู่หน้าประ…ประตู” คนข้างในเสียงสั่นบอกเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้นให้คนข้างนอกรับรู้

เมื่อได้ยินเสียงคนด้านในชัดๆ หญิงสาวจำได้ในทันทีว่านั่นคือเสียงของอคิราห์ ว่าที่คุณพ่อจำเป็นของลูกชายเธอ ทีแรกเธอก็ตกใจคิดจะให้นักศึกษาไปเรียกคนอื่นๆ มาช่วย แต่กลับมีเสียงมารดาในหัวของเธอบงการว่านี่คือโอกาสดี ที่จะทำให้หนุ่มหล่อยอมเป็นพ่อของโอโซนแล้ว หญิงสาวเผยอรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ วางแผนชั่วร้ายในใจ ก่อนที่จะกระซิบสั่งให้นักศึกษาพูดตามที่เธอ

“แค่ตุ๊กแกเอง คุณก็ไล่มันออกไปสิครับ” นักศึกษาพูดออกมาตามคำสั่งอาจารย์สาว

“ไล่ไม่ได้ ผมกลัวตุ๊กแก” เสียงของอคิราห์สั่นจนสาวเจ้าเล่ห์เริ่มสงสาร แต่ก็ต้องตัดใจ ยังไงลูกเธอต้องได้มีพ่อวันนี้แหละ

“ผมต้องรีบไปเรียนแล้วละครับ คุณค่อยๆ ไล่ เดี๋ยวมันก็หนีไปเอง ผมไปก่อนนะครับ”

“เดี๋ยวครับ อย่าเพิ่งไป ช่วยผมก่อน คุณอยากได้อะไรบอกมาเลย ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณขอ” อคิราห์ร้องเสียงหลงเมื่อคิดว่ากำลังจะถูกทิ้งให้อยู่กับเจ้าตัวลายตาแดงเพียงลำพัง ตอนนี้เขากลัวเกินกว่าที่จะเอะใจว่าผู้หญิงอีกคนที่ได้ยินเสียงก่อนหน้านี้หายไปไหน

“จริงเหรอครับที่บอกว่าจะทำทุกอย่างที่ต้องการ” นักศึกษาหนุ่มถามย้ำตามคำสั่งปัณฑารีย์ ที่ตอนนี้กำลังยิ้มอย่างผู้ชนะ

“จริงครับ น้องอยากได้อะไรพี่ทำให้ทุกอย่าง” ตอนนี้ต่อให้ต้องเซ็นยกบ้านให้ อคิราห์ก็จะรีบทำทันที ขอแค่ไปให้พ้นจากเจ้าตุ๊กแกตัวนี้ก่อนที่จะหัวใจวายตาย

ปัณฑารีย์กดหยุดบันทึกเสียงจากโทรศัพท์มือถือ ตอนนี้เธอมีสิ่งที่จะทำให้อคิราห์ไม่สามารถปฏิเสธคำขอของเธอได้ หญิงสาวสั่งให้นักศึกษาไปตาม รปภ.มาช่วย

เมื่อ รปภ.มาถึง เขาสั่งให้ชายหนุ่มนั่งเข้ามุมและปิดตาเอาไว้จะได้ไม่เห็นความสยดสยองที่กำลังจะเกิดขึ้น และพวกเขาก็พังประตูเข้าไป เจ้าตุ๊กแกตัวร้ายตกใจกระโดดผลุงไปที่ผนังใกล้กับที่ชายหนุ่มนั่งหลบอยู่ แต่เมื่อเขาปิดตาจึงไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น รปภ. ตะครุบจับตุ๊กแกได้ก่อนที่มันจะวิ่งไปถึงตัวอคิราห์ และรีบเอาออกไปปล่อยที่อื่นทันที หญิงสาวถอนหายใจโล่งอก

อคิราห์ค่อยๆ เปิดตาขึ้น เมื่อรู้สึกว่าทุกอย่างสงบลงแล้ว เสียงดังเอะอะเงียบไป เขาค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นยืน คนแรกที่เขาเห็นคือรุ่นน้องสาวที่กำลังยิ้มหน้าบาน ในมือชูโทรศัพท์มือถือ และกดเปิดเสียงที่บันทึกเอาไว้ เป็นเสียงช่วงที่เขารับปากว่าจะให้ทุกอย่างถ้าออกไปได้ หนุ่มหล่อสีหน้าแปลกใจ ไม่รู้ว่าหญิงสาวต้องการอะไรกันแน่

“ได้เวลาทำตามคำสัญญาแล้วค่ะ” อาจารย์สาวเอ่ยออกมา รอยยิ้มและดวงตาวิบวับอย่างผู้ชนะ

 



Don`t copy text!