ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 11 : รถเมล์สายแปด (1)
โดย : หมอนอิงพิงหลัง
ถนนสายนี้มีแมวเหมียว โดย หมอนอิงพิงหลัง นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาขอเอาใจนักอ่าน โดยเฉพาะนักอ่านทาสแมว กับเรื่องราวของ น้ำปิง เจ้าพ่อแห่งความเพอร์เฟคที่โดนวงล้อโชคชะตาเล่นตลกและแมวสามสี….ที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับเรื่องราวสารพัดจนเขาหลงรักชีวิตแบบแมวๆ เข้าอย่างจัง น้ำปิงกับถนนสายแมวเหมียวจะเป็นอย่างไร อ่านกันได้เลยค่ะ
ติ๊ด ติ๊ด เสียงเครื่องวัดชีพจรดังเป็นจังหวะ อากาศในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นผ้าซักใหม่ปนกับน้ำยาทำความสะอาด ผมค่อยๆ ลืมตาขึ้นและลุกขึ้น เห็นสายน้ำเกลือโผล่ออกมาจากแขนตัวเอง ผมไม่แน่ใจว่าที่นี่คือที่ไหน แต่น่าจะเป็นห้องในโรงพยาบาลแน่
ก๊อกๆ…เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“ได้เวลาเปลี่ยนน้ำเกลือแล้วค่ะ” พยาบาลคนหนึ่งค่อยๆ เข็นรถเข็นเข้ามาในห้อง ผมหันหน้าไปมองเธอ
“คนไข้รู้สึกตัวแล้วเหรอคะ” เธอรีบเดินเข้ามากดปุ่มสีแดงที่หัวเตียง จัดแจงให้ผมนอนท่าเดิมก่อน พร้อมหยิบชาร์ตผู้ป่วยขึ้นมาบันทึกตัวเลขต่างๆ ที่โชว์อยู่บนเครื่องวัดชีพจรและเริ่มสอบถามอาการผม
“คนไข้เป็นยังไงบ้างคะ จำอะไรได้บ้างไหม รอสักครู่นะคะคุณหมอกำลังมาค่ะ” นางพยาบาลวัดไข้ วัดความดัน จัดผ้าห่มผมให้เรียบแล้ว แล้วหมอก็เดินเข้ามา
ผมยังเรียกความจำกลับมาไม่ค่อยได้และรู้สึกสับสนเป็นส่วนมาก แต่พอได้พูดคุยกับคุณหมอ ก็พอจับใจความได้ว่าผมชื่อน้ำปิง ผมประสบอุบัติเหตุเมื่อเย็นวันศุกร์ที่แล้ว ตอนที่ทางกู้ภัยพามาถึงห้องฉุกเฉินนี้ ผมไม่มีเอกสารอะไรใดๆ ติดตัวมาเลย แต่มีคุณยายคนหนึ่งที่มาด้วยและแจ้งความประสงค์จะออกค่ารักษาให้
แต่พอหมอที่ห้องฉุกเฉินตรวจดูแล้ว ผมไม่ได้รับบาดเจ็บทั้งภายนอกและภายใน สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือน เหมือนแค่นอนหลับไปเฉยๆ ทางโรงพยาบาลจึงให้มาสังเกตอาการในห้องผู้ป่วยนี้และนี่ก็เป็นวันที่ 7 แล้วที่ผมหลับไม่ได้สติ
ถึงผมจะยังมีอาการเจ็บที่ศีรษะเล็กน้อยก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะคุณหมอเจ้าของไข้แจ้งว่าเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นระหว่างการรักษาเนื่องจากมีแมวส้มหลุดเข้ามากระโจนใส่เสาน้ำเกลือตกลงมาโขกใส่หัวผมจนฟื้นขึ้นมาเอง ทางโรงพยาบาลเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยลดค่ารักษาพยาบาลให้ 15 เปอร์เซ็นต์
ทางโรงพยาบาลพยายามเช็กข้อมูลเบื้องต้นด้วยทะเบียนรถกับทางขนส่ง จึงทราบชื่อ นามสกุลผม พอติดต่อไปที่ทำงานก็ได้ความว่าผมอาศัยอยู่คนเดียว และจนตอนนี้ก็ยังติดต่อญาติผมไม่ได้ แต่มีคุณลุงคนหนึ่งจากที่ทำงานมาเยี่ยม เขาเอาโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าสตางค์มาให้
ผมพยายามถามคุณหมอเรื่องเพื่อนผมที่เดินทางมาด้วยกัน เรายังไปกินข้าวด้วยกันอยู่เลย แต่คุณหมอยืนยันว่ามีผมคนเดียวตอนประสบอุบัติเหตุ หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะนอนหลับมานาน จึงทำให้สับสนระหว่างความฝันและความจริง หมอจึงให้ผมนอนพักต่อไปก่อน เดี๋ยวตอนเย็นก็น่าจะดีขึ้นแล้วหมอจะมาดูอาการอีกครั้ง ว่าแล้วหมอกับพยาบาลก็จากไป
บรรยากาศภายในห้องกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง มีเพียงเสียงเข็มนาฬิกาข้างกำแพงที่เดินเป็นจังหวะ กับเสียงเครื่องวัดชีพจรเป็นเพื่อน ผมรู้สึกได้ถึงลมเย็นที่มาจากเครื่องปรับอากาศ ร่างกายผมดูเป็นปกติแต่ทำไมมันช่างรู้สึกเหงาเช่นนี้ ผมต้องไปสัญญาอะไรกับใครไว้แน่ๆ
ตอนเย็นผมกินข้าวได้เอง พยาบาลแจ้งว่าค่าเลือดที่เอาไปตรวจทุกอย่างก็ดูปกติดี ผมเริ่มจำได้ว่าตัวเองเป็นใคร ทำงานที่ไหน และกำลังเป็นห่วงกระบองเพชรของผม ผมขอคุณหมอถอดสายน้ำเกลือแต่คุณหมอบอกถ้าอาการดีขึ้นอย่างนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้หมอเช็กแล้วน่าจะกลับบ้านได้ ตอนนี้ให้ใส่สายน้ำเกลือไปก่อน ผมรับคำ
ทำไมดวงจันทร์คืนนี้ดูแปลกตา ดูไม่สุกสกาวหมือนเช่นเคย ผมเริ่มกลุ้มใจถึงเรื่องต่างๆ ค่าผ่อนบ้านเอย ค่าซ่อมมอเตอร์ไซค์เอย ค่ารักษาพยาบาลเอย และเรื่องปัญหาที่ทำงานที่ผมลืมไปเสียสนิท ความกลุ้มใจต่างๆ เข้าโจมตีผม ผมต้องเอาผ้าคลุมโปงเพื่อข่มตาให้นอนหลับ อย่างเดียวที่ผมยังได้ยินคือเสียงจิ้งหรีดที่เล่นกันอยู่ข้างนอกโรงพยาบาล เสียงร้องที่น่ารำคาญนั้นลอดผ่านหน้าต่างเข้ามา แต่น่าแปลกใจว่าทำไมเสียงที่น่ารำคาญนั้นกล่อมผมให้หลับอย่างง่ายดาย
เช้าวันต่อมาก็มีข่าวดีคือคุณหมออนุญาตให้ผมกลับบ้านได้ ผมเตรียมตัวรีบเก็บข้าวของที่มีอยู่น้อยนิด ดีใจนั่งรอจัดการเอกสารต่างๆ โดยมีเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องสุดท้าย
ตอนนี้ผมอารมณ์ดีแล้วเพราะจำได้ว่าต้นยิมโนด่างของผมออกดอก เรื่องงานยังคิดไม่ตกก็พักไว้ก่อนละกัน กลับบ้านก่อนดีกว่าจะได้ไปหาอะไรอร่อยๆ กิน ไม่นานนักฝ่ายการเงินเดินก็เข้ามา ให้เซ็นเอกสารเพิ่มเติม ผมพยายามหาชื่อคุณยายที่เซ็นรับรองค่ารักษาให้ผมจะได้ไปขอบคุณทีหลัง เจอแล้ว!
“ยาย…”
เป็นลายมือตัวโตๆ เขียนไม่ค่อยสวย อ่านไม่ค่อยออก ผมงง มีด้วยเหรอคนชื่อยาย แล้วเราจะรู้ไหมเนี่ยว่าใคร ยายแกคงเขียนหนังสือไม่ถนัดละมั้ง
“คุณน้ำปิงคะ ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด 17,800 บาทค่ะ ส่วนลด 15 เปอร์เซ็นต์ เป็นเงิน 15,130 บาท ไม่ทราบว่าคุณน้ำปิงจะจ่ายหรือรอให้คุณยายมาจ่ายดีคะ”
ผมเหงื่อแตก ลองคิดดูถึงแม้จำนวนเงินจะเยอะ เยอะมาก ซื้อของได้ตั้งเยอะ เดี๋ยวๆ ผิดเรื่องแล้ว แค่คุณยายมีน้ำใจกับผมก็ขอบคุณมากแล้ว ก็ถือว่าฟาดเคราะห์ไปละกัน
“เอ่อ มีผ่อนไหมครับ” ผมตอบด้วยน้ำเสียงสั่นๆ พร้อมยื่นบัตรเครดิตที่วงเงินเกือบเต็มให้เจ้าหน้าที่
และแล้วผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาลแบบตัวเบาหวิว
“โถ่ หมดกันลูกพ่อ” รถมอเตอร์ไซค์สุดรักผมล้มไฟข้างแตก สีถลอกอีกหลายจุด ที่สำคัญหมวกกันน็อกราคาแพงของผมก็หายไปด้วย เฮ้อ ทำไมซวยอย่างนี้นะไอ้น้ำปิง ผมพูดพร้อมขึ้นมอเตอร์ไซค์แล้วก็ขี่ออกไป
ระหว่างทางกลับบ้านผมวิ่งผ่านถนนเลียบแม่น้ำสายหนึ่ง จะว่าเป็นเพราะถนนสะอาดก็ไม่น่าจะใช่ วิวแม่น้ำก็ดูธรรมดา แต่ทำไมผมรู้สึกประทับใจเหลือเกิน ระหว่างรถจอดรอไฟแดงผมก็เห็นป้ายขนาดมโหฬารเขียนว่า ‘ซ้อพิ้งค์รักทุกคน ปีที่ 8’ ผมกลั้นขำแทบไม่ทัน แต่ร้านค้าก็ดูขายดีมีควันย่างโขมงที่หน้าร้าน ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
“ตี๋ เอาไก่มาสี่ไม้ ลูกค้าประจำมาแล้ว”
“ครับๆ เจ๊ ได้แล้วครับ” คนปิ้งไก่รีบหยิบไก่ย่างไม้โตที่สุด 4 ไม้ใส่จานไปให้เจ้าของร้าน
เออ น่ากินแฮะ เดี๋ยววันหลังมาแวะกินดีกว่า ไฟเขียวรถข้างหลังบีบแตรใส่ผม ผมหันไปเห็นป้าย ‘สาย 8’ ผมขอโทษและหลบทางให้ คนขับรถสองแถวสีแดงก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมมีเสียงผู้โดยสารกรีดร้องมาจากด้านหลัง
ผมขับต่อไปไม่นานก็เจอวัดแห่งหนึ่ง จึงตัดสินใจจอดรถและเข้าไปทำบุญสักหน่อย ว่าแต่ทำไมวัดนี้ให้ความคุ้นเคยหลายๆ อย่างที่ผมบอกไม่ถูก ผมเจอเณรน้อยกำลังกวาดลานวัดอยู่ เลยถามหาพระเพื่อถวายสังฆทาน เณรวางไม้กวาดลงแล้วชี้ทางไปยังกุฏิหลวงลุงซึ่งเป็นเจ้าอาวาส พอผมไปถึงกุฏิก็เห็นว่ามีแขกอยู่หลายคน จึงยืนรออยู่ทางด้านล่าง ไม่นานนักแขกก็ขอตัวลากลับ
“ปะ เรากลับกันได้แล้วส้มจุก ไหว้ลาครูกับผอออด้วยนะ” เสียงคุณยายคนหนึ่งดังขึ้น
“หนูขอตัวลากลับแล้วนะคะ” ตามมาด้วยเสียงหญิงสาว
“รีบๆ กลับมาสอนหนูนะคะครูพิมพ์”
“ไม่ต้องห่วงทางนี้นะครูพิมพ์ เดี๋ยวผอออดูแลเอง ครูก็ตั้งใจสอบล่ะ ทางสังกัดโรงเรียนเราจะได้มีชื่อเสียง”
“ขอบคุณค่ะผอออ”
พอผมหันไปเห็นครูสาวนี่แทบหยุดหายใจ เธอสวยหมดจดจนทำให้ผมตาค้าง สักพักเธอก็ยิ้มและโค้งให้ผมพร้อมเอามือหนึ่งทัดผมที่หู ริมฝีปากสีชมพูกับรอยยิ้มนั้นทำให้โลกทั้งใบของผมหยุดหมุน
“ลุงๆ ขอรองเท้าหนูหน่อย แบนแล้ว” เสียงเด็กน้อยทำลายเวลาโรแมนติกนั้น
“โอ๊ะ ขอโทษครับๆ” ผมกระโดดถอยไปด้านหลังขอโทษขอโพยแต่ยังชำเลืองมองคุณครูคนนั้นอยู่
ครูสาวหัวเราะคิกคัก ส้มจุกสวมรองเท้าตัวเองเสร็จก็หยิบรองเท้าไปให้ยาย ส่วน ผอ.ก็เดินเข้ามาตบไหล่ ผมยิ้มให้ แล้วทุกคนก็เดินจากไป ส่วนผมก็ยืนมองจนครูสาวลับตาไป
“อ้าว แล้วนั่นจะไม่ขึ้นมาเหรอ” เสียงหลวงลุงดังขึ้นหลังจากที่ผมยืนค้างอยู่ตรงนั้นสักครู่
“ครับๆ มาแล้วครับๆ”
พอผมเจอหลวงลุง เลยคุยกับท่านสักพักและเล่าให้ท่านฟังว่าผมประสบอุบัติเหตุและหมดสติไปนานถึง 1 สัปดาห์ แต่หลวงลุงไม่ตอบอะไร ผมขอทำบุญถวายสังฆทานเพื่อสะเดาะเคราะห์ แต่ตอนผมลากลับท่านก็พูดว่า
“ถ้าหาอะไรไม่เจอก็ให้อธิษฐานนะ” หลวงลุงยิ้มให้
“ขอบคุณมากครับ” ถึงผมจะไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงอะไร แต่ก็รู้สึกยินดีจริงๆ
พอลงจากกุฏิมา มองไปก็เห็นแม่น้ำสวยสะอาดไหลผ่าน มีศาลาริมน้ำตั้งอยู่หลังหนึ่ง ระหว่างทางผมได้กลิ่นดอกปีบหอมคลุ้งลอยมากับสายลมทำเอาใจผมเคลิ้ม ผมเห็นหมาแมว 4 ตัว กำลังกินไก่ย่างไม้สีชมพูอยู่ในศาลานั้น น่าแปลกเพราะธรรมดาผมไม่ชอบสัตว์แต่นี่กลับไม่รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด
หมาสีดำตัวใหญ่สุดเดินเข้ามาดมๆ ผม หมาตัวเล็กอีกสองตัวก็วิ่งวนไปวนมา ที่แปลกสุดคือแมวสามสีตัวนั้น เขาคาบไก่ย่างที่เหลืออยู่ครึ่งหนึ่งมาวางที่เท้าผม แล้วพวกมันทั้ง 4 ตัวก็วิ่งหนีไป
ผมถือไก่ย่างนั้นขึ้นมาหัวเราะกับตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่มีแมวให้อาหารเรา แต่ทำไมนะที่แห่งนี้ แม่น้ำสายนี้ ทำให้ผมรู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่างที่สำคัญมากไป
ผมกลับมาถึงห้องเป็นเวลาโพล้เพล้ แสงจากดวงอาทิตย์ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้ม ผมเก็บจดหมายต่างๆ ขึ้นจากพื้นแล้วทิ้งตัวลงนอนที่เตียง รู้สึกไม่คุ้นตากับวิวนอกห้องทั้งๆ ที่อยู่มาหลายปี เท่านั้นแหละผมก็ต้องกระโดดผึงออกจากเตียง เปิดประตูออกไปไล่แมวนอกห้อง
“ไปนะ เจ้าแมว ทำกระถางยิมโนด่างแตกหมดแล้ว” ผมคุกเข่าลงโกยเศษกระถางกระบองเพชรขึ้นมา โกรธที่ของสำคัญตัวเองแตกสลาย ไอ้แมวลายขาวดำข้างห้องมันชอบมาป้วนเปี้ยนที่ระเบียงห้องผม หลายครั้งที่ผมเกือบจะทะเลาะกับข้างห้องเพราะแมวตัวนี้
แต่เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมา แมวลายขาวดำตัวนั้นก็กลายเป็นสีส้มจากแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์ก่อนลับขอบฟ้าไป น้ำตาผมไหลออกมาอย่างไม่รู้ตัว ผมจำได้แล้ว มีบางอย่างที่ผมลืมไปจริงๆ อะไรบางอย่างที่สูญหายไป ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ค้างคา
ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว ไม่มีแมวอยู่ตรงนั้น แต่ผมยังนั่งอยู่บนพื้น คิดอะไรไม่ออกทำอะไรไม่ถูก นึกถึงแต่คำของหลวงลุง
‘ถ้าหาอะไรไม่เจอก็ให้อธิษฐานนะ’
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 11 : รถเมล์สายแปด (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 10 : คิวต่อไป
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 9 : ลิ้นแมว (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 9 : ลิ้นแมว (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 8 : ข้าวแมวต้องบี้ให้ละเอียด (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 8 : ข้าวแมวต้องบี้ให้ละเอียด (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 7 : ไม้เสียบไก่สีชมพู (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 7 : ไม้เสียบไก่สีชมพู (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 6 : ตัวแสบและผองเพื่อน
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 5 : ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 5 : ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 4 : สมาคมหมาแมว (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 4 : สมาคมหมาแมว (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 3 : อะไรที่พยายามไขว่คว้า (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 3 : อะไรที่พยายามไขว่คว้า (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 2 : ฝันประหลาด (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 2 : ฝันประหลาด (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 1 : ภาพที่งดงามไม่มีวันลืม (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 1 : ภาพที่งดงามไม่มีวันลืม (1)