ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 8 : ข้าวแมวต้องบี้ให้ละเอียด (2)

ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 8 : ข้าวแมวต้องบี้ให้ละเอียด (2)

โดย : หมอนอิงพิงหลัง

Loading

ถนนสายนี้มีแมวเหมียว โดย หมอนอิงพิงหลัง นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาขอเอาใจนักอ่าน โดยเฉพาะนักอ่านทาสแมว กับเรื่องราวของ น้ำปิง  เจ้าพ่อแห่งความเพอร์เฟคที่โดนวงล้อโชคชะตาเล่นตลกและแมวสามสี….ที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับเรื่องราวสารพัดจนเขาหลงรักชีวิตแบบแมวๆ เข้าอย่างจัง น้ำปิงกับถนนสายแมวเหมียวจะเป็นอย่างไร อ่านกันได้เลยค่ะ

และแล้วเราก็มาถึงยูโทเปียกันจนได้ แม้จะมีอุปสรรคนิดหน่อยคือผีโบกแขนที่สปีดวิ่งหนีไปหลายที แต่ก็ไม่แย่เท่าตอนที่ผ่านหน้าร้านซ้อพิ้งค์ เหมือนทุกตัวจะลืมไปว่าเราจะมาทำอะไรกัน ต่างก็พุ่งเข้าไปหาตี๋ที่หน้าร้านซ้อพิ้งค์กันหมด อาตี๋ก็โบกมือไล่แล้วไล่อีกจนเผลอทำไก่ไหม้ไปหลายไม้ สุดท้ายก็ไม่มีใครยอมฟังแม้ว่าเมื่อเช้าก็ได้กันไปแล้วคนละไม้ ตี๋ต้องเอาไก่ตรงหน้าแจกพวกนั้นแล้วก็ควักเงินตัวเองจ่าย นี่เองที่เป็นสาเหตุให้พวกนี้มีไก่กินทุกวัน ผมก็ได้แต่อนุโมทนาไปกับตี๋ด้วย

แสงไฟวูบวาบส่องอยู่บนเสาหมุนไปมาเรียกความสนใจหมาแมว ไมเคิลและผองเพื่อนอ้าปากค้างประทับใจ นี่หรือคือสัญลักษณ์ของยูโทเปีย

“เอ่อ นั้นมันป้ายร้านตัดผมเฉยๆ” ผมเริ่มปวดหัวนิดๆ นี่มันเวลากลางวัน จะมีร้านเปิดก็ไม่กี่ร้าน แต่ก็เป็นเวลาที่ดีเพราะหมาแมวเยอะแยะขนาดนี้ ถ้ามาเดินเพ่นพ่านตอนตลาดเปิดน่าจะโดนไล่ตะเพิดเอา ผมมองซ้ายขวาหาเส้นทางที่น่าจะพาเดิน เดี๋ยวเราน่าจะไปตรงร้านข้าวมันไก่ตรงมุมโน้นก่อน แล้วก็ไปต่อร้านข้าวหมูแดงข้างร้านกล้วยแขก ถัดไปเป็นร้านเย็นตาโฟ เอาละเริ่มเดินเลยดีกว่า

 

ขบวนหมาแมวเริ่มเดินตรวจชมงานแสดงสินค้า ผมเริ่มแนะนำทีละร้าน ร้านแรกข้าวมันไก่ อาเฮียที่เป็นเจ้าของร้านทนสายตากลุ่มผู้ตรวจงานจ้องมองไม่ไหวจึงสั่งเด็กในร้านเอาโครงไก่ที่เหลือๆ มาแจกจ่าย หลังจากที่พวกนั้นกินหมดก็เริ่มติชม

“เนื้อไก่นี่ชุ่มฉ่ำใช้ได้เลยนะ แต่หนังยังไม่เด้งเท่าร้านดังตรงท่าน้ำ แต่กระดูกกรอบหวานมาก ถูกใจ ผมให้สี่ดาว” ลุงจอน

“เครื่องเทศไม่สมดุล หนักไปทางกระเทียมเยอะรากผักชีน้อย ถึงกลิ่นละมุนแต่อะโรมาติกยังบางไปหน่อย รสชาติพอใช้ได้ครับ ผมให้สามดาว” สปีด

“โครงไก่หวานใช้ได้ไม่มีติ เนื้อที่ติดก็ชุ่มฉ่ำ ข้าวมันก็นิ่มกำลังดีไม่หนักกระเทียมจนเกินไป ผมว่าอนาคตไปได้ไกล ให้สี่ดาวครึ่ง” ช็อกบอล

“ไก่ต้มเนื้อนุ่มหนาหนังกรุบ บ่งบอกถึงความพิถีพิถันและเอาใจใส่ของพ่อครัว ร้านจัดแต่งสวยงามมีกล่องให้นั่งเล่นเยอะ แถมมีกระสอบฝนเล็บไว้ไห้อีกหลายจุด ผมให้ห้าดาว” ไมเคิล

โอ้โห! นี่นิสัยเปลี่ยนไปเลยนะพวกเธอ ได้กินไก่ย่างดีๆ ไม่กี่วันเนี่ยนะ นี่หมาแมวหรืออาจารย์นักชิมมาจัดรายการกันแน่เนี่ย ถ้ามีถ่ายรูปอัดวิดีโออีกหน่อยก็สร้างคอนเทนต์ได้เลย จะพาพวกมันเดินไปร้านต่อไปดีไหมเนี่ย ผมเริ่มกังวล

 

ตลอดเส้นทางในตลาด คนขายแต่ละร้านก็ใจดีให้ของกินมามากมาย ไก่ต้ม หมูแดง หมูกรอบ กระดูกหมูเล้ง ลูกชิ้น ปลาหมึกย่าง สารพัดอย่าง นักชิมแต่ละคนก็วิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา

“น้ำปิง ขอบคุณนะวันนี้ไมเคิลสนุกมากเลย สมแล้วที่เป็นยูโทเปีย ดินแดนสวรรค์ตามบันทึกของแมวนักเดินทาง” ไมเคิลพูดพลางเลียขนทำความสะอาดตัวเอง

“ใช่ๆ นี่ถ้าไม่ใช่ว่าพวกลุงจอนกับน้ำปิงอาศัยอยู่ที่อีกฝั่งของแม่น้ำนะ ผมก็จะไม่กลับไปแล้วละ” ช็อกบอลส่ายหางจนก้นสั่นเป็นจังหวะ

สปีดยังง่วนกับการหาที่ฝังกระดูกอยู่ตั้งแต่เมื่อตะกี้ แม้ว่าลุงจอนจะบอกให้กินเข้าไปเถอะ แต่สปีดยืนยันว่ากระดูกร้านเล้งนี่สุดยอดมาก ต้องเก็บเอาไว้เผื่อกินในวันข้างหน้าที่อดอยากอีก

“ฮ่าๆ นี่ยังน้อยนะ จริงๆ มีอาหารมากกว่านี้อีก แต่พวกเราต้องมากันตอนเย็น ยังมีร้านเฟรนช์ฟรายส์เขย่าผง ทาโกะยากิ ไส้กรอกอีสาน สายไหม ป๊อปคอร์น ไก่ทอดชีส เนื้อแดดเดียว อีกมากมายเลยละ” ผมพูดออกไปโดยไม่รู้ว่าพวกเราจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก

 

อยู่ๆ ไมเคิลก็ล้มลง และเริ่มอาเจียนจนหมดแรง

“ไมเคิลเป็นอะไรๆ” ทุกคนถามอย่างแตกตื่น

“หนาวๆ ไมเคิลหนาวมากเลย หนาวมาตั้งแต่เช้าแล้ว” ไมเคิลตอบเสียงอ่อน

“ตั้งแต่ที่ไปนั่งในกล่องเมื่อเช้าน่ะนะ” ผมถาม

“อื้อ จริงๆ ตั้งแต่เมื่อวานกลางคืนแล้วละ”

“แล้วทำไมไม่รีบบอกน้ำปิงล่ะ แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้าง” ผมลืมไปว่าตัวเองก็เป็นแมว ถึงรู้ไปก็ไม่สามารถทำอะไรได้

“มันปวด เกร็งที่ท้องไปหมด หนาวๆ”

ผมจับท้องไมเคิลดูเย็นเฉียบ อาการแบบนี้ไม่น่าจะเกิดจากการกินอะไรเสียเข้าไปแล้วละ แล้วตอนนี้เราจะทำอย่างไรดี ทุกคนก็ปั่นป่วนวิ่งกันทั่วไปหมด

มีรถตู้วิ่งมาจอดที่อีกฟากของถนน ผมเห็นครูพิมพ์ใจลงจากรถมากับผู้หญิงอีกสองคนน่าจะเป็นเพื่อนเขา ผมจึงตัดสินใจวิ่งข้ามถนนไปหาครู

เอี๊ยด เสียงเบรกดังสนั่น

“ปัดโถ่เอ้ย ไอ้แมวบ้า ข้ามถนนไม่ดูรถเลย”

แต่ผมไม่สนอะไรแล้ว ผมรีบวิ่งข้ามต่อไปหาครูพิมพ์ใจแล้วเล่าอาการของไมเคิลให้ฟัง

“แง้วๆ เมี้ยวๆๆ เงี้ยว แง้วๆๆ”

“อะไรทองแต้ม ใจเย็นนะ แล้วนี่มาอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย” ครูกำลังจะอุ้มผมขึ้น แต่ผมกระโดดถอยหลังหนี แล้วเข้าไปงับเชือกผูกรองเท้าครู จะดึงให้ครูข้ามไปยังอีกฝั่งของถนน

“อ้าวนั่นส้มจี๊ดนี่ ทำไมนอนอยู่ที่พื้นอย่างนั้นล่ะ” ครูพิมพ์และเพื่อนๆ รีบข้ามถนนไปดูอาการแมวตัวนั้น

 

ทุกคนช่วยกันดูไมเคิลและค้นหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต สักพักเพื่อนครูพิมพ์ก็ไปโบกเรียกรถให้

“ตัวสั่นเกร็งไปหมดเลย น้ำลายฟูมปากด้วย เดี๋ยวฉันพาแมวไปหาหมอก่อนนะ พวกเธอกินข้าวไปเลยนะไม่ต้องรอ” ครูพิมพ์บอกเพื่อนๆ ขณะอุ้มไมเคิลไปขึ้นรถแท็กซี่

“ลุงแท็กซี่คะ รู้จักร้านหมอรักษาสัตว์แถวนี้บ้างไหม” ลุงขับแท็กซี่รู้ทางบอกว่าอยู่ไม่ไกล ครูพิมพ์จึงขึ้นไปบนรถและหันมาหาผม

“ทองแต้มไปกับครูด้วยไหม”

ผมรีบบอกให้ลุงจอนช่วยพาสปีดกับช็อกบอลกลับไปวัดเองก่อน เดี๋ยวตอนเย็นๆ จะตามไปหา แล้วผมก็กระโดดขึ้นรถไปกับครูพิมพ์

 

ระหว่างทางไปคลินิกสัตว์ไมเคิลหลับตลอดทาง ผมพยายามเรียกเท่าไรก็ไม่รู้สึกตัว นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เมื่อเช้าเราก็ยังเล่นกันอยู่เลย หรือว่าไมเคิลกินอะไรผิดปกติเข้าไป แต่เราก็กินเหมือนกันทุกอย่างเลยนะ ผมคิดวนเวียนกังวลเรื่องไมเคิล ส่วนครูพิมพ์ก็โทร.ติดต่อทางโรงเรียนเพื่อแจ้งยายคำมูลว่าเจ้าส้มจี๊ดป่วยต้องไปคลินิกสัตว์

หลังจากไมเคิลถูกเจาะเลือดและกำลังรอผลตรวจ ยายคำมูลจูงส้มจุกเดินเข้ามา ส้มจุกกำลังดูดนมโรงเรียนอย่างสบายใจไม่รู้เรื่องราวอะไร เธอสวัสดีครูพิมพ์แล้วรีบวิ่งเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างๆ ผม

“ครูพิมพ์ ไอ้ส้มจี๊ดมันเป็นยังไงบ้าง” ยายคำมูลถามด้วยความเป็นห่วง

“ยายคำมูลสวัสดีค่ะ ตอนนี้ยังไม่รู้เลยค่ะ หมอตรวจแล้วแต่บอกให้รอผลเลือดก่อน” แล้วครูพิมพ์ก็เล่าเหตุการณ์ให้ยายฟังว่าไปเจอพวกผมที่ไหน ส้มจี๊ดเป็นอะไร ยายหันมามองหน้าผมเหมือนรู้ว่าผมเป็นหัวหน้าแก๊งทัวร์

“เจ้าของส้มจี๊ด เชิญที่ห้องตรวจค่ะ” คุณหมอผู้หญิงมีสีหน้าไม่ค่อยดีเรียกยายและครูพิมพ์เข้าไปที่ห้อง ส้มจุกอุ้มผมเดินตามเข้าไปด้วย

 

ผมเห็นพยาบาลอุ้มไมเคิลออกมาใส่ไว้ที่กรงสัตว์ป่วย ที่แขนเขามีผ้าพันไว้อยู่ ไมเคิลนอนสะลึมสะลือ ลืมตาดูผมระหว่างที่พยาบาลอุ้มไป

“ผลการตรวจแอนติเจนน้องเป็นไข้หัดแมวนะคะ หมอส่งตัวอย่างเลือดไปตรวจที่โรงพยาบาลสัตว์ในตัวเมืองจะได้ผลพรุ่งนี้ค่ะ

“หัดแมวเหรอคะ อาการเป็นยังไงคะ” ครูพิมพ์ถาม

“โรคหัดแมวบางคนก็เรียกว่าพาโวค่ะ น้องจะมีไข้ ซึม เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสียเป็นเลือด ในแมวเด็กก็จะถึงแก่ชีวิตได้ง่ายหากไม่ได้วัคซีนตั้งแต่เล็ก แต่ส้มจี๊ดเขาโตแล้วหมอก็ให้เกลือแร่และฉีดยาลดไข้ให้ แต่ถ้าพรุ่งนี้อาการไม่ดีขึ้นต้องมาฉีดยาอีกนะคะ ไม่ทราบว่าส้มจี๊ดเขาเคยได้ฉีดวัคซีนไว้ไหมคะ” คุณหมอถามกลับ

“เขาเป็นแมวจร ผ่านมาอยู่บ้านยายได้สามสี่วันเองจ้ะ” ยายมีสีหน้ากลุ้มใจ

“ถ้าอย่างงั้น คงต้องดูอาการกันวันต่อวันนะคะ เนื่องจากน้องยังไม่เคยได้รับวัคซีนตั้งแต่เด็ก แล้วอีกตัวหนึ่งได้ฉีดวัคซีนหรือยังคะ โรคนี้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงติดกันได้ง่าย”

“ทองแต้มเขาฉีดแล้ว ส้มจุกเป็นคนฉีดให้เอง ส้มจุกเล่นเป็นหมอส่วนทองแต้มเล่นเป็นคนไข้” ส้มจุกโพล่งพูดขึ้นมา

“ฉีดแล้วจ้ะหมอ” ยายตอบหมอพร้อมลูบหัวหลาน คุณหมอก็ยิ้มให้ส้มจุก

“ยังไงถ้าอาการไม่ดีขึ้น หมอแนะนำส่งไปโรงพยาบาลในตัวเมืองนะคะ แต่ก็มีค่าใช้จ่ายอยู่ค่ะคุณยาย” คุณหมอพูด

“ยายไม่มีสตางค์หรอกจ้ะหมอ ทุกวันนี้ก็พอมีพอกินได้เท่านั้น”

“ให้หนูช่วยนะคะยาย” คุณครูพิมพ์เอ่ยขึ้นมา

“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณครู ยายเกรงใจ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ยายจะบอกนะ” ยายยิ้มให้แล้วก็เดินออกไปนอกห้องตรวจ

ยายจ่ายสตางค์ค่ารักษาเสร็จเราก็กลับบ้านกัน ผมกับครูพิมพ์แอบเห็นในกระเป๋าสตางค์ยายไม่มีสตางค์เหลือเลย ครูพิมพ์เลยเสนอจะให้แท็กซี่ไปส่งและบอกว่าตัวเองต้องผ่านทางนั้นอยู่แล้ว ยายก็ขอบใจคุณครูมาก ส้มจุกดีใจที่ได้กลับบ้านกับครูพิมพ์เลยไปนั่งตักครูตอนทาง ผม ยาย กับไมเคิลนั่งอยู่เบาะหลัง

 

พอรถแท็กซี่จอดที่หน้าบ้านยาย ครูพิมพ์ค่อยๆ อุ้มไมเคิลที่ไร้เรี่ยวแรงลงไปส่ง ไมเคิลที่ตัวสั่นด้วยพิษไข้นอนอยู่บนแคร่ ผมกระโดดขึ้นไปอยู่ข้างๆ ลูบหัวไมเคิล

“น้ำปิงพาไมเคิลไปด้วย ยูโทเปียตอนกลางคืน” ไมเคิลงึมงำละเมอออกมา

ผมเจ็บแปลบเข้าไปข้างใน นี่ไมเคิลป่วยหนักขนาดนี้ได้อย่างไร เขาอยู่ข้างๆ ผมแท้ๆ ทำไมถึงไม่เคยสังเกตเห็น นี่แสดงว่าทุกวันที่ผ่านมาไมเคิลพยายามทำตัวสดชื่นเสมอมาเหรอ งั้นเมื่อเช้าที่ไมเคิลไม่เดินบนกำแพงก็เพราะกระโดดไม่ไหวสินะ แล้วที่กินข้าวเหลือก็เป็นเพราะว่าเบื่ออาหารเพราะเขาเริ่มมีอาการป่วยแล้วใช่ไหม แล้วที่ไมเคิลมานอนขดข้างผม ก็คือเขาพยายามจะบอกว่าเขาไม่สบายตัวมาสักพักแล้วใช่ไหม ทำไมเราไม่ดูให้ดี ความคิดต่างๆ นานาพรั่งพรูเข้ามาจนมาถึงจุดที่ว่าผมจะเสียเพื่อนคนนี้ไปไหม

 

พอคุณครูกลับไป ยายก็จัดหาที่นอนให้ไมเคิลแล้วให้ส้มจุกเป็นพยาบาล คืนนี้ยายเตรียมน้ำข้าวต้มให้แมวป่วยกิน ยายหุงข้าวด้วยน้ำน้อยๆ ค่อยๆ คนบนไฟอ่อนๆ ต้มจนข้าวกลายเป็นน้ำข้น จากนั้นก็เอามาตั้งพัดจนเย็นก่อนเอาไปค่อยๆ หยอดให้ไมเคิลกิน ยายบอกว่าสูตรน้ำข้าวต้มนี้เป็นของยายทวดที่ทำให้กินเสมอเวลายายท้องเสียเป็นไข้ไม่สบาย ส่วนผมก็ทำได้แต่นอนดูอยู่ข้างๆ

ไม่นานนักไมเคิลก็รู้สึกตัว พอเขาเห็นผมเท่านั้นแหละ ก็พยุงตัวขึ้นมาและกระเถิบเข้ามานอนซุกที่ด้านข้าง

“น้ำปิง ไม่ต้องห่วงนะ ไมเคิลกินข้าวแล้วเดี๋ยวก็หาย”

“ดีขึ้นแล้วเหรอไมเคิล” ผมใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง เฮ้อ เป็นแมวนี่ไม่ง่ายเลยนะ นี่จะว่าชีวิตอิสระก็ใช่แต่พอถึงเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยเขาก็ทั้งกลัว หาอาหารกินเองไม่ได้ ลำบากกว่ามนุษย์มาก ยารักษาก็ไม่มี แต่ไมเคิลก็โชคดีนะนี่ ที่ตอนนี้มียาย ครูพิมพ์ ส้มจุก คอยช่วยดูแล

“งั้นพรุ่งนี้ดีขึ้นแล้วเราไปยูโทเปียอีกรอบกันนะ ไปตอนกลางคืนด้วยดีไหม” ผมถาม ไมเคิลก็พยักหน้านอนหลับอมยิ้ม

 

ในค่ำคืนนี้ ดวงจันทร์ดวงกลมดวงเดิมลอยต่ำโผล่ออกมาจากริ้วเมฆ เสียงพวกจิ้งหรีดเล่นกันนอกบ้านอย่างสบายใจ แม้อากาศเย็นสบายแต่ผมเหงานิดๆ เพราะไม่มีตัวยุ่งคอยกวน

ผมมองไมเคิลนอนหลับ หวังว่าพรุ่งนี้ไมเคิลจะดีขึ้น เราจะได้ไปผจญภัย เที่ยวยูโทเปีย และค้นหากุญแจกันต่อเหมือนอย่างเคย ผมทิ้งตัวลงนอนข้างไมเคิล ฝันว่าวันพรุ่งนี้จะมีความสุขเหมือนเดิม



Don`t copy text!