มนตร์เบญจรงค์ บทที่ 4 : ร่มบุญเรือนไทย

มนตร์เบญจรงค์ บทที่ 4 : ร่มบุญเรือนไทย

โดย :

Loading

มนตร์เบญจรงค์ เรื่องราวของน้ำทอง หญิงสาวอาศัยอยู่ในบ้านทรงไทยไม้สักทองหลังงามกลางสวน กับการได้ครอบครองเบญจรงค์โบราณลายเทพบุตรทรงกลมแป้นที่ได้มาในราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ และเบญจรงค์ใบนี้ทำให้เหตุการณ์ในบ้านอันสงบสุขของเธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นิยายออนไลน์ โดย จรัสพร ที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้ อ่านออนไลน์

…………………………………………

-4-

 

น้ำทอง ลุงตัน และป้ามาลีตื่นแต่เช้ามืดมาเตรียมจัดงานทำบุญประจำวันพระซึ่งจะจัดเดือนละครั้งตามความสะดวกของหญิงสาวเจ้าของบ้าน โดยนิมนต์หลวงตาและพระลูกวัดรวม 9 รูปเพื่อมาฉันเพล และสวดอุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณทั้งหลายที่อยู่ที่บ้าน ซึ่งถือเป็นกิจวัตรประจำที่ทำกันมาตลอด เรื่องพระนี่ต้องระบุว่าเป็นพระที่วัดเท่านั้น เพราะมีบางเดือนที่ติดกิจนิมนต์ที่อื่นไม่สามารถมาได้ น้ำทองให้ลุงตันไปนิมนต์พระวัดอื่นมา เหล่าวิญญาณก็ออกมานั่งรับบุญกันให้สลอน หากแต่พระนั่นแหละกลับเผ่นกันจีวรปลิว ตั้งแต่นั้นมาเป็นอันรู้กันว่า หากหลวงตาไม่ว่างก็ให้เลื่อนไปวันพระหน้า ห้ามนิมนต์พระวัดอื่นมาแทนเด็ดขาด

ลุงตันไปเก็บมะพร้าวมาปอกแล้วผ่าวางไว้ข้างกระต่ายขูดมะพร้าวในเรือนครัว แม่เมขลาก็ออกมานั่งขูดมะพร้าวอย่างอารมณ์ดี แม่ช้อยนางรำก็ออกจากต้นช้อยนางรำมาโขลกน้ำพริกแกงให้ป้ามาลี แม่บัวออกมาจัดดอกไม้ เตรียมพวงมาลัยถวายพระ แม่บัวบรรจงกรีดดอกจำปาร้อยมาลัยสร้อยสนอย่างงดงาม ทั้งผีทั้งคนร่วมมือร่วมแรงกันจัดอาหารและสถานที่เพื่อทำบุญกันจนเสร็จเรียบร้อยด้วยเวลาไม่นานนัก อาหารทั้งคาวหวานจัดใส่สำรับมีฝาปิดเรียบร้อยแบ่งเป็นสามวง ลุงตันปูเสื่อสาด ตั้งอาสนะ และนำพระพุทธรูปรวมถึงอัฐิของบรรพบุรุษออกมาจากหอพระ และไม่ลืมที่จะนำโถเบญจรงค์ออกมาตั้งให้หลวงตาอุทิศส่วนกุศลผลบุญให้ด้วย

พ่ออินที่อยู่ในรูปเทพบุตรหน้าโถ ส่ายตาล่อกแล่กอย่างงุนงงที่ได้เห็นเหล่าผีสาวออกมาร่วมแรงร่วมใจกันจัดงานบุญ นับตั้งแต่กลับมาจากกาญจนบุรี เขาก็ได้สื่อสารกับน้ำทองบ้างผ่านหน้าเทพบุตรที่เขาสิงสถิตอยู่  เขาไม่สามารถบอกอะไรหญิงสาวได้มากไปกว่าแค่เขารู้ว่าเขาถูกฆ่าตายและวิญญาณถูกจองจำอยู่ในโถนี้เท่านั้น สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือได้อยู่กับแม่จันทร์ หญิงคนรักของเขาที่ตอนนี้ถูกจองจำไว้ในโถอีกใบหนึ่ง น้ำทองก็รับปากว่าจะหาทางช่วยวิญญาณพ่ออินและแม่จันทร์ให้พ้นจากความทุกข์ทรมานเร็วที่สุด

“พ่ออิน วันนี้ฉันจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พ่ออินนะจ๊ะ ขอให้รับบุญให้อิ่มหนำ อีกไม่นานเราจะไปทำพิธีปลดปล่อยวิญญาณพ่ออินและแม่จันทร์กัน” น้ำทองบอกกับพ่ออินที่หน้าโถเบญจรงค์

“ขอบน้ำใจแม่มากนักแม่น้ำทอง” วิญญาณพ่ออินกล่าวกับหญิงสาว เขาเองก็อยากจะหลุดพ้นไปจากสภาพนี้มากที่สุด มันทรมานเขามานับร้อยๆ ปี ไม่มีโอกาสที่จะได้เห็นหรืออำลาบุพการีในวันที่ต้องจากโลกนี้ไปสู่ภพภูมิของวิญญาณที่ถูกจองจำมานานแสนนานราวกับไม่มีวันจะหลุดพ้นไปได้

นาฬิกาที่หอกลางตีบอกเวลาสิบนาฬิกา รถตู้ที่น้ำทองว่าจ้างไปรับพระก็เลี้ยวเข้ามาในบริเวณบ้าน ลุงตันกระวีกระวาดออกไปนิมนต์หลวงตาเข้ามาที่หอกลาง ป้ามาลียกกาน้ำชามาวางเตรียมประเคนถวายหลวงตา น้ำทองนั่งพนมมือรอรับหลวงตาอยู่ใกล้ๆ มุมที่ตั้งพระพุทธรูป หญิงสาวสวมเสื้อลูกไม้ถักมือสีขาวนุ่งผ้าซิ่นหมักโคลนย้อมครามลายนาค ผมเกล้ามวยเปิดหน้าผากนูนสีน้ำผึ้งนวลเนียน เหล่าวิญญาณต่างรวมกลุ่มนั่งพนมมือกันอยู่ตรงมุมห้อง

หลวงตาเดินนำพระลูกวัดเข้ามาในหอกลาง ครั้งนี้มีพระบวชใหม่มาหนึ่งรูปซึ่งหลวงตาก็ได้บอกกล่าวบ้างแล้วว่ามาบ้านนี้จะเจออะไร ทำให้ภิกษุรูปนั้นออกอาการหวาดระแวงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อหันไปเห็นเหล่าผีสาวแต่งตัวสวยมานั่งพนมมือกันเต็มไปหมด ที่สยองกว่านั้นคือแม่เอื้องคำ ช่างฟ้อนที่ไม่สามารถพาร่างมาได้ก็ได้แต่พนมมืออวดเล็บสีทองยาวเฟื้อย ดูโดดเด่นเป็นสง่า หลวงตาส่งสายตาปรามไปยังพระบวชใหม่ไม่ให้หวาดกลัวกับเหล่าวิญญาณที่ได้เห็น แล้วจึงหันมาพูดคุยกับน้ำทอง

“นมัสการเจ้าค่ะหลวงตา วันนี้มีมาใหม่หนึ่งราย เป็นผู้ชายเจ้าค่ะ ชื่อพ่ออิน โดนจองจำอยู่ในโถเบญจรงค์ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ดิฉันเลยอยากให้หลวงตาช่วยอุทิศบุญพอให้คลายจากความทุกข์ทรมานและความอดอยากหิวโหย ตอนนี้ดิฉันกำลังจะหาทางช่วยพ่ออินให้หลุดจากการจองจำอยู่เจ้าค่ะ” น้ำทองกล่าวกับหลวงตา

“โยมน้ำทอง การช่วยเหลือคน ช่วยเหลือผี การที่เรามีความตั้งใจดีจะช่วยเหลือใครนั้นล้วนเป็นสิ่งที่ดีงามทั้งสิ้น หลวงตาอยากจะเตือนโยมว่า ช่วงนี้กำลังมีเคราะห์ จะทำอะไรให้ระวังตัว และขอให้หมั่นสวดมนต์ภาวนาบทอิติปิโสฯ เท่าอายุบวกหนึ่งทุกวันอย่าได้ขาด อย่างน้อยจะช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบาได้” หลวงตาพูดกับน้ำทองจบก็หันไปเริ่มสวดมนต์

วิญญาณของพ่ออินก็นั่งพนมมือฟังสวดอยู่ในโถเบญจรงค์ และเมื่อถึงเวลาพระฉันเสร็จ น้ำทองกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ เขาก็รู้สึกอิ่มและมีความสุขเป็นที่สุด ได้แต่กล่าวคำอนุโมทนาสาธุกับบุญกุศลที่หญิงสาวเจ้าของบ้านอุทิศมาให้

น่าแปลกที่เหล่าผีสาวทั้งหลายที่บ้านน้ำทอง ไม่มีใครที่จะญาติดีกับพ่ออินเลย ทั้งๆ ที่ปกติน่าจะตื่นเต้นที่จู่ๆ มีผีรูปหล่อกล้ามใหญ่ในโถมาอยู่ร่วมบ้าน พวกผีสาวๆ กลับทำราวกับว่าพ่ออินนั้นไม่มีตัวตนซะอย่างนั้น หญิงสาวเจ้าของบ้านก็ไม่ได้สนใจอะไร เอาเป็นว่าอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบไม่มีปัญหาก็ดีแล้ว

หลวงตาเตรียมกลับวัด ลุงตันช่วยถือย่ามและเครื่องสังฆทาน น้ำทองไปส่งหลวงตาที่รถตู้ เหล่าผีๆ ต่างกล่าวคำสาธุแล้วก้มกราบลงกับพื้นเรือน ก่อนขึ้นรถหลวงตาหันมาย้ำกับหญิงสาวเจ้าของบ้าน

“อย่าลืม อิติปิโสฯ เท่าอายุบวกหนึ่ง และหมั่นแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์”

“เจ้าค่ะ หลวงตา ดิฉันจะเริ่มตั้งแต่วันนี้เลยเจ้าค่ะ” น้ำทองกล่าวพร้อมประนมมือไหว้หลวงตา

เมื่อขึ้นมาบนเรือนไทย ลุงตัน ป้ามาลี และเหล่าวิญญาณต่างช่วยกันจัดเก็บของในบ้านให้เข้าที่เข้าทาง น้ำทองรู้สึกไม่ปลอดโปร่งใจทั้งๆ ที่เพิ่งทำบุญไป อาจจะเป็นเพราะคำพูดของหลวงตา หญิงสาวจึงเดินไปที่หอพระ นั่งสงบสติอารมณ์มองพระพักตร์ของพระพุทธรูปเชียงแสนโบราณองค์ใหญ่ที่ตั้งเป็นประธานอยู่ในหอพระ ท่ามกลางความสงบ จู่ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างๆ ตัวของหญิงสาว

“แม่น้ำทอง…” เสียงพ่ออินเรียกมาจากโถเบญจรงค์ ที่วางอยู่ข้างโต๊ะหมู่บูชานี่เอง

“มีกระไรรึพ่ออิน” หญิงสาวลองพูดด้วยภาษาโบราณเลียนแบบละครย้อนยุคกับพ่ออินดู เผื่อจะคุยกันได้รู้เรื่อง เธอเอื้อมมือไปยกโถเบญจรงค์มาวางตรงหน้าเพื่อที่จะได้พูดจากับพ่ออินได้อย่างสะดวก คือได้เห็นหน้าค่าตากันชัดเจน ดูๆ ไปก็ตลกดี พ่ออินนั้นส่วนหน้าตาขยับเขยื้อนเจรจาได้เหมือนคนทั่วไป แต่ร่างกายนั้นกลายเป็นรูปวาดลายเส้นรูปเทพบุตรไม่มีมิติใดๆ แบนแต๊ดแต๋ติดอยู่กับโถเบญจรงค์ น้ำทองพยายามกลั้นหัวเราะ มันน่าเห็นใจแต่ก็เป็นภาพที่ตลกเอาเรื่องอยู่ เรื่องกลัวว่าพ่ออินเป็นสิ่งเร้นลับเหนือธรรมชาตินั้นไม่ต้องคิด

“ขันอะไรรึ แม่น้ำทอง ข้าเรียกชื่อเจ้าก็ขันแล้วรึ” หนุ่มในโถเกิดความสงสัยว่าสาวเจ้าของบ้านขำอะไร ก็เขายังไม่ได้พูดอะไรเลยแค่เรียกชื่อเท่านั้น

“เปล่าหรอกพ่ออิน ฉันนึกถึงอะไรที่มันตลกๆ ก็ขันเท่านั้นเอง พ่ออินเรียกฉันมีอะไรรึ” น้ำทองตอบผีหนุ่ม

“ฉันได้ยินที่พระคุณเจ้าท่านทัก ว่าชะตาแม่น้ำทองไม่ใคร่จะดี ฉันเลยอยากรู้ว่ามันจะเกี่ยวกับที่ฉันได้มาอยู่ที่เรือนแม่หรือไม่ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นฉันคงไม่สบายใจเป็นอย่างมาก” พ่ออินกล่าว

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะพ่ออิน ว่าเรื่องที่หลวงตาทักจะเกี่ยวกับพ่ออินหรือไม่ แต่ก็เอาเถิด ไม่ว่าจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดอยู่แล้ว เราคงหลีกเลี่ยงชะตากรรมไม่พ้นดอก ฉันว่าเรามาสวดมนต์ตามที่หลวงตาบอกดีกว่า ของฉันมีอายุ 25 ปี บวกหนึ่งเป็น 26 แล้วพ่ออินล่ะปาเข้าไปกี่ร้อยปี สวดกันยาวๆ ไปนะพ่ออิน มาเริ่มสวดกันเถิด” หญิงสาวกล่าวกับผีในโถอย่างมีอารมณ์ขัน ก่อนที่หล่อนจะจุดธูปเทียนบูชาพระแล้วเริ่มต้นสวดอิติปิโสฯ ไปพร้อมๆ พ่ออิน…

ดร.ลงยานั่งอยู่บนตั่งไม้สักตัวกว้างในสวนดอกไม้ไทย เขากำลังร้อยตาข่ายดอกไม้สดด้วยดอกพุด ดอกรักสีม่วง และดอกเข็มสีแดง ดอกไม้เหล่านี้คุณคำนึงเป็นผู้ไปเก็บจากสวนดอกไม้ไทยแล้วล้างด้วยน้ำสะอาดนำมาเตรียมไว้ให้เจ้านายของเขา ตาข่ายทรงวิมานนี้ ชายหนุ่มร้อยเอาไว้ทำเครื่องแขวนให้คุณรักร้อย ผู้เป็นมารดานำไปห้อยไว้ตรงหน้าต่างเรือนมนิลา ตรงชายของวิมานจะผูกห้อยด้วยดอกกุหลาบมอญสีแดงสวยงาม นี่เป็นงานอดิเรกที่ชายหนุ่มรักมาก เขาไม่คิดว่าการร้อยดอกไม้จะเป็นงานเฉพาะผู้หญิงเท่านั้นจึงจะทำได้ ผู้ชายอย่างเขามีความละเมียดละไมและใจที่รักในการอนุรักษ์ทุกสิ่งที่เป็นศิลปะ แสดงถึงประเพณีวัฒนธรรมอันงดงามของไทย ด้วยบุคลิกภายนอกใครอาจจะคิดว่าเขาเป็นเกย์ แต่เขารู้ดีว่าตัวเองเป็นอะไร ชายหนุ่มทำงานที่รักอย่างเพลิดเพลินจนมีเสียงทักจากคุณรักร้อยผู้เป็นมารดา

“ร้อยวิมานได้งามจริงลูกแม่” คุณรักร้อยเดินเข้ามาหาบุตรชาย พร้อมมีเด็กสาวถือของว่างเดินตามมาด้วย

“ครับ คุณแม่ ลูกร้อยไว้ให้คุณแม่แขวนหน้าต่างเรือนมนิลา อีกประเดี๋ยวก็จะเสร็จครบแล้วละครับ คุณแม่ทำอะไรมาครับวันนี้” ชายหนุ่มวางงานในมือ ลุกไปประคองมารดามานั่งที่ตั่งตัวกว้างด้วยกัน

“ข้าวตังเมี่ยงลาวจ้ะ พอดีเพื่อนแม่ไปเชียงใหม่ได้ใบเมี่ยงมาเลยทำ แบบที่เขาขายๆ กันอยู่เอาผักกาดดองมาห่อไส้กันหน้าตาเฉย แล้วจะรู้ไหมว่าของจริงเป็นอย่างไร แม่บ่นซะยาวเชียว ล้างมือมารับประทานด้วยกันเถอะลูก” คุณรักร้อยรับโตกใส่ข้าวตังเมี่ยงลาว และน้ำผลไม้ จากสาวใช้มาวางตรงหน้าบุตรชาย เมื่อหมดหน้าที่สาวใช้ก็เดินยอบตัวเลี่ยงออกไปอย่างผู้ได้รับการอบรมมาอย่างดี

สองแม่ลูกนั่งรับประทานของว่างกันไปคุยกันไปอย่างมีความสุข คุณรักร้อยนั้นตั้งแต่สามีเสียชีวิตไปเมื่อห้าปีที่แล้ว ขณะที่บุตรชายกำลังศึกษาอยู่ต่างประเทศ เธอก็ปวารณาตัวถืออุโบสถศีล นุ่งห่มขาวปฏิบัติธรรมอยู่ที่เรือนมนิลาริมน้ำ โดยทุกวันพระเธอจะนิมนต์พระมาฉันเพลที่เรือนริมน้ำของเธอพร้อมสนทนาธรรม คุณรักร้อยนั้นไม่ชอบไปปฏิบัติธรรมตามสถานปฏิบัติธรรมหรือที่วัด ด้วยความคิดที่ว่า คนเราถ้าจะคิดดีทำดี ทำอยู่ที่บ้านก็ได้ สะดวกสบาย และไม่ต้องไปสัมผัสกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่มักจะเกิดขึ้นในวงสังคมผู้ปฏิบัติธรรม หลายคนอยู่บ้านไม่มีใครให้ความสำคัญ ไม่มีสังคม จึงมาวัดเพื่อมาหาสังคม ไม่ได้ตั้งใจมาสวดมนต์ปฏิบัติธรรม มานั่งนินทา มานั่งอวดลูกอวดหลาน เหมือนมาวัดแล้วไม่ตัดกิเลส  

การนิมนต์พระมาทำบุญที่บ้านก็มีผลดีอีกอย่างหนึ่งคือ ได้อุทิศส่วนกุศลให้กับวิญญาณในบ้านด้วย หากวันพระไหนตรงกับวันหยุดของบุตรชาย เขาก็จะมาร่วมพิธีด้วย ชายหนุ่มมีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เหล่าวิญญาณที่ใช้ชีวิตร่วมบ้านประหนึ่งเป็นสมาชิก หากแต่บ้านของ ดร.ลงยานั้นต่างกับบ้านของน้ำทอง ที่ตอนนิมนต์พระมาทำบุญเหล่าวิญญาณจะไม่ได้ปรากฏออกมารับส่วนกุศลกันอย่างออกนอกหน้า วิญญาณเหล่านี้จะฟังพระสวดและรับส่วนกุศลอย่างสงบ ไม่ใช่พวกเขาไม่อยากจะออกมาปรากฏตัว แต่บ้านนี้เป็นบ้านที่มีกฎระเบียบของการอยู่ร่วมกันอย่างเคร่งครัด เนื่องจากบริเวณบ้านนี้ค่อนข้างกว้างใหญ่ มีความจำเป็นจะต้องใช้คนงานเป็นจำนวนมาก คุณรักร้อยและบุตรชายจึงตั้งกฎกับเหล่าวิญญาณในบ้านว่า สามารถปรากฏตัวให้เห็นเฉพาะสองแม่ลูกเจ้าของบ้านเท่านั้น ไม่เช่นนั้นเหล่าบริวารที่เป็นมนุษย์ในบ้านก็คงจะอยู่กันอย่างไม่เป็นสุขแน่นอน แต่ก็จะมีข้อยกเว้นพิเศษสำหรับกรณีไม่ชอบมาพากล เช่น ขโมยจะขึ้นบ้าน หรือคนในบ้านแสดงท่าทีว่าจะไว้ใจไม่ได้ ก็จะเจอดีกันไป

“วันนี้ไม่มีงานที่ไหนเหรอลูก ถึงได้มานั่งร้อยดอกไม้เล่นได้” คุณรักร้อยถามบุตรชาย

“วันนี้ว่างครับ อยากพักผ่อนสบายๆ สักวัน เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปกาญจนบุรีกับเพื่อน” ชายหนุ่มกล่าวกับมารดา

“เมื่อคืนแม่ฝันเห็นคุณพ่อมาบอกว่าเป็นห่วงลูก ให้ดูแลลูกให้ดีๆ แล้วก็ตกใจตื่นขึ้นมา รู้สึกเหมือนคุณพ่อเพิ่งเดินออกจากห้องไป ตั้งแต่คุณพ่อเสีย ท่านไม่เคยมาให้แม่เห็นหรือมาเข้าฝันแม่เลย นี่แม่ยังจำสีหน้าของคุณพ่อได้เลยนะลูก ดูท่านอมทุกข์และเศร้ามาก บอกแต่เป็นห่วงลูก แล้วนี่จะไปกาญจนบุรี แม่ใจคอไม่ดีเลย ระวังตัวให้ดีนะลูก คุณพระรักษานะลูกนะ” คุณรักร้อยกล่าวด้วยสีหน้าเป็นกังวล

“คุณแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมไปกับเพื่อนๆ ไว้ใจได้ คุณกังไสที่เป็นเจ้าของร้านขายของเก่า เอ้อ ขายโบราณวัตถุน่ะครับ คุณแม่ก็รู้จัก เขาเอารถตู้มารับ มีคนขับเรียบร้อย คราวที่แล้วก็ไปด้วยกันมาไม่มีปัญหาอะไรเลยนะครับ คนขับรถก็สุภาพ ขับรถดี” ดร.ลงยารีบบอกให้มารดาสบายใจ

“ไม่รู้สิ แม่กังวล ใจคอไม่ดีอย่างบอกไม่ถูก แต่ถ้าลูกจะไปก็ระวังตัวก็แล้วกันนะจ๊ะ” คุณรักร้อยกล่าวกับบุตรชาย

“เอาอย่างนี้ดีไหมครับคุณแม่ คืนนี้ก่อนนอน ผมจะไปสวดมนต์กับคุณแม่ที่เรือนมนิลา เราสวดบทเมตตาใหญ่ กันดีไหมครับ”

“ได้สิจ๊ะลูก ดีเลย เราเริ่มสวดยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกกันก่อนแล้วค่อยสวดบทเมตตาใหญ่ตาม การได้สวดมนต์กับลูกนี่แม่ก็มีความสุขและอิ่มใจมากๆ แล้วละลูก” คุณรักร้อยมีสีหน้าสดชื่นขึ้นแล้วเรียกเด็กมาเก็บโตกของว่างพร้อมแก้วเครื่องดื่มเดินกลับไปยังเรือนมนิลา ปล่อยให้ลูกชายนั่งร้อยดอกไม้ต่ออย่างมีความสุข

ดร.ลงยาหันมาเห็นพ่อขุนทอง ยืนลับๆ ล่อๆ อยู่จึงเรียกตัวมาหา ตั้งใจจะชำระความที่พาน้ำทองมาดูเขาอาบน้ำ ตั้งแต่วันที่ก่อเรื่องพ่อจุกตัวน้อยก็หลบลี้หนีหน้าหายไปเลย นี่คงจะมาหยั่งเชิงว่าเขายังโกรธอยู่หรือเปล่า เห็นทีจะต้องเอาเรื่องกันเสียบ้างจะได้เข็ด เจ้าขุนทองเห็นแววตาเจ้านายแล้ว ก็รู้ว่าขืนอยู่ตรงนี้คงไม่รอดแน่ๆ  หากแต่ช้าเกินไป พอเจ้าจุกตัวแสบจะหายตัว คุณคำนึงก็ไปคว้าหัวจุกเอาไว้เสียก่อนแล้วลากมาให้เจ้านายชำระความ

“ไหนเจ้าขุนทอง เล่ามา วันก่อนเจ้าไปหลอกอะไรคุณน้ำทอง เขาจึงเดินหลงเข้ามาที่นี่ได้ พูดความจริงมานะไม่งั้นโดน” ว่าแล้วลงยาก็ยื่นมือไปรับหวายเส้นเล็กๆ มาจากมือคุณคำนึง ที่ส่งมาให้อย่างรู้จังหวะ

“นายเจ้าขา อย่าตีหนูเลย หนูแค่เย้าพี่น้ำทองเขาเล่น พี่เขามองเห็นหนูด้วย หนูเลยอยากพาพี่มาดูดอกไม้สวยๆ ไม่ทราบว่านายอาบน้ำอยู่จริงๆ เจ้าค่ะ” เจ้าจุกแก้ตัวพัลวัน เพราะรู้รสของเส้นหวายเสกดี ทั้งๆ ที่ปกติเจ้านายไม่ค่อยจะลงโทษสักเท่าไหร่ แต่เมื่อไหร่ที่โดนจะจำและเข็ดไปอีกนานเลยทีเดียว

“เจ้านี่ช่างหาเรื่องนัก หากมีคราวหน้าอีกล่ะโดนแน่นะเจ้าขุนทอง เราจะไม่เฆี่ยนเจ้าดอก แต่จะงดน้ำแดงกับขนมสักสองสามวันดีไหม” ลงยาแกล้งตีหน้าขรึมพูดกับเจ้าจุก

“ไม่ดีแน่เจ้าค่ะ เดี๋ยวจุกหิวตายนะเจ้าคะ เมตตาจุกเถิดนะเจ้าคะ กราบขออภัยและกราบลาเลยเจ้าค่ะ” พูดจบเจ้าตัวน้อยก็หายวับไปเหลือแต่เจ้าของบ้านหนุ่มนั่งร้อยดอกไม้อยู่เพียงผู้เดียว

คืนนั้น ลงยาถือพานพวงมาลัยเดินไปที่เรือนมนิลา นานๆ ครั้งชายหนุ่มจะมีเวลามาสวดมนต์ร่วมกับมารดา ปกติหลังกลับจากมหาวิทยาลัย รับประทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็จะเข้าห้องทำงานเพื่อเขียนตำรา หรือค้นคว้าเอกสารประกอบการสอนในวันถัดไป จนดึกดื่น วันนี้จึงถือเป็นโอกาสพิเศษของคุณรักร้อยเลยทีเดียว สองแม่ลูกในชุดขาวพากันเข้าไปในห้องพระ บรรยากาศสงบสงัดยามค่ำของเรือนริมน้ำสีขาวลายฉลุ ชวนให้มีสมาธิในการสวดมนต์ ชายหนุ่มจุดเทียน แล้วจุดธูปส่งให้มารดา และเริ่มสวดบทบูชาพระรัตนตรัยพร้อมๆ กัน เสียงสวดมนต์ของสองแม่ลูกดังอยู่ท่ามกลางความสงบสงัดของรัตติกาล หากแต่ไม่มีใครได้ยินเสียงถอนใจเบาๆ จากดวงวิญญาณของหัวหน้าครอบครัวซึ่งอยู่อีกภพหนึ่ง ที่ทอดสายตามองมายังบุคคลอันเป็นที่รักด้วยความห่วงใยในชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่ไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย…



Don`t copy text!