ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 26 : โอกาสสุดท้าย

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 26 : โอกาสสุดท้าย

โดย : เอมอักษร

Loading

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศกับนิยายดราม่าคอเมดี้จากโครงการอ่านเอาก้าวแรก ปี 5 โดย เอมอักษร เรื่องราววุ่นๆ ของหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายทุกด้านจนขอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ไหงแค่นอนหลับไปวิญญาณก็ออกจากร่าง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกลับเข้าร่าง หาฆาตกรให้ทันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที

ปรีเมธเลี้ยวรถเข้าคอนโดฯ ที่พำนัก วนหาที่จอดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเจอที่ว่างเกือบริมสุดกำแพง

ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนัก ถอนหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย แต่อย่างน้อย…เขาก็ได้มันมาไว้ในมือ

ต้องขอบคุณความช่างสังเกตและรอบคอบของตัวเอง อันเป็นอุปนิสัยที่เขาฝึกฝนอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก ทำให้เขาไม่ปล่อยผ่านเมื่อเห็นสาวอ้วนเพื่อนสนิทของเจิดจันทร์กำลังยืนคุยอยู่กับฝรั่งบ้านตรงข้าม

เขาจำได้ดีว่าเจิดจันทร์และเพื่อนกลัวฝรั่งนักหนา เพราะอายทักษะภาษาอังกฤษอันอ่อนด้อยของตนเอง จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่หมูยอจะไปยืนปั้นจิ้มปั้นเจ๋อคุยกับไอ้หนุ่มหัวทองที่ไหน แต่เขาไม่ได้คาด ไม่เคยคิด และไม่เฉลียวใจจริงๆ ว่าสิ่งที่ทั้งคู่คุยกัน จะกลายมาเป็นหลักฐานสำคัญในคดีของเจิดจันทร์

ในเมื่อเขาเป็นคนสำรวจบริเวณโดยรอบบ้านหลังนั้นด้วยตัวเอง และมั่นใจว่าไม่มีกล้องวงจรปิดใกล้เคียงตัวใดอยู่ในทิศทางที่จะเห็นบ้านถนัด ใครจะไปนึกว่า ยังอุตส่าห์มีคนบ้าๆ เอากล้องไปซุ่มติดบนต้นไม้เพื่อส่องดูนก

และต้นไม้เจ้ากรรมนั้นก็ดันอยู่ตรงข้ามบ้านของเจิดจันทร์ มันบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่ไม่เป็นไร…ปรีเมธบอกตัวเอง หมูยอก็โง่พอๆ กับเจิดจันทร์ แค่เขาหยอดคำหวานว่าจะช่วยแกมขู่เรื่องตำรวจนิดหน่อย ก็ได้ทัมบ์ไดรฟ์มาโดยอีกฝ่ายไม่ติดใจสงสัยอะไรแล้ว

เดี๋ยวเขาจะจ้างคนปรับภาพเสียหน่อย แล้วบอกยายอ้วนนั่นว่าเป็นภาพแมวกระโดดก็สิ้นเรื่อง ที่สำคัญคือต้องไปคุยกับฝรั่งเพราะไฟล์ต้นฉบับยังคงอยู่ในเครื่อง แกล้งบอกว่าถ้าแจ้งตำรวจจะเป็นเรื่องใหญ่ ชาวต่างชาติพูดไทยไม่ได้แบบนั้นคงไม่อยากยื่นมือมายุ่งเกี่ยวด้วยอีก

ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความเหนื่อยล้า ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ

“ว่าไงน้องปรี”

อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ชายร่างใหญ่สองคน ก็พุ่งออกมาจากซอกตึกเข้ามาเบียดประกบ ปรีเมธหันไปกระชากประตูรถเปิด แต่ไม่ทันกับปืนในมือของชายคนแรกที่กระทุ้งผัวะเข้ามาที่ท้องของเขาเต็มแรง จนได้ยินเสียง อึก ถนัด

ชายหนุ่มแหกปากร้อง แต่ชายร่างหนาอีกคนที่รอทีอยู่แล้ว โจนเข้ามาอุดปากก่อนเสียงจะเล็ดลอด ปรีเมธร่วงไปกับพื้น กุมท้องที่จุกเสียดไปถึงคอหอยด้วยอาการผวา

ชายหัวหน้าเก็บปืนอย่างใจเย็น ก่อนคุกเข่าลงนั่งข้างๆ “หาตัวยากจังนะน้องปรี พี่มาทีไรไม่เคยเจอ รอจนหงุดหงิดแล้วเนี่ย”

ปรีเมธยกมือขึ้นพนม “ผมกำลังรีบหาเงินครับพี่ซ้ง ไม่เกินอาทิตย์นี้แน่นอนครับ”

“แน่เร้อ” อีกฝ่ายพูดยิ้มๆ ตรงข้ามกับแววตากระด้าง “คราวที่แล้วก็พูดแบบนี้ เฮียเขารอไม่ไหวแล้วนะ เงินตั้งสามล้านก็ไม่ใช่น้อยๆ น้องปรีจะไปหาจากไหนทัน”

“ผมมีแหล่งแล้วครับ คุยไว้แล้ว” ชายหนุ่มตอบปากคอสั่น กวาดตาแวบเดียวก็พบว่าไม่มีใครอยู่ในระยะที่พอจะเรียกขอความช่วยเหลือได้ “รับรองว่าไม่เกินอาทิตย์นี้ พี่ซ้งบอกเฮียได้เลยครับ ผมไม่เบี้ยวแน่นอน”

ซ้งควักปืนออกมาอีกรอบ ลูบไล้กระบอกโลหะไปที่ใบหน้าชายหนุ่มเบาๆ

“สองวัน” เขาง้างนกดังกริ๊ก แกล้งจ่อไปที่ขมับอีกฝ่ายอย่างล้อเลียน “ได้แค่นั้น มึงต้องเร่งมือหน่อยแล้วละ กูไม่มีเวลามาเล่น”

ปรีเมธเหงื่อแตกพลั่ก ปลายกระบอกปืนเย็บเฉียบกดกระแทกเข้ามาอีก

“หรือน้องปรีจะพาแฟนคนสวยมาขัดดอกก่อนก็ได้นะ เฮียเขาไม่รังเกียจ”

ซ้งหัวเราะเบาๆ ก่อนลุกขึ้นยืนมองร่างที่นอนเค้เก้อย่างไม่เป็นท่า

“แต่ถ้าไม่มีของเล่นมาให้เฮีย กูก็ให้เวลามึงได้แค่มะรืน แล้วอย่าคิดหนีล่ะไอ้สัตว์ พวกกูเฝ้ามึงอยู่ยี่สิบสี่ชั่วโมง มึงจะมุดลงรูไหนกูก็ตามเจอ และถ้ามึงทำให้กูเหนื่อย รับรองว่ามึงจะตายทรมานเป็นร้อยเท่า”

ซ้งยิ้มละไมให้ชายหนุ่ม ส่งสัญญาณให้ลูกน้องแล้วหันหลังเดินกลับไปที่รถ

ปรีเมธยังนอนใจสั่นอยู่ที่เดิม ความกลัวสุดขีดทำให้ปัสสาวะไหลซึม พร้อมกับอาการเจ็บเสียดที่ท้องราวกับอวัยวะภายในฉีกขาดเริ่มทวีขึ้น

ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ฝืนใจลุกโผเผเปิดประตูรถเข้าไปนั่ง หากแต่ยังสั่นไปทั้งร่างจนไม่อาจขับรถออกไปได้

ปรีเมธนั่งสงบใจอยู่อีกพักใหญ่ แม้ความเจ็บปวดทางกายสั่งให้เขารีบไปโรงพยาบาลทันที แต่สมองบอกว่ามีความจำเป็นอย่างอื่นเร่งด่วนกว่า

ชายหนุ่มล้วงโทรศัพท์มือถือออกมา กดเข้าไปในโฟลเดอร์คลิปวีดิโอ ค่อยๆ เลือกดูอย่างพิถีพิถัน ก่อนจะลงทะเบียนเข้าเว็บไซต์ลับที่เป็นสมาชิก แล้วกดโพสต์ทันที

ชายหนุ่มปล่อยให้คลิปความยาวสามสิบวินาทีอัปโหลด พอเรียบร้อยแล้วก็กดเบอร์โทรออกทันทีอย่างไม่รอช้า

ปลายสายรับเร็วทันใจ เสียงตอบรับกระซิบแผ่วเบา แต่แฝงความกังวลได้ยินชัด

“วันนี้ ทำเหมือนเดิม” ปรีเมธพูดเรียบๆ “แต่ที่ห้องเจน”

เสียงปลายสายร้องอย่างตระหนก ก่อนจะพูดอะไรเร็วปรื๋อที่บอกความไม่เต็มใจ

“ฟังนะ” ปรีเมธเน้นเสียง “วันนี้พวกมันมาดักที่คอนโด เอาปืนจ่อหัว มันให้เวลาอีกสองวัน ไม่งั้นมันเอาถึงตาย”

ชายหนุ่มถอนใจอย่างเคร่งเครียด ฟังปลายสายพูดละล่ำละลักยาวเหยียด ก่อนจะตวาดออกมาอย่างอดไม่อยู่

“ไม่ได้โว้ย พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ก็บอกแล้วว่าพวกมันจะฆ่า…หนี หนีไปไหน เงินก็ไม่มี คนรู้จักก็ไม่มี จะให้ไปไหน แล้วมันบอกว่าเฝ้าอยู่ยี่สิบสี่ชั่วโมง แค่ออกจากคอนโดก็ไปไหนไม่รอดแล้ว” ชายหนุ่มเริ่มสะอื้น ปลายสายเงียบกริบลงทันควัน

ชายหนุ่มเปลี่ยนเสียงเป็นอ้อนวอน “ต้องช่วยผมนะ ไม่งั้นผมก็ตาย อีกแค่ครั้งเดียว พบจบเรื่องนี้ ผมก็ไม่ยุ่งอีกแล้ว”

ปลายสายเงียบ แต่ปรีเมธรู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีวันทนกับน้ำตาของเขาได้ โดยเฉพาะครั้งนี้ ที่มันไม่ได้เป็นแค่การแกล้งทำ แต่เป็นน้ำตาที่กลั่นออกมาจากความกลัวทุกหยาดหยดจริงๆ

ปรีเมธกดวางสาย เหวี่ยงโทรศัพท์ไปที่เบาะข้างๆ แล้วตะโกนก้องอยู่ในรถอย่างอัดอั้น

ใครจะไปนึกว่าบ่อนชั้นดีที่เข้าไปอย่างราชาเมื่อเริ่มแรก มีเจ้าของคอยอำนวยความสะดวก ทั้งยกย่องทั้งเอาใจไม่ห่าง จะกลับกลายเป็นปีศาจร้ายแค่ข้ามคืน ยอดที่เขาขอยืมมาทำทุนแค่ล้านเศษๆ พุ่งเป็นสามล้านในเวลาไม่นาน ปรีเมธเคยเอะอะจะไม่ยอม แต่ไอ้ซ้งคนนี้แหละที่ยิงคนที่ “หือ” ให้ปรีเมธดูต่อหน้า แถมเอาศพไปทิ้งหน้าตาเฉยเหมือนทิ้งขยะประจำวัน และทุกวันนี้ก็ไม่เคยได้ยินข่าวว่ามีใครแจ้งความ

เรียกได้ว่าชายคนนั้นตายไปอย่างหมาข้างถนนก็คงไม่ผิด

และชะตากรรมนี้ก็กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา…ปรีเมธเย็นยะเยือกไปทั้งร่าง เมื่อตระหนักว่าเขาเหลือเวลาในชีวิตอีกแค่สองวันเท่านั้น ถ้าหาเงินสามล้านไปประเคนแทบเท้า “เฮีย” ไม่ได้



Don`t copy text!