
ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 30 : หลานชาย
โดย : เอมอักษร
ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศกับนิยายดราม่าคอเมดี้จากโครงการอ่านเอาก้าวแรก ปี 5 โดย เอมอักษร เรื่องราววุ่นๆ ของหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายทุกด้านจนขอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ไหงแค่นอนหลับไปวิญญาณก็ออกจากร่าง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกลับเข้าร่าง หาฆาตกรให้ทันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที
ตั้งแต่รู้ข่าวว่าแม่บ้านท้องหลานชาย ไกรก็ราวกับได้ดื่มน้ำอมฤตแทนยา สีหน้าสดชื่นอย่างเห็นได้ชัด ในวันที่ภาคภูมิแอบพาเขาไปเยี่ยมสะใภ้ลับที่บ้านเช่าหลังเล็กๆ บ้านหลังนั้นค่อนข้างไกลไปอีกสุดมุมเมือง แต่ก็สะอาดสะอ้านกะทัดรัดน่าอยู่อย่างที่เขากำชับลูกชายไว้ให้ดูแลกิ่งแก้วอย่างดีที่สุด
ภาคภูมิไม่มีเวลาไปดูแลกิ่งแก้วเท่าไรนัก เขาอ้างว่ากลัวภรรยาจับพิรุธได้ ยิ่งช่วงนี้เรืองรุจีท้องแก่ ยิ่งไม่อยากให้มีเรื่องกระทบกระเทือนใจ ไกรจึงหาเวลาไปเยี่ยมกิ่งแก้วเสียเองด้วยความเป็นห่วง หาสาวใช้ประจำตัวด้วยหนึ่งคนเพื่อให้คอยอยู่เป็นเพื่อน
เมื่อกิ่งแก้วคลอดทารกชายหน้าตาน่ารักสุขภาพแข็งแรงสมกับที่คาดหวัง ไกรจึงครึ้มอกครึ้มใจเสียจนเพื่อนสนิทสังเกตเห็น อีกฝ่ายเอ่ยปากถามตรงๆ เพราะรู้อยู่ว่าอาการป่วยของชายชราไม่ได้กระเตื้องขึ้น
“ทำไมช่วงนี้ลื้ออารมณ์ดีจังวะ มีอะไรก็ขยายกันบ้าง ได้เอ๊าะๆ มาให้ชื่นใจรึไง อั๊วมาหาทีไรไม่เคยอยู่บ้าน” เพื่อนสัพยอก ในวันที่มาหาแล้วพบเจ้าของบ้านอย่างบังเอิญที่สุด
ชายชราหัวเราะพลางโบกมือ “เปล่าน่า คนป่วยจะตายอยู่แล้ว ใครจะมีอารมณ์อย่างว่า อย่างอั๊วมันต้องไหว้พระสวดมนต์แล้ว นี่ก็ทำใจอยู่ทุกวัน ไอ้เราจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่รู้”
“ยังหรอกน่า อยู่จนหลานโตนั่นละไม่ต้องห่วง” เพื่อนปลอบ แต่ยังถามต่ออย่างติดใจเรื่องเดิม “ว่าแต่ที่ลื้อออกจากบ้านบ่อยๆ ลื้อไปไหน อย่าบอกนะว่าไปวัด”
คราวนี้ไกรหัวเราะเต็มเสียง “โอ๊ย แค่นั่งยุบหนอพองหนออยู่กับบ้านก็ตะคริวกินแล้ว อย่าไปให้พระท่านลำบากเลย”
ความแช่มชื่นสมหวังในอารมณ์ทำให้ไกรนึกอยากเล่าเรื่องหลานชายตัวน้อยให้เพื่อนฟัง แค่บอกเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว คงไม่กระไรนักหนา จะได้มีคนร่วมดีใจกับเขา ให้มันอิ่มเอมยิ่งกว่านี้
“ลื้อรู้แล้วอย่าไปบอกใคร อั๊วบอกลื้อคนเดียว” ไกรลดเสียงลง แต่ยังเต็มไปด้วยความปลื้มปริ่ม “อั๊วได้หลายชายแล้วละ ไม่ใช่จากสะใภ้ใหญ่หรอก แต่ถึงยังไงก็เป็นหลานชายคนแรกของอั๊ว อั๊วเลยออกไปเยี่ยมมันบ่อยๆ ยังไงล่ะ”
ไกรเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนฟังอย่างละเอียด ซึ่งอีกฝ่ายก็นั่งฟังด้วยความสนใจ ระคนด้วยความสงสัยตามความเคยชินของอาชีพก่อนเกษียณ นั่นคือทนายความ
“เอ” อีกฝ่ายเกาคาง หลังจากได้ฟังเรื่องราวจบสิ้นกระบวนความ “อั๊วดีใจด้วยเรื่องหลาน แต่อย่าว่าอย่างโง้นอย่างงี้เลย คนเราต้องตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท อั๊วว่าท่าทางเจ้าภูมิลูกลื้อมันดูแปลกๆ ลื้อไม่ตรวจดีเอ็นเอเด็กมันสักหน่อยเรอะ”
“เฮ้ย บ้า” ไกรเอะอะ “ใครจะทำแบบนั้น เจ้าภูมิมันไม่ได้ปฏิเสธ มันก็คงรู้ว่าลูกมัน แต่มันคงไม่อยากยอมรับเพราะกลัวมีปัญหากับเมีย แล้วแก้วมันก็ไม่เคยมีแฟนด้วย บอกว่าเจ้าภูมิเป็นคนแรก น่าเห็นใจเด็กมันเหมือนกัน”
“ลื้อมันใจดี” เพื่อนพูดตรงๆ “แต่อั๊วเจอคนมาสารพัดแบบ ไอ้ลูกความอั๊วมันร้อยพ่อพันแม่ ล้านเล่ห์กล บางคนนั่งร้องไห้อืดๆ ตอนผัวตาย เป็นเดือนเป็นปียังทำใจไม่ได้ ที่ไหนได้มันสั่งให้ชู้ไปฆ่าผัวเอาสมบัติเสียเองก็มี มาความแตกเพราะจะฆ่าชู้อีกคน” อดีตทนายชราหัวเราะหึๆ “อย่างเรื่องหลานชาย ถ้าอั๊วเป็นลื้อ ยังไงอั๊วก็ขอตรวจดีเอ็นเอไว้ก่อน ไม่เสียหายนี่หว่า ถ้าใช่ก็เลี้ยงกันไปสบายใจ แต่ถ้าไม่ใช่ขึ้นมาแล้วลื้อรู้ทีหลัง ลื้อจะเจ็บใจที่อุ้มชูส่งเสียมันยิ่งกว่าหลานแท้ๆ”
ไกรพยักหน้ายิ้มๆ นึกในใจว่าอาชีพการงานของคนเรานี่ช่างฝังรากลึกแน่นหนา จนการเกษียณก็ถอนรากถอนโคนออกไปไม่ได้ แต่ไม่ได้พูดค้านให้เพื่อนเสียน้ำใจ เสชวนคุยเรื่องอื่นอย่างเพลิดเพลินจนอีกฝ่ายได้เวลากลับ
อย่างไรก็ตาม แม้จะบอกตัวเองว่าคำพูดของเพื่อนเป็นความคิดของคนช่างระแวงเกินเหตุ แต่อะไรบางอย่างในคำพูดนั้นก็ยังตามมารบกวนจิตใจ จนไกรไม่รู้สึกปลอดโปร่งอย่างทุกครั้ง เมื่อนั่งรถออกไปเยี่ยมหลานชายที่บ้านเช่า
กิ่งแก้วอุ้มลูกรอเขาอยู่แล้วที่เก้าอี้หน้าบ้าน พอรถจอดก็เดินมาไหว้อย่างนอบน้อม สีหน้าของเด็กสาวเปล่งปลั่งสดชื่น
“แก้วขอบคุณท่านมากค่ะ” กิ่งแก้วยังเรียกเขาด้วยสรรพนามเดิม “ที่มาเยี่ยมหลานแทบทุกวัน แล้วก็ดูแลแก้วอย่างดี” ดวงตาของเด็กสาวเป็นประกายระยับ “แล้วก็เรื่องบ้านที่จะซื้อให้หลาน แก้วไม่รู้จะกราบขอบคุณคุณท่านยังไงดี แก้วดีใจที่สุดในชีวิต”
ในวันที่เด็กน้อยคลอดออกมา ไกรปราโมทย์เสียจนตัดสินใจว่าจะซื้อบ้านให้เป็นกรรมสิทธิ์ของสองแม่ลูกสักหลัง เพราะถ้าหากว่าเรืองรุจีรู้เรื่องแล้วไม่ยอมรับเด็กชายเข้าบ้านใหญ่ขึ้นมา หลานของเขาจะได้มีที่อยู่เป็นหลักเป็นฐาน
ภาคภูมิอ้ำอึ้งไปเมื่อรู้เรื่อง จนเขาอดคิดไม่ได้ว่าชายหนุ่มช่างไม่เหลียวแลลูกชายคนแรกเสียเลย มาตอนนี้ เขาชักนึกเอะใจบ้างแล้ว ว่ามันมีเหตุอะไรให้ภาคภูมิเฉยเมยได้ขนาดนี้
ไกรหยอกล้อเล่นหัวกับทารกตัวน้อยเหมือนทุกครั้ง แต่ก็อดพินิจพิจารณาหน้าตาของพ่อหนูน้อยมากขึ้นไม่ได้
ตระกูลเขามีเชื้อสายแขกเปอร์เซีย จมูกโด่งเป็นสันกันแทบทุกคน อย่างหลานสาวคนแรกก็เห็นโครงจมูกชัดตั้งแต่แรกคลอด แต่หลานชายคนนี้กลับมีส่วนแป้นมากกว่า ใบหูก็สั้นบาง ไม่หนาเหมือนเขา จะว่าเหมือนแม่ก็พูดไม่เต็มปาก
เขาถอนหายใจยาว อึกอักลังเลอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยเบาๆ กับหญิงสาวที่ยืนประคับประคองลูกชายอยู่ไม่ห่าง
“แก้ว พอตาหนูครบเดือนแล้ว ฉันขอให้…พาไปตรวจดีเอ็นเอหน่อยนะ”
หญิงสาวสะดุ้งเฮือก จนทารกแทบผลัดจากมือ เงยหน้ามองบุรุษชราอย่างคาดไม่ถึง
“คุณท่าน…คุณท่านหมายความว่ายังไงคะ คุณท่านไม่เชื่อหรือคะว่าตาหนูเป็นหลาน”
ไกรหน้าเสียที่หญิงสาวตกใจมากมายขนาดนั้น ปะปนไปด้วยความสงสัย แต่อีกใจก็ห่วงหลาน จนความคิดตีกันสับสนยุ่งเหยิงไปหมด
“ก็เพื่อความสบายใจ” เขาตอบสั้นๆ “แก้วไม่มีปัญหาอะไรไม่ใช่เหรอ”
หญิงสาวถอยหลังห่างออกไปทันที กระชับเด็กชายตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน น้ำตาเอ่อจนทะลักออกมาเต็มสองตา
“ทำไมทุกคนใจร้ายอย่างนี้…คุณภูมิข่มเหงแก้วยังไม่พอ ยังไม่เคยมาดูดำดูดีลูก แก้วคิดว่าจะได้พึ่งคุณท่าน ก็กลับกลายเป็นว่าคุณท่านคิดว่าแก้วสำส่อน” หญิงสาวกอดทารกแน่น จนเด็กน้อยสะดุ้งร้องไห้จ้า “แก้วมีคุณภูมิคนแรกและคนเดียว ให้แก้วไปสาบานที่วัดไหนก็ได้”
“แก้ว แก้ว ใจเย็นๆ” ชายชรารีบปลอบ ขณะที่ตัวเองก็เริ่มเหนื่อยขึ้นมาบ้าง ความกดดันตื่นเต้นในเหตุการณ์ ทำให้หัวใจเต้นเร็วแรงผิดปกติ
เด็กสาวยังส่ายหน้า พลางถอยหลังห่างออกไปอีก ไกรรู้สึกเหมือนใจจะขาดเมื่อได้ยินเสียงเด็กชายร้อง
“แก้วไม่ยอม ทำอย่างนี้มันดูถูกกันเหลือเกิน แก้วจะทนมองหน้าใครไหว” กิ่งแก้วพูดขึ้นมาปุบปับ “แก้วจะพาตาหนูไปตายเอาดาบหน้า อยู่แบบนี้อย่าอยู่เสียดีกว่า มันทุเรศสิ้นดี เป็นลูกก็เหมือนไม่ใช่ลูก เป็นหลานก็เหมือนไม่ใช่หลาน”
“โอ๊ย แก้ว ไปกันใหญ่” ไกรคราง อาการเหนื่อยหอบจู่โจมจนต้องทรุดนั่งกับโซฟา
“คุณท่านสัญญาสิคะ ว่าจะไม่พาตาหนูไปตรวจอะไรนั่น มันเจ็บจะตาย แก้วรู้นะ แก้วไม่ยอมให้ลูกเจ็บตัวหรอก แกเพิ่งตัวแค่นี้เอง”
ไกรขยับจะอธิบาย แต่อาการเหนื่อยทำให้อ้าปากพูดไม่ไหว ชายชราควานหายาในกระเป๋าเสื้อ แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าไม่ได้นำติดตัวมา
“คุณท่านต้องสัญญา ไม่อย่างนั้น…” กิ่งแก้วนิ่งคิดอยู่อึดใจ “ก็ต้องซื้อบ้านกับให้เงินแก้วก้อนหนึ่ง แก้วถึงจะเชื่อใจ ถ้าไม่อย่างนั้น แก้วก็จะไม่อยู่แล้ว แก้วจะพาตาหนูไปตายที่อื่นสองคนแม่ลูก”
เด็กชายตัวน้อยยิ่งแหกปากร้องดังขึ้น เพราะผู้เป็นแม่ทั้งบีบทั้งรัดจนแทบหายใจไม่ออก
เสียงเด็กร้องยิ่งกระตุ้นเร้าให้ใจสั่น ไกรกดหน้าอกแน่น สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นตุบแทบทะลุนอกอก
กิ่งแก้วเขม้นมองชายชรา เห็นเขานั่งเฉยก็ยิ่งทุรนทุราย
“แก้วน่าจะรู้ว่าโลกนี้มันบัดซบ คนโง่ๆ จนๆ อย่างแก้ว ก็ต้องตกเป็นเหยื่อ” หญิงสาวยกลูกชายตัวน้อยขึ้นมาซบกับหน้า “แม่ขอโทษนะลูก แม่เคยคิดว่าจะเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด แต่คงต้องรอชาติหน้าแล้ว ขอให้ลูกได้เกิดในครอบครัวคนใจดีมีเมตตา อย่าเจอคนปลิ้นปล้อนหลอกลวงอย่างชาตินี้เลย”
“แก้ว!” ไกรตะโกนอย่างยากลำบาก ตาเหลือกค้างเมื่อเห็นหญิงสาวใช้มือเดียวเค้นไปที่คอทารกน้อย ก่อนพูดเสียงสะอื้นแทบไม่เป็นคำ
“ไม่ต้องกลัว ตาหนู แล้วแม่จะรีบตามไป โลกนี้มันโหดร้าย เราอย่าอยู่กันต่อไปเลย”
ไกรยันตัวจะลุกขึ้น แล้วก็หน้ามืดล้มฟาดไปกับพื้น ร่างแข็งเกร็งไปทั้งตัวจนขยับแขนขาไม่ได้ ใบหน้าเขาซบกับพื้นไม้ ลำคอแข็งจนยกไม่ขึ้น ได้ยินแต่เสียงทารกน้อยร้องไห้จ้าราวจะขาดใจด้วยความทรมานแทบแดดิ้น
ชายชราพยายามสูดอากาศอย่าตะกรุมตระกราม เพราะหายใจเท่าไรก็เหมือนไม่ลงปอด อึดใจต่อมา ดวงตาเริ่มพร่ามัว หูอื้อจนเหมือนถูกตัดจากโลกภายนอก ขณะสมองยังวิ่งอลวนด้วยความเจ็บปวด โกรธแค้น และห่วงใยหลานชายสุดหัวใจ
เสียงสุดท้ายที่ไกรได้ยินแว่วๆ ก่อนวิญญาณจะล่องลอยออกจากร่าง คือเสียงทารกร้องไห้แผดจ้า แล้วก็เบาลงๆ จนเงียบงันไปในที่สุด
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 31 : เส้นตาย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 30 : หลานชาย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 29 : เรื่องเล่าของปู่ไกร
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 28 : จิตอาฆาต
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 27 : หยุดที่...ลมหายใจ
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 26 : โอกาสสุดท้าย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 25 : นรกหลังความตาย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 24 : ภาพปริศนา
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 23 : ธาตุแท้
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 22 : พี่ชายที่รัก
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 21 : เจนนินทร์
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 20 : ภาพสำคัญ
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 19 : วิชา
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 18 : เจณิสตา
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 17 : หลักฐาน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 16 : ด้วยแรงสมาธิ
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 15 : เฮี้ยน!
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 14 : เงื่อนงำ
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 13 : เพื่อน (คน) ตาย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 12 : ปู่ไกร
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 11 : เสียงที่คุ้นเคย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 10 : สืบอลหม่าน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 9 : และแล้ววิญญาณ...ก็อลเวง
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 8 : วันวิกฤต
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 7 : คำอำลา
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 6 : เราสองสามคน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 5 : เซอร์ไพรส์
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 4 : ฟางเส้นสุดท้าย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 3 : ความกดดัน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 2 : คนแรกของหัวใจ
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 1 : เจิดจันทร์