ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 15 : เฮี้ยน!

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 15 : เฮี้ยน!

โดย : เอมอักษร

Loading

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศกับนิยายดราม่าคอเมดี้จากโครงการอ่านเอาก้าวแรก ปี 5 โดย เอมอักษร เรื่องราววุ่นๆ ของหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายทุกด้านจนขอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ไหงแค่นอนหลับไปวิญญาณก็ออกจากร่าง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกลับเข้าร่าง หาฆาตกรให้ทันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที

หมูยอนั่งยองอยู่ใต้พุ่มไม้ ใจระทึกอย่างตื่นเต้น นี่แสดงว่าการฆ่าตัวตายของเพื่อนรักมีเงื่อนงำจริงๆ  แต่จะเป็นไปได้อย่างไร เพื่อนของเธอแม้จะขี้ใจน้อยและชอบดรามากับชีวิต แต่ไม่มีวี่แววว่าจะมีศัตรู

เจิดจันทร์ตามมานั่งคุกเข่าอยู่ข้างเพื่อนสาว ได้ยินทุกคำพูดของนายตำรวจเช่นกัน หญิงสาวยิ่งร้อนรนกระวนกระวาย ไหนจะหาทางเข้าร่างไม่ได้ ไหนจะสาเหตุการตายที่แปลกพิกลของตนเอง เจิดจันทร์ทั้งทุบทั้งถอง ทั้งตะโกนใส่หูหมูยอซ้ำๆ หวังให้เพื่อนสัมผัสเธอได้สักวินาทีก็ยังดี แต่หมูยอยังคงนั่งขมวดคิ้วมุ่นอยู่กับที่ จนกระทั่งมีเสียงรถแล่นเข้ามาภายในบ้านนั่นแหละ หมูยอจึงรู้สึกตัว แล้วค่อยๆ คลานออกมาจากพุ่มไม้

“คุณภูมิ” กิ่งแก้วถลาไปหาประมุขของบ้าน “คุณเจิดเป็นยังไงบ้างคะ”

ภาคภูมิถอนหายใจอย่างเคร่งเครียด หันไปรับไหว้เพื่อนสนิทของลูกสาวที่เดินหน้าสลดเข้ามาหา แล้วตอบให้ได้ยินทั้งสองคน

“หมอเขาปั๊มหัวใจขึ้นมาได้”

กิ่งแก้วและหมูยอถอนหายใจพร้อมกันอย่างโล่งอก กิ่งแก้วยกมือพนมไหว้ “โอย โล่งอกไปที เจ้าประคู้นน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย โปรดช่วยคุณเจิดด้วยเถอะค่ะ ลูกจะถวายหัวหมู จะเลิกเล่นหวยปีนึงเลย”

“หนูเอาเอกสารขอหยุดงานกรณีฉุกเฉินมาให้แล้วค่ะพ่อ อยู่ในซอง” หมูยอบอกค่อยๆ ชูซองสีน้ำตาลในมือให้ดู

“ขอบใจมากลูก มา เข้าบ้านก่อน เดี๋ยวพ่อต้องเอาเอกสารของโรงพยาบาลฝากหมูยอไปด้วย”

ทั้งสี่คนเดินเรียงแถวเข้าบ้าน ภาคภูมิและเจณิสตาขอตัวขึ้นชั้นบน ส่วนหมูยอนั่งรออยู่ที่โซฟารับแขก

ในฐานะที่เป็นเพื่อนสนิทลูกสาวคนกลางของบ้าน หมูยอเคยมากินข้าวและนั่งเล่นนอนเล่นที่บ้านนี้มานับครั้งไม่ถ้วน เคยแอบนึกอิจฉาเจิดจันทร์อยู่เสมอที่มีครอบครัวอบอุ่นพร้อมหน้า อาศัยอยู่ในบ้านสวยหรูหลังใหญ่ พรั่งพร้อมด้วยเงินทอง ไม่อยากเชื่อเลยว่า แค่พริบตาเดียว เพื่อนเธอจะมีอันเป็นไปอย่างแปลกประหลาดเช่นนี้

หมูยอลุกขึ้นเดินไปที่ตู้โชว์ มองรูปของเพื่อนสาวที่อยู่ท่ามกลางรูปครอบครัวหลายสิบรูปอย่างสะเทือนใจ ใบหน้าเจิดจันทร์ยิ้มแป้นตั้งแต่วัยทารก เรื่อยมาจนถึงหัดเดิน เข้าอนุบาล มาเริ่มยิ้มน้อยลงตั้งแต่ช่วงประถม ขณะที่เจณิสตาและเจนนินทร์มีรูปถ่ายตอนเข้ารับรางวัลการประกวดสารพัดเวที เพื่อนสาวของเธอมักยืนอย่างหงอยๆ ตรงมุมรูป และกลายเป็นแทบไม่มีรูปถ่ายเลย เมื่อย่างสู่วัยรุ่น รูปล่าสุดน่าจะเป็นวันที่เจิดจันทร์รับปริญญา เธอโอบเอวมารดาและซบไหล่ผู้เป็นบิดาซึ่งยืนยิ้มอย่างยินดี

หมูยอถอนใจ แอบนึกถึงค่ำคืนหนึ่งที่เธอมาค้างกับเพื่อนสาวที่บ้านนี้ ทั้งคู่แอบจิบไวน์ พลางคลุมโปงฟังคลื่นเดอะโกสต์กันอย่างสนุกสนาน เรื่องเล่าภูตผีปีศาจทั้งหลายเป็นของโปรดของเจิดจันทร์ แม้จะจริงบ้างไม่จริงบ้าง แต่เพื่อนเธอเคยบอกว่ามันทำให้ชีวิตมีสีสัน ท่ามกลางความน่าเบื่อถึงขีดสุดที่รายล้อมตัวอยู่

“ถ้าเป็นเรื่องเล่าในรายการนะ” หมูยอยิ้มเศร้าๆ ให้กับใบหน้ายิ้มหวานในชุดครุยของเพื่อน “รูปแกต้องล้มคว่ำลงมา เป็นสัญญาณว่าแกเฮี้ยน แต่นี่แสดงว่าแกยังไม่เป็นไร สาธุ ฉันขอให้แกหายเป็นปกติไวๆ นะเจิด”

สาวน้อยร่างท้วมไม่เฉลียวใจสักนิดเลยว่า ระหว่างที่เธอรำพึงรำพันอยู่หน้าตู้โชว์นั้น เจ้าของรูปถ่ายก็ยืนเบียดชิดเธอแทบจะสิงเข้าไปในร่าง แถมพยายามตะกุยตะกาย สลับตะโกนบางอย่างใส่หูเธอไม่หยุด

เจิดจันทร์กรี๊ดใส่หูเพื่อนจนเหนื่อย ตอนนี้เธอเริ่มประหวั่นพรั่นพรึงแล้วว่าจะไม่สามารถออกไปจากบ้านได้ ในเมื่อการทำสมาธิอย่างที่ปู่ว่ามันช่างยากเย็นซะเหลือเกิน แถมปู่ก็มาๆ หายๆ ไม่อาจอยู่กับเธอได้ทุกเวลา หมูยอเป็นเพื่อนที่รับรู้สุขทุกข์ของเธอมาตลอด แถมยังได้ยินการฆ่าตัวตายที่มีเงื่อนงำของเธอจากตำรวจอีก ดังนั้น หากสามารถติดต่อสื่อสารกับหมูยอได้ เพื่อนอาจมีหนทางช่วยเหลือ

หากแต่เมื่อรับเอกสารจากพ่อของเธอเสร็จเรียบร้อย หมูยอคงไม่มีโอกาสมาบ้านเธออีก เจิดจันทร์จึงพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าฟางอ้วนๆ เส้นสุดท้ายที่ลอยมาอย่างเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว

หญิงสาวหันรีหันขวาง การตะโกนอย่างบ้าคลั่งไม่เป็นผล แล้วเธอจะทำอย่างไรให้หมูยอรับรู้  เจิดจันทร์ทึ้งผมตัวเองอย่างขัดใจ ทำไมชีวิตของเธอถึงได้ยากนักหนา ขนาดอยู่ในสภาพวิญญาณยังทำอะไรไม่สำเร็จ ผิดกับเรื่องเล่าผีสารพัดชนิดที่เธอเคยได้ยินได้ฟังมา อย่าว่าแต่ผลักกรอบรูปให้ล้มอย่างที่หมูยอพูดเลย จะให้เสกของ หายตัว หลอกหลอน ไปจนกระทั่งหักคอคน ก็ทำได้อย่างง่ายดาย

จริงสิ เจิดจันทร์เหลียวมองไปที่กรอบรูปภาพถ่ายตนเองในตู้โชว์ มันเบานิดเดียว เธอจะขยับมันได้ไหมนะ

“หมูยอ พ่อเซ็นเอกสารเสร็จแล้วลูก” เสียงภาคภูมิเรียกพร้อมฝีเท้าลงบันได หมูยอผละจากหน้าตู้โชว์ เดินไปหาบิดาของเพื่อนทันที

เจิดจันทร์ใจหายวาบ พยายามเปิดบานกระจกตู้โชว์อย่างเอาเป็นเอาตาย หากแต่สัมผัสอะไรไม่ได้ตามเคย หญิงสาวจ้องไปที่กรอบรูปอย่างร้อนใจ ฉับพลันคำที่ปู่ไกรพูดก็แวบเข้ามาในสมอง

‘ตั้งสมาธิ คิดถึงสิ่งที่ต้องการ’

จะเป็นไรถ้าลองดูกันอีกสักตั้ง ก่อนหน้านี้เธออาจคิดอะไรสะเปะสะปะ เลยไม่ได้ผล แต่วินาทีนี้ เจิดจันทร์รู้แน่ชัดแล้วว่าต้องการอะไร

หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกยาว พยายามระงับความตื่นเต้นวิตกกังวลทั้งปวง แล้วมองไปที่กรอบรูป บอกกับตัวเองซ้ำๆ เพียงคำเดียว “ล้มลงๆๆๆ…”

หมูยอรับซองสีน้ำตาลจากมือบิดาของเพื่อน มองใบหน้าหมองคล้ำซีดสลดอย่างเห็นใจ

“หนูเชื่อว่าคนดีๆ อย่างเจิดจะไม่เป็นไรค่ะพ่อ พ่ออย่าเพิ่งหมดหวังนะคะ เรื่องเอกสารลางาน เดี๋ยวหมูยอเดินเรื่องให้เองค่ะ พ่อไม่ต้องเป็นห่วง”

“พ่อฝากด้วยนะหมูยอ ยัยเจิดก็ไม่มีเพื่อนสนิทที่ไหน นอกจากหนู” ภาคภูมิพูดด้วยน้ำเสียงแห้งแล้ง ทำเอาหญิงสาวยิ่งหดหู่จนอยากจะร้องไห้ เธอพนมมือไหว้บิดาเพื่อน ก่อนหันหลังเดินตรงไปที่ประตูหน้าบ้าน

หมูยอแวะมองรูปเพื่อนสาวครู่หนึ่งเพื่ออำลา แต่แล้วก็ชะงัก

หญิงสาวร่างท้วมสาวเท้าเข้าไปใกล้ตู้โชว์ เพ่งมองหมู่มวลกรอบรูปในตู้อีกครั้ง แล้วขมวดคิ้ว…มีอะไรบางอย่างผิดปกติ…ถ้าจำไม่ผิด กรอบรูปของเจิดจันทร์ เหมือนเอียงไปจากจุดเดิม

หมูยอชะโงกหน้าเข้าไปมองในตู้ เผื่อจะเห็นสัตว์ตัวเล็กอย่างหนูหรือจิ้งจกที่หลบซ่อนอยู่ในนั้น แต่ภายในโปร่งโล่งสะอาดตา แทบไม่มีฝุ่นด้วยซ้ำ แสดงว่าแม่บ้านดูแลปัดกวาดเป็นอย่างดี

เจิดจันทร์ไม่ได้สนใจเพื่อนสาวที่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ เธอเพ่งไปที่กรอบรูปและกำหนดจิตแค่คำว่า “ล้มลง” อย่างไม่ยอมให้ความคิดอื่นใดมารบกวน ใจส่วนลึกรับรู้ว่าเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่เธอจะสื่อสารกับเพื่อนรัก หญิงสาวยิ่งเพ่งและส่งจิตไปที่รูปจนร่างร้อนผ่าว

หมูยอเม้มริมฝีปาก พยายามทบทวนว่าเธอจำตำแหน่งกรอบรูปผิดไปหรือไม่ หญิงสาวตัดสินใจเอื้อมมือไปเปิดตู้โชว์ หวังจะขยับกรอบรูปของเพื่อนให้เข้าที่

ขณะเอื้อมไปที่ใบหน้ายิ้มหวานของเจิดจันทร์ ภาพถ่ายนั้นก็ล้มคว่ำลงมา

หมูยอสะดุ้งเฮือก หดมือกลับอย่างตกใจ มั่นใจว่ายังไม่ได้สัมผัสกรอบรูปแม้ปลายนิ้ว หญิงสาวมองซ้ายขวาเลิ่กลั่ก ก็ไม่เห็นสาเหตุใดที่จะทำให้รูปล้มลง ตรงนี้ไม่มีลม ไม่เห็นสัตว์มาวิ่งชน ตู้ก็เป็นปกติ ไม่สั่นสะเทือน

แต่มีเพียงรูปเดียวที่ล้มตรงหน้า นั่นคือภาพถ่ายของเจิดจันทร์

“เจิด” หมูยอครางเบาหวิว ขนลุกกรูเกรียว พร้อมกับแข้งขาสั่นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

 



Don`t copy text!