
ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 25 : นรกหลังความตาย
โดย : เอมอักษร
ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศกับนิยายดราม่าคอเมดี้จากโครงการอ่านเอาก้าวแรก ปี 5 โดย เอมอักษร เรื่องราววุ่นๆ ของหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายทุกด้านจนขอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ไหงแค่นอนหลับไปวิญญาณก็ออกจากร่าง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกลับเข้าร่าง หาฆาตกรให้ทันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที
“ยัยเจิด ช่วยกันเร็ว อย่าให้มันเอาไอ้แท่งนั้นไป” ปู่ไกรตะโกน เจิดจันทร์รับคำอย่างตื่นตระหนก เธอใจหายตั้งแต่เห็นปรีเมธคว้าทัมบ์ไดรฟ์จากมือหมูยอแล้ว สังหรณ์ว่าชายหนุ่มไม่ได้คิดช่วยเธออย่างที่ปากพูดแน่นอน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกอีกครั้ง ตั้งใจแน่วแน่ว่าจะส่งความคิดถึงเพื่อนสนิทสุดพลัง
แต่ฉับพลัน ร่างกายของเธอกลับอ่อนเปลี้ยจนเข่าทรุดกระแทกพื้นโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวงุนงง พยายามลุกขึ้นมาใหม่ หากพื้นโคลงไหวจนไม่อาจทรงตัว และจู่ๆ ภาพตรงหน้าก็พร่าเลือนจนมองเห็นเพียงเงามัว
เงานั้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จนบังร่างปรีเมธกับหมูยอมิด และเพียงวูบเดียว เงามัวก็เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท พร้อมพุ่งเข้ามาห่อหุ้มร่างกายของเจิดจันทร์ไว้ จนเหมือนหลุดเข้าไปอุโมงค์อันมืดมิด หญิงสาวอ้าปากกรีดร้องอย่างเสียขวัญ หันขวับไปเรียกหาปู่ไกรที่ยืนอยู่ข้างๆ แต่มองไม่เห็นอะไรนอกจากความมืด
ร่างหญิงสาวถูกดูดและเหวี่ยงซ้ายขวาเร็วจี๋ ราวกับตกอยู่ท่ามกลางพายุหมุน ทั้งร่างโดนบีบอัดเหมือนมีมือยักษ์ใหญ่พยายามบีบเค้นร่างเธอให้แหลกสลาย เจิดจันทร์คิดว่าตัวเองแหกปากร้องลั่น แต่ไม่ได้ยินสรรพเสียงใดๆ นอกจากความมึนงงและเจ็บปวดจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
นานจนหญิงสาวคิดว่ามันไม่มีวันจบสิ้น ทุกอย่างที่บีบอัดห้อมล้อมตัวอยู่ก็คลายลง หญิงสาวต้องตั้งสติอยู่พักใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตามองอีกครั้ง
หญิงสาวจำสิ่งที่มองเห็นเป็นอย่างแรกได้อย่างแม่นยำ นั่นคือเพดานห้องนอนของเธอเอง
เจิดจันทร์เหลียวมองรอบตัว พบว่าเธอกำลังนอนพังพาบอยู่บนเตียงนอน นาฬิกาพรายน้ำหัวเตียงบอกเวลาสี่ทุ่มห้าสิบห้านาที ของคืนวันที่…เธอทะเลาะกับพ่อเรื่องสอบตก จนมาพบว่าวิญญาณตัวเองออกจากร่างในวันรุ่งขึ้น
หัวใจเต้นรัวแรงขึ้นมาทันที นี่หมายความว่า เธอได้ย้อนเวลากลับไปเข้าร่างแล้วใช่ไหม หรือเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมดเป็นเพียงความฝันเลอะเทอะชุดใหญ่ แล้วเธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายนั้น
เจิดจันทร์ถอนหายใจเฮือก ขยับจะลุกขึ้นจากท่าที่นอนหมดอาลัยตายอยาก จำได้ว่าตัวเองนอนอยู่ในสภาพนี้ตั้งแต่วิ่งร้องไห้กลับมาที่ห้อง ก็น่าจะกว่าหกเจ็ดชั่วโมง ป่านนี้ตะคริวคงจะกินไปถึงตับไตไส้พุงแล้ว
“เอ๊ะ” หญิงสาวไม่สามารถขยับตัวเองได้ แม้พยายามดิ้นรนเท่าไหร่ก็ยังนอนนิ่งอยู่ในท่าเดิม มีเพียงน้ำตาที่ไหลพรากไม่ขาดสาย
“แกมันห่วย ยัยเจิด” เสียงบิดาลอยก้องเข้ามาในหู เล่นเอาหญิงสาวตกใจจนผวา “ฟังนะ ฟัง ฟัง ฟัง ปัญหาทั้งหมดมันอยู่ที่ตัวแก! เป็นที่ตัวแก! ถ้าแกยังไม่เปลี่ยนความคิด ยังไม่เอาจริงกับอะไรสักอย่าง ปล่อยชีวิตล่องลอยไปแบบนี้ ไม่ว่าจะทำอะไร มันก็ฉิบหายหมดนั่นแหละ ฉิบหาย ฉิบหาย ฉิบหาย”
อีกประโยคหนึ่งซ้อนขึ้นมาทันที คราวนี้ดังเกรี้ยวกราดราวกับคนพูดมายืนตะโกนใส่หน้า “พ่อจนปัญญากับแกแล้วเจิด ต่อไปนี้จะไม่ยุ่งแล้ว ชีวิตใครชีวิตมัน แกจะทนเป็นลูกจ้างรับเงินเดือนหมื่นสองไปตลอดชีวิตก็ตามใจ อย่าบอกใครว่าเป็นลูกฉันก็แล้วกัน!”
หญิงสาวอยากจะร้องกรี๊ด อยากจะปิดหู แต่ทำอะไรไม่ได้แม้แต่น้อย เพราะร่างของเธอยังคงนอนทอดอาลัยน้ำตาไหล ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ ทั้งสิ้น
“พวกแก๊ๆๆ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันสอบได้ นั่นชื่อฉัน ลำดับที่ยี่สิบพอดีเลย นายณวัฒน์ แก่นเชื้อชาญไชย” เสียงเพื่อนที่ตะโกนลั่นแผนก ปลุกความริษยาของเจิดจันทร์ให้ลุกโพลงถึงขีดสุด เธอจะไม่เสียใจเท่านี้เลย ถ้าเพื่อนที่รู้จักสอบตกกันหมดทุกคน แต่นี่ คนที่ดูไม่ได้เก่งอะไรอย่างติ๊กยังสอบได้ และต่อไปเขาก็จะได้บรรจุเป็นพนักงานเต็มตัว มีสถานภาพที่เหนือกว่าลูกจ้างอย่างเจิดจันทร์ทุกประการ
ภาพในหัวลอยขึ้นมาแจ่มชัด ติ๊กใส่เครื่องแบบพนักงานใหม่เอี่ยม กำลังรวมกลุ่มพูดคุยกับเพื่อนพนักงานด้วยกัน เหลือบมองเจิดจันทร์ที่ยืนถ่ายเอกสารหน้าเป็นมันอย่างไม่แยแส เพื่อนสาวอีกคนเดินเข้าไปรวมกลุ่ม กระซิบกระซาบด้วยเสียงดัง ตั้งใจให้เจิดจันทร์ได้ยิน
“พ่อเขาวิ่งแทบตาย สุดท้ายก็ปิ๋ว สงสารพ่อเขาว่ะ ไปคุยไว้ตั้งเยอะ ว่าลูกเขาจะได้เป็นพนักงานรอบนี้”
“ยัยเจิดมันโง่ แถมขี้เกียจอีกต่างหาก ขืนสอบได้ก็ปาฏิหาริย์แล้ว นี่ก็สอบมาไม่รู้กี่รอบ ข้อสอบก็ออกคล้ายๆ เดิมแหละ ยังทำไม่ได้เล้ย”
“ไม่รู้เหรอ คนเขาพนันกันทั้งตึก ร้อยเอาหนึ่ง ถ้ายัยเจิดสอบได้ นี่ถ้าใครเล่นข้างยัยเจิด มีหวังฉิบหายขายตัว”
เสียงหัวเราะหยามหยันประสานกันอย่างครื้นเครงทั้งกลุ่ม
เจิดจันทร์พยายามตั้งสติ บอกตัวเองว่าภาพในหัวไม่ใช่เรื่องจริงแม้แต่น้อย เป็นแค่จินตนาการที่เธอคิดฟุ้งซ่านทับถมตัวเองเท่านั้น
หากแต่ภาพในหัวยังฉายต่อไป ราวกับภาพยนตร์ที่ฉายด้วยเทคโนโลยี 4k คมชัดทุกมิติ แถมยังสมจริงเหมือนตัวเธอได้เข้าไปเป็นตัวเอกในทุกเหตุการณ์
เรื่องราวตั้งแต่เยาว์วัยเลื่อนไหลเข้ามาเรื่อยๆ ที่จำได้แม่นคือเสียงร่ำลือชมความสวยของเจณิสตากับเจนนินทร์ในหมู่ญาติพี่น้อง พร้อมกับแววตาเวทนาปนสงสารยามมองมาที่เจิดจันทร์ ภาพพี่สาวน้องสาวได้รับรางวัลเรียนดี กิจกรรมเด่น ชนะการประกวดสารพัดสารเพ สอบชิงทุนไปต่างประเทศได้ทั้งคู่ ในขณะที่เธอกว่าจะผ่านแต่ละชั้นปีก็เอาตัวแทบไม่รอด สีหน้าอิดหนาระอาใจของเหล่าคุณครูยังผนึกแน่นในความทรงจำ
วันวาเลนไทน์ทุกปี เจิดจันทร์ต้องแกล้งทำกิจกรรมและกลับบ้านช้า เพราะไม่อยากกลับบ้านพร้อมกับพี่สาวน้องสาว ที่ต่างก็หอบดอกกุหลาบช่อโตและของขวัญจากหนุ่มๆ กลับบ้านกันอย่างชื่นบาน หัวข้อสนทนาในรถคือ ใครได้ของจากหนุ่มคนไหนบ้าง อัปเดตรายชื่อหนุ่มในลิสต์ และกรี๊ดกร๊าดกันสนุกสนานหากเป็นหนุ่มป๊อบประจำโรงเรียน
เจิดจันทร์ไม่เคยได้ของกำนัลจากเพศตรงข้ามแม้แต่ชิ้นเดียว ถ้าไม่ใช่ของที่ฝากซื้อ จนกลายเป็นเรื่องขบขันที่บิดามารดายกเอามาแซวบ่อยๆ ว่าคงต้องรับภาระเลี้ยงลูกสาวคนนี้ไปตลอดชีวิต เพราะขายไม่ออก
หารู้ไม่ว่า เจิดจันทร์ไม่เคยตลกไปกับเรื่องนี้ ตั้งแต่เริ่มรุ่นสาว หญิงสาวก็ใฝ่ฝันจะมีใครสักคนเป็นของตัวเอง ไม่ต้องหล่อ รวย เด่นดัง เหมือนสเปคของเจณิสตากับเจนนินทร์ แค่ขอให้เขาคนนั้นมองเห็น เข้าใจ และใส่ใจเธอบ้างก็เพียงพอ
แต่ก็ไม่เคยมีใครคนนั้น จนกระทั่ง ปรีเมธก้าวเข้ามา
ความหวังที่วูบขึ้นมาเหมือนแสงปลายเทียนน้อยๆ ช่วยส่องให้เธอเห็นว่ายังมีความสดใสในชีวิต และความหวังนั้นก็เรืองรองสว่างชัดขึ้นเรื่อยๆ จนเธอเกือบจะมั่นใจแล้วว่า ปรีเมธเองก็มีใจให้เธอ และรักในตัวตนของเธออย่างแท้จริง
แต่…เขาเองก็ยังตามติดเจณิสตาไม่ห่าง ในขณะที่พี่สาวเธอเอง ก็แสดงอาการไม่พอใจจนออกนอกหน้า ยามเห็นชายหนุ่มแสดงความอาทรเจิดจันทร์ หญิงสาวไม่รู้ว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้จะไปจบลงที่ตรงไหน รู้แต่ว่าเธอคงเจ็บปวดที่สุดในชีวิต หากว่าสุดท้ายแล้วเขาเลือกเจณิสตา
อนุสติที่ยังหลงเหลืออยู่เล็กน้อย กระซิบขึ้นมาแผ่วเบาว่า ปรีเมธเป็นคนเลว ไม่สมควรที่เธอและพี่สาวจะทุ่มเทใจด้วยทั้งสิ้น แต่เหมือนสมองไม่ยอมรับ มันคอยกลับไปคิดเจ็บปวดทุรนทุรายถึงชายหนุ่ม เหมือนในคืนก่อนที่เธอจะตาย
เจิดจันทร์เจ็บร้าวไปทุกอณู เสียงและภาพในเหตุการณ์ต่างๆ ทั้งที่เกิดขึ้นจริง และที่จินตนาการขึ้นมาเอง ต่างแย่งกันผุดขึ้นมาไม่หยุดหย่อน ล้วนแต่เป็นเรื่องน่าอับอาย น่าน้อยใจ และเจ็บปวดผิดหวัง ยามมีสติเธอพยายามผลักไสและซ่อนเร้นเรื่องเหล่านี้อย่างสุดความสามารถ แต่เวลานี้มันกลับผุดพรายอย่างแจ่มชัด บางอย่างก็เหนือจริงจนเธอถึงขั้นหวาดกลัวความคิดตัวเองด้วยซ้ำ
การควบคุมความคิดตัวเองไม่ได้ มันเลวร้ายเช่นนี้เอง
แต่ที่เลวร้ายที่สุด คือความคิดที่แวบขึ้นมาว่า หรือเธอจะไม่มีคุณค่าพอที่จะอยู่บนโลกใบนี้ และทุกคนอาจจะดีใจ หากเจิดจันทร์ตัดสินใจจากไป
หญิงสาวปวดร้าวไปทั้งสมอง จนต้องค่อยๆ ตะเกียกตะกายไปที่ลิ้นชักหัวเตียง ควานหาวิตามินเมลาโทนินที่ช่วยให้นอนหลับ
เม็ดแคปซูลพรั่งพรูลงในฝ่ามือ จำนวนไม่ต่ำกว่าสิบเม็ด เจิดจันทร์ร้องอึงอลในใจ พยายามห้ามปรามตัวเองไม่ให้กิน เพราะดูจากปริมาณแล้ว นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอสิ้นสติเคลิบเคลิ้มจนเผลอทำอัตวินิบาตกรรมก็เป็นได้
หากแต่มือของหญิงสาวยังคงสาดวิตามินทั้งกำเข้าปาก คว้าแก้วน้ำบนหัวเตียงดื่มตาม ก่อนกลับมานอนแผ่หลาที่เดิม
เจิดจันทร์ไม่มีความเจ็บทางกาย แต่ความรู้สึกรวดร้าวในอกนั้นเหมือนจะปะทุออกมาเชือดเฉือนผิวเนื้ออ่อนๆ ของเธอจนแสบสะท้านไปหมดทั้งร่าง หญิงสาวภาวนาให้วิตามินออกฤทธิ์โดยเร็ว ขณะที่พยายามผลักไสและวิ่งหนีภาพในหัวจนอ่อนล้า
อาการง่วงงุนย่างกรายเข้ามาทีละนิด ภาพเหตุการณ์ทั้งหลายค่อยคลายความแจ่มชัดลงไป เมื่อร่างกายเข้าสู่ภาวะเคลิบเคลิ้มเตรียมสู่ภวังค์
ชั่ววินาทีหนึ่ง เจิดจันทร์ถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ตัวเองกำลังจะนอนหลับ จะได้ปิดสวิตช์ภาพหลอนรวมถึงความคิดที่ทรมานเธอไม่สิ้นสุดได้เสียที
แต่ยังไม่ทันที่เธอจะหลับสนิท ทั้งร่างก็ถูกกระชากหวือ ดูดกลับไปที่อุโมงค์พายุหมุนอันมืดมิดแห่งเดิมอีกครั้ง
ร่างหญิงสาวโดนบีบอัดและเหวี่ยงซ้ายขวาเร็วจี๋ เจิดจันทร์อ้าปากกรีดร้องอย่างอ่อนแรง สังหรณ์บางอย่างบอกว่าเธอกำลังจะเจอกับอะไร
เมื่อทุกอย่างสงบลง เจิดจันทร์ผวาเมื่อรู้สึกว่าร่างสัมผัสกับผ้าปูที่นอนนุ่มลื่นอันคุ้นเคย
หญิงสาวค่อยๆ หรี่ตาขึ้นมอง แล้วครางในใจอย่างไม่รู้ตัว
ไม่นะ…
สิ่งแรกที่เธอเห็น คือเพดานห้องนอนของตัวเอง และนาฬิกาพรายน้ำบนหัวเตียงบอกเวลาสี่ทุ่มห้าสิบห้านาที
หญิงสาวย้อนกลับมายังช่วงเวลาก่อนที่วิญญาณจะออกจากร่างอีกครั้ง และความคิดเลวร้ายสารพัดแบบเดิม ก็วิ่งแข่งกันเข้ามาในสมองเจิดจันทร์ทันทีอย่างไม่ยอมให้เธอได้หยุดพัก
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 25 : นรกหลังความตาย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 24 : ภาพปริศนา
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 23 : ธาตุแท้
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 22 : พี่ชายที่รัก
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 21 : เจนนินทร์
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 20 : ภาพสำคัญ
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 19 : วิชา
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 18 : เจณิสตา
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 17 : หลักฐาน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 16 : ด้วยแรงสมาธิ
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 15 : เฮี้ยน!
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 14 : เงื่อนงำ
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 13 : เพื่อน (คน) ตาย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 12 : ปู่ไกร
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 11 : เสียงที่คุ้นเคย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 10 : สืบอลหม่าน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 9 : และแล้ววิญญาณ...ก็อลเวง
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 8 : วันวิกฤต
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 7 : คำอำลา
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 6 : เราสองสามคน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 5 : เซอร์ไพรส์
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 4 : ฟางเส้นสุดท้าย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 3 : ความกดดัน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 2 : คนแรกของหัวใจ
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 1 : เจิดจันทร์