ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 27 : หยุดที่…ลมหายใจ

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 27 : หยุดที่…ลมหายใจ

โดย : เอมอักษร

Loading

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศกับนิยายดราม่าคอเมดี้จากโครงการอ่านเอาก้าวแรก ปี 5 โดย เอมอักษร เรื่องราววุ่นๆ ของหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายทุกด้านจนขอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ไหงแค่นอนหลับไปวิญญาณก็ออกจากร่าง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกลับเข้าร่าง หาฆาตกรให้ทันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที

เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วไม่รู้ที่เจิดจันทร์ลืมตามองเห็นเพดานห้องตัวเอง และจากนั้นก็ต้องต่อสู้กับภาพในหัวที่วนเวียนคิดแต่เรื่องผิดหวังเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า น่าแปลกที่การย้อนกลับไปอยู่ในเหตุการณ์เดิมซ้ำๆ ไม่ได้ทำให้หญิงสาวชินชาหรือตั้งรับได้ แต่มันกลับยิ่งตอกย้ำว่าเธอไร้คุณค่าจนความรู้สึกจมดิ่ง เหมือนโดนกดลงไปใต้น้ำทีละน้อยๆ ความหวังและความสุขกลายเป็นผิวน้ำที่อยู่ห่างไกลออกไปทุกที

“ยัยเจิด” เสียงแผ่วเบาเรียกอยู่ไกลๆ มันดังๆ หายๆ จนจับไม่ได้ว่ามาจากที่ใด “สู้สิลูก อย่าปล่อยให้ความคิดไหล มันไม่ใช่ของจริง ตั้งสมาธิเข้าไว้ หายใจเข้าออก และอยู่กับลมหายใจเท่านั้น”

เจิดจันทร์นอนตาลอย มันจะไม่ใช่ของจริงได้อย่างไร ในเมื่อทุกเหตุการณ์ฉายชัดราวกับทุกคนมายืนพูดต่อหน้า

“ตั้งสมาธิเข้าไว้ ยัยเจิด หนูต้องกลับมาเข้าร่าง ต้องกลับมาช่วยพี่เจหนูเจนนะลูก”

พี่เจกับหนูเจน พี่สาวและน้องสาวคนสวยของเธอ สองคนนั้นมีอะไรให้ช่วย ในเมื่อชีวิตเกิดมาสมบูรณ์แบบทุกอย่าง

ลืมเรื่องปรีเมธแล้วหรือไง อนุสติแผ่วเบากระซิบ มันทำเลวกับพี่เจ และเตรียมจะทำกับหนูเจนอีก เธอเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องทั้งหมดนะ สองคนนั้นต้องการเธอ พวกเขากำลังต้องการความช่วยเหลือ

เจิดจันทร์กะพริบตา ภาพพี่สาวที่ร้องไห้เหมือนใจจะขาดขณะดูคลิปอนาจารของตัวเองแวบเข้ามาในสมอง ทำให้เธอตื่นตัวขึ้นมาเล็กน้อย

เสียงปู่ไกรยังแว่วมาไม่ขาด “หายใจ อยู่กับลมหายใจเท่านั้น ยัยเจิด”

เจิดจันทร์ค่อยๆ สูดลมหายใจ ขณะที่ภาพในหัวราวจะสู้กลับ เพราะมันยิ่งขยายใหญ่และชัดเจนกว่าเดิม

“ฉันต้องกลับเข้าร่าง ฉันต้องไปช่วยพี่เจหนูเจน” หญิงสาวบอกตัวเองซ้ำๆ พยายามตั้งใจนับแค่ลมหายใจเข้า-ออกทีละจังหวะเท่านั้น แต่ก็ช่างทำได้ยากเย็น เพราะในหัวยังมีภาพเลวร้ายวิ่งวนไม่ยอมหยุด

“ไม่ว่าจะเห็นจะได้ยินอะไรก็ช่างมัน ปล่อยให้มันเล่นไป เราแค่เป็นคนมองเท่านั้น แล้วเราก็นับลมหายใจเข้าออกเท่านั้นพอ” ปู่ไกรกระซิบ

ใครจะทำได้ ในเมื่อความคิดร้ายกาจทั้งหลายยังวิ่งเข้ามาต่อเนื่อง

ไม่เป็นไร เจิดจันทร์บอกตัวเองอย่างอ่อนล้า ถ้าเผลอไปคิดก็ช่างมัน ก็แค่กลับมานับลมหายใจใหม่ เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ไปเรื่อยๆ

แค่อยู่กับลมหายใจเท่านั้น…

เข้า-ออก เข้า-ออก ทีละจังหวะ

ทำไปเรื่อยๆ

นานแสนนานที่เจิดจันทร์เฝ้านับลมหายใจ เพ่งจดจ่ออยู่กับลมใต้จมูกเท่านั้น จนแทบไม่ได้สังเกตว่าเสียงในหัวที่เคยก้องไปด้วยคำเย้ยหยันด่าทอ กลับค่อยเงียบลงทีละนิด และภาพที่วิ่งวนในสมองก็ค่อยๆ หายไป

“ยัยเจิด” เสียงปู่ไกรเรียก ชัดเจนพูดอยู่ริมหู

เจิดจันทร์สะดุ้งเฮือก ลืมตาโพลง พอรู้สึกตัวก็เหลียวมองรอบตัวอย่างหวาดผวา แต่เธอไม่ได้อยู่บนเตียงในห้องนอนอีกแล้ว หากแต่กำลังนั่งอยู่หน้าประตูรั้วบ้าน มีปู่ไกรนั่งอยู่ข้างๆ ด้วยสีหน้าลุ้นสุดขีด

“ปู่” หญิงสาวครางเบาหวิวราวขาดใจ ก่อนร้องไห้โฮ “โอ๊ย ปู่ขา มันน่ากลัวอะไรยังงี้ เจิดย้อนกลับไปคืนก่อนตาย คิดเรื่องเดิมๆ วนไปวนมาอยู่อย่างนั้น พอหลับก็ตื่นมาคิดใหม่ ไม่รู้กี่สิบรอบ เจิดคิดว่าตัวเองต้องเป็นบ้าแน่ๆ โธ่ แค่ตายเป็นผียังซวยไม่พอ เจิดยังจะกลายเป็นผีบ้าอีก”

ปู่ไกรมองหลานสาวอย่างเวทนา

“นี่แหละคือสิ่งที่ปู่เคยเล่าให้เจิดฟัง ว่าปู่ต้องเจออะไรบ้างหลังจากที่ตายแล้ว กว่าปู่จะค้นพบว่าการตั้งสติอยู่กับตัวเอง ช่วยให้เราหลุดพ้นจากการตายซ้ำซากได้ชั่วคราว ปู่ก็ต้องทนเจอกับเหตุการณ์ก่อนจะตายไม่รู้กี่แสนกี่ล้านรอบ มันทรมานไม่มีอะไรเปรียบเลยยัยเจิด” ปู่ไกรส่ายหน้า “และการทำสมาธิก็เป็นสิ่งที่ยากเหลือเกิน เพราะเราชินกับการคิด เราไม่เคยฝึกการหยุดคิดเลย”

ปู่มองหน้าหลานสาว พูดด้วยเสียงจริงจัง “ปู่ไม่รู้ว่าเราสองคนจะยังอยู่ในโลกปัจจุบันนี้ได้อีกนานแค่ไหน เราต้องช่วยกันทำอะไรสักอย่าง อย่างน้อยก็ต้องช่วยพี่เจหนูเจน”

เจิดจันทร์ค่อยๆ ยันร่างขึ้นยืนอย่างอ่อนแรง ขยับจะถามปู่ว่าแล้วเราต้องทำอะไรอย่างจนปัญญา ก็พอดีกิ่งแก้วเดินร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาจากในบ้าน

“อ้าว ป้าแก้วร้องไห้ทำไม” เจิดจันทร์ในหายวูบ สังหรณ์ในทางร้ายทันที “หรือว่าใครส่งข่าวว่าหนูตายแล้ว หนูตายแล้วจริงๆ ใช่ไหมคะปู่ หนูถึงได้ย้อนกลับไปคืนก่อนตายเหมือนที่ปู่เจอ”

ทั้งคู่มองร่างเล็กบางของกิ่งแก้วเดินไปที่รถเก๋งคันเล็ก อันเป็นรถที่ภาคภูมิมอบให้แม่บ้านไว้สำหรับขับไปตลาดหรือไปธุระให้คนในครอบครัว นางเปิดประตูรถ แล้วเปิดค้นอะไรกุกกักอยู่ครู่หนึ่ง

“ป้าแก้ว” หญิงสาวร้องเรียกซ้ำ ขณะกิ่งแก้วเดินเหม่อลอยกลับเข้าไปในบ้าน เจิดจันทร์หันไปพยักหน้าเรียกปู่ แล้วสาวเท้าลอยละล่องตามกิ่งแก้วเข้าไปทันที

หญิงแม่บ้านเดินเงียบกริบขึ้นไปชั้นบน ก่อนจะหยุดอยู่หน้าห้องนอนลูกสาวคนเล็กของบ้าน แนบใบหูกับประตูห้องอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะหมุนลุกบิดอย่างแผ่วเบา

ห้องนอนของเจนนินทร์เย็บเฉียบด้วยเครื่องปรับอากาศ เจ้าของห้องนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง บนพื้นมีบทละครวางระเกะระกะ

กิ่งแก้วจรดฝีเท้าแทบกลายเป็นย่องตรงไปที่เตียงนอน ชะโงกหน้ามองใบหน้าสวยที่หลับพริ้มด้วยสีหน้าเศร้าหมอง ก่อนจะตัดใจล้วงหลอดเล็กจิ๋วออกจากกระเป๋ากางเกงมากำไว้

มือผอมเกร็งออกจะสั่นเล็กน้อย ขณะหมุนจุกอย่างระมัดระวัง แล้วหยดน้ำยาใสลงในเหยือกน้ำที่วางบนโต๊ะข้างเตียง

กิ่งแก้วโหย่งเดินออกจากห้องอย่างเงียบกริบ ไม่ต่างอะไรกับตอนเข้ามา ใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที ขณะที่สาวน้อยเจ้าของห้องยังคงหลับใหลไม่รู้สึกตัว

วิญญาณปู่กับหลานหันมามองหน้ากันอย่างฉงน แล้วต่างฝ่ายต่างก็ตามติดกิ่งแก้วออกไปจากห้องทันที



Don`t copy text!