ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 29 : เรื่องเล่าของปู่ไกร

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 29 : เรื่องเล่าของปู่ไกร

โดย : เอมอักษร

Loading

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศกับนิยายดราม่าคอเมดี้จากโครงการอ่านเอาก้าวแรก ปี 5 โดย เอมอักษร เรื่องราววุ่นๆ ของหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายทุกด้านจนขอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ไหงแค่นอนหลับไปวิญญาณก็ออกจากร่าง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกลับเข้าร่าง หาฆาตกรให้ทันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที

“แน่แล้วหรือ” ไกรถามลูกชายโทนหัวแก้วหัวแหวน ในขณะที่ชายหนุ่มและเรืองรุจีผู้เป็นภรรยา ยืนอ้ำอึ้งด้วยสีหน้าไม่ดีกันทั้งคู่

“ครับ” ภาคภูมิตอบเสียงอ่อย “ยัยเจได้น้องสาว แต่ก็…เด็กแข็งแรงดีครับ”

“เอาเถอะๆ” ไกรโบกมือ “จะผู้หญิงผู้ชายพ่อก็รักทั้งนั้น ก็หลานทั้งคน”

“งั้นคนนี้ คุณพ่อช่วยตั้งชื่อให้แกหน่อยได้ไหมครับ จะได้เป็นสิริมงคล” ภาคภูมิพูดอย่างเอาใจ

“เอางั้นเหรอ แม่รุจีจะว่าหรือเปล่า” ไกรเอ่ยเสียงเนิบๆ “คนโตแม่เขาตั้งชื่อเอง เก๋ไก๋เป็นฝรั่งมังค่า พ่อตั้งแบบนั้นไม่เป็นนะ”

“ไม่หรอกค่ะ หนูจะกราบขอบพระคุณคุณพ่อมาก ถ้าช่วยกรุณาตั้งชื่อให้หลาน” เรืองรุจีพูดอย่างอ่อนหวาน รับสัญญาณสะกิดยิกๆ ของสามี “ชื่อยัยเจ หนูก็ตั้งตามๆ เขา ไม่ได้มีความรู้เรื่องเลขผานาทีอะไรหรอกค่ะ ถ้าคุณพ่อกรุณาตั้งชื่อให้ตามศาสตร์ที่ถูกต้อง ก็จะเป็นมงคลกับหลานคนนี้”

ไกรยิ้มพยักหน้าอย่างพอใจ ก่อนจะไอเสียงแหบพร่าติดต่อกัน

“อ้าว คุณพ่อชักจะเหนื่อยแล้ว” ภาคภูมิขยับตัว “งั้นคุณพ่อนอนพักก่อนดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะให้กิ่งแก้วเอาน้ำขิงร้อนๆ มาให้”

“แม่รุจีก็รีบไปพักนะ กำลังท้องกำลังไส้ อย่าเพิ่งออกจากบ้านไปโน่นมานี่” ไกรกำชับสะใภ้ ก่อนจะเอนหลังพิงศีรษะกับหมอน หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

นับตั้งแต่หมอวินิจฉัยว่าเขาเป็นมีอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ไกรก็พบว่าสุขภาพตนเองอ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด ทั้งมีอาการไอถี่ หายใจหอบเหนื่อย จนนอนหลับไม่สนิท ส่งผลให้เขายิ่งอ่อนเพลียและไม่อยากอาหาร จนน้ำหนักลดลงไปเกือบห้ากิโลกรัมในเวลาไม่ถึงสองเดือน

แต่ความทรมานทางกาย ก็ยังไม่เท่ากับจิตใจที่ว้าวุ่นกังวล ไกรบอกตนเองว่าไม่ได้กลัวตาย หากแต่ยังห่วงครอบครัวของลูกชายคนเดียว ภาคภูมิเป็นคนสำอางมาตั้งแต่ยังเป็นหนุ่มน้อย ไม่สามารถที่จะสานต่อกิจการรับเหมาก่อสร้างของผู้เป็นบิดาได้ เพราะงานหนักและต้องคลุกคลีกับคนร้อยพ่อพันแม่ เขาจึงต้องทั้งผลักดันทั้งวิ่งเต้นจนภาคภูมิเข้าทำงานในรัฐวิสาหกิจใหญ่ได้สำเร็จ อาศัยเส้นสายและ “ใต้โต๊ะ” สนับสนุนจนตำแหน่งงานของลูกชายเติบโตก้าวหน้าเป็นลำดับ ถ้าหากว่าบวกกับทรัพย์สมบัติที่เขาทิ้งไว้ให้ ก็นับว่ามีฐานะมั่นคงพอประมาณ

ชายหนุ่มแต่งงานกับสาวสวยสกุลดี เป็นที่เชิดหน้าชูตาของทั้งสองครอบครัว แม้เรืองรุจีจะค่อนข้างสำรวยประสาลูกคุณหนูไม่ผิดกับสามี แต่ก็ยังนับว่าทำหน้าที่แม่บ้านได้ไม่ขาดตกบกพร่อง สิ่งเดียวก็กวนใจไกรคือ ทั้งคู่มีทายาทเป็นผู้หญิงสองคนเข้าแล้ว แน่ละว่าเขาไม่ได้รังเกียจหลานสาวแม้สักนิด แต่ใจหนึ่งที่มีปมเรื่องการสืบสกุล เพราะเขาเองก็มีลูกชายโทนเพียงแค่คนเดียว ก็ทำให้ไกรอดวิตกไม่ได้ว่าจะสูญสิ้นสกุลเพียงแค่รุ่นหลานนี้เอง

เอาเถอะ…ชายชราถอนใจอย่างเหน็ดเหนื่อย เรืองรุจีก็อายุยังไม่มาก อาจมีโอกาสมีลูกได้อีกถึงสองสามคน หลานชายอาจจะมาเกิดในปีต่อไปก็ได้

เสียงเคาะประตูดังขึ้น ก่อนที่ร่างอ้อนแอ้นของแม่บ้านนามกิ่งแก้ว จะค่อยๆ เดินเข้ามาพร้อมกับถาดบรรจุถ้วยชาและอาหารว่าง

“แก้วเอาน้ำขิงกับขนมจีบมาให้ค่ะคุณท่าน” หญิงสาวรายงาน “ขนมจีบเจ้านี้อร่อยมาก คุณภูมิซื้อมา กำลังร้อนๆ เลยค่ะ”

ไกรพยักหน้ารับรู้ ยังคงหลับตา “วางไว้บนโต๊ะนั่นแหละแก้ว เดี๋ยวฉันกินเอง”

นอนหลับตาจนเกือบจะเคลิ้ม แล้วก็เอะใจว่าไม่ได้ยินเสียงเปิดปิดประตูดังขึ้นอีก จึงลืมตามอง

“อ้าว” ไกรทำหน้าฉงน เมื่อร่างของแม่บ้านสาวยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม “ไม่ต้องรอยกถาดออกไปหรอก ฉันยังไม่หิว อยากกินเมื่อไหร่เดี๋ยวกินเอง”

กิ่งแก้วเดินเข้ามาข้างเตียง ทรุดตัวลงนั่งในท่าคุกเข่าอย่างเรียบร้อย

“แก้ว…มีเรื่องจะเรียนคุณท่านค่ะ”

ไกรขมวดคิ้ว มองสีหน้ากระอักกระอ่วนลังเลของหญิงสาวอย่างแปลกใจ

“เรื่องอะไรล่ะแก้ว อ้าว” คราวนี้ออกจะตกใจ เพราะอยู่ดีๆ กิ่งแก้วก็น้ำตาไหลพรั่งพรู “มีเรื่องอะไร ใครดุว่าเรารึไง”

กิ่งแก้วส่ายหน้าทั้งน้ำตา เม้มปากกระสับกระส่ายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดไม่เต็มเสียง

“คุณท่านจะดุด่าแก้วยังไงก็ได้ค่ะ คือ แก้วจะเรียนว่า” กิ่งแก้วอึกอักจนไกรชักรำคาญ “คือ…แก้วท้อง…ท้องกับคุณภูมิค่ะ”

ไกรสะดุ้งอย่างตั้งตัวไม่ทัน ขยับจะถามซ้ำ แต่แม่บ้านสาวซบหน้ากับฝ่ามือสะอึกสะอื้นเสียก่อน

“แก้ว แก้วพูดจริงค่ะ คุณท่านเรียกคุณภูมิมาถามก็ได้ แก้วท้องได้สามเดือนแล้ว น่าจะพอๆ กับคุณรุจี” กิ่งแก้วสบตาเบิกกว้างของไกร ย้ำเพิ่มเติม “แก้วไม่เคยมีคนรัก คุณภูมิเป็นคนแรกของแก้ว พอ…พอแก้วรู้ตัวว่าท้อง ก็ทำอะไรไม่ถูกเลย”

“ภูมิรู้เรื่องหรือยัง” ไกรถามอย่างมึนงง

“รู้แล้วค่ะ แก้วบอกแล้ว ตั้งแต่ตอนซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจ” กิ่งแก้วร้องไห้หนักขึ้นมาอีก “แต่…แต่คุณภูมิไม่ยอมรับค่ะ คุณภูมิอยากให้แก้ว…ไปเอาออก” หญิงสาวร้องไห้โฮ

“เฮ้ย” ประมุขของบ้านปวดศีรษะจี๊ด รู้โดยสัญชาตญาณว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เกินกำลังสติปัญญาของลูกชาย ที่ไม่เคยต้องรับผิดชอบอะไรนอกจากไปเรียนหนังสือกับทำงานตามหน้าที่ แต่การไล่ผู้หญิงคนหนึ่งไปทำแท้งก็ไม่เคยอยู่ในความคิดของไกรมาก่อน ไม่ว่าใครจะเป็นพ่อเด็กก็ตาม

“แก้วทำไม่ได้ค่ะคุณท่าน” หญิงสาวเอื้อมมือมาจับชายผ้าห่มเขาไว้ ส่งสายตาวิงวอน “ลูกเกิดจากความรักของแก้ว แก้วรักคุณภูมิถึงได้ยอมตกเป็นของเขา แล้วที่สำคัญ เมื่อเช้าแก้วไปตรวจท้องที่โรงพยาบาล หมอเขาซาวนด์ดูเด็กด้วยค่ะ” หญิงสาวมองผ่านม่านน้ำตาไปที่ประมุขของบ้านนิ่งนาน

“แก้วได้ลูกชายค่ะ”

ชายชราตะลึงงัน สักพักจึงรู้สึกว่าหัวใจเต้นรัวแรงจนแทบทะลุนอกอก

ไกรเอื้อมมือสั่นน้อยๆ ยกหูโทรศัพท์ข้างหัวเตียง กดเบอร์ห้องลูกชาย “ภูมิ มาหาพ่อหน่อย ตอนนี้เลยนะ”

เพียงครู่เดียว ชายหนุ่มก็เดินยิ้มละไมเข้ามาในห้อง แต่สีหน้าเปลี่ยนฉับพลัน เมื่อเห็นหญิงแม่บ้านนั่งคุกเข่าอยู่ข้างเตียงบิดา

“ภูมิ พ่อรู้เรื่องแล้ว” ไกรเปิดฉากทันควัน ใจร้อนรนด้วยความอยากรู้ “ไม่ต้องไปว่าอะไรแก้วเขา พ่อถามคำเดียว ที่แก้วเล่าน่ะจริงไหม ว่าเราแอบมีอะไรกับแก้วจนแก้วตั้งท้อง”

ชายหนุ่มหันขวับไปหาหญิงสาว สีหน้าถมึงทึง “แก้ว เธอก็รู้ว่าเรื่องจริงเป็นยังไง เธอเอาเรื่องบ้าๆ อะไรมาฟ้องคุณพ่อ เธอก็รู้ว่าพ่อป่วยขนาดนี้ โธ่เว้ย ฉันมันใจอ่อนเอง ไม่น่าปล่อยเธอไว้จนเดี๋ยวนี้เลย”

กิ่งแก้วห่อตัวพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร ราวกับกลัวว่าภาคภูมิจะเข้ามาทำร้าย หญิงสาวพนมมือไหว้พร้อมพูดละล่ำละลัก “คุณภูมิอย่าทำแก้วเลยค่ะ แก้วกลัวแท้งลูก แล้ว…เราได้ลูกชายนะคะคุณภูมิ วันนี้แก้วไปให้หมอตรวจแล้ว”

ภาคภูมิชะงัก เขาอ้ำอึ้ง ขณะหันไปสบตาบิดา “คุณพ่อครับ คือว่า…”

ไกรโบกมือ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“พ่อยอมให้เอาเด็กออกไม่ได้นะภูมิ ลูกทั้งคน แกจะบ้าหรือเปล่า” สายตาของผู้ชราเป็นประกายอย่างมีความหวัง “แล้วเป็นลูกชายด้วย ภูมิก็รู้ว่าพ่ออยากมีหลานชายมานานแล้ว ตระกูลเราจะได้มีผู้สืบสกุล ไม่งั้นพ่อตายตาไม่หลับ ตายแล้วก็ไม่รู้จะไปสู้หน้าปู่แกได้ยังไง”

ลูกชายขยับปากหุบๆ อ้าๆ แต่ก็พูดอะไรไม่ออก สีหน้าเคร่งเครียด ไกรเห็นแล้วก็คะเนได้ไม่ยากว่า ลูกชายคงกลุ้มใจเพราะยังหาทางแก้ปัญหากับภรรยาไม่ได้ เรืองรุจีคงยังไม่รู้เรื่องนี้ ถ้ารู้น่าจะเป็นเรื่องใหญ่ ไหนจะโกรธผัว ไหนจะอับอายเพราะเกิดมาท้องพร้อมๆ กับสาวใช้ ดีไม่ดีหญิงสาวอาจหอบลูกหอบท้องกลับบ้าน มิตรภาพเก่าแก่ที่เขาเคยมีกับบิดาเจ้าสัวของลูกสะใภ้คงถึงคราวขาดสะบั้น

ไกรถอนหายใจยาว นึกเอือมระอาความเสเพลมักง่ายแต่แก้ปัญหาไม่ได้เรื่องของลูกชายขึ้นมาครามครัน ไม่ทันนึกว่าเป็นเพราะตัวเขาเองมีส่วนปลูกฝังให้ลูกชายอ่อนแอเอาแต่พึ่งพ่อแม่ ด้วยความที่โดนประคบประหงมในฐานะบุตรชายคนเดียวมาแต่อ้อนแต่ออก

“ภูมิ” ผู้เป็นบิดากล่าวเสียงเนิบๆ สมองแล่นเร็วจี๋เพื่อหาทางออก อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็มีส่วนดีอยู่บ้างคือเขาได้หลานชาย แต่จะทำอย่างไรให้บัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่นทุกฝ่าย “พ่อว่า…แก้วคงอยู่บ้านนี้ต่อไม่ได้ เพราะถ้าท้องโตขึ้นมาแม่รุจีก็ต้องเห็น เอาอย่างนี้ ไปหาเช่าบ้านข้างนอกให้แก้วอยู่เงียบๆ หาคนไปดูแลด้วยเพราะคนท้องอ่อนๆ มันกระทบกระเทือนง่าย ระหว่างนี้ ภูมิก็ต้องดูแลรุจีให้ดี รอให้เมียคลอดก่อนแล้วหาทางพูดจากัน ถ้ายังไงพอลูกชายคลอดแล้วก็ขอมาเลี้ยง ได้ไหมล่ะแก้ว”

กิ่งแก้วสะอื้น สีหน้าราวจะขาดใจ “แต่แก้วรักลูก…”

ภาคภูมิทำเสียงอย่างหนึ่งในลำคอ ฮึดฮัดจนบิดาต้องมองปราม

“ภูมิ ใจเย็นๆ แกเป็นคนสร้างเรื่องนะ โตขนาดนี้แล้วต้องรู้จักแก้ปัญหา”

“โธ่ คุณพ่อครับ…” ชายหนุ่มอุทธรณ์ แต่ผู้เป็นบิดาโบกมืออย่างเหน็ดเหนื่อย

“ยังไงก็เป็นลูกแกนะภูมิ แกต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด แล้วก็เป็นหลานชายคนแรกของตระกูลด้วย เออ สมบัติที่ทางอะไรที่พ่อว่าจะแบ่งให้ญาติบ้าง คงไม่แบ่งแล้วละ เพราะถ้าแกมีลูกหลายคน อีกหน่อยต้องส่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนา โดยเฉพาะผู้ชายมันต้องเรียนให้สูงที่สุด จะได้มาช่วยดูแลพี่น้องผู้หญิง ทีนี้มันต้องใช้เงินเยอะ ไอ้เงินเดือนแกน่ะไม่พอหรอก”

ภาคภูมิเงียบกริบ หวนนึกถึงจุดประสงค์ของตนเองขณะเดินมาหาบิดาเมื่อครู่ ทีแรกตั้งใจว่าจะเกลี้ยกล่อมให้บิดาไปเจรจากับผู้หลักผู้ใหญ่ในหน่วยที่เขาทำงานอยู่ ได้ข่าวว่า “ท่าน” ชอบพระเครื่อง ถ้าบิดายกพระสมเด็จของแท้ให้สักองค์สององค์ การเลื่อนตำแหน่งปีนี้ก็ต้องมีชื่อเขาผ่านฉลุย

เอาวะ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปก่อน ค่อยๆ จัดการทีละเรื่อง เขามั่นใจว่าถึงที่สุดแล้ว หากเรืองรุจีรู้เรื่องก็คงไม่ถึงขั้นกล้าตัดขาด เพราะบิดาเจ้าสัวของหล่อนถือธรรมเนียมจีนเหนียวแน่น ลูกสาวแต่งออกแล้วก็ถือว่าเป็นคนนอกตระกูล จะย้อนกลับไปขออาศัยหรือขอเงินกงสีอีกคงยาก

ภาคภูมิรับปากบิดาอย่างสงบเสงี่ยม สัญญาว่าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ก่อนพยักหน้าเรียกกิ่งแก้วออกจากห้อง หากสายตาที่ทั้งคู่มองสบกันเมื่อลับหลังผู้ชรา กลับแฝงความหมายบางอย่างที่แม้แต่คนผ่านโลกมาค่อนชีวิตอย่างไกรก็แปลได้ยาก

 



Don`t copy text!