ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 31 : เส้นตาย

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 31 : เส้นตาย

โดย : เอมอักษร

Loading

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศกับนิยายดราม่าคอเมดี้จากโครงการอ่านเอาก้าวแรก ปี 5 โดย เอมอักษร เรื่องราววุ่นๆ ของหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายทุกด้านจนขอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ไหงแค่นอนหลับไปวิญญาณก็ออกจากร่าง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกลับเข้าร่าง หาฆาตกรให้ทันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที

เจิดจันทร์เอนหลังพิงข้างเตียงอย่างหมดแรง เมื่อปู่จบประโยคสุดท้าย “พอปู่ตาย วิญญาณปู่ก็กลับไปที่บ้าน ตำรวจลงสาเหตุว่าปู่หัวใจวายตายเอง นังกิ่งแก้วกลับไปขอทำงานเป็นแม่บ้านใหม่ แต่…มันไปคนเดียว ปู่ไม่เคยเห็นตาหนูอีกเลย มันคง…ฆ่าตาหนูตายไปแล้ว”

กลุ่มควันสีดำล้อมรอบตัวปู่จนแทบมองไม่เห็นร่าง น้ำเสียงสลดแผ่วเบาลงทุกที เจิดจันทร์อยากจะร้องกรี๊ดอย่างอัดอั้นตันใจกับเรื่องราวอีนุงตุงนังเกินจะรับไหว แต่ใจหนึ่งก็เกิดความสงสารผู้เป็นปู่อย่างลึกซึ้ง เพราะเข้าใจแล้วว่าเขาต้องเผชิญกับอะไร ทั้งเหตุการณ์ก่อนตายและหลังตาย ที่คงทรมานไม่มีอะไรเทียบ

“ปู่อย่าเพิ่งถอดใจนะคะ” หญิงสาวรีบพูด เค้นสมองหนักหน่วงเพื่อหาทางช่วยเหลือ “หลานคนนั้นอาจยังไม่ตาย แต่คือปรีเมธไงคะ ไม่งั้นป้าแก้วจะเรียกปรีว่าลูกเหรอ”

“ปู่ไม่รู้ ปู่ไม่เคยเห็นนังกิ่งแก้วพูดถึงลูกเลย…” เสียงปู่ไกรกลืนหายไปกับสายลม พร้อมกับเงาดำคลุ้งที่เริ่มจางไปพร้อมกับร่างของปู่

“ปู่อดทนไว้นะคะ อย่าเพิ่งหลุดกลับไปโลกนั้น” เจิดจันทร์กระสับกระส่าย แล้วก็สะดุ้งเพราะได้ยินเสียงโมโหโทโสและเสียงย่ำเท้าตึงของบิดาขึ้นมาบนบ้านเมื่อไหร่ไม่รู้ตัว หญิงสาวผลุนผลันออกไปหาภาคภูมิทันที หวังจะขอความช่วยเหลือทั้งที่ยังนึกไม่ออกว่าจะทำด้วยวิธีใด

เจิดจันทร์เห็นหลังไวๆ ของมารดาเข้าไปในห้องนอนจึงรีบตามเข้าไป แล้วก็อ้าปากค้างอย่างตกใจ เพราะทั้งภาคภูมิและเรืองรุจีต่างกำลังทะเลาะกันอย่างถึงพริกถึงขิง

“ฉันบอกแล้วว่าจะอยู่กับลูก ลากฉันกลับมาทำไม” มารดาที่ผมเผ้ากระเซิง ใบหน้าเป็นมันเคร่งเครียด ตวาดสามีอย่างไม่ออมเสียง แทบจะเป็นครั้งแรกที่เจิดจันทร์ได้ยินมารดาพูดด้วยน้ำเสียงเช่นนี้

ภาคภูมิตะคอกกลับ “อ้าว นี่โง่หรือบ้า พูดไม่รู้เรื่อง ก็ตำรวจเขาบอกจะมาคุยด้วยที่บ้าน จะให้ฉันรับหน้าอยู่คนเดียวรึไง…แล้วฉันอยากรู้นัก ว่าไอ้ที่เธอเฝ้าอยู่มันช่วยจะอะไรลูกได้ ตอนที่ลูกอยู่ไม่เห็นสนใจมัน ฉันคนเดียวที่วิ่งเต้นทั้งเรื่องเรียนเรื่องงานให้มันแทบเป็นแทบตาย”

เรืองจุรีกรี๊ดลั่น “ทุเรศ พูดออกมาได้ ถ้าลูกฆ่าตัวตายจริงๆ ก็เป็นเพราะคุณน่ะแหละ ใครๆ ก็เป็นพยานได้”

ภาคภูมิตวัดฝ่ามือขึ้นอย่างระงับอารมณ์ไม่อยู่ อีกฝ่ายหน้าเสียแต่ยังตะเบ็งเสียงสู้ “เอาเลย คุณภูมิ จะตีฉันยังไงก็ได้ แต่มันก็ลบความจริงไม่ได้หรอก ว่าคุณเป็นต้นเหตุให้ลูกตาย”

“รุจี” ภาคภูมิพูดเสียงกร้าว “พูดให้ดีๆ นะ ใช้หัวคิดซะมั่ง ถ้าตำรวจได้ยินจะว่ายังไง”

ภรรยาหัวเราะหยัน “คุณก็กลัวอยู่แค่นี้แหละ กลัวเสียหน้า กลัวปัญหา ทั้งชีวิตหลบอยู่ใต้กางเกงพ่อ พอพ่อตาย คุณมันก็ไอ้คนไร้น้ำยาคนนึง”

ภาคภูมิโกรธจนตัวสั่น พูดแทบไม่เป็นคำ “ฉัน! ฉันเนี่ยนะไร้น้ำยา แล้วไอ้บ้านที่อยู่ รถที่ขับ เงินที่ใช้น่ะมันของใคร เธอเคยช่วยฉันหาเงินสักแดงนึงมั้ย อย่าลืมนะว่า เธอมีสมบัติติดมาหย่อมเดียวอีตอนแต่งงาน หลังจากนั้นพ่อเธอก็ตัดหางปล่อยวัด ใครที่เป็นคนแบกเธอ แบกลูกมายี่สิบกว่าปีแล้ว”

“ทุเรศ เป็นผู้ชาย แค่เลี้ยงลูกเลี้ยงเมียยังมาทวงบุญคุณ” เรืองรุจีโต้ปากคอสั่นไม่แพ้กัน ความเจ็บปวดขมขื่นที่อดกลั้นอยู่เป็นนานเริ่มทะลักออกมาเหมือนน้ำทลายเขื่อน “แล้วคุณเลี้ยงฉันดีนักหนาเหรอ พอเห็นฉันไม่มีทางไป เอะอะอะไรก็ระบายอารมณ์ใส่ วางอำนาจเป็นเจ้าใหญ่นายโต ไหนจะเรื่องผู้หญิงอีก ฉันอดทนจนจะกระอักเลือดตายอยู่แล้ว”

เรืองรุจีน้ำตาไหลพรู ทุบไปที่อกตัวเอง “ถ้าฉันไม่รักลูกห่วงลูก ฉันฆ่าตัวตายไปนานแล้ว ใครจะทนไหว…อยู่บ้านเดียวกับเมียน้อยให้มันลอยหน้าลอยตามายี่สิบปีแล้ว อีกิ่งแก้วน่ะ อย่านึกว่าฉันไม่รู้นะ แม่บ้านที่ไหนจะมีรถขับ มีทองใส่เต็มตัว เวลามันมองคุณก็อ้อยส้อย ฉันขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว”

“โว้ย พูดบ้าๆ” ภาคภูมิตะโกนลั่น ลืมตัวหมดสิ้นว่าใครจะได้ยินเสียงบ้าง “ไอ้ที่ฉันทำฉันก็ยอมรับ แต่กับนังกิ่งแก้วฉันไม่เคย ฉันไม่ใช่คนใฝ่ต่ำเอาคนใช้เป็นเมีย อย่างฉันหาผู้หญิงสวยๆ ได้เป็นร้อย แค่กระดิกนิ้วจะเอาใครก็ได้ ไม่ต้องทนกับอีแก่อย่างเธอ หรือหน้ามืดเอาคนใช้หรอก”

เรืองรุจีกรี๊ดอย่างเหลืออด โผเข้าทุบสามีอย่างบ้าคลั่ง ภาคภูมิไม่ได้ตั้งตัวมาก่อนก็ล้มไปกับพื้น ยกมือขึ้นทั้งปัดป้องทั้งฟาดไปที่ภรรยาอย่างไม่มีใครยอมใคร

เจณิสตาและและเจนนินทร์เปิดประตูพรวดเข้ามาพร้อมกัน หลังจากที่ยืนใจสั่นฟังเสียงทะเลาะอยู่หน้าบานประตูนานแล้ว ลูกสาวคนโตผวาเข้าไปดึงแขนพ่อทันที ในขณะที่ลูกสาวคนเล็กวิ่งไปประคองแม่

“อย่าทำแม่ค่ะพ่อ” เจณิสตาตะโกน ภาคภูมิชะงักตั้งแต่เห็นลูกสาวทั้งสองแล้ว แต่ยังฮึดฮัดด้วยอารมณ์แรงไม่คลาย

ภาพพ่อแม่ทะเลาะกันเป็นสิ่งที่ลูกบ้านนี้ไม่เคยเห็น เพราะแม่จะเป็นฝ่ายโอนอ่อนตามใจพ่อเสมอมา สองสาวจึงตกประหม่าทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นทั้งคู่ทะเลาะถึงขั้นตบตีกัน ในที่สุดเจนนินทร์จึงค่อยๆ เลี่ยงพามารดาออกไปจากห้อง ทิ้งให้พี่สาวเป็นผู้ประเล้าประโลมบิดาเพียงลำพัง

ภาคภูมิถอนใจยาว นึกสะท้อนใจเมื่อสบตาคู่สวยที่มีแววตระหนกของลูกสาว เขาพยายามยิ้มอย่างฝืนๆ

“พ่อขอโทษนะลูก แม่เขากล่าวหาพ่อผิดๆ ถูกๆ ไหนจะเป็นห่วงยัยเจิด พ่อเลยเครียดไปหน่อย”

ลูกสาวทรุดตัวลงนั่งข้างๆ บิดา

“หนูได้ยินแม่พูดถึงป้าแก้ว”

“ก็นั่นละ” ภาคภูมิแค่นเสียง “อยู่กันมาตั้งนาน ไม่รู้หรือไงว่าพ่อไม่ใช่คนแบบนั้น”

เจณิสตามองบิดาอย่างครุ่นคิด ขยับจะถามต่อ พอดีโทรศัพท์บนตักก็สั่นระรัวขึ้นเสียก่อน

หญิงสาวไม่อยากจะสนใจเพราะกำลังเครียดหนัก แต่ชื่อบนแอปพลิเคชันไลน์ที่โผล่แวบขึ้นมาบนหน้าจอ ทำให้หญิงสาวใจเต้นกระหน่ำโดยไม่รู้ตัว

เจณิสตาเหลือบมองบิดานิดหนึ่ง เห็นเขายังนั่นหน้ามุ่ยหมกมุ่นในอารมณ์ จึงค่อยๆ เปิดข้อความขึ้นอ่าน

หญิงสาวเกือบจะหน้ามืด เมื่อภาพแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าของตนเองปะทะสายตาเป็นอย่างแรก นิ้วสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ขณะเลื่อนขยายภาพ จึงเห็นว่าภาพนั้นถูกแคปมาจากเว็บไซต์หนึ่ง ด้านล่างแสดงยอดการเข้าดูกว่าสี่พันครั้ง และความคิดเห็นยอดนิยมที่โชว์หราอยู่ พิมพ์ไว้อย่างชัดเจน

…สวยจัด ชัดทุกมุม สองทุ่มโพสต์คลิปเต็ม…

ข้อความเด้งขึ้นมาอีก หญิงสาวผวาจนเกือบทำมือถือตก

“แจ๋วอะเจ ฉันว่าเธอเป็นดาราได้สบาย แค่ข้างหลัง คนยังดูกระหน่ำ นี่โพสต์ไม่ถึงสิบนาที”

ต่อด้วย “สามล้าน โอนเข้าบัญชีฉันก่อนสองทุ่ม ไม่งั้นก็เตรียมแจ้งเกิด”

 



Don`t copy text!