
ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 5 : เซอร์ไพรส์
โดย : เอมอักษร
ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศกับนิยายดราม่าคอเมดี้จากโครงการอ่านเอาก้าวแรก ปี 5 โดย เอมอักษร เรื่องราววุ่นๆ ของหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายทุกด้านจนขอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ไหงแค่นอนหลับไปวิญญาณก็ออกจากร่าง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกลับเข้าร่าง หาฆาตกรให้ทันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที
สัญญาณเรียกเข้าดังไม่ขาดระยะ จนมือถือที่อยู่บนตักสั่นระรัว คนขับเหลือบมองกระจกหลังนิดหนึ่ง ผู้โดยสารที่เป็นหญิงสาวหน้าอ่อนยังคงนั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ไม่มีทีท่าว่ารู้สึกรู้สมกับเสียงเรียกนั้น
“น้อง ไม่รับโทรศัพท์เหรอ เรื่องด่วนหรือเปล่า ดังไม่หยุดมาห้านาทีแล้วนะ”
เจิดจันทร์ก้มมองที่ตัก ชื่อบนหน้าจอยังเป็น “พ่อ” ไม่เปลี่ยนแปลง ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจปิดเครื่อง คนขับยังคงเหลือบมองอย่างแปลกใจ ผู้หญิงคนนี้ทำท่าประหลาดมาตั้งแต่เรียกรถแล้ว ตอนแรกก็ร้องไห้ ตอนหลังก็นั่งเหม่อ แถมยังมีสายเรียกเข้าไม่หยุดอีก นี่ถ้าลูกค้าไม่ได้หายากหาเย็นขนาดนี้ เขาคงแกล้งเลี้ยวเข้าปั๊ม ทำทีว่ารถเสียแล้ว
“น้อง บ้านเลขที่เท่าไหร่” เขาถาม เมื่อขับมาถึงป้อมยามของหมู่บ้านจัดสรรระดับหรูและเตรียมแลกบัตร ถามอยู่สามสี่ครั้ง ถึงได้ยินเสียงบอกบ้านเลขที่เบาๆ
เออ มันอยู่ที่นี่จริงหรือเปล่าวะ หมู่บ้านคนรวยแบบนี้ มีคนบ๊องๆ สติไม่สมประกอบอยู่ด้วยเหรอเนี่ย
แท็กซี่เลี้ยวไปตามซอยแยก ก่อนจอดเทียบหน้ารั้วบ้านหลังใหญ่ รูปทรงโอ่อ่าบนพื้นที่เกือบครึ่งไร่ ทำให้คนขับมองเพลิน เขาหันไปรับเงินสดจากลูกค้าสาวที่ยังมีสีหน้าซีดเซียวและเหม่อลอย นึกอยากรู้ขึ้นมาจนอดถามไม่ได้
“นี่บ้านน้องเหรอ”
เจิดจันทร์พยักหน้า
คนขับยิ้มทะเล้น “โห ถ้าพี่มีบ้านสวยๆ แบบนี้นะ จะนั่งๆ นอนๆ อยู่บ้านมันทุกวันเลย น้องนี่โชคดีมาก”
เจิดจันทร์ลงรถแบบซังกะตาย ทำไมคนเราถึงได้มองอะไรผิวเผินแบบนี้นะ ใครจะรู้ว่าภายในบ้านสวยๆ หลังนี้มีความกดดันอยู่มากแค่ไหน ถ้าเลือกได้ เธอยอมสละความสวยงามโอ่อ่าทั้งหมดนี้ หนีไปที่ไกลๆ สักพัก จะได้ไม่ต้องเผชิญสีหน้า แววตา และคำพูดแสดงความผิดหวังของครอบครัวที่ทำร้ายจิตใจยิ่งกว่าทุกอย่างบนโลก
แค่คิด เจิดจันทร์ก็น้ำตารื้นขึ้นมาอีก เธอเปิดประตูบ้าน ตั้งใจจะหลบขึ้นห้องนอนให้เร็วที่สุด แล้วค่อยคิดว่าจะทำอย่างไรต่อดี
หญิงสาวเดินหลบไปทางหลังบ้าน ก้มหน้าก้มตาจ้ำ จนชนเข้ากับแผ่นหลังที่ปรากฏอย่างกะทันหันเมื่อเธอเลี้ยวพ้นมุมบ้านเข้าเต็มรัก
“ว้าย” เจิดจันทร์ร้อง พร้อมกับที่ร่างสูงเพรียวตรงหน้าสะดุ้งและหันมามอง
“ปรี!”
“เจิด!” ต่างฝ่ายต่างเรียกชื่อกันอย่างตกใจ แต่พริบตาเดียว ปรีเมธก็ยิ้มกว้าง
“สวัสดีครับเจิด ทำไมวันนี้กลับบ้านเร็วจัง”
เจิดจันทร์พูดไม่ออก ได้แต่ยืนอึ้ง ไม่นึกว่าจะได้เจอชายในฝันแบบกะทันหันในสภาพนกปีกหักเช่นนี้
ปรีเมธเหลือบมองไปข้างหลังนิดหนึ่ง ก่อนหัวเราะเขินๆ “แย่เลย แผนเซอร์ไพรส์ล่มไม่เป็นท่า คือปรีแอบมานัดกับป้าแก้ว เตรียมของเซอร์ไพรส์ให้เจิดน่ะครับ” เจิดจันทร์เพิ่งสังเกตเห็นหลังไวๆ ของกิ่งแก้ว แม่บ้านวัยกลางคนที่อยู่กับครอบครัวเธอมากว่ายี่สิบปี หันหลังเดินลิ่วกลับไปที่ห้องครัวหลังบ้าน
ปรีเมธเอื้อมมาเขย่าแขนเธอ “ทำไมทำหน้างง ก็ปรีมาแสดงความยินดีกับเจิดเรื่องสอบเป็นพนักงานไง ปรีไปสืบมาแล้วนะว่าประกาศผลวันนี้ ว่ายังไง มีข่าวดีใช่ไหมครับ ถึงได้รีบกลับบ้าน”
เจิดจันทร์มองปรีเมธอย่างกระอักกระอ่วน แล้วก็สุดจะทานทนอีกต่อไป หญิงสาวสะอื้นฮัก ปล่อยน้ำตาทะลักออกมาทันที น้ำเสียงจริงใจและความอ่อนโยนของชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้หญิงสาวยิ่งอ่อนแอทวีคูณ นานนักหนาแล้วที่เธอต้องการใครสักคนที่เห็นความสำคัญเธออย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยามที่ความหวังพังทลายเช่นนี้
เจิดจันทร์ส่ายศีรษะ น้ำตาไหลพรูจนเลอะเทอะไปทั้งหน้า “ปรี เจิดสอบตก”
ปรีเมธทำหน้าตกใจ เขานิ่งไปสักพัก ก่อนจะก้าวเข้ามาดึงหญิงสาวไปกอดไว้
เจิดจันทร์ตกใจจนเกร็งไปนิดหนึ่ง แต่เมื่อเขากดศีรษะเธอให้ซบกับอกอย่างไม่กลัวเปรอะเปื้อน เจิดจันทร์ก็หมดกำลังบังคับตัวเอง เธอปล่อยโฮในอ้อมกอดเขาอย่างไม่อาย
นานเกือบสิบนาทีที่ชายหนุ่มไม่พูดอะไรเลย เขาแค่กอดเธอไว้นิ่งๆ ให้หญิงสาวได้ปล่อยอารมณ์ตามสบาย จนกระทั่งเจิดจันทร์ถอยตัวเองออกมา ยิ้มบิดเบี้ยวให้เขาทั้งน้ำตา
“ขอโทษนะปรี ที่เจิดฟูมฟายขนาดนี้” เธอเอื้อมไปแตะอกเสื้อที่เป็นรอยด่างดวงเพราะเครื่องสำอาง “ดูสิ เลอะหมดเลย เจิดจะซื้อเสื้อมาใช้คืนนะ”
ปรีเมธยิ้ม “เจิดไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ปรียินดี”
“งั้น…เจิดเข้าบ้านก่อนนะ ไม่รู้พ่อจะกลับมาเมื่อไหร่ วันนี้บ้านแตกแน่” เจิดจันทร์ปาดน้ำตาอย่างหงอยๆ ไม่อยากคิดถึงความโกรธราวพายุหมุนของบิดาที่รออยู่ข้างหน้าแม้แต่น้อย
“เจิด” ปรีเมธเรียก “ถ้าเจิดยังไม่สบายใจ เราออกไปหาที่เงียบๆ นั่งก่อนไหม”
เขามองหญิงสาวอย่างเห็นใจ “หรือขับรถไปทะเลกันดีไหมครับ รีบไปรีบกลับก็ได้ ไปนั่งผ่อนคลายสักพักให้สบายใจ ปรีชอบทะเลนะ เวลามีเรื่องเครียดๆ แค่ไปนั่งฟังเสียงคลื่นที่ชายหาดก็สบายใจแล้ว พอสมองโปร่ง บางทีก็หาทางแก้ปัญหาได้เฉยเลย”
ชายหนุ่มเอื้อมมาจับมือเจิดจันทร์ไว้ “เดี๋ยวปรีเรียนคุณอาเอง เราไปไม่นาน ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”
เจิดจันทร์ลังเล การหนีไปจากสถานการณ์ตึงเครียดตอนนี้ช่างเป็นทางเลือกที่เย้ายวน มิหนำซ้ำยังได้ไปกับปรีเมธสองต่อสองอีกด้วย แต่…ถ้าเธอหายตัวไป จะยิ่งกลายเป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่านะ แล้วไหนจะเจณิสตาอีก พี่สาวจะรู้สึกอย่างไร ถ้ารู้ว่าปรีเมธกับเธอไปทะเลด้วยกัน แม้จะด้วยความบริสุทธิ์ใจก็เถอะ
“เจิดกลัวกลายเป็นเรื่องใหญ่” หญิงสาวพูดเสียงอ่อย “ไม่รู้พ่อแม่จะว่าไง พอสอบตกแล้วก็หนีไป”
“โธ่” ปรีเมธหัวเราะเบาๆ “ไม่ใช่หนีไปสักหน่อย แค่ไปสงบใจแป๊บนึง คือ…เจิดยังอารมณ์ไม่นิ่ง เดี๋ยวพอคุณอากลับมาโมโหเรื่องสอบ จะกลายเป็นเถียงกันใหญ่”
ปรีเมธพยักพเยิดไปที่ตึกหน้าบ้าน “แล้วปรียังไม่เห็นใครกลับมาเลย วันนี้คุณอารุจีน่าจะไปกองถ่ายกับหนูเจน กว่าจะกลับคงดึกล่ะ เจก็ไปบิน ปรีว่าเผลอๆ เราสองคนอาจจะกลับมาก่อนทุกคนก็ได้ ปกติคนบ้านเจิดก็ธุระยุ่งกันทั้งนั้น”
เจิดจันทร์เม้มปาก จริงของปรีเมธ การที่เธอหายไปสี่ห้าชั่วโมง อาจไม่มีใครในบ้านผิดสังเกตเลยก็ได้ เพราะทุกคนก็วุ่นวายเรื่องของตัวเองกันทั้งนั้น จะเป็นไรไป ถ้าขอใช้เวลาสักพักกับคนที่พร้อมจะอยู่ข้างๆ เธอ
“ปรีจะไปที่ไหนคะ คือ…เจิดรีบออกมาจากที่ทำงาน ไม่ได้เอากระเป๋าอะไรติดตัวมาเลย มีมือถืออยู่เครื่องเดียว”
“โธ่” ชายหนุ่มลากเสียงยาว ยิ้มแจ่มใสเต็มดวงหน้า “ห่วงอะไรไม่เข้าเรื่องอีกแล้ว ไปกับปรีไม่ต้องเอาอะไรไป เอาใจไปพักผ่อนให้สบายเท่านั้นพอ งั้นรีบไปขึ้นรถกันเถอะ จะได้มีเวลาหาซีฟูดอร่อยๆ ทานด้วย”
ปรีเมธรุนหลังหญิงสาวที่ยังมีท่าทีงุนงงให้ออกเดิน เขาพาเธอออกประตูข้าง เพราะจอดรถหลบมุมไว้ “เอารถไปแอบ กลัวใครมาเห็นแล้วเสียแผน” ปรีเมธเล่าอย่างอารมณ์ดี “แต่เจิดก็ดันกลับมาทันซะได้”
เจิดจันทร์ก้าวขึ้นนั่งเบาะหน้าที่สะอาดเอี่ยม กลิ่นหอมเหมือนโคโลญที่เข้าของรถใช้ประจำอวลอ่อนๆ หญิงสาวพิงพนักอย่างสบายใจขึ้น ตั้งใจจะหยุดคิดวนเวียนโทษตัวเองเรื่องสอบตก หยุดจินตนาการถึงอารมณ์โกรธของบิดา แล้วตักตวงความสุขใจขณะนี้ให้เต็มที่
แต่ยังไม่ทันออกรถ เหตุการณ์หนึ่งก็แทรกฉับพลัน ประหนึ่งเดจาวู
เสียงเคาะหน้าต่างรัวกึกก้อง จนปรีเมธสะดุ้ง เจิดจันทร์หันขวับไปมองอย่างตกใจ
แล้วทั้งคู่ก็เห็น…เจณิสตายืนจังก้าอยู่ข้างรถ ด้วยสีหน้าถมึงทึง
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 8 : วันวิกฤต
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 7 : คำอำลา
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 6 : เราสองสามคน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 5 : เซอร์ไพรส์
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 4 : ฟางเส้นสุดท้าย
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 3 : ความกดดัน
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 2 : คนแรกของหัวใจ
- READ ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 1 : เจิดจันทร์