ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 6 : เราสองสามคน

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง บทที่ 6 : เราสองสามคน

โดย : เอมอักษร

Loading

ฆาตกรรมอลหม่าน วิญญาณอลเวง นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศกับนิยายดราม่าคอเมดี้จากโครงการอ่านเอาก้าวแรก ปี 5 โดย เอมอักษร เรื่องราววุ่นๆ ของหญิงสาวที่คิดว่าตัวเองโชคร้ายทุกด้านจนขอฆ่าตัวตายเพื่อเรียกร้องความสนใจ แต่ไหงแค่นอนหลับไปวิญญาณก็ออกจากร่าง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาหาวิธีกลับเข้าร่าง หาฆาตกรให้ทันเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที

ปรีเมธตั้งสติได้ก่อน เขาเปิดประตูรถลงไปทันที ในขณะที่เจิดจันทร์ยังนั่งงงอยู่ที่เดิม

“ไหนตอนแรกว่ามีตารางบินไงครับเจ นี่ไม่สบายหรือเปล่า ถึงได้กลับบ้าน”

“ปรีจะพาเจิดไปไหน” เจณิสตาถามสวนกลับ น้ำเสียงห้วนจนเกือบเป็นกระชาก

ปรีเมธจับแขนเจณิสตาไว้ ดึงตัวออกห่างรถ และกระซิบ “ใจเย็นครับเจ อย่าเอะอะไป เจิดกำลังเสียใจมากเพราะสอบไม่ติด ปรีจะพาไปนั่งสงบสติอารมณ์สักครู่ เวลาคุณอาภาคภูมิกลับมาบ้าน จะได้ไม่ทะเลาะกัน”

เจณิสตาสะบัดแขนออก ปราดเข้าไปเปิดประตูรถแล้วดึงแขนน้องสาวอย่างแรง

“ลงมาเจิด มีอะไรไปคุยกันที่บ้าน เดี๋ยวพี่พูดกับพ่อให้ แต่อย่าไปไหน ลงมา!”

เจิดจันทร์ผงะตามแรงกระชากของพี่สาว “โอ๊ย พี่เจ เจิดเจ็บนะ”

ปรีเมธเข้ามาขวางอย่างตกใจ “ใจเย็นๆ ครับเจ นี่เจเป็นอะไรไป เจิดกำลังเสียใจมากนะ”

เจณิสตาไม่ฟังเสียง พยายามลากน้องสาวถูลู่ถูกังกลับเข้าบ้าน จนเจิดจันทร์ถลาล้มไปกับพื้น

“พี่เจ ปล่อย!” เจิดจันทร์กรี๊ดขึ้นมาบ้าง ความเจ็บและอายท่ามกลางอารมณ์หดหู่ผิดหวังทำให้หญิงสาวฟิวส์ขาด เจณิสตาทำกับเธอเหมือนไม่ใช่น้องสาว ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าเจิดจันทร์เพิ่งเจอเหตุการณ์อะไรมา และกำลังทุกข์ใจแค่ไหน เจณิสตาแค่ทนไม่ได้ที่เพื่อนชายคนหนึ่งในสต็อกให้ความสนใจเจิดจันทร์มากกว่าแค่นั้นเอง

“พี่เจไม่มีสิทธิ์มาบังคับเจิด และถ้าเจิดกับปรีพอใจจะไปด้วยกัน ก็ไม่มีใครห้ามได้”

เจณิสตาอ้าปากค้าง “ยัยเจิด”

“พี่พูดเองใช่ไหมว่าพี่กับปรีไม่ได้เป็นแฟนกัน งั้นพี่ก็ไม่มีสิทธิ์มาทำท่าหึงไร้สติแบบนี้” เจิดจันทร์ตะโกนใส่อย่างอัดอั้น “เจิดกับปรีบริสุทธิ์ใจ เขาแค่อยากให้เจิดได้มีเวลาทำใจสักพักแค่นั้นเอง เพราะไม่มีใคร… ไม่มีใครในบ้านเลยที่เห็นใจเจิด ทุกคนจะดูถูก จะต่อว่า ถ้ารู้ว่าเจิดสอบตกอีกแล้ว”

เจิดจันทร์ปาดน้ำตาที่ไหลพรากลงมาอีกรอบ “ทั้งๆ ที่คนที่เสียใจที่สุดคือเจิด นึกเหรอว่า เจิดอยากเกิดมาห่วยแตกแบบนี้ เจิดก็อยากสวย อยากเก่ง อยากเป็นลูกรักเหมือนพี่กับหนูเจนเหมือนกัน แต่มันทำไม่ได้”

หญิงสาววิ่งกลับไปขึ้นรถ “ไปกันเถอะค่ะปรี รีบพาเจิดไปไหนก็ได้ ไกลๆ เลย เจิดไม่อยากอยู่บ้านนี้แล้ว”

ปรีเมธหันมองสองสาวอย่างลังเล แต่ในที่สุดก็เดินตามไปที่รถ เมื่อเจิดจันทร์ร่ำร้องด้วยเสียงสะอื้นอีกครั้ง

เจณิสตาวิ่งกลับเข้าไปในบ้าน เจิดจันทร์ถอนหายใจเฮือก รู้ว่าการทะเลาะกับลูกรักของบ้านจะต้องเกิดเรื่องใหญ่โตกว่าเดิมอย่างแน่นอน แต่ก็หมดปัญญาจะตั้งสติหรือปรับความเข้าใจใดๆ กับพี่สาว เพราะสมองเธอตึงเครียดเขม็งเกลียวจนใกล้บิดขาดอยู่รอมร่อแล้ว

ปรีเมธมองหญิงสาวอย่างเห็นใจ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนรถออก แต่แล้วก็ต้องเบรกกะทันหันอีกครั้ง เมื่อร่างหนึ่งโผล่พรวดออกมาแทบจะตัดหน้ารถ

เรืองรุจีปราดมาเคาะกระจกรถฝั่งเจิดจันทร์

“เจิด จะไปไหนน่ะ ลงมาคุยกันก่อน”

เจิดจันทร์ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที แล้วก็กลั้นใจไขกระจกรถ บอกมารดาสั้นๆ

“แม่ เจิดอยากไปหาที่นั่งสงบใจสักพัก เดี๋ยวก็กลับมาแล้วค่ะ”

เรืองรุจีหันไปถามปรีเมธ “จะไปไหนกันจ๊ะ”

ปรีเมธอึกอัก เจิดจันทร์จึงตอบแทน “ไปทะเลค่ะ”

เรืองรุจีขมวดคิ้ว พูดออมเสียง “แม่ว่าไม่ค่อยเหมาะมั้งเจิด มีอะไรไปนั่งคุยกันในบ้านก่อน นี่พ่อเขาก็โทรหาแม่เป็นสิบสายแล้ว บอกว่าเจิดปิดมือถือ พ่อเขาเป็นห่วงนะ”

เจิดจันทร์ส่ายหัวอย่างดื้อดึง สายตาเหลือบไปเห็นพี่สาวยืนเกาะรั้ว คอยมองสถานการณ์อยู่ไม่ไกล

“นี่พี่เจไปฟ้องแม่ใช่ไหม เขาบอกแม่ว่าอะไร แม่ถึงไม่ให้เจิดไป”

“ไปกันใหญ่แล้วยัยเจิด” ผู้เป็นมารดาถอนหายใจอย่างรำคาญ “มีแต่คนเขาเป็นห่วงเรา ไปคิดอะไรใหญ่โตอีกแล้วไม่รู้ เรื่องสอบตกน่ะช่างมันเถอะ เดี๋ยวพ่อมาค่อยคุยกัน แต่จู่ๆ จะวิ่งไปทะเล มันไม่ใช่เรื่อง”

“พอพ่อมา เจิดก็โดนด่าอยู่คนเดียว ไม่มีใครเข้าข้างเจิดสักคน แม่เองก็ไม่เคยช่วยเจิด”

“ยังไงก็เข้าบ้านก่อน” เรืองรุจียืนกราน “เราต้องมีเหตุผลบ้างนะเจิด อย่าเอาแต่ใจตัวเอง”

เจิดจันทร์เปิดประตูลงมาเผชิญหน้ากับมารดา “ไม่มีใครเข้าใจเจิดเลย เจิดเสียใจ เจิดเครียด เจิดอยากจะหาที่สงบใจสักพัก ไม่ได้หนีออกจากบ้านสักหน่อย ทำไมทุกคนต้องห้ามเจิดด้วย”

เรืองรุจีกระตุกแขนลูกสาว กระซิบเสียงเครียด “แล้วมันเหมาะที่ไหน ไปกับผู้ชายสองต่อสอง แล้วจะไปถึงต่างจังหวัด ถ้ามันเตลิดเลยเถิดไปจะว่ายังไง หัดใช้หัวคิดบ้างยัยเจิด อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งกว่าเดิมได้มั้ย”

เจิดจันทร์มองแม่อย่างตะลึง “แม่…นี่แม่คิดว่าหนูจะไปทำอะไรกับปรีหรือไง แม่คิดได้ไงเนี่ย หนูก็เป็นลูกสาวแม่นะ แล้ว แล้ว…” หญิงสาวโกรธจนปากสั่น “แล้วทีพี่เจไปไหนต่อไหนกับปรี กับผู้ชายอีกเป็นโขยงตั้งไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ทำไมทียังงี้แม่ไม่ว่า”

“โอ๊ย ยัยเจิด” เรืองรุจีปากคอสั่นขึ้นมาบ้าง “พูดบ้าๆ แม่ไม่ได้หมายความอย่างนั้น แค่จะเตือนว่ามันไม่เหมาะสม แล้วมาพูดถึงพี่เจแบบนี้ได้ยังไง ใครได้ยินเดี๋ยวเข้าใจผิด”

เจิดจันทร์ปล่อยโฮอย่างสุดกลั้นอีกครั้ง “แม่ก็ห่วงแต่พี่เจ หนูเจน แม่เคยคิดถึงจิตใจเจิดบ้างมั้ย แค่เจิดจะไปเที่ยวกับเพื่อนให้สบายใจ แม่ก็มองว่าเจิดจะไปทำอะไรไม่ดีแล้ว”

เจณิสตาวิ่งมาเกาะแขนมารดา “แม่ พาเจิดเข้าบ้านเถอะค่ะ เดี๋ยวใครมาได้ยิน”

“เจิดไม่เข้า” เจิดจันทร์ตะโกน

“ต้องเข้า” เรืองรุจีตะโกนสวน ดึงแขนลูกสาวอย่างแรง หันไปมองปรีเมธที่ยืนมองอย่างตกใจอยู่ข้างรถ “ขอโทษนะปรี ปรีกลับไปก่อนนะวันนี้ เดี๋ยวแม่จะคุยกับเจิดเอง”

เจิดจันทร์ยังดิ้นรนไม่ยอม จนเจณิสตาต้องเข้ามาจับแขนอีกข้าง

“พอเถอะเจิด เข้าบ้านก่อน พี่จะพูดอะไรให้ฟัง”

พี่สาวและมารดาออกแรงดึงเจิดจันทร์จนพาเข้าบ้านได้สำเร็จ ในขณะที่หญิงสาวต้นเรื่องยังเหลียวมองมาที่ชายหนุ่ม เห็นความกังวลฉายชัดเต็มดวงหน้า แต่เขาก็ไม่อาจช่วยเหลืออะไรได้

นี่ฉันไม่ได้เกิดมาโชคร้ายแค่ชื่อเชย ขี้เหร่ แถมโง่เท่านั้นสินะ…เจิดจันทร์คิด…แต่ยังดวงจู๋เรื่องความรักอีก ปรีเมธคงไม่อยากสานสัมพันธ์กับเธออีกแล้ว เพราะแค่เริ่มต้นมิตรภาพ ก็ทำท่าจะเป็นเรื่องใหญ่

จะมีใครในโลกที่ชะตาร้ายยิ่งไปกว่าเธอได้อีกไหมนะ

 



Don`t copy text!