โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน : บทนำ

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน : บทนำ

โดย : ปีกดอกไม้

Loading

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน นิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจีนโบราณ ผลงานรางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 ของ ปีกดอกไม้ หรือ รสริน พระปริยัติ อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงน้ำชาและเรื่องราวของผู้คนที่นี่ รวมถึงปริศนาเบื้องหลังของน้ำชาความทรงจำนี้ อ่านได้แล้วที่เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

“โรงน้ำชาอะไรน่ะตาหมาย ทำไมมันมาผุดขึ้นกลางป่ากลางเขากลางไร่อย่างนี้ แล้วจะขายใคร” ผู้ถามเป็นหญิงวัยกลางคนค่อนไปทางปลายด้วยผมของนางเป็นสีดอกเลากระเซอะกระเซิง เสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่คือผ้าม่อฮ่อมตัวเก่าแล้วเก่าอีกที่ใช้มานานเกินกว่าอายุลูกชายคนโตเสียด้วยซ้ำ ปลายเล็บของนางมีสีดำของดินและฝ่ามือก็หยาบกระด้างจากการทำไร่ทำสวนมาทั้งชีวิต

“ก็ขายให้พวกผู้ดีมีเงินนั่นแหละ ก็กำนันพร้อมเขาว่ามาอย่างนั้น เห็นว่าเป็นพวกนายทุนจีนที่ข่าวว่ากำลังตบเท้ากันเข้ามาลงทุน เอ็งอยากรู้นักก็เข้าไปถามซี เห็นสงสัยอย่างนี้ตั้งแต่เริ่มสร้างแล้ว แต่ว่านะ เสร็จเร็วเหมือนกันนี่ เพิ่งจะเริ่มสร้างเมื่อครึ่งปีที่แล้วนี่เอง”

“ก็อำนาจเงินไงตาหมายที่บันดาลได้ พูดไปพูดมาฉันก็ชักสงสัยเสียแล้วว่าฟอกเงินหรือเปล่า หรือมีอะไรผิดกฎหมายถึงได้ต้องมาสร้างหลบๆ ซ่อนๆ” พูดพลางป้องปากมองซ้ายขวาประหนึ่งว่าข้อความนั้นจะเล็ดลอดไปเข้าหูนายทุนจีนผู้มีเงินมีอำนาจวาสนาที่เป็นเจ้าของโรงน้ำชาได้

“ก็ต้องไปถามกำนันพร้อมเขานั่นละ ที่ดินนั่นเคยเป็นของแก สู้อุตส่าห์คุยว่าจะอนุรักษ์สีเขียวของป่าต้นน้ำไว้อย่างเป็นดิบดีทั้งที่รอบๆ ก็เปลี่ยนเป็นไร่ข้าวโพดกันหมดแล้ว ที่ไหนได้กลับมาตกม้าตายขายให้พวกนายทุนไปเสียดื้อๆ นี่ก็ไปรับจ้างเขาเทดินทำทางเข้า ข้าว่าไม่เกินร้อยล้านไปแล้วหรือนั่นน่ะ” ตาหมายเอ่ยโบกหมวกสานในมือไปมาไล่ความร้อนอบอ้าวของอากาศ

“ฮ้าย พูดบ้าๆ” ผู้เป็นภรรยาร้องตกใจกับจำนวนเงินที่ได้ยิน

“จริง รู้อย่างนี้แล้วเอ็งก็อย่าได้ไปทำลับๆ ล่อๆ ด้อมๆ มองๆ ทำท่ามีพิรุธให้เขาเห็นเล่า เกิดจะโดนลูกปืนเข้าให้ ศพไม่สวยโดนหมกไร่ข้าวโพดแล้วมันจะยุ่งนะแม่ไอ้หนูเอ๊ย”

ข้อความนั้นแม้เป็นภาษาประจำถิ่น เป็นเพียงเสียงกระซิบกระซาบท่ามกลางเสียงกิ่งไม้ใบไม้ไหวลู่กระทบกันกลางป่า มันลอยผ่านต้นไม้ใบหญ้า ผ่านไอระอุของอากาศร้อนอบอ้าว ปรากฏให้เห็นเป็นริ้วคลื่นสะท้อนขึ้นมาจากผิวถนนของกรมทางหลวงชนบท ผ่านป่าชั้นนอกซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อยขึ้นกันอย่างสลับสล้าง มาถึงป่าชั้นในที่พุ่มพฤกษ์เบียดเสียดกันอย่างหนาแน่น ก่อนจะมากระทบกับโสตประสาทของบุคคลหนึ่งซึ่งเพียงแต่แย้มริมฝีปากขึ้นอย่างขบขันเมื่อได้ยิน

ก็ไม่แปลกเลยที่ใครจะคิดแบบนั้น ใครเลยเล่าจะมาสร้างโรงน้ำชาไว้กลางป่ากลางเขาในถิ่นทุรกันดารแบบนี้

ร้านชาจีนที่ไม่ใช่ร้านกาแฟที่เรียกกันว่าคาเฟ่ตามสมัย

ร้านน้ำชาที่ขายชาร้อนท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวของเมืองไทย

คงไม่มีใครที่ไหนยอมมาลงทุน ยกเว้นบุคคลเดียวนี้

 

ย้อนไปเมื่อปีก่อน เมื่อพบว่าสถานที่ปัจจุบันซึ่งโรงน้ำชาตั้งตระหง่านผ่านสี่ฤดูมายาวนานชั่วทศวรรษ ณ พื้นที่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีนเริ่มจะใช้การไม่ได้ พลังหยินหยางเริ่มไม่สมบูรณ์บริสุทธิ์อีกต่อไป ร่างสูงตรงถึงกับถอนใจยาวออกมาด้วยถึงคราต้องโยกย้าย

พระจันทร์สีขาวราวไข่มุกเต็มดวงลอยเด่นท่ามกลางท้องฟ้าไร้ดาวดูเดียวดายนัก ดวงตาเรียวยาวดังนัยน์ตาหงส์ทอดมองออกไปพลางนึกถึงตำนานเรื่องเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ฉางเออร์

ฉางเออร์ เป็นคนรักของโฮ่วอี้นักยิงธนูแห่งสรวงสวรรค์ เรื่องเล่าว่าเกิดมีปรากฏการณ์พระอาทิตย์เกิดขึ้นพร้อมกันสิบดวง บางตำนานว่าอวี่หวงซ่างตี้ (1) บัญชาให้โฮ่วอี้ไปจัดการ โฮ่วอี้ยิงตกไปเสียเก้าดวงด้วยความคะนองเลยถูกเนรเทศมายังโลกมนุษย์พร้อมกับฉางเออร์ ทั้งสองใช้ชีวิตดุจมนุษย์ธรรมดา

ทว่าสิ่งที่สะกิดใจชายหนุ่มเกี่ยวกับตำนานนั้นคือเรื่องของโฮ่วอี้และน้ำอมฤต น้ำที่ดื่มไปแล้วจะได้เป็นอมตะ หากว่าโฮ่วอี้ไม่ได้ลิ้มรสชีวิตอมตะได้ดังใจปรารถนา จึงไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าสิ่งที่ใฝ่หาคือการได้อยู่ยืนยงยาวนานแท้จริงแล้วไร้แก่นสาร

นึกได้ดังนั้น ดวงตาที่มองไปยังพระจันทร์ด้วยความทอดถอนใจอยู่เมื่อครู่จึงเกิดหม่นเศร้าขึ้นชั่วขณะ แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นก็กลับระลึกได้ถึงภาระหน้าที่ ชายหนุ่มพลันละทิ้งอารมณ์รื่นรมย์ปนเฝื่อนขมก่อนจะเดินกลับเข้ามาด้านใน

แสงจากดวงไฟสมัยใหม่ที่ก่อกำเนิดจากแหล่งไฟฟ้าแผ่ซ่านออกไปโดยรอบให้แสงสว่างอย่างสม่ำเสมอแทนที่แสงจากเทียนไขและตะเกียงดังโบราณนานมา มือหนาคลี่กางกระดาษสีขาวแผ่นใหญ่ที่มีสัญลักษณ์เฉพาะ เป็นเส้นขีดสีดำสามเส้นสลับสับหว่างกันอย่างเหมาะเจาะ

เขาตั้งสมาธิใช้วิชาอี้จิงดอกเหมย (2) ในการทำนายและเสี่ยงทาย กระทั่งทำนายได้ทำเลใหม่ที่พลังหยินหยางยังบริสุทธิ์สัมพันธ์กับธาตุทั้งห้าและเวลาที่เหมาะเจาะ และผลสุดท้ายหมุดหมายก็ปักลงในที่แห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งลูกหลานบางส่วนได้กระจัดพลัดพรายลงมาตั้งรกรากเมื่อดินแดนอันเป็นถิ่นที่อยู่เกิดความแร้นแค้นและความขัดแย้ง

สถานที่ซึ่งครั้งหนึ่งได้เคยถูกเรียกว่าแดนสยาม

และเดี๋ยวนี้ถูกเรียกว่า ประเทศไทย

 

เมื่อแรกที่ชายหนุ่มได้มาเยือนสถานที่แห่งนี้ ดินแดนแถบภาคเหนือของประเทศที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์และอากาศที่ร้อนอบอ้าว ไม่ใช่ครั้งแรกที่โรงน้ำชาต้องขยับออกมาอยู่นอกเขตเมืองจีน ตลอดเวลาที่ล่วงผ่านเลยได้เคยขยับสับเปลี่ยนออกมาแล้วถึงสองสามครั้ง

ณ ที่แห่งนี้ แค่เพียงก้าวแรกที่เท้าสัมผัสพื้น ดวงตายาวรีเป็นประกายก็เหลียวมองไปรอบๆ อย่างพึงพอใจ ป่าต้นน้ำอันอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มราวกับจะหยุดเวลาไว้อย่างเป็นนิรันดร์

ร่างสูงตรงผึ่งผายในชุดสากลทันสมัยค่อยๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้า ผ่านป่าก็รู้สึกถึงความร่มเย็นแม้อากาศภายนอกจะร้อนอบอ้าว และเดาว่าแม้เข้าหน้าหนาวก็คงกลับรู้สึกอบอุ่น

กระทั่งถึงลำธารใสไหลรินเอื่อยๆ เดินทอดเรื่อยไปไม่รีบเร่งเพียงไม่นานก็ได้พบกับตาน้ำผุดขึ้นมาจากดิน สรรพสิ่งโดยรอบสงบนิ่งไม่เคลื่อนไหว แม้กระทั่งลมก็ดังจะหยุดพัดหวิววู่

มือหนาเอื้อมลงไปในสายน้ำเย็น กอบกุมน้ำใสบริสุทธิ์จากแหล่งกำเนิดขึ้นมาชิมรสชาติ รู้สึกราวกับว่าทุกอย่างในร่างกายพลันทำงานได้อย่างสมบูรณ์สอดประสาน

“ฉันจะสร้างโรงน้ำชาขึ้นที่นี่”

ประโยคเดียวราวกับประกาศิต พ่อบ้านจางและสวีสุ่ยเหอผู้รับใช้ใกล้ชิดมาหลายปีขยับเข้ามาใกล้ มองไปยังนิ้วที่ชี้ออกไปและจดจำคำนั้นไว้ เพียงไม่นานทุกอย่างก็ระดมเข้ามาทั้งแรงคนและแรงเครื่องจักร โดยถูกกำชับกวดขัน ไม่ให้ตัดต้นไม้ใหญ่และไม่ให้รบกวนสรรพสิ่งอันเป็นธรรมชาติ โดยเฉพาะแหล่งต้นน้ำที่ซึ่งพลังหยินหยางยังสมดุลพิสุทธิ์

หลายคนอาจจะว่าก็แค่โรงน้ำชา จะอะไรกันหนักหนา

แต่ทว่า เมื่อครั้งมันเปิดตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ผู้ที่ได้รับข่าวสารซึ่งโดยส่วนมากเป็นชาวจีนและชาวจีนโพ้นทะเล และโดยส่วนน้อยที่เป็นคนเชื้อชาติอื่นแต่ถูกดึงดูดด้วยพลังงานบางอย่างก็มีความกระตือรือร้นที่จะได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเข้ามาลิ้มลองรสของน้ำชาที่ชงโดยบุรุษผู้เป็นเจ้าของโรงน้ำชาแห่งนี้

คนรู้จักเขาในนาม ‘คุณเฉิน’ มีเฉพาะคนใกล้ชิดเท่านั้นที่รู้ชื่อตัวของเขาด้วย แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยเรียกนามเต็ม ‘เฉินเอิน’ ออกมาแม้เพียงสักคน

ไม่มีใครทราบที่มาหรือเบื้องลึกเบื้องหลังของครอบครัวชายหนุ่มชาวจีนอายุยี่สิบห้าปีผู้นี้นอกจากชื่อแซ่ของเขา และถึงแม้จะใคร่รู้เรื่องราวของผู้เป็นเจ้าของโรงน้ำชามากเพียงไหนแต่หลายคนยอมรับว่าไม่ได้ใคร่กระหายอยากรู้ในประวัติผู้ปรุงชามากไปกว่ารสของน้ำชาและผลลัพธ์ที่จะได้หลังจากดื่มเข้าไป

กระทั่งมีคำพูดที่ว่า ‘ชาจากคุณเฉินถ้วยเดียวในชีวิตอาจเปลี่ยนชีวิตทั้งชีวิต’

ก็เพราะชาที่จะได้รับถ้วยเดียวในชีวิตนี้ไม่ได้เป็นเพียงชารสเลิศธรรมดาๆ เท่านั้น

หากแต่เป็น ‘น้ำชาความทรงจำ’

ความทรงจำแหว่งๆ วิ่นๆ ที่ต้องนำมาปะติดปะต่อราวภาพจิกซอว์นั้นอาจไม่ใช่ของตัวเอง แต่เป็นสิ่งที่จิตใจโดยลึกของผู้ดื่มชาโหยหาและปรารถนา อาจจะเป็นความทรงจำของใครก็ตามแล้วแต่สวรรค์จะเปิดทางให้ โดยมีน้ำชาที่ปรุงขึ้นโดยคุณเฉินเป็นสื่อกลาง แต่โดยมากความทรงจำเหล่านั้นล้วนเกี่ยวข้องเป็นโยงใยและเป็นประโยชน์ตามจุดมุ่งหมายของผู้ดื่มชา กรณีแบบนี้ให้เรียกผู้ดื่มชาว่า ‘ผู้ซื้อความทรงจำ’

ในทางเดียวกัน ก็ยังมีบางบุคคลที่อยากกำจัดความทรงจำบางอย่างที่ไม่ต้องการจดจำ ความทุกข์แสนสาหัส ความรู้สึกผิดที่ตามหลอกหลอน น้ำชาถ้วยหนึ่งก็ดังจะช่วยปลอบโยนปลอบประโลม โดยการจำหน่ายความทรงจำนั้นให้หายออกไปจากตัวเจ้าของ ถึงได้เรียกผู้ดื่มชาแบบนี้ว่า ‘ผู้ขายความทรงจำ’

แต่ชาจากคุณเฉินถ้วยเดียวนี้ ใช่ว่าทุกคนจะดื่มได้โดยง่ายเพราะรู้ได้จากเพียงการบอกเล่าปากต่อปาก ส่วนใหญ่ก็จากบรรดาผู้ที่เคยได้รับน้ำชานี้กระจายไปสู่ญาติพี่น้องหรือคนรู้จักที่นับถือกัน หรือบางทีอาจมีเรื่องราวมากกว่านั้น ซึ่งบุคคลที่รู้ดีที่สุดย่อมมีเพียงหนึ่งซึ่งก็คือผู้รังสรรค์ชาเท่านั้น

ถึงอย่างนั้น การจะรับน้ำชาได้ย่อมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนคล้ายสัญญาซื้อขาย ผู้ดื่มชามีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติตาม ถือเป็นการแสดงความเคารพและแสดงสัมพันธ์อันดีเช่นการค้าขายแบบเมื่อก่อน ปราศจากหนังสือสัญญาหรือการลงนามเป็นลายลักษณ์อักษร ทุกอย่างถือเป็นสัจจะสัญญา และจากความอัศจรรย์ที่ได้สัมผัสก็ทำให้ไม่มีใครกล้าละเมิดสัจจะสัญญานี้แลยแม้แต่คนเดียว

 

เชิงอรรถ :

(1) อวี่หวงซ่างตี้ หรือจักรพรรดิหยก หรือเง็กเซียนฮ่องเต้

(2) วิชาจับยามดอกเหมย คือวิชาพยากรณ์เน้นไปที่รูปลักษณ์ของฉักลักษณ์

 



Don`t copy text!