โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 1 : เซี่ยเหมยซี (2)

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 1 : เซี่ยเหมยซี (2)

โดย : ปีกดอกไม้

Loading

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน นิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจีนโบราณ ผลงานรางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 ของ ปีกดอกไม้ หรือ รสริน พระปริยัติ อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงน้ำชาและเรื่องราวของผู้คนที่นี่ รวมถึงปริศนาเบื้องหลังของน้ำชาความทรงจำนี้ อ่านได้แล้วที่เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

“เหมยซี” เสียงนุ่มเอ่ยเรียกชื่อด้วยสำเนียงอ่อนโยนเช่นเดียวกับเมื่อครั้งนั้น เซี่ยเหมยซีเผลอปล่อยถ้วยชาในมือตกลงพื้นแตกเป็นเสี่ยง ดีว่ามันเป็นเพียงถ้วยชาธรรมดาราคาไม่แพงซึ่งใช้เสิร์ฟลูกค้า เพราะถ้าหากเป็นถ้วยชาชุดที่คุณเฉินใช้แล้วละก็ เธอก็ไม่รู้ว่าจะไปมีปัญญาหามาใช้คืนได้จากที่ไหน

“ค่ะ คุณเฉิน” มือบางค่อยๆ เก็บเศษกระเบื้องขึ้นมา เธอเผลอกำมันแรงอย่างไม่รู้ตัว กระเบื้องคมบาดมือจนเลือดสีแดงไหลซึมออกมาเปรอะเปื้อน แต่หญิงสาวกลับไม่รู้สึกเจ็บแม้แต่เพียงนิด

ชายหนุ่มถอนใจยาว วางถ้วยชาลง

“เมื่อไหร่จะลืมเสียทีเหมยซี ชีวิตคนน่ะมันไม่ยืนยาวนักหรอกนะ ลืมเสียเถอะ ลืมให้ได้” ในตอนนี้ร่างสูงก็ยืดตัวยืนขึ้น ก่อนจะเดินอ้อมเคาน์เตอร์มาหยิบผ้าสะอาดส่งให้

“ค่ะ คุณเฉิน” หญิงสาวรับคำด้วยน้ำเสียงสะเทือนใจเมื่อคิดโยงใยไปยังอดีต

ตอนนั้นเซี่ยเหมยซีอายุสิบหก ชายผู้นี้อายุยี่สิบห้า ในตอนนี้ที่เวลาผ่านมายี่สิบกว่าปี เธออายุสี่สิบเอ็ดแล้ว แต่คุณเฉินยังคงมีรูปลักษณ์ที่เหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน

ดวงตายาวรีมีประกายอ่อนเยาว์และอบอุ่นนั้นโค้งลงตามรอยยิ้ม ไม่มีริ้วรอยปรากฏให้เห็นสักเส้นแม้แต่เพียงเบาบาง เส้นผมนุ่มหนายังคงเป็นสีดำเงาสวย

ขณะเซี่ยเหมยซีเริ่มมีผมขาวแซมประปราย ผิวหนังที่บางลงเผยให้เส้นเลือดสีเขียวอ่อนและสีม่วงจางชัดเจนขึ้นที่หลังมือซึ่งกำลังกดผ้าขาวห้ามเลือดอยู่ ริ้วรอยบนใบหน้ายิ่งทำให้เห็นว่าเวลาของเธอนั้นได้เดินหน้าไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับเวลาของคนปกติ

แต่สำหรับชายหนุ่มผู้นี้ เวลาสำหรับเขาเป็นเครื่องวัดที่ดูจะใช้การไม่ได้ นาฬิกาชีวิตของคุณเฉินหยุดเดินมาตั้งแต่ตอนนั้นเมื่อแรกเจอกันที่ภัตตาคาร และอันที่จริง มันหยุดเดินมานานก่อนที่เขาจะได้เจอกับเธอเสียด้วยซ้ำ

แต่มันหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นมาตั้งแต่เมื่อไร

แม้แต่ตัวเซี่ยเหมยซีเองก็ไม่อาจจะคาดเดาได้

 

อากาศยามค่ำกำลังเย็นสบาย สายลมยามราตรีพัดโชยมานุ่มนวลสัมผัสใบหน้าอย่างแผ่วเบา บุรุษเจ้าของโรงน้ำชาเงยหน้าขึ้นมองพระจันทร์สีเงินยวง มันยังคงเป็นพระจันทร์ดวงเดียวกับที่ที่เคยจากมา จำได้ว่าคืนนั้นหลังกลับจากภัตตาคารในเซี่ยงไฮ้เขาก็ยืนเหม่อมองมันด้วยความทอดถอนใจแบบนี้

วิถีของโลก วิถีวุ่นวาย รักโลภโกรธหลง กิเลสราคะ ไม่เคยห่างหายแม้เวลาจะผ่านมาเป็นหลายร้อยปี หรือกระทั่งยี่สิบกว่าปีก่อนนี้ ในครั้งที่เจอกับเซี่ยเหมยซี

เด็กสาวหน้าตาสิ้นหวังคุกเข่าลงกับพื้นในภัตตาคาร แววตาแสนเดียงสาสั่นไหวไม่สงบ มันเป็นเรื่องน่าปวดใจเมื่อเห็นเด็กสาวที่ควรจะอยู่ในวัยสดใสก้มหน้าแนบหน้าผากลงกับพื้นก่อนจะเข้ามากอดข้อเท้าของเขาเอาไว้

เมื่อร้องห้ามออกไป ใบหน้าที่แนบลงคล้ายจะใช้ขากางเกงเสมือนเป็นผ้าเช็ดหน้าก็เงยขึ้นเผยดวงตาแดงก่ำ น้ำตาหยดนั้นเลยตกลงใส่รองเท้าที่ชายหนุ่มสวมใส่ทำเอาเขาอดสะเทือนใจไม่ได้

เซี่ยเหมยซีก้มหน้าอย่างอับจนหนทางด้วยความขุ่นข้องคับแค้น

‘เด็กน้อย…’ เขาเอ่ยถามด้วยความรู้สึกสะท้านใจ ‘มีสิ่งใดที่ทำให้อับจนถึงขนาดนี้…’

ถึงตอนนี้ที่เวลาผ่านมายี่สิบกว่าปีและสถานที่นี้ก็คือเมืองไทยไม่ใช่เซี่ยงไฮ้ เขาถึงได้หวนคิดกลับไปว่าทุกอย่างมันผิดพลาดที่ตรงไหน อะไรที่ทำให้เขายอมตามใจเธอ

เซี่ยเหมยซีเป็นเพียงเด็กสาวอายุสิบหก ซึ่งวัยนี้มักจะมีความรู้สึกมากกว่าวัยอื่น สิ่งที่คนอื่นเจ็บเธอจะยิ่งเจ็บ สิ่งที่คนอื่นแค้นเด็กสาวก็จะยิ่งเจ็บแค้นเป็นเท่าทวี

แต่เขาผู้ซึ่งใช้ชีวิตมายาวนานควรจะทำได้สำเร็จไม่ใช่หรือ ควรจะได้เกลี้ยกล่อมเธอมากกว่านี้ และเซี่ยเหมยซีควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ มีความทรงจำอันรื่นรมย์แสนบริสุทธิ์โดยปราศจากความทรงจำของค่ำคืนเลวร้ายที่หล่อหลอมตัวตนให้เธอเป็นคนที่ไม่ยอมเปิดประตูให้ใคร

หากน้ำชามีฤทธิ์ที่จะลบความทรงจำได้ เธอก็ควรจะลืมเลือนเรื่องพวกนั้นไป แต่เหตุใดเธอจึงกลายเป็นเธอแบบทุกวันนี้

นั่นก็เพราะ เซี่ยเหมยซีเลือกอีกทางหนึ่ง

‘ไม่อยากขายความทรงจำอย่างนั้นหรือ แต่อยากซื้อ’ เขาเอ่ยทวนคำกับเด็กสาวที่น้ำตานองหน้าหลังจากอธิบายวิธีการรับน้ำชา ดวงตากลมนั้นวาวใสแต่ภายในกลับคุโชนด้วยไฟแค้น

‘อยากซื้อค่ะ อยากหาตัวคนทำผิด อยากให้พวกมันได้รับโทษสาสมกับสิ่งที่มันทำ ถ้ามันได้รับโทษมันคงไม่มีโอกาสไปทำอย่างนี้กับใครได้อีก’ เป็นน้ำเสียงมืดดำของเด็กสาวที่ตอบออกมา หากว่าเนื้อในแล้วกลับมีสีขาวของความดีแสดงให้เห็น เธอไม่ได้คิดเผื่อตัวเองเท่านั้น เพราะตัวเองพบว่ามันเลวร้ายถึงไม่อยากให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นกับใคร และเพราะเหตุผลนี้เองที่ทำเอาชายหนุ่มเกิดลังเลขึ้นมา

‘แต่มันจะไม่ดีกว่าหรือแค่เพียงแต่จะลบเรื่องราวเลวร้ายนั้นทิ้งไป’ เขายังเอ่ยเตือนอย่างปรานี

‘ลบความทรงจำก็ใช่ว่าทุกอย่างจะกลับคืนมาได้นี่คะ น้ำที่สาดไปแล้วกลับคืนมาไม่ได้ สิ่งที่กระทำลงไปล้วนต้องมีผลลัพธ์ คนทำผิดก็ต้องได้รับการลงโทษทัณฑ์ เพียงแต่เหมยซีจำหน้าพวกมันไม่ได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าจะหาตัวมันได้จากไหน’

‘ตัดสินใจแน่แล้วใช่ไหม เธอจะต้องเห็นหน้าพวกมันอีกครั้ง ความเจ็บปวดในใจนั้นก็ต้องสัมผัสมันอีกครั้ง และที่สำคัญ ในหนึ่งชีวิตจะรับชาแบบนี้ได้เพียงแค่ถ้วยเดียวเท่านั้น’

‘แน่แล้วค่ะคุณเฉิน’ น้ำเสียงนั้นแน่วแน่แม้ตัวยังสั่น ต่อให้ยังเป็นเด็กก็ใช่ว่าเขาจะทัดทานได้

พิธีรับชาได้ถูกจัดขึ้นในสัปดาห์ถัดไปเมื่อถึงฤกษ์ยามที่กำหนดไว้ตามตำราพยากรณ์ มันเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ในคืนที่พระจันทร์มีสีเลือดขัดกับฤดูใบไม้ผลิซึ่งดอกไม้กำลังออกดอกเบ่งบาน

ข้อแลกเปลี่ยนของเธอ ราคาที่ต้องจ่ายสำหรับน้ำชาพิเศษถ้วยเดียวถ้วยนั้นคือการติดตามเขาออกนอกเมืองเพื่อเป็นผู้ช่วยในโรงน้ำชา

ต่อให้เป็นอะไรเธอก็ไม่เกี่ยง เพราะแม้แต่ชีวิต เซี่ยเหมยซีก็เคยคิดจะปลิดมันทิ้งมาแล้วเสียด้วยซ้ำ

แต่เซี่ยเหมยซีไม่เคยรู้เลยว่า เหตุที่คุณเฉินยื่นข้อเสนอนี้ให้เพราะไม่ต้องการเห็นเด็กสาวตัวคนเดียวแสนบอบช้ำอยู่ในเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีและความเจริญเกินขีดจำกัดนี้อีกต่อไป เพราะเชื่อว่าแม้ความทรงจำเลวร้ายอาจไม่ได้หายไปในพริบตาเพราะดื่มชา แต่ก็คงพอจะเยียวยารักษาได้ ด้วยเวลาและสิ่งแวดล้อมอันเงียบสงบของธรรมชาติ

เด็กสาวเริ่มก้าวเข้ามาในโรงน้ำชา เริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับชาประเภทต่างๆ คุณเฉินเปิดโรงน้ำชาก็จริง แต่เขาจะชงเพียงแต่ชาชนิดพิเศษที่เรียกว่า ‘ชาความทรงจำ’ เท่านั้น หากเป็นลูกค้าทั่วไปถึงเวลานั้นก็จะตกมาเป็นหน้าที่ของเธอและพนักงานคนอื่นในร้าน

ในตอนนั้นมีคนดูแลรับใช้และทำงานให้คุณเฉินอยู่แล้วหลายคน แต่ละคนล้วนเริ่มชราเตรียมปลดเกษียณ ยามนั้นเซี่ยเหมยซีขมวดคิ้วสงสัย เหตุใดผู้เป็นเจ้าของโรงน้ำชาในวัยหนุ่มจึงกล่าววาจาเป็นกันเองเล่นหัวกับผู้หลักผู้ใหญ่

คุณเฉินเพิ่งจะยี่สิบกว่า อายุมากกว่าเธอไม่ถึงสิบปี แต่บางชั่วขณะที่ความคิดบางอย่างแวบเข้ามา เธอก็เหมือนกับเห็นว่าเขาทำตัวราวกับใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้มานานแล้วนับร้อยปี

เวลาค่อยๆ ผันผ่าน สิ่งรอบตัวคืบคลานเคลื่อนไหวด้วยจังหวะเรียบเรื่อยเชื่องช้า วันคืนเลยดูเหมือนว่าจะยาวนานตามไปด้วย และแผลในใจก็เริ่มจะถูกเยียวยารักษาด้วยโอสถชั้นดีไปทีละน้อย และยานั้นก็คือ ‘เวลา’

อีกเดือนถัดมาเธอถึงได้รู้ว่าลูกค้าวีไอพีของภัตตาคารก็จะเข้ารับพิธีดื่มชาถัดจากเธอ แต่เซี่ยเหมยซีในตอนนั้นไม่ได้รู้เลยว่าข้อแลกเปลี่ยนสำหรับชาถ้วยนั้นในเดือนถัดมา ก็เพื่อให้ชายผู้ซึ่งเป็นเจ้าของเรือและรู้จักผู้คนมากมายที่ท่าเรือเซี่ยงไฮ้ตามตัวคนที่ทำร้ายเซี่ยเหมยซีมารับโทษสูงสุดตามกฎหมาย

จริงอยู่ว่าเซี่ยเหมยซีได้ดื่มน้ำชาปรุงพิเศษ เธอได้เห็นหน้าค่าตาผู้ร้าย แต่ไหนเลยเด็กอย่างเธอจะมีอำนาจจัดการตามหาตัวตนของคนพวกนั้นในบรรดาคนนับพันนับหมื่นได้ ส่วนตำรวจเองก็งานล้นมือ ตอนนี้เองที่คุณเฉินได้เอ่ยปาก

‘ไม่ต้องห่วงเหมยซี ลืมเรื่องเลวร้ายนี่ไปให้หมด คุณจางรับปากจะจัดการให้’

เมื่อเวลาผ่านมาอีกพักใหญ่ สิบปีเห็นจะได้ คราวที่โรงน้ำชาต้องย้ายสถานที่และเซี่ยเหมยซีกำลังควบคุมคนงานเก็บข้าวของลงหีบเตรียมขนย้าย เธอถึงได้พบกับเถ้าแก่เจ้าของเรือคนนั้นอีกครั้ง ผู้ชายคนที่เขาเอ่ยเรียกว่าคุณจาง

ลูกค้าวีไอพีที่ภัตตาคารคนที่ทำให้เธอได้รู้จักกับคุณเฉิน บัดนี้ก็ได้ย้ายถิ่นฐานมาพร้อมกัน เริ่มตั้งแต่เมืองจีนฝั่งหนึ่งไปยังอีกฝั่ง กระทั่งล่าสุดที่ตัดสินใจย้ายจากเมืองจีนลงมาสู่เมืองไทย ชายผู้นั้นก็ยังคงตามมารับใช้ผู้มีพระคุณด้วยความซาบซึ้งมากกว่าเพราะข้อผูกมัดอื่นใด

ข้อแลกเปลี่ยนน่ะหรือ หรือว่าราคาสำหรับซื้อขายความทรงจำ มันก็แค่เป็นไปตามแต่ที่คุณเฉินจะกำหนด บางทีก็เพื่อประโยชน์ของตัวผู้รับชาเองเสียด้วยซ้ำ และสัญญาปากเปล่านั้นมันก็หมดหน้าที่ของมันไปตั้งนานแล้ว และในตอนนี้คุณจางคนนั้นก็กลับกลายมาเป็นพ่อบ้านจาง

จากเจ้าของเรือขนส่งสินค้าหลายลำ ผู้กว้างขวางในเขตท่าเรือของเซี่ยงไฮ้ สู่พ่อบ้านที่ตามดูแลรับใช้คุณเฉินโดยสมัครใจ เซี่ยเหมยซีคิดไม่ออกเลยว่าสิ่งที่คุณจางทำลงไปมันเพราะจุดประสงค์ใด สิ่งที่เธอนึกออกสิ่งเดียวก็คือสิ่งที่บรรพบุรุษจีนปลูกฝังให้ลูกหลานรู้สำนึกและจารึกแน่นเหนียวอยู่ในจิตวิญญาณ สิ่งนั้นก็คือคำว่า ‘กตัญญูรู้คุณ’ เท่านั้นที่เธอจะนึกขึ้นมาได้

 



Don`t copy text!