โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 8 : นายตำรวจ (1)

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 8 : นายตำรวจ (1)

โดย : ปีกดอกไม้

Loading

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน นิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจีนโบราณ ผลงานรางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 ของ ปีกดอกไม้ หรือ รสริน พระปริยัติ อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงน้ำชาและเรื่องราวของผู้คนที่นี่ รวมถึงปริศนาเบื้องหลังของน้ำชาความทรงจำนี้ อ่านได้แล้วที่เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

 

รถสีดำยังคงตรงไปยังจุดหมายต่อไปคือโรงแรมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไม่ใช่เพื่อพักผ่อนเพราะพ่อบ้านจางได้จองที่พักอีกโรงแรมซึ่งค่อนข้างห่างออกไปเอาไว้ให้ ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัย

น้อยครั้งที่เฉินเอินจะเดินทางออกนอกเขตของโรงน้ำชา เขามีความลับที่ต้องเก็บรักษาและระแวดระวัง ที่สำคัญคือท่ามกลางตึกรามบ้านช่องและผู้คนมากมาย พลังงานที่ไหลเวียนอยู่ล้วนแล้วแต่ไม่บริสุทธิ์ ในที่แบบนี้ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวนัก ประสาทสัมผัสก็ทำหน้าที่ได้ไม่ดีเท่าที่ควร

ชายหนุ่มก้าวเท้าลงจากรถเงยหน้ามองอาคารสูงครู่ใหญ่ มือหนาถือซองเอกสารที่นำติดตัวมาตั้งแต่เช้าเข้าไปด้วย สอบถามพนักงานถึงสถานที่ตั้งของร้านอาหารจีนซึ่งเป็นที่นัดหมาย ต่อเมื่อได้เลขชั้นแล้วถึงได้โดยสารลิฟต์ขึ้นไปเพื่อพบว่าอีกฝั่งได้มารออยู่ก่อนแล้ว

บุคคลที่นั่งรออย่างใจจดจ่อนี้เป็นชายหนุ่มวัยกลางคนดูท่าทางภูมิฐาน ไม่ได้ดูภูมิฐานแบบนักธุรกิจการค้าที่เปี่ยมเงินทองแบบภาทิศ แต่เป็นความภาคภูมิองอาจเช่นคนที่รับราชการ แม้ชุดที่สวมใส่อยู่นั้นจะเป็นเพียงเสื้อยืดธรรมดาคลุมทับด้วยสูทสากลเพื่อให้เหมาะควรกับสถานที่ แต่เพราะผมที่ถูกตัดสั้นนั้นทำให้ผู้พบเห็นคาดเดาได้ไม่ยากว่าชายผู้นี้ไม่เป็นตำรวจก็คงเป็นทหาร

สิ่งที่น่าแปลกในสายตาคนมองก็คือคนที่เป็นข้าราชการเป็นฝ่ายนั่งรอ เพราะฉะนั้นผู้มาใหม่ก็ควรเป็นใครสักคนที่อาวุโสวัยกว่าหรืออาจจะมีตำแหน่งยศสูงกว่า แต่พอเอาจริงบุคคลนั้นกลับเป็นเพียงชายหนุ่มหน้าตาท่าทางดีคนหนึ่ง

ชายหนุ่มที่มาใหม่มีผิวขาวละเอียดในขณะที่อีกฝ่ายสีผิวค่อนข้างคล้ำรวมถึงเค้าโครงใบหน้าทำให้น่าเชื่อได้ยากว่าสองคนอาจเกี่ยวดองเป็นญาติกัน และยิ่งท่าทีที่ฝั่งรออยู่ก่อนกุลีกุจอรีบลุกยืนขึ้นต้อนรับก็ทำให้ผู้เฝ้ามองอยู่ต้องคิดดูใหม่ว่าแท้จริงแล้วใครเป็นคนที่อยู่ในสถานะเหนือกว่า

“พร้อมรบ” เฉินเอินยื่นมือออกมาสัมผัสมือของอีกฝ่าย “สบายดีไหม”

“สบายดีครับ ไม่เจอกันนานมาก แต่คุณเฉินไม่เปลี่ยนเลย” คนถูกทักดวงตาส่องสว่างและมีความไม่อยากเชื่อปนอยู่ “ภาพจำของผมที่มีต่อคุณเฉินยังคงเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน” เขาเอ่ยด้วยภาษาจีนกระท่อนกระแท่นเพราะไม่ได้ใช้มานาน

“แต่เธอเปลี่ยนไปเยอะทีเดียวพร้อมรบ ตอนนี้ดูไม่ค่อยจะพร้อมรบเหมือนตอนนั้น”

“ใบหน้านี้มันทรยศเสียแล้วคุณเฉิน” ชายวัยกลางคนเอ่ยยิ้มปรากฏริ้วรอยบางเบาของกาลเวลา เส้นผมของเขามีสีขาวแซม นึกถึงตอนรับน้ำชาในครั้งนั้น พร้อมรบเป็นเพียงตำรวจชั้นผู้น้อยอายุอานามไล่เลี่ยกับชายหนุ่มตรงหน้า ชีวิตลุกโชนไปด้วยไฟของอุดมคติทว่าข้างในกลับอัดอั้นอึดอัดคับแค้นต่อผู้มีอำนาจซึ่งก็คือตำรวจกังฉินที่เป็นผู้บังคับบัญชาในเมืองไทยไปจนถึงผู้มีอำนาจของทางฝั่งจีน

ไม่ว่าชนชาติไหนหากอำนาจอยู่ในมือคนผิด แล้วคนถูกจะอยู่ได้อย่างไร

พร้อมรบสู้อุตส่าห์ดั้นด้นตามสืบคดีมาเฟียจีนจับคนเรียกค่าไถ่และฆ่าปิดปากเหยื่อเมื่อไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ด้วยภาษาจีนแบบกระท่อนกระแท่นนี้พาเขาไปถึงรังใหญ่ของมันได้ เพียงแต่ว่าไร้ความร่วมมือใดๆ จากทั้งสองฝั่ง ทั้งยังโดนขู่สารพัดไม่ให้ยุ่งกับเรื่องนี้ หากเป็นแต่ตัวเองคนอย่างพร้อมรบคงไม่ย่อท้อ เพียงแต่ครอบครัวเหยื่อก็โดนขู่เอาชีวิตด้วย เขาได้แต่ถามหาความยุติธรรมที่ดูเหมือนจะตายไปพร้อมกับตัวเหยื่อ

และในวันที่มีจดหมายเตือนเรื่องตัวเองต้องโดนสอบกระทั่งอาจต้องออกจากราชการทั้งที่อาชีพนี้ไม่เคยให้อะไรเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นความภาคภูมิใจที่ควรได้หรือแม้กระทั่งเงินทอง

จนกระทั่งวันหนึ่งเรื่องคงไปเข้าหูใครเข้าเพราะจู่ๆ นายตำรวจยศใหญ่ผู้หนึ่งทางฝั่งจีนก็เรียกเขาเข้าพบ หลังจากวันนั้นมีสิ่งเกิดขึ้นมากมาย

…สิ่งอัศจรรย์…

พร้อมรบถึงได้กลับมาศรัทธาผลของความดีอีกครั้ง

นายตำรวจยศใหญ่ฝั่งจีนผู้นั้นแม้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ในคดีนี้ หากแต่เฝ้ามองด้วยความอัดอั้นเช่นกัน สุดท้ายก็ยื่นมือมาช่วยอย่างเงียบเชียบ พร้อมรบในตอนนั้นฟังภาษาจีนบางคำไม่ออก ไม่แน่ว่าฝั่งผู้ใหญ่มีไพ่เด็ดอยู่ในมือซึ่งเขาคิดเพียงแต่ว่าคงเป็นหลักฐานทางเอกสารหรือพยาน

รู้ตัวอีกทีตนเองก็ได้มานั่งเผชิญหน้ากับชายหนุ่มเช่นอย่างในวันนี้ เด็กหนุ่มอายุยี่สิบห้าที่มีใบหน้างดงามราวหยกสลัก เข้าใจว่าเจ้าบ้านต้อนรับด้วยการเชื้อเชิญดื่มชา ทว่าไปๆ มาๆ เขาถึงได้รู้ว่ามีบางอย่างแปลกไปเมื่อได้ลิ้มรสน้ำชาความทรงจำนี้ สิ่งที่น่าตลกก็คือ เขานึกว่า ‘ฮุ่ยอี่’ นั้นคือชื่อพันธุ์ของใบชา ต่อเมื่อได้สัมผัสของเหลวสีอำพันแสนพิเศษ ความเข้าใจจึงบังเกิดดังแสงเทียนที่ส่องสว่างในความมืด เพราะนอกจากรสชาติที่ไม่มีทางหาได้จากไหนในใต้หล้า เอฟเฟกต์ของชายิ่งไม่สามารถพบได้ยิ่งกว่า

ไม่นานหลังจากนั้นคดีก็ถูกคลี่คลาย เขาได้ขอพบชายหนุ่มผู้รังสรรค์ชาหลังจากนั้นอีกครั้งซึ่งก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีพร้อมกับการตอบคำถามด้วยภาษาไทยที่เขาเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ เขายังจำสีหน้าของเฉินเอินกระทั่งคำพูดในวันนั้นได้อย่างแม่นยำ

‘น้ำชาอัศจรรย์นี้มีเพียงหนึ่ง รังสรรค์ขึ้นจากความปรารถนาอย่างแรงกล้าในจิตใจมนุษย์ที่ปราศจากความเห็นแก่ตัว แต่ใช่ทุกคนจะมีสิทธิ์นี้’

เขาไม่นึกเสียดายที่ใช้สิทธิ์เดียวในชีวิตไปเพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายในหน้าที่ ทุกคนล้วนมีเรื่องที่ตนปรารถนาแตกต่างกันไป และน้ำชาความทรงจำนี้ไม่ใช่ใครก็จะใช้ได้ อย่างแรกที่เขาทราบมาคือผู้คนที่ได้รับชาล้วนมีความเกี่ยวข้องกันมาตั้งแต่ครั้งอดีต และอีกเรื่องก็คือเรื่องของเจตนา หากปรารถนาเงินทองอำนาจความสำเร็จเพื่อประโยชน์ส่วนตนย่อมใช้ไม่ได้

‘เราไม่อาจใช้สิ่งที่สวรรค์สรรสร้างมานี้เพื่อสิ่งตื้นเขิน ความปรารถนาที่ผู้รับชาต้องการนั้นย่อมก่อประโยชน์แก่ตนไม่ทางใดทางหนึ่ง เกี่ยวข้องกับตนไม่ทางใดทางหนึ่ง และส่งผลทุกทางอันเป็นประโยชน์ต่อบุคคลรอบข้างออกไปเป็นวงกว้าง นี่คือจุดประสงค์ของน้ำชานี้’

น้ำชาเปลี่ยนชีวิตหนึ่งจอกเปลี่ยนชีวิตของเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย ขณะเดียวกันก็ถือเป็นคำลงทัณฑ์สำหรับคนผิด ความศรัทธาในความดีกลับมาอีกครั้ง ความภาคภูมิใจในหน้าที่ การทำความดีเพื่อความดียังคงอยู่ แม้จะถึงทางตันแต่หลักธรรมสวรรค์ก็ยังไม่ตายเสียทีเดียว ผู้บัญชาการตำรวจกังฉินฝั่งจีนพ้นตำแหน่งราวสายฟ้าฟาด และผู้ที่ก้าวขึ้นมานั่งแทนก็คือนายตำรวจหวังที่เรียกเขาเข้าพบในวันนั้น และเขาเดาว่าฝั่งนั้นก็คงเคยได้รับน้ำชาไปแล้วเช่นกัน

“มีอะไรให้รับใช้ได้โปรดบอก ผมรับปากจะทำอย่างเต็มที่” พร้อมรบก้มหัวลง ไม่นับว่านี่คือข้อแลกเปลี่ยนของการรับน้ำชาที่ตามมาหลังจากเวลาผ่านไปหลายปี ต่อให้ทำฟรีเขาก็ยินดีทำ

“พิธีรีตองอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เงยหน้าขึ้นเถอะเพราะฉันไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาเธอ และยิ่งไม่ใช่อะไรที่ยิ่งใหญ่อย่างที่เธอคิดว่าฉันเป็น” ชายหนุ่มทอดสายตามองอยู่ด้วยความปรานี “เอาเถอะ ถ้าอย่างนั้นก็จะขอเข้าเรื่องสักที ฉันมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือจากเธอจริง ฉันต้องการตามหาคน…”

ซองเอกสารสีน้ำตาลบรรจุสิ่งที่มโนชาทำสำเนาให้เมื่อวานตอนเช้ายามอยู่ที่โรงน้ำชาถูกยื่นออกไป

เรื่องที่คุณเฉินไหว้วานให้หาคนไม่ใช่เรื่องเหนือบ่ากว่าแรงเลย อาจเพียงแค่ต้องใช้เวลาสืบค้น แต่ในเมื่อตอนนี้โรงน้ำชาได้ย้ายมาอยู่เมืองไทยเป็นเวลาหลายเดือนแล้วแต่เฉินเอินเพิ่งจะมา ดังนั้นแล้วเขาคิดว่าเวลาคงไม่ใช่ปัญหา

“เหตุผลที่ย้ายมาเพราะเรื่องที่คุณเฉินต้องการสืบหาเรื่องนี้หรือ” นายตำรวจตั้งสมมติฐานในสิ่งที่แม้กระทั่งตัวคนทำนายหาจุดหมายใหม่ของโรงน้ำชาอย่างเขาเองก็ยังสงสัย

ตามปกติการย้ายโรงน้ำชาส่วนหนึ่งเป็นเพราะพลังหยินหยางเกิดการเปลี่ยนแปลงถึงต้องย้าย ครั้งนี้เองก็ไม่แตกต่างไปจากทุกครั้ง เพียงแต่ว่าประจวบเหมาะจริงๆ ที่เมื่อข่าวคราวของการออกตามหาทายาทตระกูลหงมานานหลายศตวรรษเพิ่งจะกระจ่างว่าแท้จริงแล้วทายาทของตระกูลหงได้ย้ายลงมาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองไทยนี่เอง

เฉินเอินยังไม่ทันตอบคำถามเสียงโทรศัพท์อีกฝั่งก็ดังขึ้น เพราะเห็นท่าทางเหมือนเป็นเรื่องสำคัญเขาถึงได้พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตให้นายตำรวจใหญ่ใช้โทรศัพท์ได้ตามสบาย แต่ครู่เดียวเท่านั้นนายตำรวจนอกเครื่องแบบก็เดินกลับเข้ามาพร้อมสีหน้าที่ดูเข้มขึ้นเล็กน้อย

“มีเรื่องกังวลอย่างนั้นหรือ หากเป็นเรื่องงานที่ต้องทำก็ไปเถอะอย่าถือเป็นเรื่องเกรงใจ”

“ยังไม่ต้องไปเดี๋ยวนี้หรอกครับ เพียงแต่ข่าวที่ฟังมาไม่ค่อยสู้ดีนักเกี่ยวกับคดีในตอนนี้ ก็เรื่องเดิมเหมือนที่เคยทำมาตลอด ฟอกเงิน ค้ายา จับตัวเรียกค่าไถ่ เพียงแต่ครั้งนี้คนที่โดนจับไปคือลูกพี่ลูกน้องกันที่เป็นตำรวจ เพราะแฝงตัวเข้าไปเป็นสายสืบทั้งที่เคยห้ามเหลือเกินว่าอย่าทำ แต่อย่างว่า เมื่ออุดมการณ์ยังแรงกล้าใช่ว่าใครอยากจะห้ามก็ห้ามได้” เขาเองใช่ว่าจะไม่เคยลุยแบบไม่คิดชีวิตมาก่อน

“น่าสงสารก็แต่เด็ก เป็นพ่อคนเดียวลูกคนเดียวเพราะกำพร้าแม่มาตั้งแต่เกิด” ฝ่ามือหยาบกร้าน ล้วงลงในกระเป๋าเสื้อหยิบซองจดหมายออกมา ภายในบรรจุรูปถ่ายของนายตำรวจซึ่งมีศักดิ์เป็นทั้งรุ่นน้องและญาติผู้น้องถ่ายพร้อมกับลูกชายส่งให้อีกฝั่งดู

เฉินเอินเอื้อมมือออกไปรับรูปถ่าย เพ่งมองรูปนั้นอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนใจออกมา

เด็กชายตัวกลมอายุเพียงสิบขวบถ่ายรูปกับพ่อในชุดข้าราชการตำรวจ รูปถ่ายรูปหนึ่งดังจะบอกเล่าเรื่องราวได้หลายหลาย พ่อที่รักลูกดังแก้วตาดวงใจทว่าก็รักเกียรติในชุดที่สวมใส่ไม่แพ้กัน ส่วนฝั่งลูกก็มีพ่อเป็นต้นแบบเพราะในสายตาไร้เดียงสานั้นมีความภาคภูมิใจทอประกายเจิดจ้าออกมาจากรูปถ่าย

“กลุ่มคนที่จับไปเป็นกลุ่มทุนจีนหรือ” เขาคืนรูปถ่ายนั้นออกไปก่อนจะถามเพราะทราบมาว่าส่วนใหญ่คดีที่เกี่ยวข้องกับทางเมืองจีนพร้อมรบจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบอยู่โดยหลัก

“ครับ มีอิทธิพลมากทีเดียว พวกมันเข้ามาหาช่องทางลงทุนฟอกเงินที่เมืองไทยผ่านหลายธุรกิจทั้งผับบาร์และอสังหาริมทรัพย์โดยมีนอมินีคนไทยซึ่งเป็นนักธุรกิจหนุนหลัง ไม่พอใจใครก็อุ้มหายแม้แต่ศพก็หาไม่พบ กระทั่งเจ้าหน้าที่ยังถูกลอบทำร้าย”

“หากมีสิ่งใดที่ฉันพอจะช่วยได้ขอให้เธอบอก คงเคยได้ยินสำนวน ‘ญาติไกลไม่เท่าเพื่อนบ้านใกล้’ ขอแต่เพียงแค่อย่าลืมว่าเธอผ่านการรับน้ำชานั้นมาแล้ว” แม้สีหน้าจะจริงจังแต่มือคู่นั้นกลับยกชาขึ้นจิบด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติ ในดวงตาหลังถ้วยชานั้นคล้ายกำลังไตร่ตรองอะไรบางอย่างไปพร้อมกัน

“จะลืมได้อย่างไร เพียงแต่…” พร้อมรบเอ่ยด้วยความเกรงใจปนลำบากใจ “อย่างที่คุณเฉินเคยบอกเมื่อหลายปีก่อนถึงเรื่องผู้มีสิทธิ์รับชาซึ่งจะถูกส่งต่อกันตามสายเลือด นอกจากนั้นความปรารถนาที่ผู้รับชาต้องการนั้นย่อมก่อประโยชน์แก่ตนไม่ทางใดทางหนึ่ง เกี่ยวข้องกับตนไม่ทางใดทางหนึ่ง และส่งผลทุกทางอันเป็นประโยชน์ต่อบุคคลรอบข้างออกไปเป็นวงกว้าง อย่างนั้นเด็กคนนี้…” รูปถ่ายถูกเลื่อนกลับมาตรงหน้า “ถ้าเป็นเด็กคนนี้จะสามารถรับน้ำชาได้หรือไม่…”

ได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่เพียงแค่เอ่ยปากก็ทำได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในหัวของผู้รับน้ำชาไม่ใช่สิ่งที่ควบคุมได้ ตัวเขาไม่อาจควบคุมได้ สิ่งที่อยากเห็นไม่แน่ว่าเป็นสิ่งที่ควรเห็น เช่นกรณีของเซี่ยเหมยซีที่ต้องทนทุกข์เห็นภาพอันโหดร้ายนั้นอีกครั้ง แล้วนี่เด็กคนนั้นเป็นแค่เด็ก

“ขอเวลาฉันคิดไตร่ตรองดูสักหน่อย…”



Don`t copy text!