เปลือกมุกสีชมพู บทที่ 5 : The Green Destiny โชคชะตา อิจฉา และเงินทอง

เปลือกมุกสีชมพู บทที่ 5 : The Green Destiny โชคชะตา อิจฉา และเงินทอง

โดย : ขวัญอินทร์

Loading

เปลือกมุกสีชมพู โดย ขวัญอินทร์ นวนิยายดราม่าเข้มข้นที่อ่านเอานำมาให้ได้อ่านออนไลน์ เรื่องราวที่จะแสดงให้เห็นว่าเราอาจไม่เคยมองเห็นเนื้อแท้ของใครได้เลย ถ้าเราเลือกมองแค่เพียงเปลือก ความสำเร็จ ความล้มเหลว และภาพจำที่ผู้อื่นตีกรอบให้ เราจึงไม่ควรด่วนตัดสินใคร เพราะสุดท้ายผลกรรมจะเปิดโปงทุกอย่างไม่ช้าก็เร็ว

 

โชคชะตาสีเขียว อิจฉา และเงินทอง

วิสกี้ยี่ห้อ Jack Daniel ทริปเปิลเช็ค น้ำส้ม น้ำมะนาว บลูคูราเคา

“เป็นน้องเป็นนุ่ง ผมจะจับหวดก้นเสียให้เข็ด” ต้นบุญเล่าเรื่องมุกอันดาให้ภูวดลผู้เป็นพ่อฟัง เขาเพิ่งไปรับท่านที่สนามบิน พอขึ้นรถมาได้เขาก็รายงานพฤติกรรมหลานสาวคนเล็กคุณนวลพรรณ ทั้งเรื่องที่บาร์ที่วัด แต่ที่เขารับไม่ได้เลยจริงๆ คือที่บาร์ เมื่อคืนนี้

หลังจากฟังพระเสร็จ เขาก็กลับโรงแรม อดไม่ได้ที่จะแวะไปหาอะไรดื่มก่อนนอนที่บาร์จับจิต แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอเข้ากับมุกอันดา

“ผมไม่คิดเลยว่าจะเจอเค้าที่นั่น งานศพย่าตัวเองแท้ๆ ยังจะมาทำงาน”

“น้องคงไม่มีที่ไป”

“นอนร้องไห้ที่บ้านก็ได้นี่ครับ ช่วยไม่ได้ ทำตัวเองแท้ๆ ไม่น่าเชื่อว่าเป็นพี่น้องกับคุณฟ้า”

“พี่น้องคลานตามกันมานิสัยยังไม่เหมือนกัน นี่เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้อง จะเหมือนกันได้ยังไง”

“แต่ก็โตมาด้วยกันนะครับ”

“พ่อว่าต้นอย่าเพิ่งด่วนตัดสินอะไรเลย เรื่องมันอาจลึกกว่าที่ต้นรู้ พ่อรู้จักครอบครัวนี้ดี”

ต้นบุญไม่เห็นด้วย แต่ก็ขี้เกียจแย้งคิดว่า ประเดี๋ยวพ่อเจอตัวแล้วจะรู้เอง ทำใจเรื่องผมสีชมพูผิดชาวบ้านของเธอให้ได้เถอะ

เขาเปลี่ยนเป็นเล่าเรื่องที่ก้องเกียรติลูกชายคุณกรณ์ลงการเมืองแทนพ่อ แล้วก็ฟัง ส.ส.ไกรพูดเรื่องเก่าแก่สมัยคุณตากรรณ์ยังอยู่

“แล้วก็เล่าเรื่องพ่อ ทำไมพ่อไม่พาพวกเรามาเยี่ยมคุณย่านวลบ้างล่ะครับ”

ใจจริงเขาอยากถามว่า ทำไมพ่อไม่เคยมาเยี่ยมเลยต่างหาก ทั้งที่ท่านสำคัญกับพ่อขนาดนั้น

“เอาไว้ลูกจะรู้เอง แต่ตอนนี้เร่งไปให้ทันถวายเพลพระดีกว่าเผื่อจะได้เจอเจ้าภาพทุกคน” ภูวดลสั่งลูกชาย

“ครับ” ต้นบุญรับคำ ลอบถอนใจเบาๆ พ่อเป็นคนพูดน้อยแบบนี้เสมอ ไม่เหมือนแม่ แต่คงเป็นเหมือนหยินกับหยาง ที่แม้ต่างก็ลงตัว

เขากับพ่อมาถึงที่งานศพเกือบสิบโมงเช้า ตรงกับที่พระกำลังฉันเพล ญาติพี่น้องจึงอยู่กันพร้อมหน้า บริเวณหน้าโลงศพตอนนี้ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาว ดูบริสุทธิ์สะอาดตา รอบๆ เต็มไปด้วยพวงหรีดแขวนจนเต็มเส้นลวด จนเต็มศาลาสวด

หลังจากทักทายผู้ใหญ่ที่เคารพแล้ว ภูวดลก็ขอตัวไปไหว้ศพคุณนวลพรรณ โดยมีฟ้าพราวจุดธูปให้ทั้งสองคน ต้นบุญกราบเคารพศพตามธรรมเนียม ปักธูปแล้วก็นั่งคอยภูวดลซึ่งกำลังสงบนิ่งระลึกถึงผู้วายชนม์อยู่ เขาไม่ได้อุปาทาน จู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีลมพัดโชยจนขนแขนลุก จนต้องเผลอลูบแขนซึ่งน่าแปลกที่ฟ้าพราวเองก็กำลังลูบแขนตัวเองไปมา ทั้งสองจึงส่งยิ้มแห้ง สายตาบอกเป็นนัยๆ ว่ารู้สึกเหมือนกัน

คุณภูวดลปักธูปเสร็จก็ก้มลงกราบ ขยับตัวลุกขึ้นโดยมีต้นบุญคอยประคอง เขาจึงได้เห็นว่าพ่อพยายามเช็ดน้ำตา ข่มความรู้สึกเสียใจจนกรามสันเป็นนูน เขาเพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่าพ่อผูกพันกับคุณนวลพรรณมากเพียงใด

ช่วงเช้าแขกส่วนใหญ่จะเป็นญาติสนิทที่มาช่วยงาน ทุกคนดีใจที่ได้เจอภูวดล เด็กที่คุณนวลพรรณเคยชุบเลี้ยง  แต่ก็อดติงไม่ได้ว่า เขาหายไปไหนมาหลายปี ทำไมไม่มาเยี่ยมคุณนวลพรรณบ้างเลย โดยเฉพาะคุณขจี

“ได้ดีแล้วจะกลับมาทำไม ใช่มั้ยล่ะภู” คำตอบของคุณขจีทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัด รวมทั้งต้นบุญที่ลอบมองพ่อบ่อยๆ แต่ก็พบเพียงความสงบสำรวม

“ครับ ผมถึงรู้สึกผิดบาปอยู่ในใจ จนถึงทุกวันนี้ที่ไม่ได้มาดูแลท่าน”

“ผิดบาปอะไรกัน นวลเค้าส่งเสีย แกได้ดีก็ถือว่าเค้าได้บุญ คนเรามันก็มีภาระกันทั้งนั้น กรณ์เองมันก็ใช่ว่าจะมาเยี่ยมบ่อยๆ” ส.ส.ไกรตัดบท ช่วยคลายบรรยากาศชวนอึดอัดใจลงได้

“ขอบคุณครับท่าน เอ่อ ผมยังมีอีกเรื่องจะเรียนให้ทุกท่านทราบด้วย แต่ก่อนอื่น ผมอยากเจอกับมุกอันดา” ภูวดลยกมือไหว้ขอบคุณ ส.ส.ไกร พร้อมทั้งถามถึงมุกอันดา

“ธุระอะไรทำไมต้องตามยัยมุก” คุณขจีเสียงเขียว สีหน้าไม่พอใจเมื่อได้ยินชื่อของหลานสาวคนเดียว

“ถือว่าเป็นตัวแทนคุณกระจ่างครับ”

คำตอบของคุณภูวดลทำให้ทุกคนมีสีหน้าต่างกัน คุณขจีสบตาฟ้าพราวโดยไม่ได้นัดหมาย ส.ส.ไกรกับคุณกรณ์พยักหน้าเหมือนเข้าใจในความหมายนั้น มุกอันดาคือตัวแทนกระจ่าง ซึ่งถือเป็นทายาทอีกคนของคุณนวลพรรณ ถ้าต้องให้มุกอันดาอยู่ด้วยก็คงไม่แคล้วพูดเรื่องพินัยกรรม

“ฟ้าไปตามมุกให้ค่ะ”

“ไม่ต้อง! ให้ศรีไปตาม ไม่รู้มันตื่นหรือยัง ไปปลุกไม่ดูตาม้าตาเรือ เดี๋ยวมันบ้าขึ้นมาอีก” คำพูดสีหน้าคุณขจีบอกความสัมพันธ์ป้าหลานได้โดยไม่ต้องอธิบาย ฟ้าพราวตอบรับ ส่งสายตาขอลุแก่โทษสองพ่อลูกซึ่งถือว่าเป็นแขก

“ระหว่างรอหนูมุก ผมขอร่วมทำบุญ เพื่อทดแทนคุณนวลพรรณครับ” ภูวดลหยิบซองสีน้ำตาลจากกระเป๋าหนังสะพายออกมา ยื่นส่งให้คุณขจีซึ่งยังคงสงวนท่าทีไม่ยื่นมือไปรับในทันที เขาจึงยื่นค้างอยู่อย่างนั้น จนคุณกรณ์ต้องยื่นมือมารับแทน

“อนุโมทนาบุญด้วยนะ ภูวดล” ส.ส.ไกรเป็นคนเอ่ยขึ้นในฐานะผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง

คุณกรณ์ส่งซองสีน้ำตาลให้คุณขจี เธอนิ่วหน้าเล็กน้อยเมื่อรับรู้ถึงน้ำหนักซองในมือ

“ตอนแรกผมจะทำบุญเป็นเช็ค แต่มาคิดดูแล้ว ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ต้องจ่ายเป็นเงินสด เลยถอนเป็นเงินสดมาให้ครับ” คุณภูวดลบอก

นั่นจึงทำให้คุณขจีหยิบซองออกมาเปิดดูด้านในก็เผลออุทานออกมา

“ทำไมถึงได้เยอะแยะขนาดนี้” น้ำเสียงคุณขจีประหลาดใจ สีหน้ายากจะเดาว่าคิดอะไรอยู่ เงินในซองเป็นแบงก์พันมัดละแสนห้ามัด จำนวนของมันพอเสียยิ่งกว่าพอต่อการจัดงานศพ

“ไม่มากหรอกครับสำหรับบุญคุณของคุณนวลที่มีต่อเด็กกำพร้าอย่างผม” ภูวดลพูด ตอนนี้อายุหกสิบกว่าแล้ว แต่เมื่อกลับมาบ้านหลังนี้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเด็กน้อย เขายังจับภาพวินาทีที่เหยียบมาบ้านหลังนี้พร้อมกับพ่อแม่ ที่มาล้างท่อเทศบาล และตัดหญ้าทำสวน ที่บัดนี้กลายเป็นบ้างหลังใหญ่ และวางศพคุณนวลพรรณ

“เอาน่า มากน้อยไม่สำคัญเท่าเจตนารมณ์คนให้หรอก นวลคงรับรู้และดีใจที่ได้อุปการะเด็กคนหนึ่งจนได้ดี…” ส.ส.ไกรอยากจะพูดต่อว่า ได้ดีกว่าลูกตัวเอง แต่ก็เงียบเสีย ใครจะไปนึกลูกเด็กล้างท่อเทศบาลจะกลายเป็นเศรษฐี ได้กลับมาจัดงานศพเศรษฐีที่เคยชุบเลี้ยงตนเอง ทำไมแกจะไม่รู้ว่า ขจีหลานสาวตนเองนั้นกำลังถังแตก จนต้องยืมเงินสดลูกสะใภ้ตนจัดงานศพ ได้เงินก้อนนี้มาก็ช่วยแบ่งเบาภาระได้เยอะ

“อนุโมทนาบุญด้วยนะคะคุณลุง คุณต้นด้วยนะคะ” ดูเหมือนฟ้าพราวจะเป็นงานกว่าผู้เป็นแม่ เธอยกมือไหว้ภูวดลอย่างนอบน้อม และเลยมาไหว้ต้นบุญซึ่งนั่งสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ ที่ข้างบิดา เขาไม่ทันตั้งตัวจึงรับไหว้ด้วยท่าทางตกใจเล็กน้อย พร้อมพึมพำคำว่า สาธุ พร้อมกับผู้เป็นพ่อ

“ฉันก็ขออนุโมทนาบุญด้วย ฉันจะให้ฟ้าเขียนว่า เธอเป็นเจ้าภาพร่วมทุกคืนแล้วกัน” คุณขจีบอกพลางยกมือไหว้ คุณภูวดลถอนใจโล่งอกที่คุณขจีดูอ่อนลง

ไม่นานมุกอันดาก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดน้ำชา วันนี้หญิงสาวอยู่ในชุดกางเกงยีนส์ลูกฟูกกับเสื้อยืดแขนสั้นสีดำคอวี รัดรูปเล็กน้อย รองเท้าผ้าใบรัดข้อสีเดียวกัน ทำให้ดูปราดเปรียว ทะมัดทะแมง ผมซอยสั้นสีชมพูถูกคาดด้วยผ้าผูกผมสีน้ำตาลเข้ม ใบหน้าแต่งแต้มบางเบา แต่ก็กลบรอยช้ำใต้ดวงตาไม่มิด เมื่อคืนคงแฮงก์หนัก เขาอดที่จะอคติไม่ได้

“มาแล้วเหรอ นี่อาภูวดล เป็นเอ่อ หลานคุณย่าอีกคน เราจำได้มั้ย” ส.ส.ไกรแนะนำให้เธอรู้จัก

มุกอันดายกมือไหว้ มองภูวดลนิ่ง ใบหน้าเรียบเฉย เธอมองเลยผ่านมาที่เขาแวบหนึ่ง ก่อนตวัดสายตาหันไปตอบ ส.ส.ไกร

“จำได้ค่ะ”

“มุกโตขึ้นมากนะลูก อาเกือบจำไม่ได้ นี่ พี่ต้นบุญ เรียกพี่ต้นก็ได้ เป็นลูกชายคนเล็กลุงเอง” ภูวดลยิ้มเอ็นดู ขณะแนะนำให้รู้จักลูกชาย ภูวดลรู้สึกตีบตันในลำคอ เธอหน้าเหมือนพ่ออย่างกับแกะ เพียงแต่ว่า กระจ่างดูยิ้มแย้มกว่ามาก ก็ดีเค้าว่าลูกสาวหน้าเหมือนพ่อไม่อาภัพ

มุกอันดายกมือไหว้เขา สบตานิ่งเหมือนจะจำเขาได้ เม้มปากเล็กน้อย ก่อนเบือนหน้าไปทางอื่น ก็แหงละ คงอายที่เขาเห็นพฤติกรรมของเธอทั้งหมด ต้นบุญยิ้มเยาะที่มุมปาก

“เอาละ ยัยมุกมาแล้ว ภูมีธุระอะไรก็พูดมา” ยังไม่ทันที่ทุกคนจะสนทนากันต่อ คุณขจีก็เอ่ยตัดบท

“ได้ครับ คือผมจะแจ้งว่า คุณนวลพรรณทำพินัยกรรมฝากไว้ที่ผมหนึ่งฉบับ สั่งไว้ว่าให้เปิดหลังจากเก็บกระดูกท่านแล้ว” เป็นคำบอกเล่าง่ายๆ ตรงๆ

“เป็นไปไม่ได้ แม่น่ะหรือจะมีพินัยกรรม ทำไมฉันไม่รู้” คุณขจีพูดขัดขึ้นทันที

“ถ้าให้รู้เค้าจะเรียกว่าพินัยกรรมหรือวะ” ส.ส.ไกรเอ่ยน้ำเสียงรำคาญ

“ถึงอย่างนั้นเถอะค่ะ ทำไมต้องฝากไว้กับคนอื่น” ป้าขจียังไม่พอใจ ดูเหมือนคำว่า ‘คนอื่น’ ทำให้บรรยากาศดูเคร่งเครียดยิ่งขึ้น

“คนอื่นน่าไว้ใจกว่าน่ะสิคะ” มุกอันดาสวนกลับแทนคุณภูวดล ผู้ซึ่งถูกป้ากันให้เป็นคนอื่น

“ยัยมุก! ยังจะมาปากดี แกจะให้ฉันเล่าไหมว่า คุณแม่ตายเพราะใคร” คุณขจีพุ่งเป้ามาที่เธอทันที

“ก็ถ้าคิดว่ายังประจานไม่พอ ก็เล่าเถอะค่ะ แต่ช่วยกรุณาเล่าให้ครบๆ ทุกเรื่องด้วย ไม่ใช่เล่าแบบเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น”

“เอาละ พอได้แล้ว ทะเลาะกันอยู่ได้ ที่ผ่านมา แม่แก ย่าแก ช้ำใจไม่พอหรือไง ถึงได้มานั่งเถียงกันหน้าโลงให้วิญญาณช้ำใจอีก” ส.ส.ไกรต่อว่าทั้งคุณขจีและมุกอันดาเพื่อเตือนสติ มุกอันดาหน้าเสียรู้สึกผิด เธออุตส่าห์บอกตัวเองแล้วว่า จะใจเย็นกับป้าให้มากกว่านี้ แต่ก็อดเถียงไม่ได้ทุกที

“เอ่อ ฟ้าขอบคุณลุงภูมากนะคะที่นำข่าวมาบอก ฟ้าว่าเราคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง วันเก็บกระดูกดีไหมคะ”ฟ้าพราวตัดบทเมื่อเห็นว่าแม่กำลังจะตอบโต้คุณตาไกร

“ตาก็ว่าดี” ส.ส.ไกรสรุป ลึกๆ แล้วตัวเองก็รู้สึกไม่พอใจ ที่น้องสะใภ้ไม่ไว้ใจ นำเรื่องสำคัญไปฝากไว้กับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแค่เด็กในบ้าน

“ดีค่ะ จีได้ทั้งนั้น เค้าเอามาบอกก็บุญแล้ว” คุณขจีตอบน้ำเสียงประชด อารมณ์คุกรุ่นจนต้องกระพือพัดในมือระบายอารมณ์

“มุกล่ะ ขัดข้องมั้ย” ภูวดลไม่สนใจคำพูดนั้น หันมาถามมุกอันดา

“มุกได้ทั้งนั้นค่ะ” เธอตอบในใจคิดว่า พินัยกรรมน่ะเหรอ คงไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ เพราะเธอไม่ใช่หลานรัก

“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้นะครับ” ภูวดลสรุป เขายังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่าพินัยกรรมถูกฝากไว้ที่ตู้นิรภัยของธนาคาร ซึ่งจะเปิดได้ก็ต่อเมื่อเขานำใบมรณบัตรของคุณนวลพรรณไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารเท่านั้น คนอื่นไม่มีสิทธิ์

“ดีจริง แม่ฉัน!” ขจีโกรธจนพูดไม่ออก อีกทั้งยังรู้สึกเสียหน้า เพราะคิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นคนที่แม่ไว้วางใจที่สุด ฟ้าพราวกุมมือแม่ตบบนหลังมือเบาๆ เพื่อปลอบใจ เธอดูสงบนิ่ง เก็บอารมณ์ได้ดีกว่าคนเป็นแม่

“ดีแล้วละค่ะ คุณแม่ เรื่องที่เข้าใจผิดกันอยู่ จะได้กระจ่างสักที” ฟ้าพราวพูดพลางปรายตามาที่เธอ

คำพูดทิ้งท้ายของฟ้าพราวเป็นนัยที่รู้กันระหว่าง คุณขจี ฟ้าพราว มุกอันดา ว่าหมายถึงอะไร

“มุกขอตัวก่อนนะคะ ต้องไปเตรียมเครื่องดื่มไว้รับแขก” มุกอันดาผุดลุกขึ้น ยกมือไหว้ทุกคนแล้วเดินออกไปแบบไม่รอให้ใครอนุญาต ใครจะมองว่าเสียมารยาทก็ช่าง ดีกว่าเธอสติแตกเผลอด่าพี่ฟ้ากลางวงสนทนา

“ดู๊ ดู มารยาททราม สันดานต่ำ” คุณขจีผุสวาทตามหลัง ฟ้าพราวหน้าเจื่อนยกมือไหว้ขอโทษแทนน้อง

แน่นอนว่าไม่มีใครพอใจในสิ่งที่มุกอันดาทำ แต่ก็ไม่เห็นสมควรที่ป้าจีจะด่าหลานขนาดนี้ ทุกคนจึงได้แต่ลอบมองหน้ากัน จากนั้นก็ชวนกันคุยเรื่องอื่นโดยเฉพาะเรื่อง ธุรกิจ และการเมือง หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จสองพ่อลูกก็ขอตัวกลับบ้าน และจะกลับมาอีกครั้งตอนสวดอภิธรรมตอนค่ำ ในฐานะเจ้าภาพร่วมทุกคืน

“พ่อเห็นฤทธิ์เธอหรือยังครับ ถ้ามีน้องมีนุ่งแบบนี้ ผมคงกลุ้มใจตาย” ต้นบุญพูดถึงเธอจนได้ระหว่างขับรถกลับที่พัก

ภูวดลอมยิ้ม เข้าใจว่าลูกชายหมายถึงใคร ไม่แปลกใจจะคิดแบบนั้น เพราะเขาเจอมุกอันดาตอนมีเรื่องทุกครั้ง

“ฮึๆ น้องกับคุณจีเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กนั่นแหละ เรียกว่าเกิดมาก็เป็นขมิ้นกับปูนเลยทีเดียว” ภูวดลบอก จากนั้นก็เล่าเรื่องมุกอันดาให้ลูกชายฟัง

ย้อนไปวันที่คุณนวลพรรณโทร.ไปปรึกษาเรื่องที่กระจ่างไปทำเด็กผู้หญิงห้องอาหารท้อง ซึ่งสำหรับเขาแล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะกระจ่างก็ยังไม่มีเมีย แต่เพราะเขาเป็นลูกชายนายกเทศมนตรี จึงเป็นเรื่องใหญ่

แม่ของมุกอันดาเป็นเด็กเชียร์เบียร์ห้องอาหาร อายุเพิ่งจะสิบแปด คงยากที่จะให้ใครยอมรับได้ ทุกคนจึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ดูเหมือนคุณนวลพรรณจะยอมยัดเงินไม่น้อยให้เอาเด็กออก เขาเองตอนนั้นก็ยุ่งเรื่องงานและไม่เห็นด้วยเรื่องการทำบาปจึงไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องอีก

มารู้ข่าวอีกทีก็ตอนที่เห็นมุกอันดาอยู่ที่บ้านคุณนวลพรรณแล้ว ส่วนแม่เด็กนั้นไม่มีใครพูดถึงอีก รู้แค่ว่าคุณขจีเป็นคนจัดการให้เงินก้อนใหญ่ แล้วไล่ให้พ้นไปจากอำเภอนี้ เด็กสาวคนนั้นอายุยังน้อย และไม่ใช่คนที่นี่ประกอบกับหวาดกลัวอิทธิพล จึงเลือกที่จะหนีไปดีกว่า มุกอันดาจึงกลายเป็นเด็กกำพร้าแม่อย่างไม่ยุติธรรม

โชคดีของหนูน้อยจึงได้เค้าโครงหน้าของพ่อ ปู่ย่าจึงเลี้ยงโดยไม่ตะขิดตะขวงใจไปมากกว่านี้ เขากลับมาเยี่ยมปีละครั้ง ทุกครั้งที่นั่งดื่มด้วยกันกระจ่างก็จะพูดเรื่องลูกสาว ยิ่งมุกอันดาโตขึ้น กระจ่างก็ยิ่งรู้สึกผิดที่ตัวเองอ่อนแอปกป้องครอบครัวไม่ได้

ผมมันไม่เอาไหน อ่อนแอ ขี้ขลาด สงสารแต่มุกมีพ่อไม่เอาไหน ไม่ได้เรื่อง เขาจำได้ว่าเคยถามถึงแม่ของมุกอันดาเมื่อครั้งที่เด็กน้อยอายุได้ปีกว่าๆ ซึ่งกระจ่างก็เอาแต่เงียบ ไม่รู้ว่าไม่รู้ หรือไม่อยากตอบกันแน่

จนกระทั่งเวลาผ่านไปมุกอันดาสักแปดขวบเห็นจะได้ พ่อของเธอก็ได้ลงสมัครนายกเทศมนตรีแทนคุณกรรณ์ผู้เป็นพ่อ ทุกครั้งที่เจอกันเขาก็ยังพูดเรื่องลูกสาวคนเดียวเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนเป็นว่า สงสารพี่จี มุกดื้อเหลือเกิน กระจ่างมักจะเล่าปนหัวเราะถึงความแสบ เฮี้ยว ของลูกสาวคนเดียว ซึ่งตอนนั้นเขาก็คิดว่า มุกอันดาคงถูกพ่อให้ท้ายด้วยกระมัง ถึงได้กล้าต่อกรกับทุกคนในบ้าน

“เป็นขบถตั้งแต่เด็กว่างั้น แบบนี้คุณขจีก็เหนื่อยแย่”

“ก็ไม่แย่หรอก อย่างน้อยน้องก็เรียนจบ มีงานทำ”

“น้องทำงานบาร์ ป้าจีโกรธจะให้ลาออก คุณย่านวลก็เสียใจจนช็อก” ต้นบุญทวนคำพูดที่ได้ยินมา เขาไม่ได้มีอคติกับอาชีพนี้ แต่ก็เข้าใจได้ว่าผู้ใหญ่คงไม่ชอบให้หลานสาวตนเองทำงานกลางคืน ยิ่งเป็นหลานสาวตระกูลเก่าแก่ด้วยแล้ว คงยากจะทำใจ

“ก็อาจใช่ แต่อย่างที่พ่อบอก เรายังไม่รู้เรื่องทั้งหมด ก็อย่าเพิ่งมีอคติ เพราะอคติทำให้เราเห็นความจริงไม่ชัด”

“ครับ ว่าแต่ทำไมคุณนวลต้องฝากพินัยกรรมไว้กับพ่อด้วยครับ ผมไม่ชอบที่คุณขจีพูดดูถูกพ่อเลย” ต้นบุญเปลี่ยนเรื่องคุย หลังจากที่บ่นเรื่องมุกอันดาจนพอใจแล้ว

“คุณจีเป็นคนกว้างขวาง รู้จักทั้งทนาย แล้วก็ญาติพี่น้องหลายคน คงกลัวว่าเรื่องพินัยกรรมรั่ว เลยฝากไว้กับพ่อ ซึ่งนานๆ ครั้งจะกลับมาสักที” ภูวดลบอก ปลายเสียงตีบตื้นในลำคอเมื่อนึกถึงเรื่องนี้

เขาไม่ได้กลับมาเยี่ยมท่านอีกเพราะคำสั่งว่า อย่ากลับมาจนกว่าจะเปิดพินัยกรรม ซึ่งก็คือวันที่เอาใบมรณบัตรของท่านไปยื่นที่ธนาคาร นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาไม่ได้ติดต่อมาอีก ทำได้เพียงส่งขนมนมเนยมาให้ แม้เขาจะขอส่งเงินรายเดือนมาให้ท่านยังไม่รับ

เก็บเอาไว้ทำศพให้ฉันก็พอ

คำสั่งครั้งสุดท้ายของท่าน ที่เขาก็ได้ทำตามแล้วในวันนี้

 

 



Don`t copy text!