มรดกมนตรา บทที่ 11 : นางฟ้าในคราบอสรพิษ

มรดกมนตรา บทที่ 11 : นางฟ้าในคราบอสรพิษ

โดย : วัชรนริศ

Loading

มรดกมนตรา ผลงานของ วัชรนริศ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ทาง anowl.co กับเรื่องราวของนักวิจัยสาวผู้ไม่เชื่อในสิ่งลี้ลับที่ได้รับคฤหาสน์โบราณกลางป่ากาญจนบุรีเป็นมรดกจากญาติที่ไม่เคยรู้จัก ทว่าคฤหาสน์หลังนี้กลับซ่อนคำสาป วิญญาณ และอดีตอันมืดมนที่รอการปลุกตื่น พร้อมการฟื้นคืนของ “อัคนีนาฏเทวี” อสูรสาวในตำนาน

เมื่อถึงวันที่จะต้องไปเตรียมตัวไปออกงานราตรีของคุณหญิงฉัตรแก้วที่พระนคร โฉมสุรางค์และแม่ของเธอกำลังรีบแต่งตัวในชุดราตรีสีสันสดใส ในขณะเดียวกัน รวีอยู่ในชุดสูททักซีโดสีดำเรียบร้อยและสง่างาม เขาลงมารอทุกคนบริเวณห้องโถง

โฉมสุรางค์และราตรีเดินเข้ามาทักทายอีกครั้ง “สวัสดียามเย็นค่ะ วันนี้โฉมดูสวยมากไหมคะ”

ราตรียิ้มและพูดเสริม “วันนี้ลูกโฉมแต่งมาเต็มที่เลยนะคะ เพื่องานนี้เลยค่ะ”

ชายหนุ่มมองและอมยิ้ม “ครับ สวยมากครับ”

เพียงชั่วครู่ ทิพย์ธิดาก็ค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องโถง รวีมองการปรากฏตัวของเธอด้วยความตะลึงและรู้สึกตกหลุมรักเธอทันที ชุดราตรีของเธอเป็นผ้าไหมชั้นเลิศ ตัดเย็บอย่างประณีต ลวดลายที่ถักทอไว้บนเนื้อผ้ามีความละเอียดอ่อน

เป็นลวดลายดอกไม้และเส้นสายเรขาคณิตที่ดูหรูหราแต่ไม่ซับซ้อนเกินไป เสื้อเป็นแบบชุดคอปาด ที่เปิดเผยลำคอระหงและหัวไหล่ได้อย่างพอเหมาะ แขนเสื้อยาวคลุมถึงข้อมือ ตกแต่งด้วยลูกไม้สีขาวบริสุทธิ์ที่ปักด้วยมือเป็นลวดลายดอกพิกุล ทำให้เสื้อราตรีดูอ่อนหวานและเพิ่มความประณีต ในขณะที่ผ้าซาตินบางใสทิ้งตัวจากหัวไหล่ทั้งสองข้าง เป็นเหมือนผ้าคลุมเล็กๆ ที่พลิ้วไหวตามการเคลื่อนไหวของเธอ

กระโปรงของเธอเป็นแบบเอวสูง ตัดเย็บอย่างเข้ารูปเพื่อเน้นให้เห็นถึงส่วนโค้งเว้าของร่างกาย แล้วปล่อยทิ้งตัวยาวไปกับพื้น กระโปรงราตรีพลิ้วไหวด้วยเนื้อผ้าไหมชั้นดีที่แฝงไปด้วยความวิจิตร การจับจีบและจัดรูปทรงของกระโปรงทำให้เกิดความงามสง่าเมื่อเธอเดิน

นอกจากนี้ยังมีผ้าซิ่นไหมทอมือจากไทยลายดอกลอยละเอียดอ่อนแทรกอยู่ในผ้าราตรี ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมไทยและตะวันตกอย่างลงตัว เครื่องประดับที่ทิพย์ธิดาสวมใส่ถูกเลือกอย่างบรรจงเพื่อขับเน้นความงดงามของชุดราตรี เธอสวมสร้อยคอไข่มุกยาวที่มีแสงเป็นประกายละเอียดอ่อน สวมเข้ากับต่างหูมุกคู่เล็กที่ประดับไว้เรียบง่ายแต่สง่างาม บนข้อมือของเธอสวมกำไลทองคำประดับพลอยนพเก้า

ผมของหญิงสาวถูกเกล้าขึ้นอย่างประณีตในแบบทรงผมเกล้าตะกร้อ ผมเธอถูกเกล้าสูงและมวยไว้ที่ท้ายทอย ปักด้วยปิ่นทองคำขนาดเล็กที่สลักลวดลายละเอียด และผมที่ตกลงมาบางส่วนถูกม้วนให้พลิ้วไหวสร้างความนุ่มนวลให้ใบหน้าของเธอ

“เออ…วันนี้คุณทิพย์สวยมากเลยนะครับ” รวีพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตะลึงปนประทับใจ ทิพย์ธิดาและรวีสบตากันและต่างอมยิ้ม โฉมสุรางค์และแม่ของเธอมองด้วยความไม่พอใจ

“ไปกันเถอะครับ เดี๋ยวจะไม่ทันงาน” รวีหันไปพูดกับทุกคน แล้วพากันออกจากคฤหาสน์ไปยังงานแสดงเครื่องเพชร

นายวินัยคนขับรถหยุดจอดส่งบริเวณหน้าทางเข้า และเดินลงมาเปิดประตูรถให้กับสมาชิกทั้งสี่ ภายในงานมีแขกที่มาร่วมงานมากหน้าหลายตา ล้วนแต่เป็นคุณหญิงคุณนายและบุคคลที่มีชื่อเสียงต่างๆ ทิพย์ธิดาและรวียืนอยู่ข้างกันและรอชมการแสดงต่างๆ โฉมสุรางค์และราตรีเดินไปพูดคุยกับบรรดาคุณหญิงคุณนายอย่างออกรส

เมื่อเสียงชัตเตอร์ดังขึ้นพร้อมกันจากบรรดาตากล้อง แขกผู้มาร่วมงานต่างหันมองด้วยความสงสัย เสียงแฟลชถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเหล่าช่างภาพค่อยๆ เปิดทางให้กับหญิงสาวผู้หนึ่งเดินเข้ามาในงานอย่างช้าๆ ราวกับต้องการให้ทุกสายตาได้มองเธออย่างละเอียด ทุกสายตาจับจ้องไปยังเธอผู้ซึ่งเปล่งประกายราวกับดวงไฟท่ามกลางความมืด แสงไฟในงานสั่นกะพริบแผ่วเบาอย่างน่าประหลาด ก่อนจะสงบนิ่งและเผยให้เห็นร่างของเธอที่ปรากฏในชุดราตรีอันงดงามโดดเด่น หญิงสาวคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นไกล นอกจาก อัคคีรัตน์ หญิงสาวที่มีความงามเป็นที่เล่าลือ ผิวพรรณของเธอขาวเนียนดุจงาช้าง สะท้อนกับแสงไฟอ่อนๆ ในห้อง ชุดราตรีของเธอนั้นโดดเด่นและสะกดทุกสายตา ผู้ที่สวยสง่าและเต็มไปด้วยความลึกลับ โดยมีชายหนุ่มผู้รับใช้สองคนที่เดินตามหลังเธอมาในชุดสูททักซีโดสีดำ

ผ้าไหมสีแดงเข้มทอลายดอกไม้ไทยที่ประณีตบรรจงตลอดทั้งตัว เนื้อผ้าส่องประกายเล็กน้อยเมื่อแสงไฟกระทบ ให้ความรู้สึกเรียบหรูและขรึมขลัง ท่อนบนของชุดเป็นแบบ คอตั้งสูง ที่ประดับด้วยลวดลายทองคำอย่างประณีต เส้นลวดลายเหล่านี้ถูกทอด้วยเทคนิคโบราณและพาดผ่านแนวไหล่และแขนยาวของเธอ เสริมให้ดูอ่อนช้อยและสง่างามในเวลาเดียวกัน ลายปักทองที่คาดไหล่นั้นสะท้อนถึงความสูงศักดิ์และพลังอำนาจภายในตัวเธอ ซึ่งเป็นเครื่องบ่งบอกถึงบุคลิกของผู้ทรงอำนาจ

เสื้อด้านหน้ามีการติดกระดุมทองแบบโบราณเรียงตัวกันอย่างสวยงามไปตามลำตัว เผยให้เห็นส่วนสัดของร่างอย่างพองาม แขนยาวของชุดราตรีมีการประดับด้วยลูกไม้บางๆ รายละเอียดที่คล้ายกับเปลวไฟ ซึ่งเข้ากับชื่อของเธออย่างลงตัว ลวดลายเหล่านั้นช่วยขับให้เห็นความงดงามของท่วงท่าและการเคลื่อนไหวในทุกย่างก้าวของเธอ

ส่วนกระโปรงยาวคลุมพื้นของเธอนั้นตัดเย็บอย่างประณีต ใช้ผ้าไหมไทยที่มีการทอมือด้วยลายดอกพุดซ้อนสีทอง ปลายกระโปรงมีการเย็บเป็นชั้นซ้อนกันเล็กน้อยเพื่อสร้างความพลิ้วไหวเมื่อเธอเดิน กระโปรงยาวปิดสนิทแต่เคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ สะท้อนความสง่างามในทุกย่างก้าว แต่ไม่ได้ดูท้าทายเกินไป ดั่งการเดินของนางพญาที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจที่อยู่เหนือกว่าผู้อื่น ประดับผ้าไหมไทยสีทองที่ตัดเย็บด้วยความประณีตและสวมรองเท้าคู่นี้เข้ากับกระโปรงและชุดราตรีอย่างลงตัว

แต่สิ่งที่สะดุดตาและสร้างความตะลึงให้กับทุกคนในงานคือ สร้อยคอที่อัคคีรัตน์สวมใส่ เป็นสร้อยคอที่ประดับด้วยมรกตเม็ดใหญ่สีเขียวใสอยู่ตรงกลางคอ สร้อยเส้นนี้เป็นงานเครื่องประดับที่วิจิตรอย่างเหลือเชื่อ ตัวเรือนของสร้อยทำจากทองคำบริสุทธิ์ ลายสร้อยถูกแกะสลักเป็นลายไทยดั้งเดิม ตรงกลางเป็นมรกตเม็ดใหญ่ที่ตัดกับสีผ้าไหมของชุดได้อย่างลงตัว แสงไฟที่ส่องกระทบมรกตนั้นทำให้มันสะท้อนประกายเป็นสีเขียวสดใสราวกับอัญมณีมีชีวิตที่ดึงดูดทุกสายตา

ผมของเธอเป็นทรงมวยสูงแบบโบราณ ซึ่งจัดทรงอย่างเรียบง่ายแต่สง่า ผมที่เหลือถูกรวบขึ้นและประดับด้วยปิ่นทองคำลวดลายเปลวเพลิงที่ทอแสงวาววับตามการเคลื่อนไหว ปิ่นที่เธอสวมใส่เป็นงานศิลป์ชั้นสูงซึ่งถักทออย่างประณีตจากทองคำบริสุทธิ์ ปลายปิ่นมีการประดับด้วยพลอยสีแดงเพลิงที่ตัดกับสีของผมทำให้เธอดูมีอำนาจยิ่งขึ้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่สะท้อนแสงไฟภายในห้องนั้นเต็มไปด้วยความมั่นคงและน่าเกรงขาม ขณะที่รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้าทำให้ผู้คนในงานไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้

อัคคีรัตน์เดินเข้ามาในห้องด้วยท่าทางที่มั่นใจและเต็มไปด้วยอำนาจ ท่วงท่าและการแต่งกายของเธอนั้นประหนึ่งราชินีแห่งรัตติกาล ความเงียบงันปกคลุมห้องในขณะที่ทุกสายตาต่างจับจ้องที่หญิงงามผู้เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และอำนาจนี้

เธอค่อยๆ ก้าวขาเดินเข้ามาในงาน และคนในงานก็ต่างมองด้วยความตกตะลึงและพูดคุยกันว่า “เธอเป็นใคร ทำไมถึงได้งามสง่าขนาดนี้” ผู้ชายภายในงานต่างก็เดินเข้าไปพูดคุยกับเธอเพื่ออยากที่จะทำความรู้จัก

รวีหันไปมองดูด้วยความสนใจ “เธอเป็นใครกันนะ”

ทิพย์ธิดามองดูด้วยความสงสัยและรู้สึกถึงความแปลกประหลาดบางอย่างที่แฝงอยู่ในตัวหญิงสาวคนนั้น

โฉมสุรางค์และราตรีหันกลับมามองด้วยความไม่พอใจ ความสนใจที่รวีมีต่อหญิงสาวลึกลับคนนั้นทำให้พวกเธอรู้สึกไม่พอใจ

“เธอเป็นใครกันแน่นะ ทำไมถึงได้รับความสนใจมากขนาดนี้” โฉมสุรางค์พูดกับราตรีด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอิจฉา

“แม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เธอทำให้ทุกคนในงานนี้หลงใหลได้มากขนาดนี้ ต้องไม่ธรรมดาแน่ๆ” ราตรีตอบ

การแสดงและดนตรีเริ่มขึ้น หญิงสาวลึกลับคนนั้นก็ยังคงเป็นจุดสนใจของทุกคนอยู่ ทิพย์ธิดาและรวียังคงยืนดูอยู่ห่างๆ พร้อมกับความสงสัยที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

คุณหญิงช่อผกา คนรู้จักของโฉมสุรางค์ ได้เข้าไปพูดคุยกับหญิงสาวลึกลับคนนั้น

“สวัสดีค่ะ คุณสวยมากๆ เลยนะคะ ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ” คุณหญิงทักด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

หญิงสาวมองคุณหญิงด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “สวัสดีค่ะ ดิฉันอัคคีรัตน์ค่ะ”

คุณหญิงอุทานเมื่อได้ยินชื่อ “นอกจากจะสวยแล้ว ชื่อก็ร้อนแรงไม่ธรรมดาเลยนะคะ”

อัคคีรัตน์มองด้วยแววตาหยิ่งผยองและยิ้มเล็กๆ “ขอบคุณค่ะ คุณหญิง” คุณหญิงถามต่อถึงสร้อยเพชรมรกตที่อยู่บนคอของเธอ “เออ…คุณอัคคีรัตน์ค่ะ สร้อยมรกตนี่สวยมากเลยค่ะ คุณได้มาจากที่ไหนคะ ดิฉันสนใจมากเลยค่ะ บางทีสร้อยมรกตนี้อาจจะดูสวยกว่าคุณหญิงหลายๆ คนอีกนะคะ”

อัคคีรัตน์ตอบด้วยเสียงราบเรียบแต่เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ “สร้อยมรกตนี้เป็นของโบราณค่ะ ที่ดิฉันเองก็สะสมเก็บเอาไว้ มันเป็นสร้อยที่ตกทอดกันมาจากบรรพบุรุษของดิฉันค่ะ”

คุณหญิงมองด้วยความสนใจ “แบบนี้คุณอัคคีรัตน์ก็ต้องมีหลายชิ้นเลยใช่ไหมคะ”

“ใช่ค่ะ ไว้วันหลังดิฉันจะขอเชิญคุณหญิงไปเยี่ยมชมที่บ้านนะค่ะ ดิฉันมีหลายเส้นเลยค่ะ” อัคคีรัตน์ตอบด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย

คุณหญิงรู้สึกดีใจ “ขอบคุณมากค่ะ ดิฉันจะรอคอยโอกาสนั้นค่ะ”

ขณะที่การสนทนาดำเนินไป ทิพย์ธิดาที่อยู่ห่างออกไปมองดูอัคคีรัตน์ด้วยความสงสัยและความรู้สึกไม่สบายใจ เธอรู้สึกถึงบางสิ่งที่ไม่ธรรมดาในตัวหญิงสาวคนนี้ รวีที่ยืนอยู่ข้างทิพย์ธิดาเห็นเธอมีท่าทีเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะถาม

“คุณทิพย์ธิดาเป็นอะไรไปครับ ทำไมดูเคร่งเครียดจัง”

ทิพย์ธิดาหันมาที่ชายหนุ่ม “ดิฉันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แปลกๆ กับผู้หญิงคนนั้นค่ะ”

รวีพยักหน้า “บางทีอาจจะเป็นแค่ความรู้สึกก็ได้นะครับ งานคืนนี้เรามาสนุกกันเถอะครับ”

ทิพย์ธิดาพยายามยิ้มและพยักหน้า “ค่ะ คุณรวี”

ทั้งสองหันกลับไปสนใจการแสดงดนตรีที่กำลังจะเริ่มขึ้น แต่มุมหนึ่งของห้อง อัคคีรัตน์ยังคงเป็นจุดสนใจของผู้คนในงาน ไม่ว่าจะเป็นเพราะความงามของเธอหรือแสงออร่าที่เปล่งประกายจากตัวเธอเอง

ราตรีและโฉมสุรางค์เห็นคุณหญิงช่อผกาคนรู้จัก เดินเข้าไปพูดคุยกับหญิงสาวสวยอยู่นาน จนอาศัยจังหวะเดินเข้าไปทักทายด้วยความสนใจ

“สวัสดีค่ะคุณหญิง” ราตรีเดินมาแตะที่แขนเบาๆ และยกมือสวัสดีคุณหญิง

“สวัสดีค่ะคุณราตรี สวัสดีค่ะน้องโฉมสุรางค์” คุณหญิงยิ้มรับไหว้สองแม่ลูก

“แหม ไม่เห็นคุณพี่แนะนำท่านนี้ให้ดิฉันรู้จักบ้างเลยนะคะ” ราตรีพูดจีบปากจีบคอ

“แหม คุณราตรีคะ พี่เองก็พึ่งมีโอกาสได้รู้จักเธอ ท่านนี้คือ คุณอัคคีรัตน์ค่ะ” คุณหญิงเดินไปยืนข้างหญิงสาวและแนะนำตัวเธอ “คุณอัคคีรัตน์คะ สองท่านนี้คือ คุณราตรีและน้องโฉมสุรางค์ค่ะ” คุณหญิงแนะนำต่อ

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณราตรี คุณโฉมสุรางค์” อัคคีรัตน์พูดทักทายปนยิ้มเล็กน้อย ราตรีมองสร้อยมรกตบนคอของอัคคีรัตน์อย่างสนอกสนใจเป็นพิเศษ “มรกตเส้นนี้สวยมากเลยนะคะ”

อัคคีรัตน์ยิ้ม “ขอบคุณค่ะ ที่เห็นอยู่นี้เป็นเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้นค่ะ”

ราตรีและลูกสาวมองหญิงสาวไม่วางตา “เออ ถ้ามีโอกาส ดิฉันหวังว่าจะได้เห็นชุดเครื่องเพชรสวยๆ แบบนี้อีกนะคะ”

“ได้สิคะ ไว้มีโอกาส ดิฉันขอเชิญทั้งคุณหญิงช่อผกา คุณโฉม และคุณราตรีไปชมเครื่องเพชรสวยๆ ที่บ้านของดิฉันนะคะ มีอีกเยอะเลยค่ะ” อัคคีรัตน์ตอบด้วยน้ำเสียงสุภาพ

ราตรีมองหน้าโฉมสุรางค์ด้วยความดีใจ “คงจะดีมากๆ เลยค่ะ ขอบคุณมากนะคะคุณอัคคีรัตน์” อัคคีรัตน์หันส่งสายตาไปทางรวีเล็กน้อย “ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ คิดว่าน่าจะเจอคนรู้จักขอเดินไปทักทายเขาหน่อย”

หญิงสาวเดินเข้าไปหารวีและทิพย์ธิดาที่ยืนอยู่ “สวัสดีค่ะคุณรวี”

ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจที่รู้จักเขา “เออ…สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณกับผมเคยรู้จักกันหรือเปล่าครับ”

“อาจจะเคยนะคะ” อัคคีรัตน์ตอบและยิ้มเล็กน้อย

“คุณว่ายังไงนะครับ” รวีรู้สึกแปลกใจปนสับสน

“ดิฉันพูดเล่นนะคะ เราสองคนยังไม่เคยเจอกันหรอกค่ะ คุณรวีเป็นคนมีชื่อเสียงในงานสังคม ทำไมดิฉันจะไม่รู้จักล่ะคะ”

“ผมก็เสียมารยาทไม่ได้ถามชื่อคุณเลย ไม่ทราบว่าคุณชื่อ เออ…”

“ดิฉัน อัคคีรัตน์ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณรวี” หล่อนพูดและส่งสายตาหวานให้กับชายหนุ่ม รวีรีบแนะนำตัวทิพย์ธิดาให้รู้จัก “เออ คุณอัคคีรัตน์ท่านนี้คือคุณทิพย์ธิดาครับ”

ทิพย์ธิดาที่ยืนอยู่ข้างชายหนุ่ม ยกมือสวัสดีทักทายกับหญิงสาวด้วยท่าทีอ่อนน้อม “สวัสดีค่ะคุณอัคคีรัตน์”

“สวัสดีค่ะ คุณทิพย์ธิดา ดิฉันเห็นคุณแล้วก็นึกถึงใครบางคน”

“ใครหรือคะ” หญิงสาวถามด้วยความสงสัย

“ใครบางคนที่ดิฉันเคยรู้จักเมื่อนานมาแล้ว” อัคคีรัตน์พูดน้ำเสียงปนความลับบางอย่าง

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ได้เวลาแล้วดิฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีก” หญิงสาวรีบเปลี่ยนเรื่องและขอตัวกลับ รวีและทิพย์ธิดาพยักหน้ายิ้มรับอย่างสุภาพ และมีความรู้สึกสงสัยบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก

 



Don`t copy text!