มรดกมนตรา บทที่ 19 : ราคาของความอยากได้

มรดกมนตรา บทที่ 19 : ราคาของความอยากได้

โดย : วัชรนริศ

Loading

มรดกมนตรา ผลงานของ วัชรนริศ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ทาง anowl.co กับเรื่องราวของนักวิจัยสาวผู้ไม่เชื่อในสิ่งลี้ลับที่ได้รับคฤหาสน์โบราณกลางป่ากาญจนบุรีเป็นมรดกจากญาติที่ไม่เคยรู้จัก ทว่าคฤหาสน์หลังนี้กลับซ่อนคำสาป วิญญาณ และอดีตอันมืดมนที่รอการปลุกตื่น พร้อมการฟื้นคืนของ “อัคนีนาฏเทวี” อสูรสาวในตำนาน

เช้าวันต่อมา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “สวัสดีค่ะ บ้านคุณราตรีค่ะ” แม่บ้านรับสาย

“สวัสดีค่ะ ดิฉันคุณหญิงช่อผกานะ ขอสายคุณโฉมสุรางค์หน่อยจ้ะ”

แม่บ้านแจ้งโฉมสุรางค์ที่กำลังหวีผมของเธออยู่ “คุณโฉมคะ คุณหญิงช่อผกาโทรมาค่ะ”

หญิงสาวรีบเดินลงมารับสาย “สวัสดีค่ะคุณหญิง ลมอะไรหอบมาคะ”

“น้องโฉมสบายดีไหมคะ พี่ได้ข่าวว่าคุณราตรีไม่ค่อยสบาย เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ”

“คุณแม่ไม่ค่อยสบายนะคะ วันก่อนเธอตกบันไดตอนนี้เลยต้องนอนรักษาตัวอยู่ค่ะ”

“ตายจริง พี่เป็นห่วงมากเลยนะคะ ขอให้คุณราตรีหายไวๆ นะคะ ไว้พี่จะไปเยี่ยมค่ะ”

โฉมสุรางค์หันไปส่องกระจกในขณะที่ยังคุยกับคุณหญิง “คุณพี่คะ วันก่อนโฉมกับคุณแม่เจอคุณอัคคีรัตน์ด้วยนะคะ พอดีเห็นเธออยู่ในร้านเพชร โฉมกับแม่เลยเข้าไปทักทายเธอหน่อย”

โฉมสุรางค์พูดต่อ “เธอว่าเธอเบื่อน่ะค่ะ เลยมาเดินเที่ยวเล่นที่นี่ แถมยังบอกอีกนะคะว่าเพชรในร้านแต่ละชิ้นยังไงก็สู้ของเธอไม่ได้สักชิ้น” เธอพูดด้วยน้ำเสียงจีบปากจีบคอ

“และคุณพี่รู้อะไรไหมคะ คุณอัคคีรัตน์ชวนฉันกับแม่ไปดูเครื่องเพชรที่บ้านของเธอ และยังแบ่งเครื่องเพชรมาให้ใส่เล่นๆ ด้วยนะคะ” เธอมองกระจกด้วยสายตาโอ้อวด

คุณหญิงช่อผกาได้ยินดังนั้นก็เกิดความรู้สึกอยากได้บ้าง “แหม คุณน้องนี้โชคดีนะคะ ขนาดคุณพี่เคยไปที่บ้านของเธอ ยังไม่เคยได้มีโอกาสใส่เครื่องเพชรของเธอเลยค่ะ ไว้คุณพี่ต้องหาโอกาสไปเยี่ยมคุณอัคคีรัตน์บ้างซะแล้ว บางทีอาจจะโชคดีแบบคุณน้องบ้างนะคะ”

คุณหญิงช่อผการีบตัดบท เพราะอยากจะโทร.หาอัคคีรัตน์ต่อ “เออ คุณน้องคะ ไว้ว่างๆ คุณพี่จะโทรไปหาใหม่นะคะ สวัสดีค่ะ”

หลังวางหูโทรศัพท์ คุณหญิงช่อผกาบ่นพึมพำ “อะไรกัน แม่ลูกสองคนนั้นอยู่ๆ ก็ได้เครื่องเพชรโบราณมาใส่ เดี๋ยวฉันจะต้องไปเยี่ยมคุณอัคคีรัตน์ที่บ้านเธอซะหน่อยแล้ว”

เธอพูดเสร็จ เธอรีบกดโทรศัพท์หาอัคคีรัตน์ทันที แต่โทรไม่ติด

“เอ๊ะ! ก็เบอร์นี้ไม่ใช่หรือ ไม่เป็นไร ลองขับรถไปเยี่ยมเธอเองเลยละกัน ดีซะอีก จะได้เซอร์ไพรส์เธอ”

คุณหญิงช่อผกาตะโกนเรียกแม่บ้าน “ฉันจะออกไปบ้านคุณอัคคีรัตน์นะ น่าจะกลับไม่ค่ำมาก” ไม่นานคุณหญิงก็ได้ขับรถหรูของเธอออกไปทันที เมื่อไปถึงบริเวณหน้ารั้วบ้านของอัคคีรัตน์

“เอ๊ะ นี่เรารีบมาไปหรือเปล่านะ” รถของคุณหญิงจอดอยู่หน้ารั้วด้านนอกของบ้าน เธอลงจากรถและเดินไปกดกริ่งที่หน้าบ้าน

สมิงดงในร่างของคนขับรถได้เดินออกมาเปิดประตู “เชิญครับคุณหญิง คุณอัคคีรัตน์กำลังรอคุณอยู่” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา คุณหญิงช่อผการู้สึกแปลกใจ “ทำไมเธอรู้ละว่าฉันจะมา” เธอเดินตามหลังสมิงดงเข้าไปภายในบ้าน

เมื่อเธอเดินเข้าไปถึง “เชิญทางนี้ครับ” สมิงดงนำทางเธอเข้าไปภายในห้องนั่งเล่น “รอสักครู่นะครับ”

อัคคีรัตน์เธอค่อยๆ เดินเข้ามา เธออยู่ในชุดเดรสเรียบง่ายสีดำแต่ยังคงความลึกลับ “สวัสดีค่ะคุณหญิงช่อผกา”

คุณหญิงหันไปส่งยิ้ม “สวัสดีค่ะคุณอัคคีรัตน์ แหมคุณนี่สวยทุกวันเลยนะคะ”

อัคคีรัตน์ยิ้มเบาๆ “เป็นผู้หญิงก็ต้องรู้จักดูแลตัวเองสิคะคุณหญิง”

“คุณอัคคีรัตน์มีเคล็ดลับอะไรดีๆ ก็บอกพี่ได้นะคะ พี่เองก็อยากจะสวยแบบคุณน้องบ้างน่ะค่ะ”

“ได้สิคะคุณหญิง ไว้ยังไงดิฉันจะบอกนะคะ ว่าเคล็ดลับคืออะไร” เธอพูดอย่างมีเลศนัย

คุณหญิงยิ้มอย่างปลื้มใจ “เออ…เข้าเรื่องเลยละกันนะคะคุณน้อง พี่ได้ข่าวจากน้องโฉมว่า คุณให้สร้อยเพชรน้องโฉมไปยืมใส่ พี่ก็เห็นว่าเราก็เป็นคนออกงานสังคมเหมือนกัน และเครื่องเพชรคุณอัคคีรัตน์ก็มีแต่อลังการทั้งนั้น พี่เลยสนใจค่ะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

อัคคีรัตน์มองด้วยแววตาเย่อหยิ่งและยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย “คุณหญิงนี่ก็ข้อมูลไวนะคะ เอาละค่ะถ้าอย่างนั้นดิฉันจะพาไปดูห้องสะสมเครื่องเพชรอีกห้องนะคะ” เธอพูดและค่อยๆ เดินนำออกไป

คุณหญิงดีใจด้วยท่าทางที่ออกนอกหน้าและเดินตามหลังเธอไป ระหว่างทางเดินยาวแคบๆ ที่จะนำทางคุณหญิงไปอีกห้องหนึ่งนั้น เธอสังเกตเห็นรูปปั้นเทวรูปโบราณมากมาย เรียงทอดสายตายาวขนานไปกับพรหมสีแดงที่ปูเรียบยาวไปกับพื้นทางเดิน

“โอ้โห ตายแล้ว พี่ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณอัคคีรัตน์จะชื่นชอบสะสมของโบราณได้มากมายขนาดนี้”

“ทุกสิ่งในโลกนี้ย่อมมีเรื่องราวค่ะคุณหญิง แม้แต่บางเรื่องที่บางคนคิดว่าเป็นตำนาน” เธอพูดและยิ้มที่มุมปาก

เมื่อไปถึงด้านหน้ามีประตูไม้โบราณขนาดใหญ่ถูกปิดอยู่ สองข้างของประตูไม้ประดับไปด้วยรูปปั้นของนางอัปสรโบราณยืนร่ายรำ อัคคีรัตน์ค่อยๆ ผลักประตูเข้าไป เสียงประตูไม้ที่หนักก็ค่อยๆ ดังขึ้น

ภายในห้องขนาดใหญ่มีเครื่องเพชร เครื่องทอง และสมบัติโบราณที่ทำจากทองคำวางเรียงอยู่มากมาย แสงไฟจากโคมไฟระย้าใหญ่ที่อยู่เหนือเพดานส่องสว่างกระทบกับเพชรและทองที่อยู่ภายในห้องจนเปล่งประกายสะท้อนแสง

คุณหญิงเดินเข้ามาและหยุดนิ่งด้วยความตื่นตะลึง เธอหยุดและมองไปรอบๆ “นี่มัน ไม่จริงใช่ไหมคะ พี่ฝันไปใช่ไหมคะคุณน้อง ทำไมมันถึงได้มีมากมายขนาดนี้” อัคคีรัตน์ยิ้มอย่างเย็นชา

“คุณหญิงสนใจยืมชิ้นไหนก็ลองหยิบไปได้เลยค่ะ กี่ชิ้นก็ได้นะคะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน

“คุณน้องพูดจริงๆ หรือคะ พี่ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง” เธอรีบเดินเข้าไปหยิบดูทีละชิ้นด้วยความต้องการราวกับถูกอะไรเข้าสิง เธอเดินไปหยิบหีบสีทองขนาดเล็กและนำเครื่องเพชรทั้งหลายหยิบใส่ เธอกอดหีบนั้นไว้แน่นด้วยใบหน้ามีความสุข

“คุณน้องคะวันนี้พี่ยืมไปแค่นี้ก่อนนะคะ แค่นี้ก็ถือไม่ไหวแล้วละค่ะ”

อัคคีรัตน์ยืนยิ้มอย่างมีเลศนัย “ได้ค่ะคุณหญิง ถ้าอย่างงั้นดิฉันเดินไปส่งนะคะ” เธอเดินหันหลังกลับออกไป โดยที่คุณหญิงกอดหีบสมบัติของเธอไว้แน่นและเดินตามหลังออกมา

ระหว่างทางเดินอัคคีรัตน์พูดขึ้นมาอีกว่า “คุณหญิงรู้อะไรไหมคะ สมบัติพวกนี้มันรอคอยให้คนมาเป็นเจ้าของอยู่ ซึ่งวันนี้ดิฉันให้สิทธิ์คุณหญิงแต่เพียงผู้เดียวเลยนะคะ โฉมสุรางค์กับแม่ของเธอยังไม่เคยมีโอกาสมาถึงห้องนี้เลยค่ะ” เธอพูดอย่างมีแผนการบางอย่าง

คุณหญิงเดินกอดสมบัติของเธอและยิ้ม “พี่ดีใจจริงๆ เลยค่ะคุณอัคคีรัตน์ ดีใจจนไม่อยากจะเชื่อจริงๆ ว่าตัวเองจะได้กอดสมบัติแบบนี้”

“งั้นหรือคะ ถ้าอย่างงั้น ไหนๆ คุณพี่ก็มาถึงบ้านของดิฉันแล้ว ดิฉันก็อยากให้คุณพี่เป็นผีเฝ้าสมบัติให้ดิฉันหน่อยนะคะ ดีไหมคะ”

คุณหญิงหยุดเดินด้วยความตกใจ “เอ๊ะ ตะกี้คุณพูดว่าอะไรนะคะ”

อัคคีรัตน์ค่อยๆ หันมาด้วยดวงตาที่เป็นเปลวไฟ ผมของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว เล็บสีดำที่แหลมคมค่อยๆ ยาวออกมา คุณหญิงสบตากับเธอด้วยความตกใจ เธอกรีดร้องและโยนหีบสมบัติของเธอออกไปข้างตัว และพยายามวิ่งหนีขอความช่วยเหลือ

เธอร้องตะโกนกรีดร้องขอความช่วยเหลือ “ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย” แต่ดูเหมือนยิ่งเธอพยายามวิ่งหนี ทางเดินก็ยิ่งยาวขึ้น

ในขณะที่เธอพยายามวิ่งหนี หีบสมบัติของเธอก็ลอยไล่ตามหลังเธอมา เธอหันไปมองด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อเธอวิ่งมาจนสุดทางเดิน ก็พบว่าห้องทางเดินที่เคยเดินผ่านมาก็เริ่มเปลี่ยนเป็นอุโมงค์โบราณ มันค่อยๆ ทอดตัวยาวขึ้นไปเรื่อยๆ จนเธอเริ่มอ่อนแรงและเริ่มวิ่งไม่ไหว เธอหยุดพักด้วยความหอบล้า

จู่ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าของคนหลายคนที่วิ่งเข้ามา เธอตกใจกับเสียงฝีเท้านั้น เพราะรู้ว่ามันต้องเป็นอะไรสักอย่างที่ไม่ปลอดภัย เธอพยายามวิ่งอีกครั้งแต่เริ่มช้าลง ไม่นานแสงไฟภายในอุโมงค์ก็ค่อยๆ หรี่ลงจนเธอเริ่มมองไม่เห็นทาง แต่ยังคงมีเสียงฝีเท้าบางอย่างที่มากมายกำลังค่อยๆ ตามหลังเธอมา

เธอหันหลังและตะโกนกลับไปด้วยความสับสน “อย่ามายุ่งกับฉัน พวกแกมันตัวอะไรกัน ฉันไม่ต้องการสมบัติบ้าๆ อะไรนั้นแล้ว” ไม่นานเสียงฝีเท้านั้นก็หยุดเงียบหายไป เธอหมดแรงและพยายามนั่งลงด้วยความเหนื่อย

ในเวลานี้มีเพียงคุณหญิงที่นั่งหมดแรงอยู่ในความมืดของอุโมงค์ ด้วยความกลัว เธอพยายามค่อยๆ เปลี่ยนจากวิ่งมาค่อยๆ คลานออกไป ในระหว่างนั้นเธอได้ยินเสียงกระซิบบางอย่าง ในเสียงนั้นพูดว่า “ข้าหิวเหลือเกิน”

คุณหญิงหยุดคลานและตัวสั่นจนค่อยๆ ขยับตัวมาพิงกับผนัง ไม่นานคุณหญิงก็รู้สึกไม่สามารถควบคุมร่างกายตัวเองได้ เธอเกิดอาการสั่น ตาของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำราวกับถูกผีสิงและเล็บของเธอก็ค่อยๆ ยาวจนแหลมคมออกมา ในเวลานี้คุณหญิงช่อผกาได้ถูกวิญญาณร้ายที่เกิดจากมนตราของเทวี เข้าครอบครองร่างกายของเธออย่างสมบูรณ์

อัคคีรัตน์นั่งสางผมของเธอและหัวเราะด้วยความสนุกใจ “ในเมื่ออยากได้สมบัติของข้ามากนัก ข้าก็ให้เจ้าอยู่กับมันไปตลอดเลยชีวิตเลยละกัน” เธอยิ้มอย่างมีเลศนัยและหัวเราะ

เวลาผ่านไปสองสามวัน แม่บ้านของบ้านคุณหญิงช่อผกาไม่เห็นเธอกลับมาบ้าน จึงรีบไปแจ้งความ

“สวัสดีครับคุณป้า มาติดต่อเรื่องอะไรครับ” นายตำรวจพูดต้อนรับ

“คุณตำรวจคะ ป้าเป็นแม่บ้านของบ้านคุณหญิงช่อผกาค่ะ ตอนนี้คุณไม่กลับบ้านมาสองวันแล้ว ป้าเป็นห่วงเธอนะคะ”

“แล้วครั้งสุดท้ายที่คุยกัน คุณหญิงบอกอะไรป้าไหมครับว่าเธอจะไปไหน”

“บอกค่ะ คุณเขาบอกว่าจะไปบ้านคุณอัคคีรัตน์ค่ะ แต่จนตอนนี้แล้ว ก็ยังไม่เห็นคุณหญิงกลับมาเลยค่ะ”

“คุณป้าใจเย็นๆ นะครับ เราจะประสานงานกับสายตรวจให้ จะให้คนไปช่วยดูที่บ้านของคุณอัคคีรัตน์อีกที”

ในยามบ่ายของวันนั้น ตำรวจสองนายไปยืนกดกริ่งบริเวณหน้าบ้านของอัคคีรัตน์ ปักษาดำในร่างชายหนุ่มเดินออกมาเปิดประตู

“สวัสดีครับ ผมได้รับการแจ้งจากทางแม่บ้านของคุณหญิงช่อผกาว่าเธอได้มาที่นี่ แต่หลายวันแล้วเธอก็ยังไม่กลับบ้าน”

ไม่นาน อัคคีรัตน์เดินออกมาพร้อมกับคุณหญิงช่อผกาที่บริเวณหน้ารั้วบ้านของเธอ “สวัสดีค่ะคุณตำรวจ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”

“สวัสดีครับคุณ พอดีทางบ้านของคุณหญิงแจ้งว่าคุณหญิงมาที่นี่แล้วก็ยังไม่ได้กลับไปบ้านเลย คนที่บ้านเธอเป็นห่วงนะครับ” นายตำรวจพูดและมองมาที่คุณหญิงช่อผกา

อัคคีรัตน์ยิ้มและพูดต่อ “นี่ไงคะคุณหญิงช่อผกา พอดีดิฉันชวนเธอค้างที่นี่น่ะค่ะ เพราะเห็นว่ากว่าจะพูดคุยกันเสร็จก็มืดค่ำมากแล้ว ก็เลยชวนคุณหญิงค้างที่นี่เลย แต่เราสองคนจะมีงานการกุศลด้วยกันอีกนะคะ เธอเลยอยู่พูดคุยกับดิฉันหลายวัน”

ตำรวจมองหน้ากันเองและพยักหน้า

“ถ้าอย่างงั้นไม่มีอะไรแล้ว ทางตำรวจขอตัวนะครับ ขอบคุณมากครับ”

คุณหญิงช่อผกาที่ในเวลานี้ยืนอยู่ได้ถูกวิญญาณผีร้ายสิงสู่ ทำได้เพียงแต่ยืนนิ่งๆ ด้วยความเย็นชา และรอรับสั่งจากอัคคีรัตน์แต่เพียงผู้เดียว อัคคีรัตน์หันไปมองหน้าคุณหญิงและสั่ง

“เจ้าจงกลับไปที่บ้านของเจ้า และรอจนกว่าข้าจะเรียก” เธอสั่งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

คุณหญิงช่อผกากลับมาถึงบ้านของเธอด้วยอาการคล้ายกับคนละเมอ แม่บ้านที่อยู่ภายในบ้านเห็นจึงรีบวิ่งมาหาเธอด้วยความเป็นห่วง “คุณหญิงกลับมาแล้ว ป้าก็เป็นห่วงคิดว่าคุณหญิงต้องเกิดเรื่องอะไรแน่เลย”

คุณหญิงยืนนิ่งและไม่ตอบอะไร และเดินขึ้นห้องของเธอไป แม่บ้านรู้สึกเป็นห่วงและสงสัย

“คุณหญิงเขาเป็นอะไรของเธอน่ะ สงสัยเธอจะเหนื่อย”

 



Don`t copy text!