มรดกมนตรา บทที่ 24 : เงื่อนงำในรอยเลือด

มรดกมนตรา บทที่ 24 : เงื่อนงำในรอยเลือด

โดย : วัชรนริศ

Loading

มรดกมนตรา ผลงานของ วัชรนริศ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ทาง anowl.co กับเรื่องราวของนักวิจัยสาวผู้ไม่เชื่อในสิ่งลี้ลับที่ได้รับคฤหาสน์โบราณกลางป่ากาญจนบุรีเป็นมรดกจากญาติที่ไม่เคยรู้จัก ทว่าคฤหาสน์หลังนี้กลับซ่อนคำสาป วิญญาณ และอดีตอันมืดมนที่รอการปลุกตื่น พร้อมการฟื้นคืนของ “อัคนีนาฏเทวี” อสูรสาวในตำนาน

รุ่งเช้า ทิพย์ธิดาออกไปใส่บาตรบริเวณหน้าบ้านเช่นทุกวัน เมื่อใส่บาตรเสร็จเธอเดินไปกรวดน้ำให้กับหม่อมเจ้าอดิศร

ขอให้บุญกุศลนี้จงสำเร็จแก่เจ้ากรรมนายเวรและหม่อมเจ้าอดิศรด้วยนะคะ”

จากที่หนึ่งไม่ไกลกันก็ปรากฏวิญญาณของหม่อมเจ้าอดิศรยืนมองเธอและยิ้มด้วยความสุขใจ

“ขอบใจเธอมากนะทิพย์ธิดา” เขาพูดกับตัวเอง

ภายในห้องอาหาร ทิพย์ธิดาและรวีกำลังเตรียมทานอาหารเช้า แต่ไม่เห็นโฉมสุรางค์ เลยหันไปถามบัวที่ยืนดูความเรียบร้อยอยู่ใกล้ๆ “บัว เช้านี้ฉันไม่เห็นคุณโฉมเลย เธอเป็นอะไรหรือเปล่า และเมื่อคืนเธอเป็นยังไงบ้าง”

บัวพูดเสริม “เมื่อคืนคุณโฉมสุรางค์ไม่ยอมนอนเลยค่ะ เธอเอาแต่นอนมองไปรอบๆ และก็เปิดไฟทั่วห้อง จนพาบัวนอนไม่หลับไปด้วยเลยค่ะ และด้วยความที่เมื่อคืนเธอไม่ได้นอนเลย เช้านี้เธอก็เลยเพิ่งมาหลับน่ะค่ะ”

ทิพย์ธิดารู้สึกเป็นห่วง “เอาอย่างนี้นะบัว บ่ายๆ เธอขึ้นไปดูบนห้องคุณอีกทีหนึ่ง ถ้าเธอตื่นแล้ว เอาข้าวต้มร้อนๆ กับน้ำส้มคั้นขึ้นไปเสิร์ฟให้คุณเขาด้วยนะ” สาวใช้พยักหน้ารับ

ทิพย์ธิดาหันไปพูดคุยกับชายหนุ่ม “คุณรวีคะเมื่อคืนเรื่องที่คุณโฉมเธอเล่า คุณคิดว่ามันคืออะไรกันแน่คะ ฉันเชื่อเธอนะคะว่ามันคือเรื่องจริง เธอไม่ได้ตาฝาดหรือคิดไปเองๆ แน่”

ชายหนุ่มหันมามองด้วยท่าทางที่ครุ่นคิด “ผมก็เชื่อเธอนะครับ เพราะในเวลานี้เราและคนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องล้วนแต่ไม่ปลอดภัย ผมเชื่อว่ามันต้องเป็นฝีมือของอสูรร้ายแน่ๆ มันต้องการเล่นงานเรา ผมรู้สึกเป็นห่วงโฉมครับ เพราะเธอไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย แต่ก็ต้องมาเจอเหตุการณ์พวกนี้” รวีและทิพย์ธิดาหันมาสบตากันด้วยความห่วงใย

ภายในเทวาลัยของอัคนีนาฏเทวี ปักษาดำและสมิงดงปรากฏตัวต่อหน้าเทวี ทั้งสองเงยหน้ามองนายของมัน ปักษาดำยิ้ม

“เทวี เรื่องที่ท่านให้ข้าทั้งสองไปทำ เราจัดการเรียบร้อยแล้วครับ ตอนนี้โฉมสุรางค์ไม่มีอะไรที่จะปกป้องเธอได้อีกแล้ว”

อัคนีนาฏเทวียิ้มเยาะ “นางผู้หญิงบาปคนนั้นมันบุญน้อย ข้ารู้อยู่แล้วว่าอีกไม่นานมันจะต้องตกเป็นทาสรับใช้ของข้า”

สมิงดงพูดเสริม “ทาสรับใช้หรือครับเทวี ท่านจะให้มันมาทำสิ่งใดหรือครับ”

“อีกไม่ช้าพวกเจ้าก็จะรู้ ในเมื่อเวลานี้ข้าไม่อาจเข้าใกล้ไอ้เจ้าดอกเตอร์อมรนั้นได้ ข้าก็จะให้มนุษย์ธรรมดาๆ อย่างมันเป็นคนลงมือให้ข้าเอง” เธอพูดด้วยแววตาเกลียดชัง

 

ณ ศาลเจ้าของเซียนเต๋าร้อยตำรวจเอกสหรัฐเดินทางมาเพื่อสืบห้าข้อมูลจากเบาะแสที่ได้รับจากนายวุฒิ เพื่อนของเอกภพ เสียงรถยนต์หยุดจอดบริเวณหน้าศาลเจ้า

สหรัฐเดินเข้ามาภายในศาลเจ้าที่มีรูปปั้นเทพเจ้าจีนต่างๆ วางบูชาอยู่มากมาย มีธูปเทียนที่ถูกจุดบูชาอยู่ และเสียงเพลงสวดมนต์ภาษาจีนที่ถูกเปิดดังไปทั่วศาลเจ้า เมื่อเดินเข้ามาภายใน ชายที่ดูแลศาลเจ้าวิ่งเข้ามาหา“สวัสดีครับคุณตำรวจ”

“สวัสดีครับ ผมมาขอพบเซียนเต๋าหน่อยครับ มีเรื่องสำคัญอยากจะสอบถาม”

ผู้ดูแลศาลเจ้าสีหน้าเศร้าเล็กน้อย “เอ่อ…ตอนนี้เซียนเต๋าไม่อยู่แล้วครับ ท่านเสียไปหลายสัปดาห์แล้ว”

สหรัฐรู้สึกตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น และอุทาน “อะไรนะครับ เซียนเต๋าตายแล้ว เกิดอะไรขึ้นครับ”

“เชิญคุณตำรวจมานั่งตรงนี้ดีกว่าครับ” ชายผู้ดูแลศาลเจ้าเดินไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ๆ กับประตู

“คือเรื่องมันเกิดเหตุในช่วงกลางดึกครับ วันนั้นเซียนเต๋าท่านกำลังนั่งสวดมนต์ตามปกติอยู่ อยู่ๆ ท่านก็บ่นว่ารู้สึกร้อนไปทั้งตัวเหมือนถูกไฟเผ่า ท่านยังพูดอีกว่า มีอสูรร้ายพยายามจะเล่นงานท่าน ผมเล่าเรื่องนี้ไปคุณตำรวจอาจจะไม่เชื่อ แต่ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก และก่อนหน้านี้เซียนเต๋าเองท่านก็ไม่เคยมีเรื่องกับใคร มีแต่ก่อนที่ท่านจะเสีย ผมเห็นท่านนักธุรกิจคนหนึ่งเขามาพบท่านชื่อคุณเอกภพ เขามากับเพื่อน และผมเองก็ได้ยินซินแสคุยกับเขาเรื่องอสูรร้ายอะไรสักอย่าง แต่ต่อมาไม่นานซินแสท่านก็เสีย ผมว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกครับ”

นายตำรวจหนุ่มเริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลกับเรื่องนี้ “ขอบคุณมากครับที่ให้ความร่วมมือสำหรับข้อมูล”

 

เขากลับมาที่ห้องทำงานของเขาภายในสถานีตำรวจ เพื่อนนายตำรวจของเขาชื่อว่าโชคชัยเดินเข้ามาทักทาย

“เฮ้ย เป็นไงบ้าง คดีที่แกตามสืบไปถึงไหนแล้ว”

สหรัฐเดินเข้ามานั่งที่เก้าอี้ที่โต๊ะทำงานของเขา และถอนหายใจ “เฮ้อ ยังไม่ค่อยได้เรื่องอะไรเท่าไหร่เลยเพราะคนที่พอจะเป็นเบาะแสได้ก็มากันตายไปหมด ฉันรู้สึกว่าคดีคนหายนี้มันไม่ใช่คดีปกติแล้วว่ะ มันมีอะไรไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง”

“ยังไงวะ หรือว่ามันจะเหมือนพวกคดีอุ้มเรียกค่าไถ่” โชคชัยพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆ

“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน เพราะจากที่ฉันได้ไปพูดคุยกับคนที่เกี่ยวข้องกับคุณเอกภพ มันมีความผิดปกติหลายอย่าง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ชื่ออัคคีรัตน์” เขาพูดด้วยท่าที่ครุ่นคิด

“แต่ข้ามีอะไรให้แกช่วยหน่อยว่ะ แกช่วยไปหาประวัติของผู้หญิงคนนี้ให้ฉันหน่อยได้ไหมวะ ฉันคิดว่าเธอจะต้องเป็นส่วนสำคัญที่เกี่ยวกับการหายตัวไปของคุณเอกภพ”

“ได้ อีกวันสองวันฉันจะมาบอกแกนะเพื่อน” โชคชัยพยักหน้าและเดินเข้ามาตบไหล่ของสหรัฐ

เช้าวันหนึ่งที่คฤหาสน์วารีมรกต ในระหว่างร่วมรับประทานอาหารเช้า รวีได้หันไปพูดคุยกับทิพย์ธิดาและโฉมสุรางค์ “วันนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของคุณพ่อคุณแม่ผม ผมจะไปทำบุญที่วัดเช้านี้ เลยอยากชวนพวกคุณทั้งสองไปด้วยกัน” เขาสบตากับทั้งสองและยิ้มอย่างอ่อนโยน

ทิพย์ธิดายิ้มและพูดเสริม “ดีเลยค่ะ เราชวนดอกเตอร์อมรไปด้วยกันอีกคนไหมคะ”

ชายหนุ่มพยักหน้ารับ “เห็นด้วยครับ ผมว่าก็ถือเป็นโอกาสที่ดีเลย ไปทำบุญกันหลายๆ คน” รวีหันไปพูดกับโฉมสุรางค์ “คุณโฉมไปด้วยกันนะครับ คุณจะได้ทำบุญให้กับคุณราตรีด้วย”

“ใช่ค่ะ ช่วงนี้คุณดูไม่ค่อยสบายใจ ฉันว่าเราไปทำบุญด้วยกันน่าจะช่วยให้คุณสบายใจขึ้นได้บ้างนะคะ” ทิพย์ธิดาพูดกับโฉมสุรางค์ด้วยแววตาอ่อนโยน

“ตกลงค่ะ ฉันก็คิดว่าอยากจะไปทำบุญให้คุณแม่เหมือนกัน และช่วงนี้ก็เจอแต่อะไรก็ไม่รู้” โฉมสุรางค์พูดด้วยแววตาเป็นกังวล

ภายในวัดที่ไม่ไกลจากคฤหาสน์วารีมรกต วันนี้เป็นวันครบรอบการจากไประหว่างพ่อแม่ของรวี เขากำลังทำบุญถวายสังฆทานและกรวดน้ำแผ่อุทิศบุญกุศลให้กับครอบครัวของเขา โดยมีทิพย์ธิดา โฉมสุรางค์ และอมรร่วมกรวดน้ำอยู่ใกล้ๆ เมื่อกรวดน้ำเสร็จ หลวงพ่อได้เข้ามาพูดคุยกับทั้งสี่คน

ทั้งสี่คนพนมมือนมัสการหลวงพ่อ หลวงพ่อค่อยๆ เดินเข้ามาด้วยท่าทีสงบนิ่งและสบตากับทั้งสี่คน

“มาร แปลว่า ผู้ฆ่า ผู้ทำลายล้าง มารข้างนอกคือผู้มุ่งทำลายล้างข้างนอก มารข้างใน คือกิเลสในใจของตนเอง เป็นต้นว่าความรัก ความชัง ความหลง ซึ่งบังใจเราไม่ให้เกิดปัญญาในเหตุผล เมื่อชนะมารในใจของตนได้แล้ว มารข้างนอกก็ทำอะไรไม่ได้” ทั้งสี่คนพนมมือตั้งใจฟังที่หลวงพ่อพูดและคิดตาม เมื่อหลวงพ่อพูดจบก็ค่อยๆ เดินออกไปอย่างสำรวม

 

เสียงเคาะประตูห้องนอนของคุณหญิงช่อผกา “คุณคะ เช้านี้จะรับอะไรดีคะ” เสียงแม่บ้านพูดอยู่บริเวณหน้าประตูห้องนอนของเธอ

ไม่นานเธอก็ค่อยๆ เปิดประตู แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “เข้ามาสิป้า”

ภายในห้องนอนของเธอดับไฟมืดและไม่เปิดผ้าม่านเพื่อให้บังแสงยามเช้าจากบริเวณภายนอก มีเพียงแสงไฟสลัวๆ จากโคมข้างเตียง เธอนอนอยู่บนที่นอนด้วยท่าทีนิ่งเฉย เมื่อแม่บ้านเดินเข้ามาภายในห้อง

“คุณคะยังไม่ตื่นหรือคะ นี่มันสายมากแล้วนะคะ ปิดม่านมืดเลย” แม่บ้านพูดปนบ่นกับตัวเอง

“ดิฉันเดินไปเปิดม่านให้นะคะ”

ทันใดนั้นเองคุณหญิงก็อุทานสวนเสียงแข็งขึ้นมาว่า “ไม่ต้อง! ต่อไประหว่างที่ฉันไม่อยู่บ้าน ป้าห้ามขึ้นมายุ่มย่ามบนห้องนี้เป็นอันขาด นอกจากฉันจะอนุญาต”

แม่บ้านยืนนิ่งอยู่ที่ปลายเตียงของเธอและพยักหน้าอย่างรีบร้อน “ค่ะ แล้วคุณผู้หญิงจะรับอาหารเช้าเลยไหมคะ” แม่บ้านพยายามมองหน้าคุณหญิงที่นอนอยู่บนเตียง แต่ด้วยความสลัวจากแสงไฟและความมืดภายในห้อง ทำให้เธอมองเห็นไม่ค่อยชัด

“อีกเรื่องหนึ่ง ต่อไปป้าไม่ต้องเตรียมอาหารเช้าอะไรแล้วนะ ฉันจะให้ป้าช่วยไปซื้อเนื้อสดมาเก็บไว้ให้ฉันเยอะๆ หน่อย เอาที่มีเลือดเยอะๆนะ ฉันจะลงไปทานเอง”

แม่บ้านพยักหน้าและเริ่มรู้สึกตัวสั่นด้วยความกลัวเล็กน้อย “ค่ะ ป้าจะซื้อเก็บไว้ให้นะคะ” พูดเสร็จเธอค่อยๆ เดินออกมาจากห้องนอน

แม่บ้านเธอเดินกลับมาที่ห้องครัวด้วยความกลัว เด็กรับใช้ภายในบ้านเดินมาถามแม่บ้าน “ป้า คุณหญิงสรุปเช้านี้เขาจะทานอะไร” แม่บ้านยืนนิ่งราวกับคิดอะไรในใจ

“เออ ต่อไปนี้อาหารเช้าไม่ต้องเตรียมให้คุณเขาแล้วนะ”

“ทำไมล่ะป้า ปกติคุณหญิงเขาดูแลเรื่องสุขภาพจะตายไป”

“เออ ช่างคุณเขาเถอะ เขาสั่งให้ทำอะไรก็ทำ สายๆ เธอช่วยไปตลาดซื้อเนื้อสดมาให้สักกิโลหนึ่งนะ คุณหญิงท่านเธอฝากให้ซื้อเก็บไว้ให้เธอ”

เด็กรับใช้มองแม่บ้านด้วยความสงสัย “ป้า รู้สึกแปลกๆ เหมือนหนูไหม”

“แปลกอะไรของเธอ” แม่บ้านพูดแล้วกลอกตาหันมามอง

“ก็ตั้งแต่คุณหญิงเธอกลับมาจากบ้านของคุณอัคคีรัตน์อะไรนั่น คุณหญิงเธอก็เอาแต่เก็บตัวอยู่บนห้องมาหลายวันแล้วนะป้า แถมเธอจะลงมาอีกทีก็ตอนดึกๆ” เด็กรับใช้พูดด้วยน้ำเสียงสงสัย

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพักนี้คุณเขาเป็นอะไร แต่พวกเราไม่ต้องไปอยากรู้เรื่องของคุณเขามาก เขาจ้างให้เรามาดูแลท่าน พวกเราก็ทำไป เข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม” แม่บ้านหันไปมองเด็กรับใช้ด้วยแววตาจริงจัง

 

ในยามดึกรวีที่กำลังนอนหลับอยู่ ก็เกิดฝันประหลาดถึงเหตุการณ์ของพ่อและแม่ของเขาที่ประสบอุบัติเหตุ ภาพในฝันถูกฉายขึ้นราวกับว่าตัวเขาอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ในขณะที่พ่อของเขากำลังขับรถอยู่ระหว่างทางโดยมีแม่ของเขาที่นั่งมาด้วย ได้พูดคุยกันถึงเรื่องของเขาในวัยเด็ก

แม่หันมาพูดกับพ่อ “คุณคะ นี่เราคิดถูกใช่ไหมคะที่จะส่งรวีไปเรียนต่อที่อังกฤษ ฉันเป็นห่วงลูกจังเลยค่ะ”

“คุณไม่ต้องห่วงรวีเขามากไปหรอก รวีเป็นเด็กที่เข้มแข็ง ผมเชื่อว่าเขาจะต้องเอาตัวรอดได้ และถ้าหากเรายังให้เขาอยู่ที่นี่กับเรา มันอาจจะไม่ปลอดภัยนะ” เมื่อพูดจบ อยู่ๆ ก็มีหญิงสาวปริศนายืนอยู่กลางถนน ทำให้รถต้องเบรกกะทันหัน

พ่อของรวีรีบหันไปถามกับแม่ด้วยความตกใจ “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”

“ไม่เป็นอะไรค่ะ” แม่ของเขาตอบด้วยท่าทีกังวลใจ

“ผมลงไปดูข้างหน้าสักครู่นะ” เมื่อเขาพูดจบก็เปิดประตูรถลงไปดูร่างของหญิงสาวคนนั้น

“คุณๆ เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เมื่อพ่อของรวีเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว ร่างของเธอก็กลายเป็นกลุ่มควันสีดำที่พยายามพุ่งเข้าใส่พ่อของเด็กชาย

“เฮ้ย!” เขาอุทานอย่างตกใจและพยายามหลบควันสีดำ แต่ควันสีดำประหลาดนั้นพยายามพุ่งไล่ตามเขามา เขารีบวิ่งขึ้นบนรถโดยที่แม่ของเขาอยู่ในอาการตกใจ

“คุณคะ มันคืออะไรกันค่ะ”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันคุณ” เขาพูดในขณะที่พยายามขับรถออกไปด้วยความเร็ว ในเวลาเดียวกัน ควันสีดำนั้นก็ยังพุ่งไล่ตามรถจากด้านหลังอย่างไม่หยุด ทำให้ในที่สุด รถของเขาก็พุ่งลงข้างทางอย่างแรงจนทำให้ไปชนกับต้นไม้ และทั้งสองก็สิ้นใจในที่สุด…

รวีตกใจตื่นจากความฝัน ด้วยอาการหอบเหนื่อยเหงื่อท่วมไปทั่วตัว เขาจดจำภาพในความฝันได้อย่างแม่นยำราวกับมีอะไรบางอย่างที่ต้องการจะบอกเขา เขานึกถึงคำพูดของพ่อที่พูดว่า “เพื่อความปลอดภัยของรวีเองจึงส่งเขาไปเรียนที่อังกฤษ” เขารู้สึกครุ่นคิดกับคำพูดของพ่อแม่เขา และเหตุการณ์ควันประหลาดสีดำที่ตามทำร้ายครอบครัวเขา

เช้าวันต่อมา ภายในห้องพระ ทิพย์ธิดาได้นั่งสวดมนต์อยู่ โดยรวีได้ค่อยๆ เดินเข้ามาร่วมสวดมนต์ด้วย หญิงสาวหันไปมองชายหนุ่ม “คุณรวี วันนี้นึกยังไงกันคะถึงขึ้นมาห้องพระ” เธอพูดปนยิ้มเล็กน้อย

“ผมไม่ค่อยสบายใจน่ะครับ เมื่อคืนผมฝันประหลาด ปกติผมไม่เคยฝันอะไรแบบนี้เลยมันเหมือนจริงมาก” เขาพูดด้วยท่าทางมีอะไรในใจ

“คุณฝันว่าอะไรหรือคะ” ทิพย์ธิดาหันมามองและขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

“ผมฝันเห็นคุณพ่อคุณแม่ครับ แต่ในฝันเป็นภาพตอนที่ท่านเกิดอุบัติเหตุ ผมไม่เคยจำได้เลยว่าท่านเกิดอุบัติเหตุยังไง รู้เพียงว่ารถไปชนเข้ากับต้นไม้ข้างทาง แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะมีบางอย่างที่ทำให้ท่านทั้งสองต้องเป็นแบบนี้”

“เกิดอะไรขึ้นคะคุณรวี” เธอถามด้วยความเป็นห่วง

“ในฝันระหว่างที่คุณพ่อของผมกำลังขับรถอยู่ ระหว่างทางก็มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ ผมมองเห็นเธอไม่ชัดมายืนขวางทางอยู่กลางถนน ทำให้ต้องเบรกรถกะทันหัน และคุณพ่อก็เดินลงไปดู แต่อยู่ๆ ร่างนั้นก็กลายเป็นควันสีดำพยายามพุ่งใส่ทำร้ายพ่อผม เขาเลยกลับมาที่รถและรีบขับหนีออกมา แต่ไอ้ควันบ้านั้นก็พุ่งไล่ตามรถเรามา จนรถลงไปพุ่งชนเข้ากับต้นไม้ข้างทาง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้นและขับข้องใจ

ทิพย์ธิดาสบตาชายหนุ่มด้วยความเป็นห่วง “คุณรวีคะ ถ้าความฝันนี้กำลังต้องการจะบอกความจริงอะไรกับคุณ ฉันเชื่อว่า ในไม่ช้าเราจะต้องรู้ค่ะว่าใครเป็นคนทำแบบนี้” ทั้งสองหันมาสบตากันด้วยมั่นใจ

ระหว่างที่สหรัฐนายตำรวจหนุ่มกำลังนั่งอ่านเอกสารต่างๆ นายโชคชัยเพื่อนตำรวจของเขาก็ได้เดินเอาแฟ้มเอกสารเข้ามาให้ “อันนี้ข้อมูลของคุณอัคคีรัตน์ที่แกตามหาอยู่ จากที่ฉันตรวจดูแล้ว ดูเธอจะเป็นเหมือนผู้ดีเก่าที่ชอบออกงานสังคมไม่น้อยนะเว้ย อย่างงานล่าสุดที่เธอไปออก ก็จัดร่วมกับคุณหญิงช่อผกาด้วยแถมยังเป็นแม่งานเปิดการแสดงอีกด้วยนะ และก็ได้ข่าวมาว่าเธอเองก็สนใจเกี่ยวกับพวกเครื่องเพชรโบราณไม่น้อยเลยทีเดียว”

ระหว่างที่โชคชัยพูดถึงอัคคีรัตน์ สหรัฐก็ค่อยๆ เปิดแฟ้มข้อมูลดู ภายในแฟ้มมีภาพถ่ายของอัคคีรัตน์ที่ถูกถ่ายไว้ตอนที่มาร่วมงานประมูลเครื่องเพชรการกุศล “เออ ขอบใจแกมากนะเว้ยไอ้โชค ไว้เสร็จงานนี้เมื่อไหร่ฉันจะเลี้ยงข้าวแกเอง”

“ด้วยความยินดีครับคุณเพื่อน” โชคชัยพูดด้วยน้ำเสียงกวน

นายตำรวจหนุ่มนั่งอ่านข้อมูลของอัคคีรัตน์และพอจะทราบที่อยู่ของเธอแล้ว เขาพูดกับตัวเอง “ผมต้องรู้ให้ได้ว่าคุณเกี่ยวข้องอะไรกับการหายตัวไปของคุณเอกภพ”

 

เสียงกดกริ่งดังขึ้นบริเวณหน้ารั้วบ้านคุณหญิงช่อผกา แม่บ้านรีบเดินไปเปิดประตู

“สวัสดีค่ะคุณตำรวจ มาหาใครหรือคะ” เธอมองและยิ้มเล็กน้อย

“สวัสดีครับ คุณหญิงช่อผกาเธออยู่ไหมครับ ผมจะขออนุญาตสอบถามข้อมูลจากเธอนิดหน่อย” สหรัฐพูดด้วยท่าทีสุภาพแต่จริงจัง

แม่บ้านตอบด้วยสีหน้าที่ลังเลใจ “อยู่ค่ะ แต่เธอ เอ่อ…ไม่ค่อยสบายนะคะ ช่วงนี้คุณหญิงไม่ค่อยได้ลงมาพบใครเท่าไหร่นะคะ เอาแต่เก็บตัวในห้อง”

ตำรวจหนุ่มมองด้วยความสงสัย “เอ่อ คุณป้าครับ ปกติก่อนหน้านั้น คุณหญิงเธอเคยเป็นแบบนี้ไหมครับ”

แม่บ้านมีท่าทีลังเล “ป้าไม่รู้จะเล่ายังไงดีค่ะคุณตำรวจ แต่ปกติแล้วก่อนหน้านั้นเธอก็สดใส รื่นเริงของเธอไปนะคะ แต่พักหลังๆ มา ตั้งแต่เธอกลับมาจากบ้านของคุณคนหนึ่ง คุณหญิงก็เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องอย่างเดียวเลยค่ะ ดิฉันกับพวกเด็กรับใช้ในบ้าน พักหลังก็ไม่ค่อยเห็นเธอตอนกลางวันด้วย เธอจะลงมาเฉพาะช่วงค่ำๆ น่ะค่ะ”

“แล้วบ้านของคุณที่ว่า ป้าพอรู้ไหมครับว่าเป็นใคร” ตำรวจหนุ่มพูดเสริมด้วยความสงสัย

“เธอชื่อคุณอัคคีรัตน์ค่ะ วันนั้นคุณหญิงคุยโทรศัพท์กับเธอแล้วก็บอกกับป้าว่าจะออกไปบ้านของคุณเขาหน่อย แต่หลังจากนั้น ก็หายไปหลายวันเลยจนป้าเป็นห่วง กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ไม่ดีนะคะ ป้าเลยไปแจ้งความตามหาเธอ แต่พอไม่นานเธอก็กลับมาที่บ้านนะคะ”

สหรัฐรู้สึกได้ทันทีว่า อัคคีรัตน์ต้องมีส่วนรู้เห็นการหายตัวไปของเอกภพอย่างแน่นอน

“ขอบคุณครับป้า ไว้ผมจะมาหาคุณหญิงใหม่นะครับ” สหรัฐยกมือไหว้แม่บ้านและเดินกลับไปขึ้นรถ

 



Don`t copy text!