มรดกมนตรา บทที่ 5 : นางอสูรคืนชีพ

มรดกมนตรา บทที่ 5 : นางอสูรคืนชีพ

โดย : วัชรนริศ

Loading

มรดกมนตรา ผลงานของ วัชรนริศ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ทาง anowl.co กับเรื่องราวของนักวิจัยสาวผู้ไม่เชื่อในสิ่งลี้ลับที่ได้รับคฤหาสน์โบราณกลางป่ากาญจนบุรีเป็นมรดกจากญาติที่ไม่เคยรู้จัก ทว่าคฤหาสน์หลังนี้กลับซ่อนคำสาป วิญญาณ และอดีตอันมืดมนที่รอการปลุกตื่น พร้อมการฟื้นคืนของ “อัคนีนาฏเทวี” อสูรสาวในตำนาน

เมื่อทิพย์ธิดาและรวีมาถึงห้องพระ ทั้งคู่ต่างสงสัยและกังวลว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมกล่องไม้นั้นจึงหายไป

“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมกล่องไม้นั้นถึงหายไปได้” ทิพย์ธิดาถามด้วยความกังวล

บุษบามองหน้ารวีราวกับเหมือนรู้ความสำคัญของสิ่งนั้นว่าคืออะไร และตัดสินใจเล่าเรื่องราวให้ทิพย์ธิดาฟัง

“กล่องไม้นั้นเป็นของสำคัญของตระกูลที่ตกทอดกันมานาน หม่อมเจ้าอดิศรก่อนสิ้นท่านเคยตรัสว่าให้ทายาทและทุกคนที่อยู่ที่นี่ดูแลกล่องไม้นี้ให้ดี ห้ามเปิดเป็นอันเด็ดขาด เพราะถ้าหากผู้ใดเปิดจะต้องได้รับคำสาปร้ายและมีอันเป็นไป แต่ก็ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าด้านในกล่องมีสิ่งใด รู้เพียงแต่ว่าทุกคนจะต้องทำตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด เพราะทุกคนต่างก็กลัวสิ่งที่อยู่ด้านในกัน”

รวีเสริม “ใช่ครับ กล่องไม้นั่นมีความสำคัญมาก ตอนเด็กๆ ผมเคยได้ยินท่านลุงพูดว่า สิ่งนี้สำคัญมากและท่านก็ไม่ต้องการให้ใครแตะต้องมัน หากใครเปิดออกมาอาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นก็ได้”

ทิพย์ธิดาฟังแล้วรู้สึกสังหรณ์ใจ “การหายไปของกล่องไม้นี้จะไม่ใช่เพียงแค่การหายไปเฉยๆ เพียงเท่านั้น แต่อาจจะมีคนพยายามปลดปล่อยอะไรบางอย่าง”

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เราต้องหากล่องไม้นั้นกลับคืนมาให้ได้” รวีกล่าวด้วยความแน่วแน่

บุษบาพยักหน้า “ดิฉันจะให้คนงานทุกคนช่วยกันค้นหาทั่วทั้งคฤหาสน์ หวังว่าเราจะเจอกล่องนั้นโดยเร็ว”

ทิพย์ธิดากล่าวด้วยความหวัง “ขอให้เราเจอกล่องนั้นก่อนที่จะเกิดเรื่องร้ายขึ้นนะคะ” ทั้งสามคนตัดสินใจลงมือค้นหากล่องไม้โบราณนั้นด้วยความหวังและความกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากไม่สามารถหามันเจอได้ทันเวลา

ในค่ำคืนนั้น อัคนีนาฏเทวียืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ภายในเทวาลัย เธอมองเห็นเงาของตัวเองที่เริ่มเผยร่างที่แท้จริง ภาพของสตรีสวยงามในกระจกค่อยๆ เปลี่ยนร่างเป็นหญิงชรา เล็บสีดำที่ค่อยๆ ยาวออกมา เส้นผมที่ค่อยๆ เริ่มหลุดร่วงลงไป พลังของเธออ่อนแรงลงหลังจากการถูกพันธนาการมาเป็นเวลานาน เธอต้องการร่างของหญิงสาวเพื่อที่จะมาเป็นกายเนื้อร่างใหม่ให้กับเธอ

“ข้าจะไม่มีวันพ่ายแพ้ต่อมนุษย์อย่างพวกเจ้า ในอีกไม่ช้าเมื่อพลังของข้ากลับมา พวกเจ้าจะได้รับรู้ถึงความทรมานในไม่ช้า” เทวีหันไปสั่งสมิงดงและปักษาดำ

“พวกเจ้าจงไปหาร่างของหญิงสาวมามอบให้กับข้า และจงนำเลือดของชายหนุ่มมาสังเวยพลังให้กับข้า ไป พวกเจ้าจงไปเดี๋ยวนี้” ปักษาดำและสมิงดงรับคำสั่งและแยกย้ายกันไปทำภารกิจ

สมิงดงจำแลงกายเป็นชายหนุ่มรูปงาม ท่าทางสุขุมแต่ซ่อนความน่ากลัวไว้ เดินเข้าไปภายในไนต์คลับแห่งหนึ่งย่านถนนเจริญกรุง เมื่อเข้าไปถึง มีหญิงสาวมากมายที่มองมาที่เขา หนึ่งในนั้นคือ จงจิตร เธอเดินลีลาเข้ามาหาชายหนุ่มอย่างตั้งใจ

“สวัสดีค่ะ มากับใครคะคุณ ให้ดิฉันนั่งเป็นเพื่อนด้วยคนได้ไหมคะ” จงจิตรเอ่ยด้วยเสียงอ่อนหวาน

สมิงดงยิ้มอย่างมีเสน่ห์และตอบรับด้วยความสุภาพ ทั้งคู่พูดคุยกันได้ไม่นาน สมิงดงจึงพาจงจิตรออกจากไนต์คลับไปยังที่เปลี่ยวไม่ไกลมากนัก

“เราจะไปไหนกันคะ ฉันรู้สึกเมาจังเลยค่ะ” จงจิตรเอ่ยด้วยเสียงเบาๆ

ทันใดนั้น สมิงดงเริ่มเผยร่างที่แท้จริง จงจิตรตกใจร้องเสียงดังและพยายามที่จะวิ่งหนีชายหนุ่ม แต่กลับถูกชายหนุ่มสะกดจิตจนทำให้เธอสลบไป

ส่วนปักษาดำบินออกล่าเหยื่อจนมาพบหมู่บ้านแห่งหนึ่ง มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งดื่มสุราและมีอาการมึนเมา

“นั่นอะไรวะ” ชายหนุ่มมองสิ่งที่บินอยู่ไกลๆ บนท้องฟ้า แต่ก็ค่อยๆ ชัดขึ้นเมื่อปักษาดำบินเข้าใกล้ด้วยความรวดเร็ว

ปักษาดำใช้จะงอยปากคมราวกับใบมีด คาบร่างของชายหนุ่มและพาขึ้นไปบนท้องฟ้าในความมืด เสียงร้องโหยหวนของชายหนุ่มดังก้องไปทั่วบริเวณ

เมื่อปักษาดำและสมิงดงกลับมาถึงเทวาลัย เทวีมองเห็นร่างของหญิงสาวและชายหนุ่มที่ถูกจับมาด้วยความพอใจ

“ดีมาก พวกเจ้าทำได้ดี” หล่อนยิ้มด้วยความพอใจ

เมื่อจงจิตรตื่นขึ้น ก็พบว่าตัวเองถูกพันธนาการอยู่กลางห้องเทวาลัย เธอกรีดร้องขอความช่วยเหลือ

“ที่นี่ที่ไหน ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย!” เธอพยายามตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ

เสียงกรีดร้องของเธอสะท้อนกลับมาก้องกังวานในห้องโบราณนั้น ทันใดนั้น อัคนีนาฏเทวีก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เธอนั่งอยู่บนบัลลังก์หินอย่างสง่างามราวกับนางพญาผู้ยิ่งใหญ่ เปลวไฟลุกโชนขึ้นรอบห้อง ส่องแสงสีแดงดั่งเลือด

จงจิตรตะลึงในความงดงามและน่าเกรงขามของสตรีผู้นี้ “เธอเป็นใคร แล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เธอถามด้วยเสียงสั่นเครือและความหวาดกลัว เทวีมองจงจิตรด้วยสายตาเย็นชา

“ข้าต้องขอขอบใจเจ้านะจงจิตร ที่ต่อไปนี้ ร่างกายของเจ้าจะเป็นของข้า และเจ้าจะมีชีวิตที่โชติช่วง ไม่มีวันแตกดับ”

จงจิตรสั่นกลัว “แกพูดอะไรของแก!”

ในขณะนั้น ปักษาดำเปลี่ยนร่างเป็นชายหนุ่ม และสมิงดงปรากฏตัวในร่างของชายหนุ่มรูปงามเช่นกัน เมื่อจงจิตรเห็นเขา เธอรีบส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ “คุณ! คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่บอกใคร”

เทวีหัวเราะขึ้นเบาๆ “เจ้าจะไม่ได้ออกไปไหนทั้งนั้น เพราะจะไปก็ไปได้แต่วิญญาณ คืนนี้ร่างของเจ้าจะต้องถูกสังเวยแด่ข้า”

จงจิตรตะลึง “แกเป็นบ้าอะไรของแก เสียสติไปแล้วหรือ” เทวียังคงยิ้มด้วยความเย็นชา

“เมื่อครู่เจ้าถามข้าว่าข้าคือใครใช่ไหม ข้าจะบอกให้ว่าข้าคือใคร ข้าคือ อัคนีนาฏเทวี เทวีแห่งมนตราผู้ที่ไม่มีวันแตกดับ”เสียงของหล่อนดังก้องไปทั่วทั้งห้อง จงจิตรมองด้วยความหวาดกลัวและสิ้นหวัง เธอรู้สึกได้ว่าความตายกำลังเข้ามาใกล้ทุกขณะ ความหวังเดียวของเธอคือการหาทางหลบหนี แต่ในสถานการณ์นี้ ทุกทางออกดูเหมือนจะถูกปิดกั้น

ค่ำคืนนี้เป็นคืนพระจันทร์ทรงกลด พิธีสังเวยแด่อัคนีนาฏเทวีจะเริ่มขึ้น ณ บัดเดี๋ยวนี้ เทวีได้ยืนขึ้นและกางแขนออก เธอหลับตาร่ายเวท ไฟที่ลุกโชนรอบห้องก็ลุกโชนมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับพวกมันดีใจ ปักษาดำและสมิงดงที่ยืนอยู่สองฝั่งของพิธีสังเวย ได้คุกเข่าลงอย่างนอบน้อม

รอบๆ บริเวณเทวาลัยถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกและสายลมที่พัดรุนแรงราวกับเกิดอาเพศ วิญญาณที่สิงสู่อยู่ในเทวาลัยต่างร้องโหยหวนด้วยความทรมาน ท้องฟ้าไร้แสงดาว และพระจันทร์ทรงกลดเปลี่ยนสีเป็นสีแดงราวกับเลือด

ณ คฤหาสน์วารีมรกต วิญญาณหญิงสาวลึกลับที่ถูกจองจำอยู่ในเรือนหลังเล็กมองออกไปนอกหน้าต่างของเรือนและยิ้ม เพราะสามารถรับรู้ได้ถึงพลังอำนาจที่แกร่งกล้าของเทวีที่กำลังค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ในที่สุด เทวีของข้าจะได้กลับมาทรงอิทธิฤทธิ์อีกครั้งแล้ว”

ทิพย์ธิดาและรวีต่างเดินออกมาที่หน้าบ้าน เพราะสังเกตเห็นพระจันทร์ในค่ำคืนนี้ที่มีสีแดงราวกับเลือด ทิพย์ธิดารู้สึกถึงความไม่ปกติอย่างชัดเจน บุษบาที่เดินออกมาดูอยู่ข้างๆ ร้องอุทานด้วยความตกใจ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่คะพวกคุณ ดิฉันรู้สึกไม่ดีเลย พักนี้ที่คฤหาสน์เรามีแต่เรื่องราวแปลกๆ เกิดขึ้น”

ทิพย์ธิดาและรวีมองหน้ากัน เธอรู้สึกสังหรณ์ใจว่าเหตุการณ์เหล่านี้เกี่ยวข้องกับการหายไปของกล่องไม้โบราณ

ในเทวาลัยนั้นเอง สมิงดงก็ยืนขึ้นและนำกริชโบราณที่สลักไว้ด้วยลวดลายภาษาขอมโบราณมามอบให้กับอัคนีนาฏเทวี เธอรับกริชนั้นและเดินลงไปใกล้จงจิตร จงจิตรร้องด้วยความทรมานและหวาดกลัว

“แก อย่าทำอะไรฉันเลยน่ะ แกต้องการอะไรฉันทำให้ได้หมดทุกอย่าง”

เทวียิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “สิ่งเดียวที่ข้าต้องการในตอนนี้คือชีวิตของเจ้าไงล่ะ”

เทวีนำกริชปักลงบนอกของจงจิตร หญิงสาวกรีดร้องด้วยความทรมานเจ็บปวดจนขาดใจตาย เทวีกลับมายืนที่หน้าบัลลังก์ และเริ่มร่ายเวทอีกครั้ง

“ด้วยมนตรา อิทธิฤทธิ์แห่งข้า จงกลับคืนสู่นิรันดร์อีกครั้งด้วยเถิด”

ร่างของเทวีเปลี่ยนเป็นหมอกควันสีดำและพุ่งเข้าสู่ร่างของจงจิตรโดยทันที ร่างกายของจงจิตรเริ่มสั่นสะเทือนและเปลี่ยนแปลง เส้นผมเปลี่ยนเป็นสีดำเข้ม นัยน์ตาแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเลือด ร่างกายของเธอกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมา แต่ไม่ใช่จงจิตรอีกต่อไป เทวีในร่างใหม่ยืนขึ้นและกล่าวด้วยเสียงที่ทรงพลัง

“ข้ากลับมาแล้ว” รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยอำนาจและความโหดร้ายปรากฏบนใบหน้าของเธอ

ปักษาดำนำตัวชายหนุ่มที่จับมาได้ เดินมาพร้อมโซ่ตรวน และผลักให้นั่งคุกเข่าลง ชายหนุ่มพนมมือและร้องขอชีวิต “อย่าทำผมเลย ผมยอมแล้ว พวกคุณเป็นใครผมเคยไปทำอะไรพวกคุณ”

เทวีหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “เจ้าไม่ได้ทำอะไรพวกข้าหรอก เพียงแต่ข้าต้องขอบคุณเจ้าอีกคนนะที่จะมาเป็นเหยื่อสังเวยพลังให้กับข้าในคืนนี้”

มือของปักษาดำเปลี่ยนเป็นกรงเล็บที่คมราวกับใบมีด และรีบควักหัวใจของชายหนุ่มออกมาอย่างรวดเร็ว จนทะลุออกมานอกหน้าอกของชายหนุ่ม ชายหนุ่มร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดจนสิ้นใจ ปักษาดำนำเลือดจากหัวใจนั้นมาใส่แก้ว และมอบให้กับเทวี

เทวียิ้มเยือกเย็นและรับแก้วเลือดนั้นดื่มเข้าไปโดยทันที ตอนนี้พลังของเธอกลับฟื้นคืนมาอย่างเต็มที่แล้ว “ในที่สุดความเป็นนิรันดร์ของข้าก็กลับมา ต่อไปนี้จะไม่มีอะไรต้านทานข้าได้อีก”

ในเวลาเดียวกันนั้น อมร ชายวัยกลางคนที่ศึกษาด้านพลังจิตและมีญาณนั่งสมาธิอยู่ภายในห้องพระของบ้านตนเอง ก็ต้องตกใจและลืมตาขึ้น เพราะระหว่างที่นั่งสมาธิ เขาได้เห็นภาพนิมิตเป็นเงาปีศาจสีดำร่างใหญ่ยืนปรากฏอยู่เหนือคฤหาสน์ของรวี ซึ่งรวีเคยเป็นลูกศิษย์ของเขามาก่อน

“นั่นมัน…คฤหาสน์ของรวี” อมรพูดกับตัวเองด้วยความตกใจ “กำลังมีคนตกอยู่ในอันตราย และจะต้องมีคนอีกมากมายที่จะต้องตาย”

เขารู้ดีว่าต้องรีบไปเตือนรวีและคนอื่นๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป เขารู้สึกถึงพลังมืดที่แผ่ขยายออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง และมีเพียงพลังจิตของเขาเท่านั้นที่จะหยุดยั้งมันได้

วันรุ่งขึ้น อมรโทร.ไปหารวีที่คฤหาสน์วารีมรกตและเล่าเรื่องราวในนิมิตให้ชายหนุ่มฟัง

“เมื่อคืนอาจารย์นั่งสมาธิแล้วนิมิตเห็นเงาสีดำร่างใหญ่ยืนอยู่เหนือคฤหาสน์นั้นของครอบครัวเธอ นอกจากเธอแล้ว ยังมีใครอีกบ้างที่อยู่ที่นั่นตอนนี้”

“นอกจากผมแล้ว ยังมีคุณทิพย์ธิดาครับ เธอเป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้” รวีตอบ

อมรได้ยินแล้วรู้สึกไม่สบายใจ “ถ้าอย่างนั้น เธอรีบพาทิพย์ธิดามาพบกับอาจารย์ที อาจารย์มีเรื่องสำคัญต้องการจะคุยด้วย”

“ได้ครับอาจารย์ ผมจะพาเธอไปทันที” ชายหนุ่มตอบรับด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นในตัวของอาจารย์

หลังจากวางสาย รวีรีบไปหาทิพย์ธิดา “คุณทิพย์ อาจารย์อมรโทรมาบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับเรา เราต้องไปพบเขาทันที”

ทิพย์ธิดาพยักหน้า “อาจารย์อมรท่านเป็นใครหรือคะ ทำไมเราถึงต้องไปพบท่าน”

ชายหนุ่มมองด้วยสายตาจริงจัง และรู้สึกไม่สบายใจ “อาจารย์อมรท่านเคยเป็นอาจารย์สอนวิชาจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยที่ผมเคยศึกษาที่อังกฤษครับ นอกจากอาจารย์จะศึกษาด้านจิตวิทยาแล้ว อาจารย์ยังมีญาณหยั่งรู้และสัมผัสพิเศษด้วย ผมเลยคิดว่าเราควรจะไปพบกับท่านครับ เพราะช่วงนี้ผมรู้สึกว่า ที่นี่มีเหตุการณ์ไม่ค่อยปกติเกิดขึ้น”

เมื่อทั้งสองมาถึงบ้านพักของอาจารย์ อาจารย์ออกมาต้อนรับและได้พูดคุยทักทายทั้งสอง และเชิญเข้าไปที่ห้องพระ อาจารย์อมรได้ถามกับทั้งสองว่า “ช่วงนี้ที่คฤหาสน์มีอะไรแปลกๆ บ้างไหม”

ทิพย์ธิดามองหน้าอาจารย์ด้วยความไม่สบายใจ “มีค่ะ ตั้งแต่ดิฉันไปถึงที่นั่นก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ดูแปลกๆ และรู้สึกเหมือนมีคนเฝ้ามองฉันอยู่ตลอดเวลา”

อาจารย์อมรขอให้ทิพย์ธิดายื่นมือออกมา อาจารย์แตะไปที่มือและหลับตา เกิดภาพนิมิตในหัวขึ้น อมรลืมตาขึ้นด้วยความตกใจหลังจากที่เขาแตะที่มือของเธอและเห็นภาพนิมิต ภาพของผู้ชายโบราณสมัยรัชกาลที่ 6 และสร้อยพระขรรค์ ทิพย์ธิดารีบหยิบสร้อยพระขรรค์ให้เขาดู อาจารย์อมรมองด้วยความแปลกใจ

“ใช่พระขรรค์เส้นนี้ไหมคะ”

“ใช่ คุณได้มาจากที่ไหนกันครับ” ทิพย์ธิดามองหน้าอาจารย์อมรด้วยความไม่มั่นใจ

“ดิฉันได้มันมาจากหม่อมเจ้าอดิศรค่ะ ท่านมาให้ดิฉันเห็นในความฝัน พอตื่นมาสิ่งนี้ก็มาอยู่ในมือของดิฉันแล้ว ท่านบอกว่า ให้ปกป้องสิ่งนี้ไว้มันจะนำทางไปสู่ความจริง” รวีและอมรมองหน้าทิพย์ธิดาด้วยความเป็นห่วง

“อาจารย์คิดว่านั่นจะต้องเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องนี้” อมรหันไปหยิบสายสิญจน์และมอบให้กับทิพย์ธิดาและรวี

“หลังจากนี้ให้พวกเธอทั้งสองจงระวังตัวให้มาก เพราะตอนนี้ที่นั่นไม่ปลอดภัยอีกแล้ว”

รวีถามด้วยความกังวล “แล้วเราต้องทำอย่างไรบ้างครับ อาจารย์”

อมรคิดอยู่ครู่หนึ่ง “อาจารย์จะต้องทำการค้นคว้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ พวกเธอจงรอคอยและเตรียมตัวให้พร้อม อาจารย์จะติดต่อไป”

 

โฉมสุรางค์กลับมาที่คฤหาสน์อีกครั้งพร้อมกับกับราตรีคุณแม่ของเธอ ราตรีกับโฉมสุรางค์ลงจากรถที่หน้าบ้าน

“โฉมสุรางค์ลูกจ๋า ทำไมคฤหาสน์มันถึงใหญ่โตแบบนี้ สวยจังเลย แม่คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ให้โฉมแต่งกับคุณรวี”

โฉมสุรางค์มองหน้าราตรีและหัวเราะ “ที่นี่ไม่ใช่ของคุณรวีหรอกค่ะคุณแม่ เพราะท่านลุงของเขามอบให้กับทิพย์ธิดาแล้ว แต่ยังไงก็ช่าง อีกหน่อยเกิดคุณรวีเขาหาทางไล่แม่นั้นออกไปได้ ทั้งหมดก็เป็นของเราล่ะคะ” ราตรีกับโฉมสุรางค์หัวเราะกันเสียงดังด้วยความสนุกใจ

บุษบาเดินออกมาต้อนรับ และยกมือไหว้โฉมสุรางค์กับคุณแม่ของเธอ “บุษบา ท่านนี้เป็นคุณแม่ของฉันชื่อคุณราตรี ฝากเธอดูแลด้วยนะ”

“สวัสดีค่ะคุณราตรี ขอต้อนรับนะคะ” บุษบายกมือไหว้คุณราตรีและเชิญทั้งสองเข้าไปที่คฤหาสน์ เมื่อเข้าไปถึงโฉมสุรางค์ถามหาแฟนหนุ่มของเธอ “นี่คุณรวีอยู่ไหนบุษบา”

“คุณรวีไม่อยู่ค่ะออกไปกับคุณทิพย์ธิดา” เสียงรถยนต์มาจอดหน้าคฤหาสน์อีกคัน ทิพย์ธิดาและรวีลงมาจากรถ บุษบาหันไปมองที่รถ “กลับมาพอดีเลยค่ะ เดี๋ยวเชิญพวกคุณทั้งสองพักผ่อนตามอัธยาศัยนะคะ ดิฉันขอตัวไปเก็บกระเป๋าให้พวกคุณก่อน”

ทิพย์ธิดาและรวีเดินเข้ามาถึงและพบกับโฉมสุรางค์และราตรี ทิพย์ธิดายกมือไหว้สวัสดีทั้งสอง รวีก็แนะนำทิพย์ธิดาให้ราตรีรู้จัก “คุณราตรีครับ ท่านนี้คือคุณทิพย์ธิดาเป็นเจ้าของคฤหาสน์ที่นี่” ราตรียิ้มอ่อนๆ และรับไหว้

“สวัสดีค่ะคุณทิพย์ธิดา ดิฉันราตรีเป็นแม่ของโฉมสุรางค์ ดิฉันหวังว่าคุณคงจะไม่ว่าอะไรนะคะ ถ้าพวกฉันสองคนจะขอมาเป็นแขกที่นี่” หญิงสาวมองราตรีและยิ้ม และรู้สึกถึงการมาของสองคนแม่ลูกนี้ว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์อะไรที่ยุ่งยากขึ้นอีก

“ด้วยความยินดีค่ะคุณราตรี ตามสบายนะคะดิฉันขอตัวก่อนค่ะ” รวีมองหน้าทิพย์ธิดาด้วยความเป็นห่วง และจะเดินตามไปส่ง

“รวีคะจะไปไหนคะ อยู่กับโฉมก่อนสิคะ ตั้งแต่โฉมมาถึงยังไม่ได้ทานอะไรเลยค่ะ”

 

ในคืนนั้นเอง ราตรีที่กำลังหลับอยู่ ก็ได้ยินเสียงหญิงสาวร้องไห้สะอึกสะอื้นที่ด้านนอกของหน้าต่าง เธอจึงสงสัยและลุกขึ้นไปดูที่หน้าต่าง “เสียงอะไรกันหนักกันหนา คนกำลังนอนหลับสบาย ดึกดื่นจะมาร้องไห้อะไรแถวนี้” เมื่อเธอมองลงไปกลับไม่พบอะไร

“ไปไหนแล้วละ เมื่อกี้ยังได้ยินเสียงอยู่แถวนี้” เธอนึกสงสัยและกลับไปนอนต่อ

เมื่อเธอล้มตัวนอนและกำลังหลับตา ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงที่ใกล้มากๆ ราวกับเจ้าของเสียงนั้นย้ายขึ้นมาอยู่ในห้องนอนเธอ เมื่อราตรีลืมตาขึ้นก็ต้องตกใจสุดขีด เพราะเธอมองเห็นหญิงสาวที่ลอยอยู่เหนือตัวเธอ จนผมของหญิงสาวคนนั้นลงมาลูบที่ใบหน้าของราตรี

 



Don`t copy text!