
มรดกมนตรา บทที่ 8 : ไฟสุมทรวง
โดย : วัชรนริศ
มรดกมนตรา ผลงานของ วัชรนริศ ที่อ่านเอานำมาให้อ่านออนไลน์ทาง anowl.co กับเรื่องราวของนักวิจัยสาวผู้ไม่เชื่อในสิ่งลี้ลับที่ได้รับคฤหาสน์โบราณกลางป่ากาญจนบุรีเป็นมรดกจากญาติที่ไม่เคยรู้จัก ทว่าคฤหาสน์หลังนี้กลับซ่อนคำสาป วิญญาณ และอดีตอันมืดมนที่รอการปลุกตื่น พร้อมการฟื้นคืนของ “อัคนีนาฏเทวี” อสูรสาวในตำนาน
นางสายใจเดินทางออกจากป่า และกลับสู่คฤหาสน์วารีมรกตอีกครั้ง ตอนนี้นางสายใจยืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าคฤหาสน์ และได้จำแลงกายเป็นควันสีดำลอยเข้าไปในห้องของหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ เมื่อไปถึง หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์กำลังนอนหลับอยู่ นางสายใจได้เดินขยับตัวเข้าไปใกล้เตียงและพยายามที่จะบีบคอหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ แต่ทันใดนั้นเอง เมื่อนางสายใจพยายามเข้าใกล้ ก็เกิดแสงสว่างจ้าขึ้นมาทันที
“มันคือแสงอะไร ทำไมข้าถึงได้รู้สึกเข้าใกล้มันไม่ได้เลย” นางสายใจพูดด้วยความเจ็บปวดและแสบตา
เธอพยายามเข้าใกล้อีกครั้ง แต่แสงนั้นก็สว่างขึ้นและกระจายตัวจนนางสายใจต้องเดินถอยออกไป นางสายใจรู้สึกโกรธแค้น จึงพยายามเปลี่ยนวิธี โดยการใช้อาคมสะกดจิตทำให้หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ฝัน
ในความฝัน หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์พบว่าตัวเองอยู่ในสวนดอกไม้ที่งดงาม และมีเสียงเพลงไพเราะอยู่รอบข้าง ทันใดนั้น หม่อมเจ้าอดิศรปรากฏตัวขึ้นด้วยท่าทางอ่อนโยนและเป็นมิตร
“น้องหญิง” หม่อมเจ้าอดิศรพูดเสียงเบา “พี่อยากขอดูสร้อยพระของน้องหญิงสักหน่อยได้ไหม”
หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์รู้สึกสบายใจและเชื่อฟัง เธอถอดสร้อยพระออกจากคอและส่งให้หม่อมเจ้าอดิศร ซึ่งแท้จริงแล้วคือนางสายใจในร่างจำแลง
ในโลกความเป็นจริง หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ลุกขึ้นนั่งจากเตียงด้วยอาการเหมือนถูกสะกดจิต เธอถอดสร้อยพระนั้นออกจากคอและวางไว้ข้างเตียง ทันทีที่สร้อยพระถูกถอดออก นางสายใจก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์
“ดีมาก” นางสายใจพูดเบาๆ พร้อมกับรอยยิ้มเย็นชา “ตอนนี้เจ้าจงทำตามที่ข้าสั่ง”
นางสายใจสะกดจิตสั่งให้หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์เดินไปที่สระน้ำหลังคฤหาสน์ และกระโดดลงไป เมื่อหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์โดดลงไปในน้ำ เธอรู้สึกตัวและรีบตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย! ใครก็ได้ช่วยด้วย!” เสียงของเธอสะท้อนก้องไปทั่วบริเวณ
นายวินัย คนขับรถที่อยู่ใกล้ๆ นั้นได้ยินเสียงร้องของเธอจึงรีบวิ่งไปดู เขาเห็นหม่อมเจ้าหญิงกำลังจะจมน้ำ จึงรีบกระโดดลงไปช่วยทันที และอุ้มเธอกลับมาที่คฤหาสน์
เมื่อหม่อมเจ้าอดิศรทราบเรื่อง ก็ตกใจและรีบลงมาจากห้อง บ่าวไพร่ที่มายืนดูกันก็ต่างตกอกตกใจ
“เกิดอะไรขึ้น ใครทำอะไรน้องหญิง ทำไมถึงไปอยู่ที่ตรงนั้นได้” หม่อมเจ้าอดิศรถามด้วยความเป็นห่วง
นายวินัยมองหน้าด้วยความไม่แน่ใจ “ท่านชาย บ่าวได้ยินเสียงของท่านหญิงเลยรีบวิ่งไปดู และก็เห็นท่านหญิงกำลังจมน้ำครับ แต่ไม่ทราบเลยว่าทำไมเธอถึงไปอยู่ที่ตรงนั้นได้”
หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ลืมตาตื่นขึ้นด้วยท่าทางอิดโรย “น้องหญิงฟื้นแล้ว เกิดอะไรขึ้น น้องหญิงค่อยๆ พูดนะ” หม่อมเจ้าอดิศรถามอย่างตระหนก
หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์มองหน้าด้วยความมึนงง “หญิงไม่ทราบจริงๆ ค่ะว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ว่าตัวเองนอนอยู่และฝัน แต่มันเหมือนจริงมากๆ”
หม่อมเจ้าอดิศรและบ่าวไพร่ทุกคนก็มองหน้ากันด้วยความสงสัย หม่อมเจ้าอดิศรมองหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ด้วยความเป็นห่วง แต่ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามที่ยังคงไร้คำตอบ
นางสายใจปรากฏตัวขึ้นในเรือนหลังเล็กที่ถูกปิดตายไว้ เธอหัวเราะด้วยความสะใจ และมองไปที่กระจกที่ตั้งอยู่ภายในห้อง
“พวกแกยังจะต้องเจออะไรอีกเยอะ นี่เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น”
เช้าวันรุ่งขึ้น หม่อมเจ้าอดิศรและหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ตักบาตรบริเวณหน้าบ้าน หลังจากพระสวดมนต์ให้พรแล้ว หม่อมเจ้าอดิศรจับมือหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์และมองหน้าด้วยความรัก
“พี่ขอให้คุณพระจงคุ้มครองรักษาน้องหญิงของพี่นะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์พยักหน้าเบาๆ “ขอบพระคุณค่ะ แต่ช่วงนี้หญิงรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย”
หม่อมเจ้าอดิศรมองด้วยความเป็นห่วง “อย่าคิดมากสิครับน้องหญิง อีกไม่นานเรื่องร้ายๆ มันก็ผ่านไปเองนะ”
ในขณะเดียวกัน นางสายใจนั่งสมาธิอยู่ภายในเรือนหลังเล็ก เธอเริ่มใช้วิชาอาคมสะกดจิตคนรับใช้ภายในคฤหาสน์เพื่อทำตามคำสั่งของเธอ
“แกจงฟังฉัน จงไปนำสร้อยพระเส้นนั้นไปโยนทิ้ง” คนรับใช้ที่ถูกสะกดจิตเดินไปที่ห้องของหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ และหยิบสร้อยพระที่อยู่ข้างเตียงออกมาโดยที่ไม่รู้สึกตัว
คนรับใช้เดินตรงไปยังสระน้ำหลังบ้าน และโยนสร้อยพระลงไปในสระ น้ำที่นิ่งสงบกลับกลายเป็นคลื่นกระเพื่อมเล็กน้อย สร้อยพระจมหายไปในน้ำลึก ทันทีที่สร้อยพระถูกโยนลงไป นางสายใจรู้สึกได้ถึงพลังที่ถูกปลดปล่อย
เธอหัวเราะเบาๆ กับตัวเอง “ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะมาขวางข้าได้อีกแล้ว” เธอพูดอย่างมั่นใจ
หม่อมเจ้าอดิศรและหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ไม่รู้เลยว่าความมืดมนกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ขณะที่พวกเขายังคงทำกิจกรรมประจำวันต่อไปด้วยความสงบสุข คนรับใช้ที่ถูกสะกดจิตกลับไปทำงานตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งสองคนยังคงอยู่ในโลกที่ไม่รู้ถึงภัยร้ายที่ใกล้เข้ามา หม่อมเจ้าอดิศรยิ้มและพูดด้วยความหวัง
“น้องหญิง เราจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันนะจ๊ะ”
หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์พยักหน้า และหันมองหน้าหม่อมเจ้าอดิศรด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก
“ค่ะ ท่านพี่ หญิงจะพยายามไม่คิดมาก”
แต่ในใจลึกๆ ของเธอ ยังคงมีความรู้สึกไม่สบายใจที่ไม่สามารถอธิบายได้ และความรู้สึกนั้นยิ่งทวีความหนักหน่วงขึ้นเมื่อวันเวลาผ่านไป
บ่ายของวันนั้นอกาสูรเดินทางมาที่คฤหาสน์วารีมรกต เขาเดินเข้ามาในห้องโถงของคฤหาสน์ บ่าวไพร่เชิญเขาเข้าไปและพาไปพบกับหม่อมเจ้าอดิศรซึ่งกำลังนั่งจดบันทึกอยู่
“อกาสูร ท่านนี่เอง ท่านมาที่นี่มีอะไรหรือ” หม่อมเจ้าอดิศรเงยหน้าขึ้นจากบันทึกและพูดต้อนรับด้วยความสุภาพ อกาสูรมองหม่อมเจ้าอดิศรด้วยสายตาจริงจัง “ตั้งแต่ไอ้หมอผีเวทย์ตายไป วิญญาณของบรรพบุรุษก็มาปรากฏร่างให้ผมเห็น ตระกูลกระผมมีนามว่า ทุรวาสา ในอดีตตระกูลของกระผมเคยรับใช้กษัตริย์มาตั้งแต่สมัยโบราณกาล”
อกาสูรสูดลมหายใจลึกและพูดต่อ
“ผู้เป็นทายาทของตระกูลทุรวาสามีหน้าที่ผนึกอสูรร้ายตัวนี้ และจะไม่มีวันให้ใครหรืออะไรมาปลุกชีพของมันได้อีก แต่ในเวลานี้ อสูรร้ายได้ถูกปลดปล่อยออกมาจากคนที่ไม่หวังดี อสูรร้ายตัวนั้นมีนามกว่า ‘อัคนีนาฏเทวี’ ครั้งหนึ่งตระกูลของกระผมได้ผนึกอสูรร้ายตนนี้ไว้ และครั้งนี้กระผมก็จะมีหน้าที่จะต้องผนึกมันอีกครั้งแม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม”
หม่อมเจ้าอดิศรนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด “ถ้าเช่นนั้น เราต้องร่วมมือกันเพื่อผนึกอัคนีนาฏเทวีอีกครั้ง ฉันจะช่วยท่านอย่างเต็มที่”
“ขอบพระคุณท่านชาย” อกาสูรกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “กระผมเชื่อว่าด้วยความร่วมมือของพวกเรา เราจะสามารถหยุดยั้งความชั่วร้ายนี้ได้”
หม่อมเจ้าอดิศรพยักหน้า “เราต้องวางแผนอย่างรอบคอบและเตรียมการทุกอย่างให้พร้อม ฉันจะเรียกประชุมกับทุกคนในครอบครัวเพื่อบอกเรื่องนี้”
อกาสูรเห็นด้วย “ครับ เราต้องไม่ประมาท ทุกคนจะต้องพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น”
หลังจากนั้น หม่อมเจ้าอดิศรและอกาสูรก็เริ่มวางแผนการรับมือกับภัยที่กำลังจะมาถึง พร้อมทั้งเตรียมการเพื่อผนึกอสูรร้ายอมฤตเทวีอีกครั้ง หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์เดินเข้ามาในห้องระหว่างที่อกาสูรและหม่อมเจ้าอดิศรกำลังพูดคุยกัน เมื่ออกาสูรพบกับหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ เขาก็รู้สึกมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี หม่อมเจ้าอดิศรแนะนำอกาสูรให้หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์รู้จัก
“น้องหญิง ท่านนี้คืออกาสูร เขาคือคนที่มาช่วยเราจัดการไอ้หมอผีเวทย์” หม่อมเจ้าอดิศรกล่าว
อกาสูรมองหน้าหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์ “สวัสดีครับ” หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์สบตาอกาสูรและรู้สึกยินดีที่เขามาช่วย
“ดิฉันขอขอบคุณท่านอกาสูรมากที่มาช่วยพวกเรา ตั้งแต่สายใจหลบหนีออกไปจากที่นี้ ดิฉันรู้สึกเป็นกังวลใจมากว่าจะมีเรื่องร้ายๆ เกิดขึ้นตามมา”
อกาสูรกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง “ท่านหญิงไม่ต้องห่วง กระผมจะคอยดูแลพวกท่านทั้งสองและจะไม่ยอมให้อะไรเกิดขึ้น”
หม่อมเจ้าอดิศรและหม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์มองหน้าอกาสูรด้วยความรู้สึกขอบคุณ ท่านชายพูดขึ้นอีกครั้ง “เราต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น และเตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้า”
อกาสูรพยักหน้า “กระผมจะช่วยท่านทั้งสองในการเตรียมตัวและปกป้องท่านจากภัยที่กำลังจะมาถึง”
หม่อมเจ้าหญิงสวาทสุภาย์รู้สึกมั่นใจขึ้น “ขอบคุณมากค่ะอกาสูร ขอบคุณที่ท่านอยู่เคียงข้างเราในเวลานี้”
การสนทนานั้นทำให้ทุกคนรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่าพวกเขาจะสามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายและภัยคุกคามที่กำลังจะมาได้ ด้วยความร่วมมือและความเสียสละของทุกคน พวกเขาจะต่อสู้เพื่อปกป้องคนที่พวกเขารัก
- READ มรดกมนตรา บทที่ 8 : ไฟสุมทรวง
- READ มรดกมนตรา บทที่ 7 : จอมเวทย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์
- READ มรดกมนตรา บทที่ 6 : อดีตของวิญญาณร้าย
- READ มรดกมนตรา บทที่ 5 : นางอสูรคืนชีพ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 4 : วิญญาณบาปผู้คร่ำครวญ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 3 : ปลดปล่อยเทวีมนตรา
- READ มรดกมนตรา บทที่ 2 : การพบกันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
- READ มรดกมนตรา บทที่ 1 : การมาถึงของหญิงสาว
- READ มรดกมนตรา : บทนำ