
ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 12 : ไหว้เจ้าที่
โดย :
“ขุนเขาแมกไม้” นวนิยายเรื่องเยี่ยมในชุดโหราศาสตร์ ผลงานเรื่องล่าสุดของ ’กฤษณา อโศกสิน‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปีพุทธศักราช 2531 กับเรื่องราวของเดินดงและอิทธิพลของดาวเสาร์ที่มีต่อชีวิตของเขาได้ในอ่านเอา
แต่ทั้งคู่ก็นอนได้แค่ตื่นๆ หลับๆ ด้วยเกรงทั้งคนและเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันในยามดึกคืนนี้
‘ไม่น่ามาเลยกู’ เดินดงนึกในใจก่อนจะตกอยู่ในนิทรา
ครั้นแล้ว เพียงตีห้าครึ่งมาถึง ดวงจันทร์ยังคงส่องสว่างฉายพร่างเต็มนภากาศ เสียงจักรยานยนต์ของใครคนหนึ่งก็บึ่งเข้ามาจอดต่อรถกระบะของเขา
นายนวมพร้อมด้วยนายเอี้ยงก้าวลงมาต่างก็มีถุงใหญ่ในมือ ต่อจากนั้นจึงดึงเงื่อนที่ผูกถุงทยอยหยิบของจากภายในออกมาวางเรียงบนท้ายกระบะซึ่งบัดนี้ว่างเปล่า มีเพียงจักรยานสองล้อนอนตะแคงอยู่คันเดียว
ทั้งเดินดงและเก่งก็เลยรีบล้างหน้า เก่งหลบไปติดเตา ชายหนุ่มก้าวลงมาทักทาย
“ท่านพระครูเลยให้ผมออกเงินซื้อของเซ่นไหว้มาเพิ่มอีกนิด ก็ไม่กี่บาท” มัคนายกคนขยันบอกกล่าวขณะทยอยวางธูปเทียนไม้ขีดไฟ กระทงใบตองบรรจุดอกเข็มแดง ใบเงิน ใบทอง ใบนาค ใบชัยพฤกษ์ ถั่วดิบ งาดิบ ข้าวตอก ออกมาวางเรียงกันตรงท้ายรถพร้อมกับเหลียวไปมา “ดูเอา…แค่ม้าวางเครื่องเซ่นก็ไม่มี”
นายเอี้ยงก็เลยเดินอ้อมไปหลังกระท่อมที่เก่งกำลังอุ่นผัดเผ็ดปลากดอย่างรีบเร่ง
“ลุงมาเร็วจัง…” ฝ่ายชายหนุ่มได้แต่พึมพำขณะที่ก้มลงจนชิด พิจารณาสิ่งละอันพันละน้อยจากไฟฉายในมือ แลเห็นเครื่องบวงสรวงเจ้าที่ที่อีกฝ่ายเตรียมมาอย่างมีน้ำใจ เลยนึกขึ้นได้ จึงยกมือไหว้ “แต่ก็ขอบคุณมากนะฮะ…ที่ช่วยเราสองคนมาตั้งแต่ชั่วโมงแรกจนถึงวันนี้…ไม่งั้นผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเริ่มต้นยังไงดี”
“ท่านพระครูให้มาบริการน่ะฮะ คือท่านบอกว่า ทำคร่าวๆ ไปก่อนเพราะเพิ่งมา ไหว้เจ้าที่ก็ไม่ต้องมีอะไรมาก พอเป็นพิธีว่าไหว้แล้วแค่นั้น จะได้สบายใจ” นายนวมชี้แจง “เพราะพิธีใหญ่ที่ถึงกับต้องนิมนต์พระนี่มันยุ่งมาก…”
“ขอให้จัดทุกอย่างเสร็จสรรพแล้ว ผมจะไปกราบท่านอีกที…ค่าของ…เดี๋ยวเราค่อยคิดกันว่าเท่าไหร่”
นายนวมก็เลยพยักหน้า พอดีเก่งถือจานผัดเผ็ดมาถึงพร้อมนายไวยกชั้นตากจานมาวางแทนโต๊ะวางเครื่องสังเวย ครั้นแล้วจึงยกกระทงใบตองที่บรรจุดอกไม้ลงวางเรียงราย มีจานผัดเผ็ด ส้มเขียวหวาน กล้วยน้ำว้า มะพร้าวอ่อน น้ำ 1 แก้วที่เก่งเตรียมไว้พร้อมกระถางธูปที่นายนวมติดมาด้วย วางลงเป็นลำดับ
ต่อจากนั้นจึงบอกให้เดินดงจุดธูป 10 ดอก
“ท่านสั่งมา เพราะคุณเกิดวันเสาร์ บูชาพระเสาร์องค์เดียวพอ” อีกฝ่ายบอกกล่าวเสียงเรียบ
ขณะที่ท้องฟ้าเบื้องบนค่อยๆ กลายเป็นสีเทาจางจนกระทั่งสว่างแจ้ง
นกกาบินว่อนอยู่เหนือศีรษะ…ขณะที่ชายหนุ่มจุดธูปทั้งสิบดอก พลางคุกเข่าลงบนผืนดินอันมีหญ้าบางๆ ปกคลุม
“คุณอัญเชิญเจ้าที่มาช่วยคุ้มครองได้เลยนะ” นายนวมแนะนำผู้ที่ไม่ค่อยเคย หรืออาจยืนยันได้เลยว่า ไม่เคยและไม่คุ้นกับเรื่องกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะไม่เคยคิดหรือติดข้องกับเรื่องทำนองนี้มาก่อน “ถึงเชื่อไม่เชื่อก็ขอพรท่านได้…สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริงนะคุณ อย่าทำเล่นไป”
“ครับ…ผมเชื่อ” เดินดง ณ บัดนี้ ค่อยๆ โน้มเข้าหาตำราของอาจารย์สมบัติมากขึ้นทุกนาที เนื่องด้วยในหนังสือแต่ละหน้า ล้วนแนะนำความมีค่าของพืชพรรณอย่างที่เขานึกไม่ถึงมาก่อน จึงตั้งใจรวบรวมสมาธิให้แน่วแน่ พลางอธิษฐาน
‘ขอให้เจ้าที่ผู้ปกครองแผ่นดินผืนนี้ของข้าพเจ้า จงคุ้มครองป้องกันสารพัดอุปสรรค มิให้มีโอกาสเข้ามาทำลายไม่ว่าด้วยประการใดทั้งสิ้น ขอให้ข้าพเจ้าได้ปลูกพืชทุกชนิดที่หวังจะให้เกิดดอกออกผลเป็นสิริมงคลบนที่ดินผืนนี้สืบไปตลอดกาลนาน
หากดวงชะตาของข้าพเจ้าถูกโฉลกกับที่นี่ ก็ขอให้ทุกเรื่องที่ควรร้าย กลายกลับเป็นดีเลิศทุกประการ’
พลางก็ปักธูปทั้งสิบลงในกระถางตรงหน้า
เสียงจักรยานยนต์ดังปังๆ มาแต่ไกล จนกระทั่งใกล้เข้ามา
“อ้าว” นายจัดส่งเสียงนำหน้า หัวเราะร่าขณะจอดพาหนะภายในลาน “นึกว่าจะทัน แต่ไม่ทัน”
พลางเขาก็ยื่นตะกร้าหวายที่มีทุเรียนลูกย่อมให้เดินดง
“จากไร่เราเอง”
“ปลูกทุเรียนด้วยหรือฮะ” เดินดงก็เลยหัวเราะกับเขาเพื่อความเป็นมงคลของวันใหม่ “ผมนึกว่ามีแต่ชากาแฟหม่อน”
“มีแค่ต้นสองต้นเองคุณ…ลองดู…แต่อร่อยมากนะฮะ…ก้านยาวเนี่ย…”
นับเป็นเช้าตรู่ที่มีสะพานสมานมิตรเชื่อมโยงให้เดินดงเริ่มนึกถึงความเป็นไปท่ามกลางความไม่น่าจะเป็นไปได้ของบางสรรพสิ่ง
ครั้งถึงเจ็ดนาฬิกา เจ้าของกระท่อมก็เลยต้องเชื้อเชิญผู้มาช่วยงานรวมสามคน กับเจ้าของสถานที่อีกสองนาย กินอาหารร่วมกันบนเสื่อจันทบูรที่ยังคงปูลาดอย่างสง่าบนชานหน้าอย่างชวนให้เบาใจ
แม้จะยังคลางแคลงในผู้มาฉายไฟไปมาเชิงตรวจตราคนมาใหม่ หากเดินดงและเก่งก็นัดกันไว้แล้วว่า จะยังไม่ปริปากถามไถ่ผู้ใดทั้งสิ้น จนกว่า ‘พวกเขา’ จะมาปรากฏตัวอย่างชัดเจน
ยังไม่ทันจะอิ่มอาหาร คนงานสองคนก็มาถึงโดยรถกระบะคันเล็กที่นายจัดบอกว่า เป็นรถและคนงานจากไร่เขาเอง พร้อมสรรพด้วยเครื่องมือ
“ผมเลยจะให้เขามาขุดหลุมก่อน เพราะไผ่หรือมะพร้าวหรือกุ่มนี่…ก็ต้องเพาะชำ…แต่บังเอิญเราไม่มีเลย…ถ้ามีก็ลงได้เลย…ง่ายๆ ขึ้นก็ง่าย…” อีกฝ่ายบอกกล่าวเรียบๆ อย่างผู้ชำนาญการ “ไม่ต้องห่วงอะไร…พ่อสั่งคนงานเพาะชำให้ตั้งหลายอย่าง…แต่ถ้าพวกใช้เมล็ด ก็หยอดได้เลย รดน้ำไม่กี่มื้อก็แตกกอ…พวกฟักแฟง ถั่วงา หรือจะปลูกข้าวก็ยังได้…ตำราของพี่มีอะไรมั่งล่ะ…ยังไม่เห็นเลย…”
ใช่…เพราะเขาเองก็ยังซุกหนังสือรวมสามเล่มตั้งแต่เมื่อวานไว้ใต้หมอน
หากก็ตอบว่า
“วันนี้จะให้เก่งไปถ่ายเอกสารไงฮะ”
“เผื่อมีต้นอะไรน่าสนใจ แล้วเรายังไม่มี…ก็จะได้หามาปลูก” นายจัดบอกกล่าวด้วยมิตรไมตรีที่เพิ่มขึ้น
“น่าสนใจหลายชนิดเลยฮะ…ว่าแต่ว่า…ผัดเผ็ดปลากดนี่อร่อยมาก…ยกนิ้วไห้เลย ทั้งๆ ที่ไม่น่าจะกินตอนเช้า น่าจะกินตอนเย็นมากกว่า” เดินดงเคี้ยวคำสุดท้ายหลังจากกวาดเข้าปากจนจานเรียบ ไม่มีข้าวแม้แต่เม็ดติดอยู่
นั่นก็ได้แก่เพิ่งรู้ว่า ตอนที่เก่งทำกับข้าวแล้วพึมพำเรื่องที่ทิ้งขยะว่าควรจะนำไปทิ้งตรงไหน
“แต่ต้องไม่ใช่รอบบ้านเรานี่แน่นอนนะพี่”
“ไม่ไหวละงั้น…เดี๋ยวลองถามคุณจัด”
ดังนั้น เก่งก็เลยเอ่ยขึ้น
“ขยะนี่จะไปทิ้งที่ไหนดีครับ มีรถขยะมารับไหมฮะ”
“มี…ไม่มีได้ยังไง เทศบาลที่นี่เขาเคร่งครัดเรื่องขยะมาก นายกเทศมนตรีนี่เนี้ยบที่หนึ่ง เขาไม่ยอมให้ภูเขาบ้านเขากลายเป็นที่ทิ้งขยะจนกลายเป็นเมืองขยะมโหฬารอย่างบางเมืองหรอกฮะ…ผมคนละ ไม่มีวันยอม เหม็นไปทั้งบ้านทั้งไร่ขนาดนั้น ใคร้…จะอยู่ไหว” นายจัดว่าพลางปัดริมจมูกไปมา “พูดก็พูดเถอะ ผมเองยังไปแอบดูงานมาตั้งหลายจังหวัดแล้วเลย…จังหวัดไหนมีลานขยะเต็มนอกเมืองก็จดไว้…ฮิฮิ…ถ่ายรูปอีกต่างหาก”
“ค่อยยังชั่ว” เก่งก็เลยถอนใจยาว
ขณะที่เดินดงคิดว่า…
ที่พึ่งแห่งแรกนับแต่ย่างก้าวมาถึงนี่คือครอบครัวนายจัง นายจัด เจ้าของที่ดินใกล้ร้อยหรือกว่าร้อยไร่นิดๆ น่าจะพออาศัยได้ในเชิงที่เขามิใช่แบบฉบับคนสวมเสื้อมาเฟียทีเดียวนัก
ดังนั้น หลังจากเก็บเครื่องบวงสรวงเจ้าที่เรียบร้อยแล้ว นายจัดจึงบอกกล่าว
“พี่จะให้เขาขุดเป็นแถวตรงไหนบ้างหรือยังไงก็บอกได้ตามใจพี่เลยนะ…แต่ยังไม่ต้องขุดมาก เผื่อไว้ปลูกในกระถางมั่งก็ได้”
คนงานทั้งคู่จึงลงมือขุดหลุมเป็นหลุมๆ หลังจากเก่งช่วยกะระยะที่จะล้อมรั้วให้ทั้งสองดูว่าจะล้อมให้กว้างยาวเท่าใด จึงจะแลดูเหมาะกับกระท่อมที่จะมีรถกระบะจอดหนึ่งคัน และอาจมีรถอื่นจอดได้อีกสักคันหรือสองคัน ม้ายาวมีพนักสำหรับนั่งเล่นบนลานบ้าน หลังจากปลูกไผ่มุมหนึ่ง มะพร้าวและกุ่มอีกมุมหนึ่ง ก็น่าจะมี ‘ศาลพระภูมิ’…นี่คือสิ่งที่นายจัดแนะนำ
“ศาลพระภูมิมีขาย เดี๋ยวไปซื้อเลยก็ได้ เจ้าของเขาเชิญลุงเดี่ยวมาทำพิธีให้เสร็จสรรพ คิดไม่แพง” นายจัดบอกกล่าว แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของถิ่นเต็มที่
แต่ก็ไม่มีแม้เงาของบุคคลใดที่เดินดงแลเห็นไฟฉายของเขาเมื่อคืน
วิธีฉายกราดก็ดูคล้ายจะแสดงอำนาจโอ่อวดว่า นี่นะ กูนะ…รู้ไหมว่าที่ทางแถวนี้ มีกูเป็นเจ้าของ
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 17 : ท่ามาก
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 16 : ทุกหนแห่งล้วนมีราคา
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 15 : ติดพัน ‘แม่เสือ’
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 14 : ไอ้หน้าโง่อหังการ
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 13 : คนดวงแข็ง
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 12 : ไหว้เจ้าที่
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 11 : ผู้มาเยือน
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 10 : ยามวิกาล
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 9 : วิถีเพิ่งเริ่มต้น
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 8 : ต้นไม้ใหญ่มีอารักษ์
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 7 : พืชพรรณไม้มงคล
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 6 : ตำราล้ำค่า
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 5 : ช้างบุก
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 4 : นายจัดลูกนายจัง
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 3 : สองชายฉกรรจ์
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 2 : ผู้พบใหม่
- READ ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 1 : ชีวิตที่เริ่มต้น