ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 15 : ติดพัน ‘แม่เสือ’

ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 15 : ติดพัน ‘แม่เสือ’

โดย :

Loading

“ขุนเขาแมกไม้” นวนิยายเรื่องเยี่ยมในชุดโหราศาสตร์ ผลงานเรื่องล่าสุดของ ’กฤษณา อโศกสิน‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปีพุทธศักราช 2531 กับเรื่องราวของเดินดงและอิทธิพลของดาวเสาร์ที่มีต่อชีวิตของเขาได้ในอ่านเอา

หลังจากอิ่มมื้อบ่ายแล้วสักไม่กี่อึดใจ ทั้งคู่ก็ได้ยินเสียงจักรยานยนต์ดังมาจากเส้นทางซ้ายมือที่ใครๆ เคยพยักพเยิดไปทางนั้น แต่ไม่เอ่ยนาม…คงเป็นไร่ของชายทั้งคู่ที่เคยมาเยี่ยมกราย ฉายไฟไปมาคล้ายบอกกล่าวให้รู้ถึงอิทธิพลที่ตนมี

เออ…มาเสียทีจะได้รู้หมู่รู้จ่า…ทำลับๆ ล่อๆ พอเป็นกระสาย ใครจะไปรู้ว่าคือผู้ใด มีอำนาจมืดแกมสว่างหรืออำนาจสว่างแกมมืดขนาดไหน เนื่องด้วยเหตุการณ์ทุกวันนี้ มักจะมีสิ่งแปลกปลอมแกมอยู่ตลอดมา หาบริสุทธิ์ยุติธรรมขนานแท้ยากยิ่ง

เสียงรถดังไม่กี่อึดใจ ก็ปรากฏกายของคนคู่หนึ่ง ซ้อนท้ายกันมา

คือคนที่ฉายไฟยามค่ำคืนนั่นเอง เพียงแต่เขายิ้มร่ามาแต่ไกล ท่ามกลางแสงแดดที่ไม่แรงร้อนกระไรนัก

“สวัสดีครับ” ทั้งคู่เปล่งเสียงเกือบพร้อมกัน “มีอะไรให้ผมช่วยไหม ช่วยได้เลยนะ” คนตัวโตพุงใหญ่ผู้ดูเหมือนจะเป็นพ่อ หรือมิฉะนั้นก็เป็นคนสูงวัยที่คนตัวผอมไม่สูงมากนับถือ เริ่มถามไถ่เพื่อผูกมิตรไมตรี “ผมเป็นเจ้าของไร่ถัดคุณไปทางซ้ายนี่เองฮะ…”

ทั้งชายหนุ่มและคู่หูต่างก็ยังคงยืนนิ่งอย่างระวังระไว คนงานแค่หันมามองพลางยกมือไหว้แล้วเลี่ยงไปยังขอบรั้วอีกด้าน ไกลจากเสียงของอีกฝ่าย คล้ายเป็นคนของผู้ที่มิสู้จะถูกกัน ย่อมต้องเหินห่างเข้าไว้

“ได้ข่าวคุณหลายวันแล้ว แต่ยังไม่ว่าง เลยยังไม่มาแนะนำตัว…สมัครเป็นเพื่อนบ้าน” คนสูงวัยกล่าวต่อ “ผมชื่อโอครับ…ชื่อเต็มว่าโอกาส…นี่ลูกชาย ชื่ออุกกา มีเหลืออยู่คนเดียว ที่จริงมีสองคน ผู้หญิงอีกคนแต่งงานไปอยู่ที่อื่น ลูกชายอีกคนตายตั้งแต่เล็ก…เลยเหลือเจ้าอุกนี่แค่นั้น”

“อุกกา…ชื่อดีจังนะครับ” เดินดงก็เลยเอาใจ “แปลว่าอะไรหรือฮะ…ไม่ใช่อุกกาบาตนะครับ”

โอกาสฟังแล้วกลับขำขึ้นมาทันใด เลยหัวเราะเห็นฟันซี่ใหญ่สมกับเรือนร่าง

“แปลว่า ‘คบเพลิง’ ฮะ เฉียดผีพุ่งไต้ไปนิดเดียวเอง” พ่อของหนุ่มร่างผอมหัวเราะหัวใคร่ พลอยให้เจ้าของชื่อยิ้มชืด พร้อมบ่นเบาๆ

“ผมอยากเปลี่ยน แต่ท่านพระครูท่านว่าดีแล้ว คำแปลดี…เรียกอุกคำเดียวก็ได้ ไม่เหมือนใคร เพียงแต่ ‘อุก’ นี่มันก็ใกล้ ‘จุก’ เหมือนกัน”

ทั้งเดินดงและเก่งก็เลยชวนกันหัวเราะไม่หยุด

“คือเพิ่งจุกมาจากบ้านโน้น” นายโอกาสหันไปทางขวาที่คือไร่ของนายจัง

“อ้าว…ทำไมล่ะฮะ” เดินดงเลยต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ยิน หากก็กลั้นความขำไว้ด้วย

“ก็…ก็…” โอกาสอึกอักพลางหันไปสบตากับอุกกาขณะถาม “อยากเล่าให้คุณเขาฟังไหมล่ะ”

“อย่าเลย…” หนุ่มผอมบางร่างสันทัดพึมพำ ดูเหมือนจะยังไม่หายขมใจ เนื่องด้วยสีหน้าดูซีดเซียวจนเจ้าของกระท่อมนึกเวทนา

สงสัยนายคนนี้เองที่นำทองแผ่นเท่าฝ่ามือไปให้ใบจัน

อ้อ…คงไปติดพัน ‘แม่เสือ’ กระมังนะ

นึกพลางก็สงสาร ขณะเพ่งพิศเรือนกายบุคลิกลักษณะของลูกชายนายโอกาสกับนางสาวแววตาดุนางนั้น

นายอุกกาคงรุ่นราวคราวเดียวกับเขานี่แหละ แม้ค่อนข้างผอม แต่ผิวหน้ากร้านคล้ำก็บ่งบอกความต้องสู้กับภูมิประเทศอันมีพืชไร่หลายสิบหรือถึงร้อยๆ ไร่ในความดูแล…แต่ความโสดก็ทำให้ต้องโลดทะยานไปหา…มิว่าสตรีใดลูกใครในแถวถิ่นนี้ที่พอจะสมน้ำสมเนื้อถึงแก่สู่ขอมาเป็นคู่เคียงเรียงหมอนได้โดยไม่อายใคร

แต่เล่นกับหญิงอื่นใดในย่านบ้านไร่คงเล่นได้ง่ายกว่า เล่นกับหญิงงามนามใบจัน

ที่เดินดงแลเห็นเพียงครั้งเดียวก็จำได้ติดตาตรึงใจไม่มีวันลืม

 

เขาก็เลยต้องเชื้อเชิญทั้งพ่อลูกให้นั่งลงบนท้ายรถกระบะ

“เก้าอี้ยาวกำลังตอกกันอยู่เห็นไหมฮะ…ยังไม่เสร็จ…รั้วก็เหมือนกัน…กว่าจะเสร็จคงพรุ่งนี้” ชายหนุ่มก็เลยออกตัว

“ผมมานี่ก็คืออยากมารู้จักคุณไงฮะ” โอกาสบอกกล่าว “ตามธรรมเนียมเจ้าของบ้านต้องต้อนรับแขกมาใหม่…อีกอย่าง คบกันไว้ดีกว่า มีอะไรไม่ชอบมาพากลจะได้ช่วยเหลือกัน”

อ้าว…ท้ายที่สุดก็ผิดคาดเอาทีเดียว

เนื่องด้วยแต่แรก นายนวมมักจะมีน้ำเสียงเป็นนัย คล้ายจะสื่อความหมายถึงไร่ซ้ายมืออยู่เสมอ

แต่ครั้นมาพบหน้าพูดจากัน ก็ดูเหมือนว่ากลายกลับเป็นอย่างอื่น

ไม่เป็นไร ชายหนุ่มคิด ‘ก็ดูดู’ กันไปก่อน พวกเขาอาจมีเรื่องซับซ้อนกันอยู่แล้วก็เป็นได้

เนื่องด้วย ‘เรื่องซับซ้อน’ สมัยนี้มีระบาดอยู่ทั่วไป ใครตามทันก็รักษากายใจและทรัพย์สินเอาไว้ได้ ใครเชื่อง่าย หลงลม ก็อาจกลายเป็นเรื่องคอขาดบาดตายบานปลายถึงโรงศาล

พ่อทีเดียวเป็นคนเตือน

‘แกไปอยู่โน่นก็ต้องระวังให้ดี ต้องอยู่แต่ในที่ของเรา อย่าเชื่อใครง่ายๆ ใครมาชวนไปคบใครก็ต้องดูให้ดี ขืนใจเบา จะเข้าปิ้งไม่รู้ตัว’

ใช่…จริงของพ่อ

นี่ก็ชักจะส่อเค้าขึ้นมารางๆ แล้วละ

เห็นจะต้องตั้งสติกันใหม่…เดินดงเริ่มนึกขึ้นมาได้ทีละเรื่องสองเรื่อง

ก็พอดีนายโอกาสเอ่ยขึ้น

“ถ้ายังไง พรุ่งนี้ผมเอารถมารับไปชมไร่ผมดีไหมฮะ คุณจะว่างไหม”

“คงยังไม่ว่างหรอกฮะ ขอบคุณคุณโอกาสมาก”

“จะเรียกผมว่าพี่โอก็ได้นะ” อีกฝ่ายบอกอย่างตั้งใจจริง

“ได้ฮะ…พี่โอ…” เขาก็เลยคล้อยตาม

“จะได้เป็นกันเองไงฮะ…ใช่ไหมอุก” เขาถามลูกชายที่นั่งเบียดอยู่ข้างๆ โดยใช้ข้อศอกยกขึ้นสัมผัสเบาๆ

อุกกาพยักหน้า ดูเหมือนใจเขาจะกำลังลอยละล่องไปสู่ท้องฟ้าสีน้ำเงินแกมเทาสะอาดสะอ้าน ณ กลางหาวที่มีเงาภูผาเขียวเข้มทอดยาว

ไม่ได้ยินคำกล่าวของบิดาชัดเจนสักเท่าไร

เพราะเขาเอ่ยขึ้น…ตะกุกตะกัก

“ละ…แล้ว…แล้ว…ทอง…ล่ะพ่อ”

นายโอกาสก็เลยนิ่งไป

เดินดงรู้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ต่อความ ถามไถ่…เพราะมิใช่ ‘เรื่องของเรา’

“มันก็หากันเองละมัง” เสียงของผู้เป็นพ่อเริ่มกระด้างขึ้นมาโดยไม่ทันรู้ตัว “เอาของแพงแสนแพงไปให้ ยังจะมาทำกิริยาสถุลเข้าใส่…แล้วนี่แกยังจะเอามันไหวเหรอ”

อือ…เดินดงแทบจะฟังไม่ได้เอาทีเดียว ดังนั้น เขาจึงขยับตัวจากนั่งเรียงเป็นยืนขึ้น พลางเรียกเก่งผู้หลบเลี่ยงไปหลังกระท่อม เตรียมติดเตาต้มไข่ตำน้ำพริก ทอดปลากินกับผักสดที่ซื้อรวมมาเมื่อชั่วโมงที่แล้ว รวมกับผัดเผ็ดปรากดที่ยังเหลืออีกไม่มาก

“นั่งนานๆ พี่เมื่อยแย่” เจ้าของสถานที่บ่ายเบี่ยงที่จะไม่นั่งเคียงผู้มาเยือน เนื่องด้วยสะเทือนใจคำหยาบที่ได้ฟัง

ดูไม่ให้เกียรติหญิงสาวผู้นั้นเสียเลย

“ไม่เมื่อยเลยคุณดง” นายโอกาสไหวไม่ทันเพราะชายหนุ่มรีบโยงเรื่องที่เขาเปรยขึ้นให้ฟังรื่นหูนิดหนึ่ง

“ทำไมถึงได้ขัดใจกันล่ะฮะ…คุณอุกกับคุณผู้หญิงคนนั้นทำไมตกลงกันไม่ได้”

“ผมก็ไม่ได้ทำอะไรนะ” นายอุกกาหรืออุกเฉยๆ ตอบงงๆ

จริง…เขาก็น่าจะงงยาวต่อไปจนข้ามวันข้ามคืนก็เป็นได้

เพราะในความทรงจำที่ไม่ไกลเกิน เขาเองก็ยังต้องเผชิญกับความขัดหูขัดตาอย่างไม่น่าเชื่อเช่นกัน

จึงเกิดกังขามาจนถึงวันนี้นาทีนี้

ยิ่งมีข่าวมาเพิ่ม ก็ยิ่งช่วยต่อเติมความพิศวง

“คือ…ที่จริง…ก็รู้จักกันไม่นาน” นายโอกาสก็เลยบอกกล่าวตรงไปตรงมา “แต่เจ้านี่ดันไปหลงรักเขาจนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น ตื่นเช้ามาก็เอาละ…ขอทองแม่ไปหมั้นหนูจัน…ขอได้ขอดีทุกเช้า…”

ท้ายที่สุด นายโอกาสก็ระบายความคับข้องพร้อมกับถอนหายใจยาว

“แม่มันก็เลยรำคาญ…ให้สร้อยข้อมือทองแท้ที่เขาทำไว้นานแล้ว หนักห้าบาทมาเส้นนึง แบนใหญ่มาก…ลายเหลียวหลัง เขาว่ายังงั้น” นายโอกาสบรรยาย

เดินดงนึกขำเจ้าของไร่เหมือนกันที่พูดจาเป็นเรื่องราวเหมือนฟ้องเขาผู้เป็นคนแปลกหน้า ทั้งที่เพิ่งรู้จักกันแค่ไม่กี่นาที

แต่ก็น่าเห็นใจที่ท้ายสุด เขาก็เล่าตรงกันกับนายจัดว่า

“เด็กนั่นมีสิทธิ์อะไรมาเขวี้ยงทองเข้าไปในพงหญ้า แบบนี้มันดูถูกกันหรือเปล่า”

กลายเป็นว่า เขาต้องมานั่งฟังเรื่องขัดแย้งค่อนข้างใหญ่และสำคัญของเจ้าของไร่เจ้าถิ่นโดยมิได้คาดหมาย

 



Don`t copy text!