ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 24 : การเดินทางค่อยๆ ไกลออกไป

ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 24 : การเดินทางค่อยๆ ไกลออกไป

โดย :

Loading

“ขุนเขาแมกไม้” นวนิยายเรื่องเยี่ยมในชุดโหราศาสตร์ ผลงานเรื่องล่าสุดของ ’กฤษณา อโศกสิน‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปีพุทธศักราช 2531 กับเรื่องราวของเดินดงและอิทธิพลของดาวเสาร์ที่มีต่อชีวิตของเขาได้ในอ่านเอา

 

แต่ยังมิทันถึงคํ่า รวมทั้งนายโอกาสและนายจังยังไม่ยอมอําลา เสียงโทรศัพท์นายจัดก็ดังขึ้น คนทางปลายสายคงบอกกล่าวให้อีกฝ่ายรับรู้ว่า เพื่อนทั้งคู่มาถึงแล้วนะ ขับรถส่วนตัวมาเองเลยทีเดียว

นายจัดก็ได้แต่นิ่งฟัง ‘คําสั่ง’ จากปลายสายอย่างพี่ชายผู้รู้หน้าที่ว่า…นี่นะ…เพื่อนของน้องก็เหมือนเพื่อนของพี่เช่นกัน นั่นก็คือ ต้อนรับเขาอย่างดีที่สุด ให้เขานั่งพักกินนํ้ากินอาหารเย็น…ถ้ามี…ว่าเข้านั่น…จะเอามาจากไหน นอกจากสั่งเจ๊ม่อม…เออ…ก็สั่งเจ๊นั่นแหละน่า_า_า…เดี๋ยวไป…

เดินดงละก็…แสนอ่อนใจบทบาทของนางยักขิณีผู้นี้จนมิรู้จะหาคําพังเพยประโยคใดมาปะติดปะต่อจนได้สักหนึ่งย่อหน้า…ที่ใคร่จะให้แสบซ่า เสนาะโสต

พร้อมกันนั้นก็ได้แต่นึกหมั่นไส้นายโอกาสที่คงวาดภาพลูกชายกับนางยักษ์ยามเมื่อได้ไปพักแรมบนเรือนแพด้วยกัน ก็คงสมคะเนเฮลั่นกันครานี้ คือนายอุกกาผู้หลงรักนางยักษ์จนตัวสั่น ย่อมมีทางผูกสัมพันธ์ด้วยทองคําที่ยามนี้ก็ขึ้นราคาเอา…ขึ้นเอา…ราวกับจะไม่ยอมลงจากภูเขาตรงหน้าจนกว่าชีวาจะวายกระนั้นละ

แต่นายจัดก็รีบหย่อนมือถือลงกระเป๋าขอตัว…จํ้าอ้าวๆ ไปขึ้นจักรยานยนต์

“ขอไปรับเพื่อนยายจันแป๊บนะฮะลุงโอ เดี๋ยวมา…ไงๆ ก็ต้องชวนกินข้าวเย็นก่อนจะตกลง…ไม่รู้ว่าเขาอยากไปค้างคืนบ้านเราหรือจะเลยไปดูแพซะก่อน”

แทบจะไม่ทันขาดคํา…นายจัดผู้บัดนี้…หนุ่มจากเมืองกรุงรู้แล้วละว่า…ลูกชายคนโตนายจังถนัดแต่งานติดต่อต่อติดมากที่สุด งานอื่นไม่ถนัด ยิ่งงานทําสวนทําไร่ ทําอะไรต่ออะไรเพื่อสืบสานธุรกิจของบิดา ยิ่งละล้าละลัง ถนัดแต่รับคําสั่งจากน้องสาว

เพียงครู่เดียวก็ขับพาหนะนําหน้ารถเก๋งกลางเก่ากลางใหม่ที่มีคนขับและคนนั่งข้างเป็นหญิงสาววัยยี่สิบสามยี่สิบสี่คู่หนึ่งมาถึงกระท่อม

คนขับผิวคลํ้าคิ้วดํายาวจมูกแบนแต่ท่าทางแข็งแรง ส่วนอีกคนผิวค่อนข้างขาว นัยน์ตาโตงาม ดูวามวาวในแสงตะวันใกล้ชิงพลบ

ทั้งคู่ต่างก็ก้าวลงมาพลางยกมือไหว้ชายสูงวัยและอ่อนวัยที่นั่งสลอนอยู่บนลานหน้าที่อาศัยอันพรั่งพร้อมด้วยโต๊ะเก้าอี้ รั้วไม้ไผ่ รถกระบะคันไม่เล็ก จักรยานยนต์ และจักรยานสองล้อ

“สวัสดีค่ะ คุณพ่อคุณพี่” คนขับท่าทางอารมณ์ดี ยกมือพนมหมุนไปทุกด้าน มีอีกคนทําตาม “พี่จัดบอกว่าให้มาทานอาหารเย็นที่นี่น่ะค่ะ เดี๋ยวจันจะมาสมทบ…”

“ผมเลยสั่งของกินมาเลี้ยง” นายจังบอกกล่าวอย่างเต็มใจ เพราะสองนางคือเพื่อนสนิทของใบจัน “กินอะไรให้อิ่มก่อน…อ้อ…จันมาโน่นแล้ว”

ใบจันขี่พาหนะส่งเสียงเข้ามาทางประตูรั้วที่เปิดกว้าง ท่ามกลางแสงตะเกียงลานดวงหนึ่งกับไฟฉายอีกหนึ่งดวง

พรุ่งนี้นํ้าไฟจึงจะมาติดตั้งให้ชีวิตหนุ่มเมืองกรุงมีชีวาขึ้นมาทันตาเห็น แต่บังเอิญเขาเองก็เริ่มชินกับบรรยากาศที่มีความเย็นยามคํ่าเป็นคลื่นลูกใหม่

ครู่ต่อมา ทั้งโต๊ะอาหารและเก้าอี้ไม้ไผ่ก็รับใช้ทุกคน ณ ที่นั้นอย่างเกษมสันต์หรรษาพร้อมหน้ากัน ใบจันจึงเอ่ยถามเพื่อนหญิงว่า

“เธออยากค้างบ้านเราหรือจะเลยไปค้างที่แพ”

คํ่าคืนนี้ ลูกสาวคนเดียวของนายจังแต่งตัวสวย สวมกางเกงสีนวลบางเบาราวข้าวเกรียบว่าวตีเกล็ด เสื้อตัวสั้นเอวลอยหน่อยๆ สีส้มสดแต่ไม่ถึงกับอวดเนื้อสะเอว ตัดกับสีดําคลํ้าแห่งราตรีที่บัดนี้เลื่อนเข้ามาคลุม

“ค้างแพดีกว่า…” เจ้าของรถนามว่าเชียงคําหรือเชียงเฉยๆ ตอบแทนอีกคนผู้นั่งยิ้มเงียบๆ อยู่อีกข้าง

“นะเอื้อง…”

“หนูชื่อเอื้องอะไร หรือเอื้องเฉยๆ” นายจังถาม

“เอื้องอินทร์ค่ะ”

“เอื้องเขาทํางานกับร้านพ่อแม่ค่ะ” เชียงคําบอกกล่าว “แต่หนูรับราชการ เลยมาได้เฉพาะวันที่เขากําหนดให้หยุด…เพียงแต่เราขอเขาเลื่อนได้แค่นั้นค่ะ”

“พ่อแม่หนูทําอะไร” นายจังถามต่อ ขณะที่นายโอกาสไม่ปริปาก เพราะลูกชายคงจะหยุดอยู่แค่ลูกสาวนายจังโดยไม่คิดจะแปลงเปลี่ยน

“ขายเสื้อผ้าสําเร็จรูปค่ะ” เอื้องอินทร์ตอบเรียบๆ

“คงขายดีซีนะ”

“พอขายไปได้เรื่อยๆ ค่ะ”

เดินดงยังคงนั่งเงียบๆ…ขณะที่เก่งค่อยๆ ทยอยนําอาหารใส่จานมาวางเรียงจนเต็มโต๊ะยาว ทุกคนก็เลยต่างก้มหน้ารับประทานด้วยความหิวจนกระทั่งเสร็จสิ้น

คู่ใจของเจ้าของกระท่อมจึงค่อยๆ ทยอยเก็บล้างตาก ขณะที่นายจัดและใบจันขอตัวขี่มอเตอร์ไซค์ของตนเอง นําเชียงคําและเอื้องอินทร์ไปยังแพของคนรู้จักที่ชื่อน้าไพหรืออําไพอันเป็นแพกว้างใหญ่ มีสิ่งอํานวยความสุขสบายครบครันด้วย 3 ห้องนอน 3 ห้องนํ้า อุปกรณ์การทําอาหารพร้อม มีเรือแคนูและเรือคายัคให้พายเล่นได้ จะล่องเรือ เข้าถํ้า หรืออย่างไรก็ได้ทั้งสิ้น พร้อมอาหารเช้า-เย็น นํ้าดื่ม นํ้าแข็ง โซดา กาแฟ โอวัลตินมีบริการลากแพออกไปตามที่ต่างๆ หากอยากเต้นคาราโอเกะก็มีที่ให้เต้นได้

ทันใดนั้น สองสาวผู้มาใหม่ก็พึงพอใจทันที

พระจันทร์คืนแรม  7  คํ่ายังคงลอยเด่นเห็นเป็นวงเกือบเต็มดวงงามสง่า

ครั้นแล้ว ต่างคนต่างก็นั่งจักรยานยนต์ของตนเองตามกันไป โดยเดินดงเกาะรถนายจัง นายอุกกาเกาะหลังพ่อของเขา เก่งอยู่เฝ้าบ้าน

ประเดี๋ยวเดียวก็ถึงที่

 

แพริมนํ้าที่อยู่ชิดกันอีกหนึ่งแพเป็นแพเล็กของญาติน้าอําไพมีนามว่าพี่อ๊อด นามจริงสุนิดย์ มีห้องนอนใหญ่แค่ห้องเดียว หากก็พร้อมเพรียงด้วยสิ่งอํานวยความสะดวกเช่นกัน

สามสาวกําลังยืนพูดจาอยู่กับน้าอําไพผู้มีบ้านอยู่บนฟากถนนตรงข้าม เป็นบ้านไม้เล็กๆ เหมาะกับภูมิประเทศเช่นเดียวกับกระท่อมไม้ไผ่ของเขา…เดินดงนึกในใจ

พร้อมกันนั้น ก็ได้แต่อัศจรรย์แกมด้วยขําขันนิดๆ ที่ชีวิตพาเขาลอยละล่องมาถึงท้องถิ่นแปลกตา มากมายขนาดนี้ได้อย่างไร

หากก็ก้าวตามนายจังนายจัดและสามสาวลงไปในเรือนแพกว้างขวาง มีห้องนอนสามห้องพร้อมเตียงนอนสะอาดสะอ้าน ขึงตึงด้วยผ้าปูที่นอนสีครามใส นอนได้ห้องละสามสี่คนอย่างสบายโดยไม่กวนใจกัน

“อือ” เขาก็ได้แต่ครางเบาๆ กับนายจัง “ดีมากเลยนะฮะ”

น้าอําไพจึงเชื้อเชิญเดินดงให้เข้าไปดูสภาพเรือนแพใหญ่ของเธอด้วยสีหน้าท่าทางบ่งบอกว่า ปลาบปลื้มยินดีเป็นที่สุดที่มีชาวกรุงมาเตรียมตั้งหลักปักฐาน ณ อําเภอทองผาภูมิแห่งนี้

“คุณมีอะไรให้ฉันรับใช้ก็บอกมาได้เลยนะคะ…ไม่ว่าบริการท่องเที่ยวนํ้าตก ภูเขาหรือยังไง…ฉันมีคนพาไปได้ สังขละหรือนํ้าตกไหนๆ ที่ว่าไปยาก ก็ได้ทุกที่”

“ขอบคุณมากฮะคุณน้า” เดินดงก็เลยมีแก่ใจพูดจา

‘การเดินทาง’ ของเขาส่อเค้าว่า น่าจะค่อยๆ ไกลออกไป

พูดจากับน้าอําไพเสร็จสรรพ จึงเป็นอันตกลงกันว่าสามสาวจะพํานักที่เรือนแพนี้สองคืน ผู้ที่จะพักอีกสองห้องร่วมกันก็คือนายโอกาสกับอุกกา สองพ่อลูกผู้ไม่ยอมให้ใบจันห่างตา เนื่องด้วยเมื่อสักครู่เขาเป็นผู้ชําระค่าเช่าแพให้น้าอําไพด้วยตนเอง

หากก็ไม่มีผู้ใดว่ากระไร เพราะนายจังกับนายจัดก็ต้องนอนห้องที่เหลือในแพนี้ มีจําเพาะเขากับเก่งเท่านั้นที่ต้องแยกตัวไปพักอยู่ในแพเล็กของพี่อ๊อด…จึงต่างก็ชวนเดินดงเดินไปดูการจัดแต่งแพที่ถัดไป ก็แลเห็นว่าผึ่งผายโอ่อ่ากระทบตาไม่แพ้กัน มีทั้งคายัคและแคนูจอดอยู่ข้างแพเหมือนกัน เสื้อชูชีพแขวนไว้เป็นระเบียบเช่นเดียวกัน กลางแพพรั่งพร้อมด้วยเตียงยาวนอนเล่น เก้าอี้นั่งพัก ปลั๊กไฟ โคมตั้ง ตู้เย็น ตู้เสื้อผ้า ห้องนํ้าห้องส้วม ห้องครัว เช่นเดียวกับที่พักแรมทั่วไป รวมทั้งแอร์เย็นฉํ่า

ระยะทางที่ต้องกลับมาเอาเสื้อผ้าใส่เป้ไปเตรียมค้างสองคืนก็แค่ประเดี๋ยวหนึ่ง

 

น้องเอื้องนี่ก็สวยนะพี่ดง” เก่งกระซิบขณะหิ้วเป้ของนายจ้างขึ้นแขวนบ่า จัดแจงปิดห้องบนกระท่อมใส่กุญแจ รอนายจัดกลับบ้านเพื่อนําเสื้อผ้าของเขาและของบิดาไปค้างคืน

“แกแน่ใจนะว่าไม่ได้ฝัน” เดินดงนั่งรอพลางสัพยอกท่ามกลางความมืดที่มีตะเกียงลานส่องเรือง ครั้นนายจัดกลับมาแล้ว จึงดับไฟตะเกียง ขึ้นรถนายจัดไปด้วยกันทั้งสามคน ราวสิบนาทีก็ถึงที่หมาย

คือแพใหญ่และเล็กที่เช่าไว้ เอาของเก็บแล้วจึงชวนกันไปยังแพข้างเคียง

ต่างก็เดินไปด้วยกันภายใต้แสงจากดวงเดือนสาดสว่าง แลเห็นผืนนํ้ากว้างใหญ่ของเขื่อนวชิราลงกรณอยู่ตรงหน้า งดงามตรึงนัยน์ตาราวฝันไป

 

 

 



Don`t copy text!