ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 25 : เล่น ‘เกม’

ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 25 : เล่น ‘เกม’

โดย :

Loading

“ขุนเขาแมกไม้” นวนิยายเรื่องเยี่ยมในชุดโหราศาสตร์ ผลงานเรื่องล่าสุดของ ’กฤษณา อโศกสิน‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปีพุทธศักราช 2531 กับเรื่องราวของเดินดงและอิทธิพลของดาวเสาร์ที่มีต่อชีวิตของเขาได้ในอ่านเอา

ขณะที่เดินตามกันกลับมาพร้อมกับตากแสงนวลอ่อนๆ ไปยังแพที่มีนายโอกาสและอุกการ่วมพักด้วย กับนายจังนายจัดและสามสาว เดินดงอดนึกแวบขึ้นมามิได้ว่า…สองผู้ยิ่งใหญ่กําลังเล่น ‘เกม’ อะไรกันอยู่หรือไม่

เนื่องด้วย ตลอดทุกวันที่ผ่านไป ทั้งนายจังและนายโอกาสมักจะหาเวลามาเกาะติดอยู่กับการกรุยดิน ไถคราดพื้นที่ของเขาโดยไม่จําเป็น

แค่ส่งเครื่องมือรถเล็กรถใหญ่มาอํานวยความสะดวกก็น่าจะพอได้แล้ว หากนี่…คล้ายกําลังมาคุม

นายจังคุมก็ยังพอมีเหตุผลที่ว่าท่านพระครูกับพ่อของเขาคงไหว้วานให้ช่วยเหลือจนกว่าที่โล่งๆ จะมีไร่ พืชหรือพันธุ์ไม้ในอุดมคติของอีกฝ่ายผุดขึ้นมาจนเต็มพื้นที่ตามใฝ่ฝัน โดยบวกค่าจ้างแรงงานพร้อมกําไร ตามที่เจ้าตัวอยากได้…จะใช้คําว่า ‘ดอกเบี้ย’ หรืออย่างไรไม่ว่ากัน…ไว้พร้อมพรัก

แต่นายโอกาสกับอุกกามาคุมด้วยกันนี่สิ หรือว่า…

ชายหนุ่มนึกรําคาญตนเองอยู่ มิวาย…ที่ว่า…

หลังจากพ่อแม่ส่งตัวมาคล้ายเนรเทศนี้ เขาเริ่มมีสิ่งแปลกปลอมผุดขึ้นทุกวัน…วันละเล็กละน้อย…แต่บางวันก็อาจวูบวาบคิดมากเกินไป…เลยคล้ายกับบางทีก็พรั่งพรูขึ้นมา…ทั้งมีเหตุมีผลและไม่มี

นายโอกาสอาจจะ…อาจจะเท่านั้นก็ได้…คือหาทางมาคุมเขามิให้หว่านพืชหวังผลไปยังคนในดวงใจของลูกชาย

ถ้าอย่างนั้นละก็…หยุดระวังระไวสงสัยสงกาได้แล้ว…เขานึกในใจ ขณะเดินตามกันลงไปสู่สะพานที่ทอดลงแพ

“อ้อ…มาพอดี” นายโอกาสคืนนี้ดูจะเบิกบานขึ้นจนเห็นได้ชัด

สามสาว…ใบจัน เอื้องอินทร์ และเชียงคํานั่งเรียงกันอยู่ บนเก้าอี้อันล้อมโต๊ะไม้ยาวที่ตั้งไว้หน้าแพ หากรวมกลุ่มกันมาหลายคน ก็มีที่ให้นั่งได้ครบจํานวน เท่ากับช่วยอํานวยความสบายทั้งกายและอารมณ์ได้ครบครัน

ทันทีที่อีกสี่คนมาถึง ทุกคนที่นั่งอยู่ก่อนจึงเชื้อเชิญนายจังนายจัดและเดินดงให้ร่วมล้อมวงสนทนา กลายเป็นชุมนุมไม่เล็กขึ้นมาทันใด

“พอพวกเรามานี่ แพกว้างเลยกลายเป็นแคบไป…” นายโอกาสเอ่ยหัวเราะๆ “ใช่ไหมหนูจัน” เดินดงจึงมีโอกาสมองหน้าสบตากับสามสตรีตรงหน้าอย่างเต็มที่ เชียงคําเป็นหญิงแกมชาย

เอื้องอินทร์ดูเรียบร้อยอ่อนแอ แต่ก็ไม่มีเสน่ห์อันใดที่จะชวนให้ติดใจพึงพิศ ฝ่ายใบจันนั้น…เขาแทบไม่อยากผูกมิตรกับหล่อนเอาเสียเลย ตรงกันข้าม…ในยามนี้ หล่อนกลับหัวเราะเริงร่ากับนายอุกกา พลางถาม “พรุ่งนี้พี่อุกสมัครใจพาน้องลงแคนูหรือคายัคล่ะคะ”

“อ้าว…เหรอ” ชายหน้าซื่อซึมทําท่าสะดุ้งขึ้นนิดๆ “ให้พี่เป็นฝีพายเหรอ…ที่จริง…ฝีพายนี่ใครเป็นก็ได้ นะ…ได้ใช่ไหมพ่อ…”

เขาว่าพลางคล้ายไม่แน่ใจในทุกคําของตนเอง เมื่อต้องคุยกับหญิงที่คลั่งไคล้

“ได้…” ผู้เป็นพ่อพยักหน้า “เมื่อกี้ก็ผ่านมาไง เขาผูกไว้ข้างแพ…นั่งได้แค่สองคนเองนะ ใช้พายแบบมีใบ พายสองข้าง ไม่เหมือนแคนู นั่นเป็นเรือท้องแบน ใช้พายใบเดี่ยว…แล้วพรุ่งนี้ก็คงรู้ละว่ามันต่างกัน…พอดี เรามาคํ่า…เลยไม่ได้ทดลองพาย”

ไฟในห้องนอนที่รวมเอาที่นั่งเล่นเข้าไว้ด้วยนี้ส่องสว่าง ผ่านประตูกระจกออกมาถึงชานแพที่ทั้งกว้างและยาว ต่างก็แลเห็นกันและกันใกล้ชิดหมดจด

จึงนับว่าดีทีเดียวที่ต่างก็ได้เข้ามาอยู่ ในที่ทางอันจํากัด ช่วยให้รู้ชัดว่าใครคือใคร นายโอกาสและอุกกาคงสมอุราคราวนี้ที่ดูเหมือนน้องสาวนายจัด จะเปลี่ยนรูปแปลงร่างจากนางยักษ์

มาเป็น…

เดินดงนึกหัวเราะในใจ เทพธิดางั้นหรือ ขอให้ใช่ทีเถอะน่า

แต่เขาก็หันไปเริ่มงานปราศรัยกับเพื่อนทั้งคู่ของลูกสาวนายจัง

“ที่จริง…เมืองเพชรนี่ผมก็อยากไปมากเหมือนกันนะฮะ” นั่นไง…เดินดงเหลือบเห็นนายอุกกาแยกริมฝีปากออกจากกันนิดหนึ่งอย่างพึงใจที่ชายจากกรุงเทพฯ ก็นึกอยาก ‘จีบ’ เพื่อนของคนที่เขาคลั่งเหมือนกันจะได้ ‘หมดเรื่องไป’

เพราะถึงอย่างไร ใจเขาก็สั่นๆ มาโดยตลอด ด้วยเกรงหนุ่มไม่เอาถ่านจะแอบเอาฟืนเน่าๆ เข้ามาสุม แล้วจุดไฟ

เห็นหรือไม่ว่า…จริงดังที่คาดไว้ไม่มีผิด อุกกานึกชมตนเองอยู่ เงียบๆ พลางก็นิ่งฟังอีกฝ่ายเจรจา

“ไปก็ได้นี่คะ” เชียงคําตอบสนองทันใด เนื่องด้วยพอใจหน้าตาท่าทางที่ดูไม่เหมือนใครของชายหนุ่มผู้นี้อยู่ก่อนแล้ว “ไปไหมคะ…ขากลับไปเมืองเพชรด้วยกัน”

ฝ่ายถูกชวนก็เลยยิ้มๆ

“คิดดูก่อนครับ” หากก็ตอบ “เพราะผมเองก็เพิ่งมา ยังไม่รู้สีสาเรื่องเมืองกาญจน์…ก็จะโดดไปเมืองเพชรอีก…แม่รู้เข้าคงถือไม้เรียววิ่งจากกรุงเทพมาเฆี่ยนขวับๆ แน่เลย…”

ทุกคนก็ได้แต่พลอยขําขันกับเขา

แค่ไม่กี่ประโยค ก็พอจะรู้เค้าเกี่ยวกับชายคนนี้กับกระท่อมไม้ไผ่ที่ยังใหม่เอี่ยม เมื่อกี้เอื้องอินทร์ถึงกับหัวเราะคิกคักมาในรถเลยทีเดียว

พอๆ กับใบจันทําเสียง

‘แล้วจะรู้ว่า…นายนี่เป็นยังไง…’

‘เป็นยังไง บอกมา’ เพื่อนทําท่าสนใจ…เห็นนั่งเงียบๆ งั้นเถอะ ‘เฮ้อ…อย่าให้เซ่ดดีกว่า เป็นบุรุษเพศที่ไม่เอาไหนที่สุด’ ลูกสาวชาวไร่เปล่งวาจา

‘ตกลงแกจะชอบนายอุกกานั่นจริงๆ เหรอ’ เชียงคําก็เลยยานคางถาม ให้ได้หัวเราะกันครื้นเครงฆ่าเวลา

แล้วคืนนี้ ยังจะได้เห็นกันจะจะในแสงไฟผสานกับแสงจันทร์ที่กําลังฉายส่อง แลเห็นท้องนํ้ายามคํ่าคืน แวววาวราวกับแสงจากเพชรร้อยกะรัต

แต่นายอุกกานั่งอยู่ด้วยนี่สิ ก็พอดีนายโอกาสเอ่ยขึ้น “หนูสองคนเคยมาทองผาภูมิไหม”

“เคยได้ยินแต่ชื่อเขื่อนเขาแหลมค่ะ คุณอา”

เชียงคําก็เลยเล่าถึงบิดาของหล่อนผู้เป็นข้าราชการ ย้ายไปตามจังหวัดต่างๆ ชื่อเชียงคํานี้ก็มาจาก อําเภอเชียงคํา จังหวัดพะเยา เนื่องด้วยตนเองเกิดที่นั่น “ตอนสร้างเขื่อนเขาแหลมใหม่จนกลายเป็นเขื่อนวชิราลงกรณเดี๋ยวนี้ คือตอน

พ.ศ.2522 นั่น หนูยังไม่เกิดเลยค่ะ…มาคราวนี้เลยถือโอกาสมานอนแพ มาเที่ยวตามเขื่อนทั้งบนบกในนํ้า ให้จุใจซักหน่อยแค่นั้นค่ะ”

“พรุ่งนี้จะพาขึ้นไปดูเขื่อน” นายโอกาสเอ่ยต่อ

“ถ้างั้น ผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงกลางวันที่ร้านอาหารการไฟฟ้าฝ่ายผลิตละกันฮะ” นายจังเลยบอกบ้างเพราะเมื่อสักครู่ นายโอกาสก็รีบชิงชําระเงินค่าแพพี่สุนิดย์ให้ด้วยพร้อมกับบอก

‘ผมขอเป็นเจ้าภาพนะคุณจัง’

แน่นอน…นั่นก็เพราะต้องการคะแนนนิยมให้ลูกชายเข้านัยน์ตาใบจันมากขึ้นกว่าวันวานที่ผ่านไป พลางก็พยักพเยิดให้หญิงสาวมองไปยังดวงจันทร์อันลอยเด่นอยู่กลางฟ้า

“พระจันทร์สวยไหมหนูจัน” นายโอกาสยามนี้เหมือนนักเดินสายขายสินค้า ทําท่าคล้ายใบจันเป็นคนซื้อที่ยังไม่รู้จักคุณภาพของของดี

เดินดงฟังแล้วได้แต่หัวเราะในใจ มองดูหญิงทั้งสามตรงหน้าก็ได้แต่ขําขัน

คนหนึ่งกระเดียดชาย อีกคนไม่รู้ร้อนรู้หนาว อีกคนก็เหมือนมีคนสองคนในตัวคนเดียวกัน ไม่เหมือนและไม่คล้ายเพื่อนหญิงทั้งสี่ ที่คบกันจนสุดขีดแล้วจากไป

แต่ก็เป็นแบบอย่างที่เขาไม่พอใจอีกเช่นกัน

“สวยมากค่ะลุง พี่อุกเป็นยังไงคะวันนี้ สนุกไหม” หญิงสาวทําเสียงอ่อนหวานกว่าที่ควรจะหวาน…อย่างจงใจ

ชายที่กําลังฟังต่างก็ไม่รู้ว่าหล่อนเสแสร้ง มีแค่หนึ่งเดียวที่ตามทัน

ดังนั้น จึงได้แต่ยิ้มในหน้า

เก่งผู้เลี่ยงไปนั่งอยู่ข้างชานได้แต่อยากหัวเราะดัง นึกออกถึงอารมณ์นายของตนเอง เธ่อ…เล่นกะใครไม่เล่น

แต่นายอุกกาบัดนี้ลุกขึ้นรินเบียร์แจกใส่แก้วให้นายจังนายจัด พ่อเขาและตัวเขาเอง

“คุณสามคน ใครดื่มมั่งไหมฮะ…มีทั้งเบียร์ ไวน์ วิสกี้…ผมพกมาเต็มอัตราศึก”

“ดื่มค่ะ” เชียงคําตอบเร็ว

นายอุกกาจึงรินใส่แก้วส่งให้ ขณะที่พ่อของเขามองอย่างชอบใจตื่นเต้น “เออ…เพิ่งเห็นอุกอยากเมาวันนี้เอง”

“ก่อนนี้ พ่อก็เมาแทนแล้วไง”

“เก่งใหญ่นะอุก” นายจังสัพยอก

เดินดงก็เลยได้แต่นึกว่าคืนสองคืนนี้ต้องถือเสียว่า พาตัวเองมาศึกษาต่อ จะได้กลับไปพร้อมความรู้รอบตัวเพิ่มขึ้น

ดังนั้นเมื่อนายโอกาสส่งแก้ววิสกี้ผสมค่อนข้างเข้ม เขาจึงถามหัวเราะๆ “นี่คุณโอกะจะไม่ให้ผมตื่นลงไปพายคายัคใช่ไหม”

“อ้อ…คุณดงกะจะพายคายัคเลยหรือฮะ แน่ใจนะว่าพายเป็น”

“ผมไม่เคยบอกใครเลยนะว่าผมชนะประกวดว่ายนํ้า พายเรือ ขับเรือ” ชายหนุ่มตอบด้วยดวงตาแวววาวเป็นต่อ

 



Don`t copy text!