ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 29 : อุปสรรคจากเพศตรงข้าม

ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 29 : อุปสรรคจากเพศตรงข้าม

โดย :

Loading

“ขุนเขาแมกไม้” นวนิยายเรื่องเยี่ยมในชุดโหราศาสตร์ ผลงานเรื่องล่าสุดของ ’กฤษณา อโศกสิน‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปีพุทธศักราช 2531 กับเรื่องราวของเดินดงและอิทธิพลของดาวเสาร์ที่มีต่อชีวิตของเขาได้ในอ่านเอา

ดังนั้นเมื่อได้เวลาราวสิบเอ็ดนาฬิกา คณะชมเขื่อนวชิราลงกรณจากทั้งสองแพก็ออกเดินทางร่วมกันไป ที่เคยพูดจาขวางหูใส่กันก็จําต้องเงียบงันกันนับจากนาทีที่นั่งรถออกจากตลิ่งไปตามถนนเลียบเนินเขา

นายจัดอาศัยนั่งไปกับรถของเชียงคํา เพื่อพาไปสู่ตัวอําเภอที่มีที่ทําการใหญ่ของทองผาภูมิรวมกันอยู่ ณ ที่นั้น

“เราไปกินอะไรกันที่ห้องอาหาร กฟผ.ให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า” ลูกนายจังบอกกล่าวทุกคนก่อนออกจากที่พัก ดังนั้น ทั้งนายโอกาสและนายอุกกา กับนายจัง จึงต่างก็ขี่จักรยานยนต์ส่วนตัวคนละคัน เลียบเลาะไปตามถนนบนเชิงเขา ราวสิบนาทีก็ถึง เรือนไม้กว้างขวางเปิดโล่ง พรั่งพร้อมด้วยโต๊ะเก้าอี้เต็มห้องอย่างสบายหันข้างให้ผืนน้ำกว้างใหญ่ที่แลเห็นขุนเขาเป็นเงาสีขาวอมเนื้อโผล่รําไรอยู่อีกฟาก มีหมอกขาวจางๆ ล้อมรอบ

ใบจันไม่นั่งรวมกับนายจังนายจัดที่มีเดินดงกับเก่ง แต่แยกไปนั่งอีกโต๊ะถัดไปกับเชียงคํา เอื้องอินทร์ นายโอกาสและอุกกา

นั่งหันหลังให้ ‘ชายคนนั้น’ อีกด้วย…จนเชียงคําต้องแอบอมยิ้ม

ขําความไม่รู้จักเก็บงํากิริยาของเพื่อน

“ที่ทําการเขื่อนก็อยู่ถัดห้องอาหารนี่ไปไง” นายโอกาสบอกกล่าว ขณะดูเมนูที่พนักงานเสิร์ฟนํามายื่นให้อย่างยิ้มย่องผ่องใสดังเช่นคนรู้จักกันดี “เอ้า…หนูจันสั่งเลยนะ ลุงเป็นเจ้ามือ ไม่ต้องเกรงใจ…คุณสองคนด้วย”

“ขอบคุณคุณลุงมากค่ะ” เชียงคําตอบอย่างเกรงใจ “คุณลุงเป็นเจ้ามือทั้งเช่าแพทั้งเลี้ยงอาหารเลยนะคะ… อยากตอบแทนให้คุณลุงไปเมืองเพชรมั่ง เชียงจะได้พาเที่ยวให้ทั่ว”

“ไปซี…ต้องไปแน่เลย ลุงเคยไปแล้วเมืองเพชรน่ะ…มีเพื่อนอยู่ที่นั่นแต่ตอนนี้เขาไม่อยู่แล้ว เสียไปสักสองปีเห็นจะได้” อีกฝ่ายจึงเอ่ยชื่อเพื่อนผู้นั้น

“อ๋อ…รู้จักค่ะ” เชียงคําบอกกล่าว “แต่ไม่สนิท”

ต่างคนต่างก็เลือกอาหารที่ตนเองชอบจึงได้มาคนละอย่าง รวมห้าอย่าง ต่อจากนั้นก็นั่งรอพร้อมกับคุยกันไปพลาง ล้อมรอบด้วยโต๊ะต่างๆ ที่คนเต็ม

นายโอกาสนั่งหันหน้าไปทางโต๊ะนายจังก็พอดีสบตากับเดินดง เขาก็เลยยิ้มพร้อมพยักหน้าเชิงถามว่า ชอบที่นี่ไหม สบายนะ อากาศดีมาก…โดยไม่ต้องออกเสียง

หากแต่หันมาบอกเบาๆ

“คุณดงท่าทางเหมือน…อึดอัด”

ใบจันก็เลยผายริมฝีปากออกคล้ายยิ้มเยาะนิดหนึ่ง

“จันก็อะไรไม่รู้ ขวางหูขวางตาคุณนี่ซะจัง” เชียงคําทําตัวเป็นคนกลาง เพราะสําหรับหล่อนแล้ว แลไม่เห็นว่าชายจากกรุงเทพฯ จะถึงกับน่าเกลียดน่าชัง แม้จะจริงเหมือนกันที่ว่า กิริยาอาการของเขาราวกับหนุ่มไม่เอาถ่าน หากเมื่อเช้าที่หล่อนแลเห็นเขาพานายเก่งหนุ่มรับใช้นั่งคายัคที่เขาเป็นคนพาย ดูกระฉับกระเฉงไหลลื่นแล้วแปลกใจ ก็ยังช่วยให้ความรู้สึกว่าเขาทําอะไรไม่เป็นวับหายไปได้เช่นกัน “เขาอาจจะเก่งเป็นบางเรื่องที่เขาชอบก็ได้น่า-า”

แต่นายโอกาสไม่พลอยออกเสียงเห็นด้วย

เพราะถึงอย่างไรเขาก็จะไม่ยอมให้สามวันสองคืนที่มีความหมายสําหรับลูกชายเขากับหญิงที่อุกกาคลั่งไคล้สูญเปล่าไปเป็นอันขาด

“ไม่มีทาง” ใบจันเบ้ปากนิดๆ

โดยพลัน อุกกาก็หน้าตาชื่นบานขึ้นทันใด หากก็ไม่มีปัญญาจะกล่าวคําใดที่คมคายแต่ไม่น่าเกลียดออกมาได้เลยอึกอักอยู่ในทีจนผู้เป็นพ่อพูดแทน

“ลุงก็จะคอยดู…ว่า…พ่อหนูจะฝึกนายนี่ได้ไหม…”

“ใครต่อใครก็คอยดูกันทั้งนั้นละค่ะคุณลุง” ใบจันเอ่ยอย่างเต็มปากเต็มคําจนเอื้องอินทร์นึกสงสารหนุ่มผู้พายคายัคให้หล่อนนั่ง…

หันหน้าเข้าหากันเสียด้วย

นับเป็นนาทีที่หล่อนถือเป็นโชคของตนเองอย่างยิ่งท่ามกลางแสงตะวันชิงพลบวันวาน…ที่มีเวลานาทีไม่คาดฝันผ่านมาพร้อมความชื่นบานหรรษาที่หาไม่ได้ในชีวิต

แต่นาทีนี้เพื่อนสนิทกลับทอนคุณค่าเขาได้โดยไม่หลงเหลือเยื่อใย

ใบจันคงเห็นเขาเป็นคนที่มารบกวนบิดาตนเองให้ต้องแบกภาระ…เลยไม่พอใจ

แต่…ก็แว่วๆ ว่า พ่อแม่เขามีดอกเบี้ยให้นี่นา

ในที่สุด อาหารก็มาถึง…ทุกคนจึงจบการ ‘นินทา’ หนุ่มหน้าใหม่ชั่วคราว หันไปชมเชยอาหารอร่อยจากครัวของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต พร้อมกับมีเวลาหันไปชมภาพขุนเขาหุ้มหมอกขาวงามราวเนรมิตที่โผล่พ้นผืนน้ำตรงข้าม

เสร็จสิ้นการกินแล้ว เชียงคําจึงขับรถนํา มีจักรยานยนต์ของทุกคนขับตามขึ้นไปตามทางขึ้นคอนกรีตเลียบข้าง จนถึงสะพานข้ามเขื่อน

ยืนชมทิวทัศน์พร้อมถ่ายรูปด้วยกันอย่างสําเริงสําราญบานใจ

หลงลืมเสียงติฉินนินทาชายชาวกรุงผู้ก้าวตามมายืน พร้อมถ่ายรูปอยู่ห่างๆ

“ไม่อยากเฉียดนางคนนี้เลยว่ะ เก่ง” ถึงอย่างไร เขาก็ใจตรงกับหล่อน ตรงที่มีอารมณ์เคลือบแคลงแหนงหน่ายคล้ายๆ กัน

แต่เสียงนายโอกาสที่ดังกังวานไปทั่วบริเวณชวนให้เขาต้องหยุดฟัง

เจ้าของถิ่นยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางแสงสว่างอ่อนๆ ของต้นเดือนพฤศจิกายนที่ทั้งภูผาป่าเขาคลายความอบอ้าวของวันเดือนก่อนหน้า หลงเหลือแต่ความเย็นเฉียบแผ่คลุมให้ผู้มาเยือนรู้สึกเสมือนแผ่นน้ำกว้างเบื้องล่างเจือด้วยก้อนน้าแข็งเล็กๆ ขณะที่ต่างก็ยืนเงียบ เกาะผนังคอนกรีตเสริมเหล็กแข็งแรง

“ทายซิฮะว่า สันเขื่อนนี่กว้างกี่เมตรยาวกี่เมตร…เป็นเขื่อนหินถมแห่งแรกของไทยเชียวนา”

“บอกมาเลยดีกว่า” นายจังหัวเราะ

ไม่มีใครเสียอารมณ์กับเสียงถามของเขาด้วยว่า อากาศเย็นสบาย

“กว้าง 10 เมตรยาว 1,019 เมตรตามผู้รู้ว่าไว้…ฮิฮิ” เจ้าตัวพอจะมีอารมณ์สนุกเนื่องด้วยแลเห็นอุกกาเดินเลียบเคียงจนไปยืนติดกับใบจันขณะที่สามหญิงสาวต่างก็ก้มลงดูแผ่นน้ำแควน้อยเบื้องล่าง “เมื่อก่อนชื่อเขื่อนเขาแหลม ทราบกันดีแล้วใช่ไหมฮะ…พื้นที่อ่างเก็บน้ำ 388 ตารางกิโลเมตร ถัดออกไปนี่ก็จะมีแต่เทือกเขาสลับซับซ้อนทั้งนั้นนะฮะ…มีเขาช้างเผือก เขาพุถ่อง น้ำตกเกริงกระเวีย…ใครอยากไปมั่งยกมือขึ้น”

เดินดงก็เลยเอาใจเจ้าของถิ่นโดยยกมือตามเสียงสั่ง มีเก่งยกตาม

“อยากไปจริงนะ…เมื่อไหร่ดี…”

“เอาไว้ให้ผมเสร็จจากลงต้นไม้ก่อนดีกว่าฮะ…”

“ไม่เป็นไร…รอคุณว่างแล้วค่อยมาบอกผมพาไป มีลูกหาบพร้อม จะเลยไปถึงสังขละก็ยังได้”

“คงอีกสักพักใหญ่ละมังฮะ” ชายหนุ่มเลยต้องตัดบทไว้เพียงนั้น

พลางตวัดนัยน์ตาไปทางสามสาว ก็เห็นยังคงก้มดูแผ่นน้ำเรียบกว้างที่แดดบ่ายกําลังทอลงไป แต่อากาศหนาวเย็นก็คลี่คลายความร้อนที่เมื่อถึงฤดูร้อนก็แทบจะเหมือนยืนอยู่ข้างเตาไฟ ให้คลายไปได้โดยสิ้นเชิง

ใบจันก้มดูน้ำอย่างตั้งใจ จนกระทั่งนาทีต่อมาจึงได้ยินเสียงคนต่างถิ่นพูดกับเอื้องอินทร์

“เราน่าจะลงแพแล้วจ้างเรือลากมั่งนะฮะ คงสนุกกว่าพายเองเยอะเลย”

“ทําไมถึงจะไม่ได้ล่ะ” นายโอกาสก็เลยหันมาตอบ “เดี๋ยวกลับไปจ้างเลยดีกว่า คุณดงจะได้สนุกๆ อุกล่ะ อยากพาน้องจันลงแพให้เรือลากไหม…ใครอยากลงยกมือขึ้น…หลายคนแพเดียวดีกว่า…”

“ไม่ลงหรอกค่ะ คุณลุง” ใบจันส่งเสียงโดยไม่หันมา “รอไปน้ำตกดีกว่า”

“ตกลง… เมื่อไหร่ดี” อีกฝ่ายรีบตอบรับ “ไม่พ้นอากาศหนาวเป็นดีสุดนะหนู จะได้ไม่ร้อน”

“แล้วค่อยคิดกันใหม่ดีไหมคะ” คราวนี้ผู้พูดยกศีรษะจากท่าก้มดูผืนน้ำเบื้องล่าง หันมาสบตากับนายโอกาสที่มีชายคนหนึ่งยืนถัดไป หากก็หันมามองพอดีเช่นกัน

นัยน์ตาที่ต่างก็ส่องแสงขุ่นขวางจึงสบกันราวกับนัด

เดินดงจึงรู้ทันทีว่า…ผู้หญิงคนนี้คงหมั่นไส้หรือเกลียดเขาเข้ากระดูก

เพราะดูเหมือนหล่อนจะไม่ยอมคลายความรู้สึกไม่ชอบหน้าแต่แรกพบมิรู้จักจบจนบัดนี้

มันเรื่องอะไรของหล่อนหนอ…ชายหนุ่มนึกในใจ

หรือว่า ‘ดวง’ หล่อนและดวงเขาไม่ ‘สมพงศ์’ กันอย่างแรง ตามคําของท่านพระครูที่เขียนไว้ในกระดาษในเชิงที่ว่า เขาจะพบอุปสรรคจากเพศตรงข้ามที่เป็นหญิงสวยโสภา

จะใช่หญิงก๋ากั่นผู้นี้หรือไม่ยังไม่มีคําตอบ

เฮ้อ…แต่ถึงอย่างไรก็จะต้องเดินหน้าสู้กับนาง

ไม่มีวันเสียละที่จะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาทําท่าข่มขู่กลายๆ ราวกับเขาต้องอาศัยใบบุญพ่อหล่อนกระนั้นแหละ

แม้แต่พี่ชายนางเอง ยังดีกับเขาตั้งแต่นาทีแรกที่เหยียบย่างเข้ามาบนทองผาภูมิแห่งนี้นี่นา

เขาก็เลยเรียกนายจัด

นั่นไง…นายนั่นผู้กําลังก้มดูน้ำหน้าหนาวเพลินอยู่ สลับกับถ่ายรูปไปมา ก็ยังรีบเดินมาหา

“ว่าไงคุณดง”

“จะลงต้นไม้เสร็จหรือเกือบเสร็จเมื่อไหร่ฮะ…จะได้ไปเที่ยวน้ำตกไปเดินป่าด้วยกัน”

“คงอีกเป็นเดือนๆ ละมังฮะ…ไปก่อนก็ได้…ไปกันหมดทุกคนใช่ไหม ผมจะได้วางแผนไว้เนิ่นๆ”

 



Don`t copy text!