ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 38 : สวรรค์บนดิน

ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 38 : สวรรค์บนดิน

โดย :

Loading

“ขุนเขาแมกไม้” นวนิยายเรื่องเยี่ยมในชุดโหราศาสตร์ ผลงานเรื่องล่าสุดของ ’กฤษณา อโศกสิน‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปีพุทธศักราช 2531 กับเรื่องราวของเดินดงและอิทธิพลของดาวเสาร์ที่มีต่อชีวิตของเขาได้ในอ่านเอา

ใกล้สองชั่วโมง รถสองแถวน้ำมันเต็มถังทั้งสองคันซึ่งขับอย่างระมัดระวัง ไม่รวดเร็วเกินไป ก็พานักท่องเที่ยวชุด ‘ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์’ มาถึงหน้าสถานีอำเภอปิล็อก อันมีสนามหญ้ากว้างขวางไว้ต้อนรับเต็นท์จากผู้คนที่มุ่งมาเอาบรรยากาศธรรมชาติต้นฤดูหนาวชนิดเนื้อติดดินติดหญ้า พร้อมบริการห้องน้ำห้องสุขาสะอาดสบายรายล้อมด้วยบ้านพักตำรวจ รวมทั้งร้านอาหารตามสั่งที่อยู่ทางด้านขวามือ

ทุกคนจึงทยอยลงไปสูดอากาศเย็นอันแวดล้อมด้วยขุนเขา เขียวสดใสด้วยแมกไม้สูงราวผนัง ทิ้งช่วงที่เป็นกลุ่มไม้เปลี่ยนสีให้แต่งแต้มความโรยร่วงเป็นกระหย่อม บอกกล่าวถึงความแตกต่างระหว่างกันและกัน

คนขับรถที่มีทั้งหมดสี่คน ต่างก็ช่วยกันขนเต็นท์จากรถบรรทุกสัมภาระลงมากองตรงที่เข้าไปจับจองต่อกันรวมสี่เต็นท์ เรียงกันอยู่เกือบกึ่งกลาง พยายามให้ห่างจากบ้านพักราชการ แต่ไม่ไกลไปจากห้องน้ำมากนัก

ครั้นแล้วจึงเริ่มช่วยกันปลดผ้าใบจากถุงออกมาปูพื้นตั้งเสา เพียงไม่นานก็เสร็จสิ้นทั้งสี่หลังด้วยความชำนิชำนาญ

สามสาวนอนด้วยกัน นอกนั้นเป็นของพ่อกับลูกชายสองคู่ กับของชายหนุ่มและคนคู่ใจ

“คุณเอื้องชอบไหม” เดินดงเลี่ยงไปไต่ถามขณะที่นายอุกกาเคลียคลออยู่กับใบจันไม่ยอมห่าง

“ชอบมากค่ะ” หญิงสาวมองไปรอบๆ อย่างตื่นตาตื่นใจในสถานที่และไออากาศแปลกใหม่ ขณะที่คนขับรถเดินมาบอก เลยหยุดฟัง

“ตรงนี้ วิวอาจอับไปหน่อยนะฮะ เพราะมีแต่บ้านพักล้อมอยู่ ถ้าอยากชมวิวทิวเขาตะนาวศรีเต็มๆ ก็ไปดูได้ครับ เดี๋ยวผมพาไป” ลูกน้องน้าอำไพชี้แจงเพื่อให้รับรู้ “แต่พี่ไพว่า เอาปลอดภัยใจสบายไว้ก่อน ถ้าอยากไปชมที่อื่นก็ไป ไม่ถึงกับต้องค้าง”

“ดีแล้วไอ้น้อง ดีกว่า” นายโอกาสไม่ว่ากระไร เพราะมาคราวนี้ มิได้มา ‘เอาวิว’ แต่มา ‘เอาวิน’

“อีต่องนี่ชื่อแปลกดีนะฮะ” เดินดงหันมาเอ่ยกับนายจัดผู้ยืนอยู่ข้างบิดา มองดูดินฟ้าอากาศโดยรอบอย่างคนไม่เคยมา ชวนให้เขาแปลกใจอยู่เหมือนกัน

“อยากไปชมวิวที่เนินเสาธงไหมฮะ” คนขับรถหนึ่งในสี่ที่ดูจะเป็นหัวหน้า ช่ำชองงานต้อนรับผู้มาเยือนเข้ามาถาม “เที่ยงค่อยกลับมาทานอาหาร บ่ายไปน้ำตก ดีไหมฮะ”

“เนินเสาธงเป็นยังไง” เจ้ามือใหญ่ซักเพราะตนเองก็ไม่เคยมา เนื่องด้วยส่วนใหญ่ เขาจะวนเวียนพาแขกของเขาไปเยือนเขื่อนศรีนครินทร์ น้ำตกไทรโยคน้อย ไทรโยคใหญ่ น้ำตกเอราวัณซึ่งไปง่ายมาง่าย มากกว่าจะดั้นด้นฝ่าภูเขาเกือบสี่ร้อยโค้ง มาถึงตรงนี้

“เป็นพรมแดนไทย-พม่าไงฮะ จากนี่ก็แค่กิโลเดียว”

“อ้อ…ถ้างั้นก็ไปซิ…” เขาบอกพลางหันมาถามผู้ที่ยังคงยืนคุยกัน

นายอุกกากับใบจันนั้นเสมือนต่างก็คุมตัวกันและกันไม่ยอมห่าง

เดินดงเหลือบดู ก็เห็น ‘นางยักษ์’ กอดอกพร้อมย่ำเท้าขึ้นลงพลางชม้อยชม้ายคล้ายเอาแต่จะสบสายตาหวานฉ่ำให้อีกฝ่าย ไม่ยอมเลิกรา

ชวนให้นึกหมั่นไส้สุดขีด

แต่ก็ต้องหันไปตอบนายโอกาส

“ไปซีครับ มาทั้งทีแล้ว ที่ไหนน่าไปก็ไปเลย เรามีเวลาเหลือเฟือ”

“ที่สำคัญก็คือ เขาต้องพาเราไปเที่ยวน้ำตกด้วย” เจ้ามือใหญ่ยังคงกระปรี้กระเปร่ามิสร่างซา เอาแต่เหลือบแลไปทางลูกชายอย่างใส่ใจในรักที่กำลังก้าวไปข้างหน้า

มาคราวนี้ ฝ่ายหญิงทำท่าพร้อมตบมือด้วยกัน

ดังนั้นก็จำเป็นต้องดูแลใส่ใจจนส่งนายอุกกาขึ้นฝั่ง

“น้ำตกจ๊อกกระดิ่นใช่ไหม” นายโอกาสหันไปทางคนขับรถ

“ใช่ครับ” อีกฝ่ายพร้อมสรรพที่จะให้คำตอบโดยละเอียดทุกๆ ย่างก้าว

“คุ้นแต่ชื่อ ไม่เคยมา”

 

เนินเสาธง’ อยู่ห่างจากบ้านอีต่องราว 1 กิโลเมตร ที่จริงก็คือพรมแดนไทย-พม่านั่นเอง จึงนับว่า ณ บัดนี้ ทั้งคณะเดินทางมาชมทะเลหมอกบริเวณชายแดนใกล้ช่องทางหินกองที่มีเนินสูงอันเป็นที่ปักธงไทย-พม่า สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์ได้สบายๆ

บัดนี้ นอกจากกลุ่มหมอกขาวนุ่มอันลอยละล่องอยู่ตรงหน้าเป็นกลุ่มๆ กลางนภากาศเวิ้งว้างแล้ว ก็มีแต่ขุนเขาแมกไม้ล้อมเป็นวงอยู่ไม่ไกล

“สวยจังเลยนะพี่อุก” เสียงลูกสาวเจ้าของไร่ใหญ่ดังใสๆ อยู่ไม่ห่าง

ขณะที่เดินดงก็เดินเคลียคลออยู่กับเอื้องอินทร์และเชียงคำ

ทุกคน…มิว่าหนุ่มสาวหรือสูงวัย…ต่างก็ทำท่าหลงละเมอยืนกอดอก มองฟ้าที่มีไอหมอกนุ่มๆ คล้ายกลุ่มผ้าสำลีที่ปูลาดอยู่รอบกาย ไปสู่แมกไม้อันรายล้อมอยู่ตรงโน้น

“สบายมาก” นายจังสูดอากาศดังๆ…ทั้งสบายจริงและสบายเล่น ขณะคอยเหลือบมองลูกสาว เนื่องด้วยเขาเอง…แม้ว่าพอจะรู้ใจ…แต่บางเวลานาทีก็เสมือนไม่รู้ แม้เป็นพ่อลูกกันมายี่สิบกว่าปี ก็ใช่ว่าจะล่วงรู้ถ้วนถี่ถึง ‘ความรู้สึก’ ลึกตื้นที่เจ้าตัวซ่อนไว้

ไม่เหมือนนายจัด…คิดอะไร…อย่างไร…เขาสามารถล่วงรู้ได้ง่ายและรวดเร็วโดยไม่ต้องรอคอย

“อุกชอบไหมที่นี่” พ่อของหญิงสาวพยักพเยิดไปยังเมฆาสีควันอ่อนอันห่อหุ้มบางตอนด้วยเมฆกำมะหยี่สีสะอาด

มีเต็นท์กลางแจ้งมาเช่าที่กางนอนหลายหลัง นักท่องเที่ยวทั้งไทย ฝรั่ง และเอเชียทั้งที่มานอนเต็นท์ และที่เช่ารีสอร์ตหรูอยู่สบายใกล้ๆ เนิน ต่างก็เดินขวักไขว่ไปมา สูดอากาศหนาวเย็นอย่างทอดอารมณ์ ช่วยให้เนินเสาธงดูอบอุ่นอ่อนโยน

หากท้องฟ้าเปิดเมื่อใด ก็จะสามารถแลเห็นไกลไปจนถึงอ่าวเมาะตะมะของพม่าได้ไม่ยาก

“ผมว่า…เราเดินเล่นอยู่แถวนี้จนถึงเย็นถึงค่ำไปเลยจะดีกว่าไหมครับ” คนขับรถเดินมาถามเมื่อเห็นว่า นี่ก็บ่ายสองแล้ว กว่าจะไป กว่าจะกลับก็อาจถึงค่ำ ซึ่งนับว่าไม่เหมาะต่อการเดินทาง

“ก็ดีนะ” นายโอกาสนิ่งนึกพร้อมพยักหน้า

ฝ่ายนายจังยังคงมีเสียงท่านพระครูที่เคยบอกเขาว่า

‘ไม่ต้องห่วงไปหรอกจัง มันต้องถึงวันของเขาจนได้ วันที่เลือดตกยางออก’

หากแต่เขาก็ไม่มีโอกาสซักต่อ เนื่องด้วยท่านมีแขกมาขอพบพอดี

คำของท่านก็เลยยังติดหูอยู่จนถึงทุกวันนี้

ที่จริงก็ยังแลไม่เห็นเรื่องที่จะเกิดสักเท่าไร

ก็ดูนั่นชี ทั้งลูกสาวเขาและนายอุกกาทำท่าราวกับอยู่ด้วยกันแค่สองคนบนเนินเสาธงงั้นละ

แม้มีนักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่อยู่ตรงนี้ ตรงนั้น ตรงโน้น…ก็ทำท่าคล้ายไม่มีใคร

“จังล่ะ ว่ายังไง”

“พรุ่งนี้ไปตะเช้าดีกว่า น่าจะสะดวกกว่านะ” นายจังก็เลยเห็นด้วยว่า การไปเที่ยวน้ำตกควรไปตอนเช้า…จะได้ระรื่นชื่นบานนานชั่วโมง ดีกว่าไปบ่ายใกล้เย็น หรือถึงค่ำที่อาจพบเจอความไม่สะดวกหลายอย่าง

คนขับรถจึงรีบตอบรับเห็นด้วย เนื่องจากน้าอำไพกำชับกำชาคนของเธอให้ตามใจผู้ว่าจ้าง การมาคราวนี้จึงยึดหลักตามคำสั่งของผู้ว่าจ้างมากกว่ายึดตารางเวลาของผู้รับจ้าง

“ดีเลย…” พ่อของลูกชายผู้ขณะนี้ ไม่ยอมสนใจเรื่องใดของใคร ไม่ได้ยินเสียงทุกเสียงนอกจากเสียงของหญิงสาวผู้กำลังคลอเคลียอยู่ไม่ห่างเพียงหนึ่งเดียว

เชียงคำก็เลยเปรยดังๆ

“อื้อฮือ…มาคราวนี้ เราก็เพิ่งรู้นะว่า โลกนี้มีคำว่าสวรรค์”

นั่นก็เนื่องด้วยอีกข้างหนึ่งนั้น เดินดงก็กำลังเคลียคลอกับเอื้องอินทร์ ชี้ชวนให้กันและกันชมทัศนียภาพท่ามกลางสายหมอกแสนไกล ที่จับกันเป็นกลุ่มๆ ราวสไบเบาบางโอบพันสองไหล่นางงามอันได้แก่แมกไม้เขียวขจี

“มีจริงๆ ด้วยนะฮะ” เดินดงเอ่ยตอบพร้อมส่งสายตามีความหมายมายังผู้ที่เดินเคียงกายอยู่กับเขา “คุณเอื้องว่ามีไหม”

“มีค่ะ…” สาวสวยจากเพชรบุรีตอบเบาๆ พร้อมยิ้มละไมด้วยใจเขินอาย

หล่อนใกล้จะรักหรือรักชายคนนี้แล้วหรือยัง…มิอาจรู้

แต่สายตาอีกคู่ที่มองมาพร้อมอารมณ์สนุกของเก่งนั่นสิ…ที่รู้ดี

ด้วยว่ามีเสียงฮัมในลำคอเป็นเพลงฮิตของนนท์-ธนนท์

นายจัดจึงแกล้งยั่ว

“ถ้างั้นมาตั้งวงดนตรีกันดีไหม”

“เอาเลยฮะ” เก่งร้องมาจากริมขอบเนินอันลอยเด่น แลเห็นชายแดนไทย-พม่ารำไรผ่านละไอหมอกเมฆยามบ่าย แต่ด้วยอากาศเข้าเขตหนาว ฝนที่เคยโรยละอองลงมาพร้อมความเย็น คงทิ้งช่วงจึงหายไป ช่วยให้เนินเสาธงกลายเป็นผืนแผ่นแห่งพิภพที่พาทุกคนมาเสพความเลื่อนลอยหลงใหลอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ไม่อยากจากไปด้วยคำอำลา

 



Don`t copy text!