ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 40 : อุบัติเหตุ!!

ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 40 : อุบัติเหตุ!!

โดย :

Loading

“ขุนเขาแมกไม้” นวนิยายเรื่องเยี่ยมในชุดโหราศาสตร์ ผลงานเรื่องล่าสุดของ ’กฤษณา อโศกสิน‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปีพุทธศักราช 2531 กับเรื่องราวของเดินดงและอิทธิพลของดาวเสาร์ที่มีต่อชีวิตของเขาได้ในอ่านเอา

ภายใต้สายน้ำจากหน้าผาคือแอ่งหินค่อนข้างกว้าง น้ำทุกหยดหยาดเทจากที่สูงลงมารวมกันให้นักเดินทางลงเดินลุย หรือมิฉะนั้นก็อาจจะถึงกับแหวกว่าย ถ้าไม่เกรงความเย็นเฉียบเสียบผิวกาย

นายอุกกาเช้าวันนี้เสมือนมีโลกทั้งโลกโอบกอดขณะสอดแขนเข้ากับใบจัน แม้เสื้อยึดตัวหนาแขนยาวจรดข้อมือของสาวสวยจะช่วยให้เนื้อหนังไม่ถึงกับเสียดสีกันและกัน แต่เดินดงก็อดพรึงพรั่นสั่นไหวไปด้วยมิได้

ใครว่าหล่อนเจ้าระเบียบไว้ตัว

ก็ดูซินี่..ดู ดู ดู..หรืออาจรู้ก็ได้ว่ามีคนมอง จึงทำท่าทุกนาทีชวนเสียวไส้ ด้วยว่าศีรษะเอนไปมาเข้าหานายนั่น อย่างให้คนตามหลังรู้สึกว่า..ลึกๆ แล้ว ฉันนั้นคือฉันใด

น่าแปลกที่เขาไม่เคยนึกเลื่อมใสหญิงนี้..ด้วยรู้สึกแต่เพียงว่า..เป็นหญิงที่สุดแสนจะมั่นใจในคุณภาพของตนเองจนเกิดอาการเหยียดเย้ยผู้อื่นอยู่เสมอ

แม้ขณะที่มาปล่อยอารมณ์ความรู้สึกท่ามกลางสายน้ำและทะเลหมอกก็มิเว้น

“ท่านทั้งหลายครับ” เสียงหัวหน้าคนขับรถหรือแท้จริงก็คือหัวหน้านำทัวร์ร้องเตือน “ลงน้ำก็ได้นะฮะถ้าไม่หนาว แต่ถ้าลุยออกไปถึงที่ลึกก็ต้องระวังหน่อยนะครับ”

มีโขดหินเล็กหลายก้อนโผล่ขึ้นเป็นระยะก่อนถึงแอ่งน้ำกว้างสีฟ้าอมเขียวอันรองรับสายน้ำที่กำลังหลังหลังไหลลงมาจากขุนเขาแมกไม้ใหญ่ตรงหน้า แลเห็นเป็นแพสะพรั่ง

มีหลายคนลงไปลอยคออยู่ก่อนแล้วตรงสุดแอ่งลึก เพราะอยากได้ละไอจากแพน้ำที่กำลังเทลงมาจากหน้าผาชัน โดยบางคนมีมือกล้องจากขอบอ่างคอยเก็บภาพไว้ให้

เดินดงยังคงยื่นแขนซ้ายให้เอื้องอินทร์เกาะ โดยมีสายตาหลายคู่จากเบื้องหลังคอยมองจ้องแกมดูแลระวังระไว จนท้ายที่สุดนายจัดผู้เปลี่ยนใจไม่ถอดเสื้อกางเกงก็เอ่ยขึ้น

“คุณเชียงมาจับแขนกะผมก็ได้นะฮะ..รับรอง..จะไม่ทำให้คุณลื่นหกล้มแน่ๆ”

“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ ขอบคุณ” เชียงคำก็แค่เอี้ยวตัวตัวนิดหนึ่ง

หล่อนน่ะหรือ จะต้องพึ่งชายเหล่านี้

แม้แต่เอื้องอินทร์ก็เถอะ

ใบจันนั่น ต้องปล่อยไป..เนื่องด้วยในยามนี้ หล่อนมอบหมายให้เพื่อนเป็น ‘นางเอก’

เมื่อคืน ตอนนอนอยู่บนฟูกแสนสบายภายในเต็นท์ด้วยกันสามคน หล่อนยังบอกเพื่อนเลยว่า

“พร่งนี้ จันแสดงเต็มที่เลยนะ ไม่ต้องกลัวว่าเพื่อนจะไม่เชื่อ ”

ใบจันยังถึงกับหัวเราะกิ๊กเลยทีเดียว ชอบใจในน้ำเสียงมีความหมายอันบ่งบอกถึงความ ‘ทันกัน’

ดังนั้น สายวันนี้ ตรงหน้าโขดเขินเนินไศลที่ดูราวกับหินทุกก้อนกำลังเจรจาพาทีอยู่กับน้ำจากที่สูงตรงโน้นเป็นเชิงหารือกัน..ว่า..จะเอายังไงกับคู่รักคนสำคัญผู้กำลังเกาะแขนจับจับจูงกันประหนึ่งชักช้อมไว้เพื่อเตรียมตัวไปเข้าขบวนแต่งงาน

แม้กระนั้น ก็ยังมีเสียงบิดาของเจ้าบ่าวร้องบอก

“อุก..ระวัง..พาน้องเดินดีๆ ลูก”

นายจังเองก็มิรู้จะทำอย่างไร..จะรีบเดินแซงนายจัดไปดึงเอาลูกสาวมาไว้ ก็มิอาจทำได้ ด้วยว่าจะเหมือนเข้าไปยุ่งกับเรื่องราวของสาวหนุ่มโดยมิใช่กิจของตน

เดินดงได้ยินแล้ว.. ดังนั้น แทนที่จะหันมามองแขนสาวบนแขนตน กลับมัวจ้องที่แขนนายอุกกาที่มีแขนไบจันคล้องไว้

ท่าทางหละหลวมจนน่าเสียวไส้เหลือประมาณ

ครั้นแล้ว ในที่สุด นายอุกกาก็พาหญิงสาวเดินลุยลงไปสู่แอ่งหินกว้าง..ด้วยหวังจะข้ามไปอีกฟากจนกระทั่งใกล้น้ำตกที่สุดให้จงได้

ใบจันเองก็ทำท่าชอบใจ

ครั้งหนึ่ง หล่อนเหลียวมามองข้างหลัง ครั้นพบสายตาบางคนกำลังจับจ้อง ก็เลยหันกลับโดยแรงคล้ายสะบัดหน้า พลางเอนศีรษะเข้าหานายอุกกาพร้อมบอกอย่างอ่อนหวานหลังจากต่างก็ถอดเสือกางเกงตัวนอกออกพาดไว้กับโขดหินแห้งเหนือแอ่งน้ำ

“พี่อุก..เราไปขึ้นที่โขดข้างน้ำตกได้ใช่ไหม มีที่ให้นั่งไหมคะ” เสียงนั้นช่างอ่อนหวานจนน่าหมั่นไส้

“ทำไมถึงจะไม่ได้ล่ะน้อง” เจ้าอุกหรือจุกเพราะอิ่มก็พอกัน รับ-ส่งกันพอเหมาะพอเจาะจนเดินคงเริ่มคัน

อยากชกหน้ามันเบาะๆ สักเปรี้ยง

ขณะที่ผู้พูดก็ทำตามความอยากโลดโผนของตนเอง โดยพากันเดินลุยลงไปจนไปลอยคออยู่ด้วยกัน ณ บริเวณที่ลึกกว่าเมื่อครู่..พอที่จะสัมผัสกับสายน้ำกว้างที่กำลังกระโจนลงมาดังซ่าติดต่อกันไป

ชายหนุ่มก็เลยถามเอื้องอินทร์

“คุณเอื้องอยากไปว่ายตรงโน้นไหมฮะ”

หญิงสาวผู้กำลังเกาะแขนเขาได้แต่มองตามเพื่อนหญิงจึงนิ่งนิ่งคิด

ในที่สุดก็ตอบว่า

“อย่าไปดีกว่าค่ะ”

เชียงคำก็เลยพยักหน้าเห็นด้วย ขณะที่นายจังนายจัดเอาแต่ยืนพิงโขดหินเล็กที่โผล่อยู่คนละโขด เพียงเพื่อจับตาดูใบจันว่าจะแสดงบทบาทสำคัญได้เนียนเพียงไหน

‘นี่มันกะจะเอาเขาจริงรึป่าว’ นายจังย้ำคิดย้ำทำอยู่ในใจ

แต่นายโอกาสก้าวออกไปยืนแช่อยู่ตรงบริเวณน้ำตื้น คอยเป็นกำลังใจให้ลูกชาย โดยส่งเสียงเป็นระยะ

“อุก จะพาน้องไปถึงไหน ตรงนั้นมันมีที่นั่งไหม”

ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ด้วยว่าทั้งคู่พากันลอยคอไปขึ้นฝั่งที่คือส่วนหนึ่งของหน้าผา ถัดสายน้ำตกที่กำลังพุ่งซ่าออกไปทางขวามือ

“หนาวไหม” นายโอกาสยังคงส่งเสียงทั้งๆ ตนเองก็หนาว แม้จะมีแจ็กเกตและเสื้ออุ่นสวมใส่ จึงเป็นห่วงลูกชายว่าถอดทั้งเสื้อและกางเกงออกหมด เหลือแต่กางเกงยึดและเสื้อยืดตัวใน “หนูล่ะ”

ไม่มีเสียงตอบกลับมา

แลเห็นแต่สองร่างกำลังก้าวขึ้นจากแอ่งน้ำลึกขวามือที่มีหินภูเขาเบียดกันอยู่แชมด้วยพงหญ้าพาไต่ขึ้นไปบนสันภูผา

ดูจากขอบอ่างตรงนี้ ก็ราวกับใบจันนั่นเองคอยชี้ชวนให้อุกกาพาขึ้นไป ไต่จากนี่ ไปนั่น ไปโน่น

“อุก ระวังดีๆ ดูน้องด้วย” นายโอกาสยกมือขึ้นป้องปาก

นักท่องเที่ยววันนี้ยังคงบางตา อาจยังอาลัยที่นอนอุ่นภายในเต็นท์หรือในรีสอร์ทสุขสบายที่อยู่ในตัวอำเภอ

แต่ยังมิทันได้ถอนหายใจตามหลัง ก็ได้ยินเสียงหวีดร้องก้องมาจากหน้าผาที่อุกกากับใบจันเพิ่งปืนขึ้นขึ้นไป

“น้องจัน” นั่นคือเสียงเรียกดังลั่นจากฝ่ายชาย “น้องจัน.. น้องจัน”

เท่านั้นเอง ทุกคน..ต่างก็ตื่นตะลึง

“ช่วยด้วยพ่อ” เสียงนายอุกกาดังมาจากตรงโน้น..ตรงสันภูสูงอันมีแมกไม้บดบัง

“จัด คุณดง” เสียงนายจังดังกังวาน นักท่องเที่ยวสี่ห้าคนที่กำลังเดินลุยและลอยคอต่างก็ได้ยิน หากก็แลไม่เห็นคนต้นเหตุ จึงยังคงลอยคอต่อไป ขณะที่ทั้งนายจัด เดินดง เก่ง รีบถอดแจ็กเกต กางเกงหนาตัวนอกออก ลุยน้ำข้ามแอ่งกว้างไปด้วยกัน โดยนายจัดกับเก่งว่ายตามหลัง

“คุณดง ช่วยน้องผมด้วยนะฮะ” พี่ชายของหญิงที่เขาไม่ชอบหน้าบอกเบาๆ อย่างวิงวอน

“ช่วยครับ ไม่ต้องกลัว” เขาก็เลยตอบอย่างรักษาน้ำใจ เมืองด้วยทั้งนายจังนายจัดมีไมตรีกับเขาตลอดมา แม้จะแกมด้วยผลประโยชน์ ก็ต้องนับว่าคือธรรมดาของธุรกิจ

นายจัดถึงกับยกมือพนมวางลงบนบ่าชายชาวกรุงทันใด เมืองด้วยรู้ดีว่าลำพังตนเองคงช่วยน้องสาวไม่ไหว

ต่อจากนั้น ต่างก็ลงไปลอยคอผ่านแอ่งกว้างจนได้ปีนขึ้นไปบนหน้าผา

พบนายอุกกาและใบจันนั่งอยู่บนพงหญ้า พิงโขดหินใหญ่ เหยียดขาออกมาทั้งสองข้างพลางโอดโอย

“น้องจันหกล้ม” นายอุกกาบอกกล่าว น้ำตาเต็มตา พลางลูบขาในกางเกงยึดสีเทาจรดข้อเท้าของหญิงสาวไปมาอย่างหมดปัญญาจะช่วยได้

เดินดงจึงถามก่อน

“ปวดมากหรือฮะ..หกล้มยังไง คุณจัดแบกคุณจันลงไปได้ไหมฮะ..เอาเธอพาดบ่า”

ใบจันยังคงชาไปทั้งร่าง ทั้งๆ มั่นใจแล้วทีเดียวว่าต้องปืนเขาขึ้นไปได้ ไปดูต้นน้ำว่ามาอย่างไรไปอย่างไร ด้วยว่าเริ่มรู้สึกสนุก..สนุกเองปนสนุกยั่ว ทั้งยั่วนายอุกกาและยั่วใครบางคนที่หล่อนหมั่นไส้ทีท่าของเขา

แต่ก้าวที่หละหลวมก้าวเดียวก็พาหล่อนหล่นลงมาจากโขดนั่น ข้อเท้าซ้ายหักทันใด ไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้

“น้องเจ็บตรงไหน” นายจัดถามขณะดึงแขนใบจันให้ยืดขึ้นขึ้น แต่ก็ไม่ไหว

เดินดงก็เลยบอก

“เอ้า..ผมช่วยส่งขึ้นพาดบ่านะ คุณจัด..เก่ง ช่วยคุณจัด”

“ดีๆ นะ” นายอุกการ้องดังอย่างเจ้าข้าวเจ้าของ “กลัวจะพากันหล่นลงเขาน่ะซี”

เดินดงก็เลยจ้องหน้า

“ตกลงจะให้ทำยังไงล่ะฮะที่ดีที่สุด..บอกมา..ผมช่วย” น้ำเสียงของเขาห้วนสั้นเด็ดขาด

คนส่งเสียงสั่งเมื่อครู่เองก็งง เพราะตลอดชีวิตเป็นต้นมา ตนเองก็ตกอยู่ในฐานะ ‘คุณหนู’ เช่นกัน นั่นก็คือไม่เคยทำสิ่งใดที่สำคัญด้วยตนเองแม้แม้แต่หนึ่งครั้ง เพราะทุกครั้ง ไม่พ่อก็แม่ ไม่แม่ก็บริวารจะช่วยกันจัดการให้เสร็จสรรพ

“หาทางอุ้มน้องจันให้พาดบ่า..เอ้อ..คุณจัดให้ได้ก่อนก็ดี”

“คุณอุ้มซีฮะ” ชายชาวกรุงบอกพลางยิ้มด้วยสายตา ด้วยว่าเกิดนึกสนุกแว่บขึ้น “ดีไหมผมกับคุณจัดจะช่วยส่งขึ้นบ่า..เก่ง..แกคอยระวัง”

คราวนี้ได้ผล เพราะผู้ฟังเริ่มไม่แน่ใจเมื่อเหลือบมองหินผาทั้งเล็กและใหญ่ที่มีพงหญ้าล้อมรอบ ไร้เส้นทางตรงที่จะแบกคนทั้งคนลงจากสันเขา

“ผมเหรอ” นายอุกกาถามเหมือนเสียงคราง

“ถ้าไม่ใช่คุณก็ต้องเป็นคุณจัด”

“คุณจัดดีกว่า..ผม..ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ เดี๋ยวพาน้องร่วงลงไปทั้งคู่ จะแย่กว่า”

“ตกลง..” เดินดงพยักหน้าพลางก้มลง ดึงแขนข้างหนึ่งของหล่อนให้โอบต้นคอเขา

แต่เก่งก็มิกล้าแตะต้องหญิงสาว

 

 



Don`t copy text!