ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 41 : รู้ซึ้งถึงน้ำใจ

ขุนเขาแมกไม้ บทที่ 41 : รู้ซึ้งถึงน้ำใจ

โดย :

Loading

“ขุนเขาแมกไม้” นวนิยายเรื่องเยี่ยมในชุดโหราศาสตร์ ผลงานเรื่องล่าสุดของ ’กฤษณา อโศกสิน‘ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ประจำปีพุทธศักราช 2531 กับเรื่องราวของเดินดงและอิทธิพลของดาวเสาร์ที่มีต่อชีวิตของเขาได้ในอ่านเอา

ใบจันโอบคอเขาอย่างว่าง่าย ฤทธิ์เดชที่มีอยู่หายวับไปราวกับเสกเป่า นั่นก็เนื่องด้วยในยามนี้ ข้อเท้าของหล่อนไร้แรงยืน แม้จะชามากกว่าเจ็บ ก็ราวกับข้อต่อหายไป..ดังนั้น..ใครก็ได้..ถ้า..สามารถพาหล่อนลงจากภูเขาข้ามแอ่งสีฟ้าอมเขียวกลับไปจนถึงที่แห้งริมขอบน้ำได้ ก็ต้องขอบคุณไปจนวันตาย

นายอุกกาผอมบาง นายจัดผู้พี่ชายก็มิใช่คนร่างใหญ่แข็งแรง..ก็..ก็น่าจะมีชายคนเดียว ณ ที่นี้ที่สูงตรง ข้อลำดูล่ำสันทะมัดทะแมง แว่วๆ ว่าเจ้าตัวเป็นนักกีฬา ชอบว่ายน้ำแข่งขัน เคยชนะทั้งว่ายน้ำ วิ่งทนอะไรพวกนั้นมาแล้ว แม้การเล่าเรียนเขียนอ่านจะไปไม่ถึงไหน เนื่องด้วยแวะเวียนไปเอาการอย่างอื่นมาไว้ในตัวตน เจ้าตัวก็ไม่สนใจ จึงได้พาชีวิตล้มเหลวมาอยู่ตรงนี้ ชั่วโมงนี้

ทั้งนายจัดและนายอุกกาไม่มีทางจะพึ่งพาตนเองได้ นอกจากผลักภาระอุ้มใบจันให้เดินดงรับไป

“เอ้า..น้อง..ขึ้นไปอยู่บนหลังคุณดงให้ได้ละกันนะ ทนปวดเอาหน่อย..ปวดไหม”

หญิงสาวไร้เรี่ยวแรงใดๆ จะตอบโต้ ก็ได้แต่กัดฟัน กอดคอเขาไว้แน่น ขายกขึ้นทั้งสองข้างให้ชายหนุ่มเกี่ยวไว้ด้วยพลังแขนอันแข็งแกร่งของนักกีฬา

พาไต่ลงจากซอกภูผาที่มีแพน้ำขาวใสเทซูๆ อยู่ขวามืออย่างค่อยๆ ไต่ค่อยๆ ก้าว เรียกได้ว่าตั้งแต่เกิดมาเป็นตัวตน ไม่เคยเลยที่จะต้องพาใครมาขี่คอล่อแหลมเสี่ยงกลิ้งลงไปตายถึงเพียงนี้

มิหนำซ้ำ ยังเป็นสาวศรีสาวสวยที่ไม่กินเส้นกันอีกต่างหาก

ชายหนุ่มนึกเยาะหยันอยู่ในใจขณะค่อยๆ ก้าวทีละคืบลงไปตามหินขรุขระที่ฝังแน่นอยู่หว่างกอหญ้าความชื้นแฉะจากฝอยน้ำกับสายหมอกบางๆ ล้อมหน้าผาไว้ ทางชันจนน่าตกใจ แล้วนี่หล่อนจะรู้หรือไม่ว่าตนเองเป็นคนก่อเรื่องที่ไม่ควรร้ายให้กลายเป็นความลำบากของชายถึงสามคน ทั้งๆ ที่เขาเองไม่ควรต้องเข้ามาเป็นธุระขนาดนี้

แต่ก็ยังดีที่คล้ายกับหล่อนจะรู้สึกตัว จึงแนบร่างนิ่งอยู่กับแผ่นหลังของเขา แขนกระหวัดบ่าไว้แน่น คงกลัวตัวเองจะร่วงลงไปเหมือนกัน เดินดงนึกในใจขณะค่อยๆ ก้าวย่างแทบจะลืมหายใจ โชคดีที่ความอุตริของหล่อนพาขึ้นไปไม่สูงมาก

นายอุกกากับนายจัดค่อยโล่งอกขึ้นทันใด จึงตามมาติดๆ อย่างค่อยๆ ย่างค่อยๆ ก้าว จนกระทั่งถึงขอบอ่างน้ำใสเบื้องล่าง มีเก่งคอยระแวดระวังแทนทุกคน

ความชาเริ่มจางลง เปลี่ยนเป็นปวดข้อเท้าอย่างรุนแรงจนหล่อนต้องครางออกมา

“เดี๋ยว..ทนเอาหน่อย จวนถึงแล้วฮะ” ชายหนุ่มปลอบโยน ที่รู้สึกสมน้ำหน้าอยู่บ้างเมื่อครู่เทือดหาย ครั้นมองข้ามแอ่งน้ำไปก็พบสายตานายโอกาสกับนายจังกำลังมองมา เชียงคำกับเอื้องอินทร์ทำท่าตกใจยิ่ง

“เป็นอะไรมากไหมจัน” เชียงคำร้องถาม

ไม่มีใครมีแก่ใจจะตอบกลับ

เดินดงได้แต่ตั้งอกตั้งใจพาหล่อนลอยคอข้ามแอ่งใหญ่มาจนถึงโขดหินบนที่แห้ง วางหล่อนให้นั่งลง ห้อยเท้าไว้ เชียงคำช่วยเก็บเสื้อกางเกงตัวนอกที่วางพาดอยู่บนโขดใกล้ๆ ให้เพื่อน

“เป็นอะไรมากไหมลูก จัน”

น้ำตากำลังรินลงมาเป็นทางบนร่องแก้มของหญิงสาว ความปวดร้าวทวีขึ้นตามลำดับ

หัวหน้าทัวร์ก็กำลังกระวนกระวายจึงได้แต่ถาม ท่ามกลางความห่วงใยร่วมกันของนักท่องเที่ยวหกเจ็ดคน

“ไปโรงพยาบาลเลยดีไหมฮะ เป็นอะไรมากไหม”

“น่าจะมากนะฮะ” เดินดงช่วยตอบพร้อมกับตัดสินใจ “ไงๆ ก็ต้องถึงมือหมอ”

“ไปได้ครับผม” หัวหน้าคนขับรถตอบเร็วเพราะเขาเองก็กำลังตกตะลึง “แต่ต้องแบกคุณผู้หญิงไปอีกไกลนะฮะกว่าจะถึงรถ”

ทุกคนฟังแล้วรู้ว่าใช่ จึงต่างก็ถอนใจดัง

เอื้องอินทร์ได้แต่ลูบไหล่เปียกๆ ของเพื่อนเบาๆ อย่างคาดไม่ถึงว่า เพียงไม่กี่นาที ใบจันก็ตัดสินใจทำสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝัน จะว่ายั่วนายอุกกาหรือก็ไม่ถึงกับใช่..ถ้าเช่นนั้นยั่วใคร

เหตุไฉนจะต้องยั่ว..ในเมื่อตัวเองก็เอาแต่หมั่นไส้ชังน้ำหน้า

นี่ก็เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวโดยแท้

ใคร้จะอุตริปืนขึ้นไปบนโขดเขาข้างน้ำตก..อาจจะมีคนเคยปืนบ้าง แต่ก็คงแค่เตี้ยๆ ตามขอบอ่างที่ไม่สูงเกินควร เอื้องอินทร์ได้แต่นึกติติงในใจ..แกมด้วยสงสัยเป็นที่สุด

แต่ทุกคนก็จำต้องอำลาน้ำตก หันหลังกลังกลับ ออกเดินตามกันไป

หัวหน้าทัวร์ได้แต่หันมาดูแลห่วงใยเดินดงเป็นระยะ พลางบ่น

“ผมนึกไม่ถึงว่าจะเกิดเหตุ ไม่งั้นก็เอารถเข็นมาด้วย คุณผู้หญิงคงสบายกว่านี้ คุณผู้ชายจะได้ไม่ต้องแบกหนัก”

ขากลับนี้ ขบวนเจ้าของไรใหญ่ก็เลยกลายเป็นริ้วขบวนของภาพไม่สมประกอบประดับทางเดินเหยียดยาว

กว่าจะถึงรถที่จอดอยู่หน้าทางเข้าก็อีกพักหนึ่ง เป็นพักใหญ่ๆ ที่แม้อากาศจะดีเพียงใด ก็มิวายโซซัดโซเซกันถ้วนหน้า

ใบจันร้องไห้ตลอดทางบนบ่าของเขา เดินดงได้ยินเสียงกระซิกจากแผ่นหลัง หล่อนคงถือโอกาสใช้แจ๊กเกตของเขาขับน้ำตารวมทั้งน้ำมูกด้วย..ดีจังเลยคุณนาย..เขาได้แต่นึกในใจ..แต่ก็..ไม่ยักกะโกรธ แม้แต่หมั่นไส้..ยิ่งได้ยินเสียงครางเบาๆ ก็ยิ่งเอาใจช่วยไม่ให้กระดูกหัก ขอแค่ร้าวเบาะๆ ก็พอ

เพราะนี่อาจเป็นการลงโทษทางอ้อมของเจ้าป่าเจ้าเขาประจำอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิก็เป็นได้…เดินดงนึกเลยไปไกล..คงเนื่องด้วยพ่อแม่เขามักถ่ายทอดไม่ให้ลบหลู่ดูหมิ่นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเองมองไม่เห็น

ดีเหมือนกัน

ความเย่อหยิ่งของหล่อนจะได้ถูกลงโทษ

เมื่อพ่อแม่พี่ชายหรือใครต่อใครไม่กล้ายุ่งเกี่ยว จึงทำให้หล่อนเคยตัว พกพาเอานิสัยไม่น่าชมเข้าไว้จนเกินพอดี

นาทีนี้ หล่อนก็เลยต้องขึ้นมาหมอบอยู่บนแผ่นหลังของเขา..ของชายที่ตนเองเคยมองอย่างหยามน้ำหน้า

ในที่สุด ขบวนเที่ยวน้ำตกก็ถึงรถที่จอดอยู่

นายจัดจึงช่วยดึงแขนน้องสาวออกจากรอบบ่าชายหนุ่ม พลางจัดให้นั่งริมสุด..จับเท้าภายในรองเท้าใบส้นยางหนาให้วางบนพื้นรถอย่างค่อยๆ วาง แม้กระนั้นเจ้าตัวก็ร้องครางพร้อมหน้านิ่วคิ้วขมวดอย่างปวดเจ็บที่สุด

“ไปโรงพยาบาลเลยนะฮะ” คนขับรถบอกกล่าว ครั้นแล้ว รถสองคันก็วิ่งตามกันไปสู่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปิล็อก

“เจ็บมากไหมน้อง” นายอุกกานั่งถัดจากใบจันต่อด้วยนายโอกาส สีหน้าคนทั้งสองแถวรวมคนขับรถหนึ่งคนมิสู้ดี ด้วยแลเห็นน้ำตาซึมอยู่เต็มตาหญิงสาว นานๆ ทีหล่อนก็ใช้หลังมือป้ายมันออกไป ครั้นผ่านเส้นทางค่อนข้างขรุขระ รถโยนไปมา ก็ยิ่งเหมือนตอกย้ำความปวดเจ็บตลอดข้อเท้า

“เฮ่ย.อุก..ไม่ต้องถามได้ไหม” นายโอกาสอารมณ์เสียจนต้องเอ็ดลูกชายทั้งๆ ไม่เคยใช้เสียงเช่นนี้มาก่อน

เชียงคำกับเอื้องอินทร์นั่งเยื้องเพื่อนหญิง หากก็ไม่ปริปากกวนใจ ไต่ถามไปก็เท่านั้น ยิ่งจะทำให้เจ็บหนัก

เดินดงเข้าไปนั่งตรงต้นม้ายาวติดกับกระจกกั้นด้านหน้า ตรงกันข้ามกับนายจัง นายจัดนั่งถัดเขาไป ต่อด้วยเชียงคำ เอื้องอินทร์ และคนรถผู้คอยดูแลเป็นอย่างดี

ในที่สุดก็ถึงที่หมาย

พยาบาลนำรถเข็นมารับใบจันลงจากรถเข้าสู่ห้องตรวจได้ทันที

ทุกคนจึงได้แต่ถอนใจอย่างโล่งอกหมดกังวล นั่งรอจนกระทั่งแพทย์เข้าเฝือกเสร็จ เข็นรถออกมา

คราวนี้นายจัดเป็นคนพยุงน้องสาวพาเดินด้วยเท้าข้างขวา เขยกเขยกไปขึ้นรถกลับเต็นท์ที่ลานหน้าสถานีตำรวจ เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ในห้องน้ำ

ช่วยให้โล่งอกทั้งคนไข้และผู้ติดตาม

หมอให้ยามากินครบชุด ดังนั้นหลังจากกินยาแล้วสักครู่ ใบจันก็เริ่มรู้สึกดีขึ้นเป็นลำดับ ได้แต่นึกโกรธตนเองที่หาเรื่อง..

เดินดงหายไป! เขาเลี่ยงจากหน้าเต็นท์ที่สามหญิงพักรวมกัน เดินไปดูเต็นท์อื่นๆ ที่เจ้าของเต็นท์ยังไม่กลับยังเที่ยวกันเพลินอยู่ เพราะอากาศเย็นเป็นใจให้เดินทางอย่างสบาย

แต่นายโอกาสจัดการทันใด โดยโทรศัพท์บอกลูกน้องให้ช่วยสั่งซื้อรถเข็นหนึ่งคัน ไม้เท้าหนึ่งคู่ให้ด้วย

“เดี๋ยวก็หายนะหนูนะ” เขาเดินมานั่งที่เก้าอี้ผ้าใบตัวเล็กที่กางไว้หลายตัวหน้าเต็นท์สำหรับนั่งดื่มกินกันยามเย็นย่ำค่ำมืดจนถึงดึกดื่นดังเช่นคืนแรกที่ผ่านไป “ตอนนี้ยังปวดอยู่ไหมลูก”

น้ำเสียงบ่งบอกความเป็นเจ้าของ ช่วยจับจองไว้ให้ลูกชายเต็มที่ ไม่มีทิ้งขว้างห่างเหิน

ชวนให้นายจังเริ่มซาบซึ้งในจิตไมตรี รู้แน่ว่านายโอกาสจะไม่ยอมให้ใบจันหลุดมือไปจากลูกชายตนเองแน่นอน

แล้วนี่จะทำอย่างไรดี ทันทีที่ตาสบตาลูกสาว

น้ำตาหล่อนแห้งหายไปแล้วก็จริง แต่ที่จริงยิ่งกว่าก็คือ ณ บัดนี้เขาแลเห็นวี่แววอย่างหนึ่งผุดขึ้นในกระแสสายตาของหล่อน

นั่นก็คือ คอยเหลือบมองชายคนที่เป็นพาหนะให้หล่อนวางร่างพาดอยู่กับแผ่นหลังของเขา มีผนังบ่าไหล่ให้กอดเกาะ แบกหล่อนเดินมาตามสะพานไม้ยาวจนถึงทางปูหินอันยาวเหยียดกว่าสะพาน นานแค่ไหน ลำบากเพียงใด คนแบกเท่านั้นที่รู้

แต่เขาก็ดูเหมือนไม่หนัก..หรือว่าหนัก หากก็ไม่ปริปากบ่นแม้แต่ครึ่งคำ

ช่างเป็นคนมีน้ำใจกระไรเช่นนี้

คิดแล้ว น้ำที่ว่าเหือดแห้งจากหน่วยตาเมื่อครู่ ก็พลันเอ่อออกมาอีก

หล่อนรีบยกมือปาดมันออกไป จนเอื้องอินทร์เอ่ยถาม

“จันยังปวดไม่หายหรือจ๊ะ”

ใบจันก็เลยพยักหน้า ตาชำเลืองไปยังเต็นท์ข้างเคียง

 

 



Don`t copy text!