ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี บทที่ 3 : ทราบความในสารการใหญ่ นึกห่วงดวงหทัยมารศรี (1)

ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี บทที่ 3 : ทราบความในสารการใหญ่ นึกห่วงดวงหทัยมารศรี (1)

โดย : วันชนะ

Loading

เว็บไซต์อ่านเอา ภูมิใจเสนอ “ชายได้โชคอย่างลึกลับ เพราะเป็นแฟนคลับนิยายผี” นวนิยายรางวัลชนะเลิศจากโครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่นที่ 5 ผลงานโดย วันชนะ ทองคำเภา กับเรื่องราวของความตายที่มีเบื้องหลังลึกลับซับซ้อน และวรรณกรรมผีของเหม เวชกร เรื่องรวทั้งหมดสัมพันธ์กันได้อย่างไร พบคำตอบได้ในนวนิยายเรื่องนี้

อัสดงเปิดประตูห้องทำงานของเขาเข้าไปพบกับบรรยากาศเยือกเย็นผิดจากที่เคยรู้สึก เขาสอดสายตามองหาวารี ผู้ช่วยวิจัยที่มักจะมาช่วยงานเขาตรงเวลาหลังเลิกเรียนเสมอ แต่ก็ไม่พบ อาจารย์หนุ่มใหญ่มองไปที่โต๊ะทำงานของเขาแล้วเห็นแฟ้มสีขาวน่าอ่านวางอยู่ เขารีบเดินเข้าไปหยิบแฟ้มขึ้นมาก้มเปิดอ่าน แต่ทันทีที่เขาเปิดแฟ้มออก เสียงเข้มเย็นชาก็ดังขึ้น

“อาจารย์ครับ วางแฟ้มลงก่อนครับ อาจารย์ต้องฟังเรื่องสำคัญพวกนี้ก่อน”

เมื่ออัสดงเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นคุณสุขสันติถอนใจและมองหน้าเขาอย่างผิดหวัง รอบๆ มีหน้าตาของคนที่คุ้นเคยประมาณ 20 คน ยืนล้อมเขาเป็นวงกลม ล้วนแต่มองหน้าเขาแบบไร้อารมณ์ ใบหน้าหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนที่อายุค่อนไปทางที่มากกว่าอัสดง ยืนยิ้มแย้มใจดี แล้วเริ่มพูดเป็นคนแรก

“อาจารย์อัสดงคงลืมตอบเมลผมอีกแล้ว หลายงานแล้วนะครับอาจารย์ นี่ถ้าไม่ได้คณบดีมาขอไว้ ผมก็จะไม่รับทำงานให้อาจารย์แล้วละครับ ดีที่สุขสันติเค้าช่วยจัดการให้ จริงๆ ตอนนี้ที่คณะผม เขาแอบเรียกเจ้าหน้าที่ของอาจารย์ว่า อาจารย์สุขสันติ แทนอาจารย์อัสดงแล้วนะครับ” เมื่อพูดจบ อาจารย์วัยกลางคนดังกล่าวก็หัวเราะดูถูกเสียงกึกก้อง

เสียงหัวเราะของเขายังไม่ทันจบ เสียงหญิงสาวอีกคนที่ค่อนข้างทุ้มต่ำก็แทรกเข้ามา เป็นเสียงจากใบหน้าแหลมเล็ก แต่สวมแว่นกรอบใหญ่ แต่งหน้าอย่างโฉบเฉี่ยว

“ดิชั้นไม่อยากจะทวงเงินหรอกนะคะเพราะว่ามันน่าเกลียด แต่จริงๆ งานดิชั้นก็เยอะอยู่แล้ว ตอนอาจารย์ติดต่อมาให้อ่านงานให้ก็ไม่คิดอยากรับเลยค่ะ แต่เห็นว่าเป็นการช่วยๆ กันให้วงวิชาการก้าวหน้าไป ก็เลยจำใจรับน่ะค่ะ” หญิงสาวกลอกตา “แต่ว่าพออ่านให้แล้ว ค่าตอบแทนก็ไม่ได้รับตรงเวลา นี่ผ่านมานานมากแล้ว อาจารย์ก็เอาแต่ผัดผ่อนไปเรื่อย อ้างว่าเป็นระบบการเงินของราชการ ไม่กล้าไปทวงกับฝ่ายการเงิน คือดิชั้นก็ทำงานหน่วยงานรัฐเหมือนกัน ทำไมจะไม่เข้าใจระบบคะ แต่เราเป็นถึงครูบาอาจารย์ บางทีในการทำงานมันก็ต้องรู้จักบริหารจัดการกันบ้างสิคะ” อาจารย์สาวถอนใจและส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด ทำท่าจะโทร.ไปเล่าให้อีกคนฟัง

อีกเสียงเป็นนักศึกษาหญิงที่พูดด้วยน้ำเสียงยานคางไร้อารมณ์ จนฟังเหมือนเป็นภาษาเขียนมากกว่าภาษาพูด

“ที่ข้าพเจ้าต้องลงเรียนวิชานี้ก็เพราะว่าวิชาอื่นที่อยากเรียนจริงๆ นั้นซ้อนกับวิชาอื่นในตารางสอน เลยจำเป็นต้องเลือกวิชาวรรณกรรมสยองขวัญ น่าเสียดายที่เนื้อหาของวิชากลับไม่ตื่นเต้นน่าสนใจเหมือนกับชื่อวิชา ทั้งนี้เป็นเพราะว่าอาจารย์มักจะมีสีหน้าและบุคลิกที่ไม่มั่นใจในตัวเองตลอดเวลา แต่กลับพรรณนาอะไรยาวๆ เป็นฉากๆ ในเรื่องวิชาการที่ตัวเองชอบอยู่คนเดียว ทั้งนี้ก็มักจะพูดเร็วจนนักศึกษาฟังไม่ทัน ขอแนะนำว่าถ้าอาจารย์มีปัญหาด้านบุคลิกแบบนี้ อาจารย์น่าจะพิจารณาตนเองบ้างนะคะ”

นักศึกษาคนดังกล่าวยิ้มเยือกเย็น แล้วกดส่งผลประเมินการสอนที่เพิ่งพิมพ์ตามที่ตนพูดเข้าสู่ระบบจากแท็บเล็ตที่อยู่ในมือ เพื่อส่งตรงเข้าไปบันทึกในฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัย

จากนั้นก็เป็นเสียงที่สี่ ห้า หก ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ทุกเสียงล้วนแต่พูดถึงความผิดพลาดในการทำงาน ความบกพร่องในการสอน หรือไม่ก็มุ่งโจมตีสิ่งที่ไม่ชอบเกี่ยวกับตัวตนของอัสดง จนในที่สุดเสียงทั้งหมดก็ปะปนกันและเซ็งแซ่ หนึ่งในเสียงนั้นเป็นเสียงแม่ของเขาเองที่ร้องตะโกนแทรกขึ้นมาอย่างเป็นห่วงว่า “ถ้าแก่ตัวไป มหาลัยเขาไม่จ้างแล้ว ต้องอยู่ตัวคนเดียวจะลำบากนะลูก”

อัสดงเข่าทรุด มือทั้งสองทุบพื้นข้างๆ ตัวเหมือนเด็กๆ พลางร้องตะโกนว่า “ขอโทษคร้าบ!” “หยุดก่อนครับ!” สลับกันไปมาเสียงดังลั่น หวังจะหยุดเสียงพูดรอบๆ ที่พุ่งใส่เขามาจากทุกทิศทาง แต่ก็ไม่สำเร็จ

ในระหว่างความทุกข์ทรมานนั้น ประตูห้องทำงานของอัสดงก็เปิดขึ้นอีกรอบ แล้วหญิงสาวร่างบางก็เดินเข้ามา แสงจากภายนอกอาบร่างของเธอขณะที่กำลังเดินเข้ามาช้าๆ เหมือนมีรัศมีเป็นประกายเปล่งออกมา เธอมีใบหน้าอ่อนเยาว์สะอาดสะอ้านคล้ายสาวญี่ปุ่น ผมทรงสั้นเหนือหูทะมัดทะแมง ขัดกับชุดสูทสาวทำงานเรียบร้อยสีเทาแบบพนักงานออฟฟิศมืออาชีพที่เธอสวมใส่อยู่ อัสดงรีบตะโกน

“วารี คนพวกนี้เขาเข้ามาในห้องผมได้ยังไง! คุณช่วยบอกเขาให้ออกไปก่อนได้ไหมครับ”

“อาจารย์เป็นอะไรคะ ทำไมลงไปนั่งท่านั้น” เสียงวารีดังก้องๆ ผิดปกติ

 

“อาจารย์เป็นอะไรคะ ทำไมลงไปนั่งท่านั้น” หนุ่มใหญ่ได้ยินเสียงวารีซ้ำอีกรอบ คราวนี้มีน้ำเสียงตกอกตกใจแฝงอยู่ ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นและพบว่าตัวเองฟุบอยู่ที่โต๊ะทำงาน แต่ว่าตัวของเขาเลื่อนลงมาจากเก้าอี้และกำลังจะตกลงไปกองอยู่ที่พื้นแล้ว

วารียืนถือเอกสารเต็มมือ มองเขาอยู่ด้วยตาเบิกกว้าง อัสดงหายใจหอบเล็กน้อย ยังตกใจกับความฝันกลางวันแสกๆ เมื่อสักครู่นี้อยู่ เขาค่อยๆ เลื่อนตัวขึ้นมานั่งในท่าถนัด แล้วบอกวารีด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายว่า “ฝันไปน่ะครับ ช่วงนี้ผมคงงานเยอะไปหน่อย”

“เรื่องงานประชุมวิชาการใช่ไหมคะ คุณสุขสันติเขาบอกหนูแล้วละค่ะ” วารียังคงไม่ยิ้ม แต่ก็นั่งลงที่เก้าอี้ทำงานตรงโต๊ะอีกตัวหนึ่งที่ตั้งเยื้องไปจากโต๊ะทำงานของอัสดง มือขยับป้าย ‘ผู้ช่วยวิจัย’ บนโต๊ะไปที่มุมด้านหนึ่ง แล้ววางแฟ้มในมือลงตรงกลางโต๊ะที่เพิ่งว่าง

“จริงๆ ถ้าอาจารย์ทำไม่ทัน อาจารย์บอกหนูก็ได้นี่คะ คืออาจารย์ก็ทำพวกงานวิจัย แล้วก็ช่วยอ่านตรวจวิทยานิพนธ์ให้หนูก็พอ หนูยังเชื่อว่าอาจารย์จะช่วยให้หนูจบภายในสี่ปีได้ ส่วนงานธุรการพวกนี้ หนูช่วยทำแทนอาจารย์ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นหน้าที่หนูนี่คะ แต่อาจารย์ไม่บอกหนูไง หนูก็เลยไม่รู้” วารีเว้นวรรคแล้วค่อยๆ เรียงแฟ้มในมือให้เป็นระเบียบอย่างคล่องแคล่ว

“หนูทำงานกับอาจารย์มานานแล้ว หนูแฮปปี้กับความรู้วิชาการและการทำงานวิจัยกับอาจารย์นะคะ ส่วนพวกบริหารธุรการ หนูรู้ว่าอาจารย์ไม่ถนัดกันเยอะ ก็เลยต้องมีผู้ช่วยวิจัยมาช่วยทำไงคะ” คราวนี้วารียิ้มน้อยๆ แล้วมองหน้าอัสดง “มาค่ะ หนูช่วยอาจารย์ติดตามผู้ทรงฯ เอง รบกวนขอล็อกอินกับพาสเวิร์ดเมลที่ใช้ติดต่อด้วยนะคะ อาจารย์จดในกระดาษนี้เลยค่ะ หนูเคยทำมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่มีอะไรยากแล้วค่ะ”

ถึงแม้จะละอายอยู่บ้างที่ตัวเองกำลังจะกลายเป็นอาจารย์ประเภทที่ใช้ผู้ช่วยวิจัยทำงานจิปาถะ แต่อัสดงก็อดยิ้มและก้มหัวขอบคุณวารีเล็กน้อยไม่ได้ขณะที่จดข้อมูลให้เธอ ในใจก็นึกอย่างซาบซึ้งเล็กน้อยว่า นักศึกษาปริญญาเอกที่สอนมาตั้งแต่ตอนปริญญาตรีคนนี้ เติบโตและมีความเป็นผู้ใหญ่ในการทำงานมากๆ แล้ว เขาพึมพำว่า “ขอบคุณนะครับ วารี”

แก้มของวารีแดงขึ้นเรื่อๆ หญิงสาวหลบตาและเสียงแผ่วลงเล็กน้อย เมื่อเธอพึมพำตอบอย่างเขินๆ ว่า “อาจารย์อย่าพูดอะไรซึ้งๆ นะคะ หนูอึดอัดแย่เลย” ก่อนจะทำงานต่อเงียบๆ จนในห้องมีเพียงเสียงแอร์ และเสียงวารีพิมพ์งานในคอมพิวเตอร์

อัสดงหันไปมองสบตากับหญิงในโปสเตอร์ภาพผีจากปกหนังสือของเหม เวชกร ที่แปะอยู่ที่ประตูด้วยความเคยชิน ทำให้เขานึกถึงแฟ้มคุณแม่ลัดดาขึ้นมาได้ จึงหยิบขึ้นมาและพลิกหาว่าด้านไหนคือด้านหน้าและด้านหลังกันแน่ ดีไซน์แบบมินิมอลนี่มันวุ่นวายนะ หน้าตามันเท่ แต่พอจะใช้งานจริงๆ แล้วทุกอย่างมันคลุมเครือไปหมด หนุ่มใหญ่บ่นในใจก่อนจะเริ่มอ่านบันทึก

 



Don`t copy text!