
บุปผาตีตรา บทที่ 14 : สร้างตัวตน
โดย : สีน้ำฟ้า
![]()
บุปผาตีตรา โดย สีน้ำฟ้า นวนิยายสะท้อนอคติและพลังคำพูด ผ่านชีวิต “นวลปราง” ที่ใช้การศึกษาโต้กลับคำครหา และ “อุรา” ผู้หลงทางจนกลายเป็นเมียเช่า เรื่องราวในอีสานยุคสงครามเวียดนาม ถ่ายทอดมิตรภาพ ความรัก และบาดแผลจากการถูกตีตรา ชี้ให้เห็นว่าคำพูดบางคำอาจผลักดันหรือทำลายชีวิตคนได้ อ่านออนไลน์ได้แล้วบนเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co
นวลแบ่งเวลากลางวันไปเรียน เลิกเรียนไปทำงานที่บาร์ นวลไม่ได้กลับบ้านที่โนนดอกไม้แดงบ่อยนัก วันหยุดอยู่ที่หอพัก รับพวกเสื้อผ้าของสาวทำงานที่บาร์ เพื่อนของเพื่อนมาเย็บมือ งานล้นมือ รายได้ดีมาก เจสันบอกว่าต้องไปทำงานภาคสนามไม่รู้เมื่อไหร่จะกลับมา
หญิงสาวเรียนจนจบหลักสูตรระยะสั้นไปแล้ว แต่ขอไปเรียนอีกรอบเพื่อทบทวนความรู้และนวลได้ปรึกษาครูที่สอนเรื่องการเปิดร้านว่าต้องทำอย่างไร ใช้เงินเท่าไร ครูผู้สอนก็แนะนำให้ ตรงไหนติดขัดก็ไปถามเพื่อน นวลเรียนรู้และทำตามอย่างมีความหวัง แล้ววันหนึ่งเมื่อเก็บเงินได้มากพอ เธอปรึกษาอุระเขาว่าจะมาช่วยพาไปหาทำเลเปิดร้าน พออุระว่าง เขาพานวลนั่งสามล้อตระเวนไปตามตรอกซอกซอยต่างๆ
หากันอยู่สามวันไม่มีความคืบหน้าเลย ไปนั่งบ่นร้านพี่มะลิ ร้านอาหารเช้า ซึ่งเธอเป็นคนเก่าแก่แถวนี้รู้จักคนมาก ไม่นานนวลก็ได้ร้านเช่าเล็กๆ อยู่โซนใกล้ค่ายทหาร พี่มะลิพร่ำสอนเรื่องการเช่า การทำสัญญา ค่ามัดจำ โดยอุระเป็นหัวแรงหลัก พานวลไปจัดการทุกอย่าง
เมื่อทำสัญญาเช่าจ่ายเงินกันเสร็จสรรพ นวลกับอุระได้กุญแจบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้สองชั้น สามห้องนอน สองห้องน้ำมาครอบครอง ต้องทำความสะอาดเยอะมาก ทั้งยังต้องทาสีใหม่ อุระได้เพื่อนคนขับสามล้อมาช่วยโดยไม่ต้องเสียเงินแพงๆ
นวลจะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ถือว่าเป็นครั้งที่สอง นับจากครั้งแรกที่หอบผ้ามาหางานทำในเมือง นวลหารค่าเช่าคนละครึ่งกับอุระ ข้างบนมีห้องพัก ถ้าอุรามาอยู่ด้วยจะให้อุรานอนกับนวล และอีกห้องก็เป็นของอุระ ห้องที่ว่าง เว้นไว้ทำเป็นห้องเก็บของหรืออาจปล่อยเช่า ค่อยคิดกันทีหลัง
น้อยได้ข่าวเรื่องนวลหาร้านเช่าได้ก็มาช่วย พาคนมาทำความสะอาดแล้วจัดร้าน อุระเป็นคนไปซื้อของ อุราได้ข่าวก็มา พาแฟนมาด้วย ช่วยกันขัดพื้น เช็ด ล้าง จนร้านเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา น้อยบอกให้นวลย้ายมาอยู่ที่พักใหม่ได้เลย ห้องพักนั้นน้อยจะหาคนมาพักเองไม่ต้องเป็นกังวล นวลซึ้งในน้ำใจเพื่อนรุ่นพี่ที่ช่วยเหลือกันมาตั้งแต่ต้น ข้าวของเธอไม่มีอะไรมาก ตอนมาจากบ้านมีกระเป๋าผ้าเล็กๆ หนึ่งใบ ตอนนี้มีเพิ่มอีกหนึ่งใบ ส่วนของอุราเธอบอกว่าจะให้แฟนช่วยขนมาเอง
อุระถามนวลว่าต้องหาฤกษ์งามยามดีขึ้นบ้านใหม่หรือเปล่า นวลบอกว่าใช้ฤกษ์สะดวก ซึ่งเขาก็ไม่ขัด เจ็ดวันต่อมานวลกับอุระมาเปิดประตูเหล็กม้วนขึ้น สามพี่น้องช่วยกันของเข้ามาอยู่บ้านเช่าใหม่ พร้อมกับเริ่มต้นชีวิตอีกครั้ง
ร้านของนวลชื่อ ฟิฟตี้ บิวตี้เทเลอร์ เป็นที่ถกเถียงกันมากระหว่างสามพี่น้อง เรื่องชื่อร้านว่าจะใช้อย่างไร ถ้าลงท้ายด้วยเทเลอร์หมายถึงรับตัดเสื้อผ้าให้ผู้ชาย แต่ของนวลมีแต่งานผู้หญิง ลูกค้าก็เป็นเพื่อนที่ทำงานที่บาร์ และเพื่อนของเพื่อน นวลตัดสินใจใช้ชื่อนี้เพราะอนาคตที่เธอฝันไว้ว่าจะได้เป็นเจ้าของห้องเสื้อดีๆ หรูหรากว่านี้ ตั้งเผื่ออนาคตไปเลย ฟิฟตี้ก็หารครึ่งมาจากอุระ บิวตี้ก็แปลว่าสวยงาม เทเลอร์ก็ช่างตัดเสื้อผ้า ใครไม่ชอบก็ช่าง และนวลจะไม่ปล่อยให้คนเข้าใจผิดนานจะพยายามเรียนตัดเย็บเสื้อผ้าผู้ชายออกมาขายโดยเร็ว
ทุกคนช่วยกันเตรียมความพร้อมรอย้ายเข้าไปเริ่มทำงาน ตกแต่งร้านยังไม่เสร็จ นวลยังไม่ได้ย้ายออกจากหอพัก วันนี้อุราไม่ได้ไปช่วย เมื่อนวลกลับมาถึงห้อง พบเธอกำลังวุ่นวายกับการเลือกเสื้อผ้า นวลทักทายเพื่อนยิ้มแย้ม อุรากำลังหยิบเสื้อผ้าออกมาแล้ววิ่งไปที่กระจกทาบเสื้อแล้ววางไว้ ไปหาตัวใหม่มาทาบตัวอีก นวลหลบไปนั่งมุมห้องอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปากถาม
“วันนี้มีอะไรเป็นพิเศษ เจ้าเลือกผ้านานแท้” นวลอดรนทนไม่ได้จึงต้องออกปากถาม
“เรานัดกับไมค์ เขาขอเดต” คนตอบยังง่วนกับการเลือกชุดมาสวมใส่
“หือ…” นวลจ้องหน้าเพื่อน ไม่กล้าพูดคำว่า ‘คนที่เท่าไหร่แล้ว’ เลยถามออกไปเบาๆ ว่า
“เจ้าเชื่อเขาหรือ ฝรั่งพวกนี้เชื่อได้จริงหรืออุรา”
“ไม่รู้สิ ตอนแรกข้อยถูกใจผู้บ่าวคนหนึ่งแต่เขาไม่ชอบ ข้อยก็เลยหาใหม่ไปเรื่อยๆ วันนี้เวลานี้ข้อยถูกใจไมค์ เราจะคบกับเขา ถ้าหากวันหนึ่งพลาดพลั้งเลิกกัน ข้อยก็จะยอมรับ ข้อยจะไม่เสียใจ ข้อยอยากเป็นใครสักคนที่ถูกรัก”
“ข้อยก็บ่อยากบ่นเจ้าเยอะ แต่ก็ระวังอกหักน้อ ข้อยเป็นห่วง”
“มันเป็นวัยสาวของพวกเรา ไม่ใช้มันก็ผ่านไป วัยสาวที่สดใส ไม่ใช่มาบ่นเป็นแม่แก่” อุราค้อนเพื่อนรัก “เจ้ามาช่วยข้อยเลือกชุดดีกว่า มานี่ๆ”
นวลยิ้มอย่างอ่อนใจ เดินไปใกล้ หยิบชุดมาทาบตัวของอุรา เป็นเสื้อผ้าใหม่ที่นวลไม่เคยเห็นมาก่อน ได้แต่แอบนิ่วหน้า ‘อุราใช้เสื้อผ้าเปลืองมาก ใส่ครั้งสองครั้งก็ไม่เอาแล้ว ไปหาซื้อใหม่จนแทบจะไม่มีที่เก็บชุดเก่าอยู่แล้ว’ แต่ที่พูดออกไปก็คือ
“ตามใจเพื่อนสาว ข้อยยังไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้ ยังไม่อยากมีครอบครัว ไม่อยากมีภาระจนกว่าจะทำให้พ่อแม่มีความเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้”
“ข้อยบ่มีภาระ พี่ชายข้อยก็เป็นผู้ใหญ่ ข้อยโชคดีกว่าเจ้า อย่าอิจฉาข้อยล่ะ” อุรายิ้มอย่างพึงพอใจในเสื้อตัวล่าสุดที่ยกมาทาบตัว
นวลยิ้มอีกกับคำหยอกเอินของอุรา หยิบชุดสีดำที่เป็นเสื้อกับกระโปรงแยกชิ้นส่งให้เพื่อน
“เอาชุดนี้ดีกว่า”
“งื้อ สีดำนะ” อุรายังวิตก ตัวเองไม่ใช่คนผิวขาวเหมือนนวลที่จะใส่สีอะไรก็สวย
“เจ้าใส่สีนี้ได้ ผิวเจ้าสีแทน เข้ากับเสื้อผ้าง่ายจะตาย เชื่อข้อย สีดำจะทำให้เจ้าโดดเด่นเป็นที่ประทับใจ ไม่ต้องแต่งหน้าเยอะ แต่ใส่ขนขนตาปลอมได้นะ ตาเจ้าสวย เติมขนตาปลอมเข้าไป สวยเหมือนเจ้าหญิงในนิยาย”
“โอ๊ย เสี่ยวข้อยชมเนาะ ตัวลอยแล้วเด้ แบบนี้”
อุราถอดเสื้อผ้าที่สวมอยู่ลงไปกองกับพื้นเหลือแต่ชุดชั้นใน แล้วหยิบชุดที่นวลเลือกให้ตรงนั้นเลยโดยไม่อายสายตาเพื่อน เพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กจนโตเป็นสาว นวลมองเพื่อนไม่หลบตา อุราหุ่นสวยเหมือนกัน ใส่ชุดไหนก็สวย เสียแต่ตัวเตี้ยไปนิด เสื้อผ้าที่ซื้อสำเร็จรูปมานวลต้องแก้ไขให้หลายตัว
อุราเริ่มร้อนรน หยิบโน่นหยิบนี่มาใส่กระเป๋าสะพาย นวลเดินไปเก็บเสื้อผ้าที่อยู่กับพื้น เดินไปใส่ที่ตะกร้าผ้ารอซัก ปากก็ชวนคุยไม่หยุด
“โชคดีที่เราอยู่ในเมืองที่เปรียบได้เหมือนเมืองฝรั่ง อะไรที่ขายแล้วฝรั่งชอบ ผู้หญิงแต่งตัวชอบ ก็หาได้ง่าย ถ้ายังอยู่หมู่บ้านเราน่ะรึ อีกกี่สิบปีเราจะรู้จักขนตาปลอม วิกผม โอ๊ย อย่างมากแค่แต่งหน้า ทาปากคนก็ว่าเหมือนยี่เก”
“ปากปลาร้าก็เป็นนะเจ้า ไม่คิดว่าจะได้ยินนวลบ่นแบบนี้”
นวลหัวเราะ เอาจริงแล้วนวลชอบเหมือนกันที่เปลี่ยนจากสาวน้อยขี้อายคนเดิม มาเป็นนวลสาวที่มีความมั่นใจในการใช้ชีวิต นวลที่รู้จักชีวิต รู้วิธีหาเงินเพื่อทำให้ครอบครัวเป็นสุข และสำคัญรู้ทันผู้ชาย เวลาเพียงไม่นาน นับจากวันที่เข้าเมืองมาหางานทำ วันที่เดินขาขวิดไม่รู้ว่าชีวิตจะไปทางไหน
ที่นี่เมืองที่มีฐานทัพของทหารอเมริกันมาตั้งมั่นเพื่อไปรบ แต่ที่นี่ไม่ใช่สนามรบไม่มีทหารบาดเจ็บ ไม่มีเสียงปืน ในดีมีเสียในเสียมีดี การได้ทำงานกับเจ๊หลิวและอาเฮียร้านก๋วยเตี๋ยว ดีใจที่ได้รู้จักมิชชันนารี ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากเพื่อนพี่น้อย
แต่นวลก็ไม่เคยเสียใจที่เติบโตมาในหมู่บ้านโนนบุปผาแดง พ่อกับแม่ที่รักนวล เพื่อนรักข้างบ้านที่สนิทสนมกัน พูดคุยกันได้ทุกเรื่อง และหมู่บ้านที่มีหลวงพ่อนักพัฒนา หาหนังสือมาให้พระเณรอ่าน ซาบซึ้งในความเมตตาของหลวงพ่อที่สอนให้อุระรู้จักภาษาอังกฤษก่อนใครในพวกเธอทั้งสามคน
“ข้อยก็แค่กล้าขึ้น กล้าใช้ชีวิต เหมือนเจ้าที่กล้าเลือกไปเดตกับไมค์ในวันนี้ ข้อยรู้จักเจ้าดีอุรา ข้อยไม่ขัดขวางเจ้า อวยพรให้เจ้าโชคดี แต่เจ้าต้องจำไว้ วัฒนธรรมของฝรั่ง ถ้าเดตแล้วมีอะไรกันยังบ่ใช่คู่ผัวตัวเมีย จนกว่าจะแต่งงาน เจ้าทำใจได้แน่นะ”
“ข้อยว่าข้อยทำใจได้” ตอบเหมือนจะปลงเป็นแม่แก่แต่ขัดกับสายตาที่กำลังวิบวับ
“แมงเม่าเล่นกับไฟชัดๆ อีนางน้อยเอ้ย”
นวลแกล้งหนีบจมูกน้อยๆ ของเพื่อน แล้วแกล้งกดจมูกไปที่แก้มสาวเฉยเลย อุราโวยวาย แก้มแดง หูแดง เขินอายไปหมด
“ข้อยแค่แกล้งแค่นี้ เจ้ายังเขินอาย แล้วจะไปกับผู้บ่าว บ่เคยเห็นรึ เขาจูบปากกันเหมือนจะกลืนกิน ฮ่าๆ” นวลหลบหลีกเพื่อนที่กำลังมาไล่ทุบเพราะความขัดเขิน ก่อนเธอจะกลับไปสนใจตัวเองต่อ
“ไปๆ เดี๋ยวเจ้าไปสายนะ ฝรั่งชอบตรงเวลา” นวลรีบไล่
“แล้วเจ้า พี่น้อยเล่าให้ฟังว่าฝรั่งชื่อเจสันมาจีบ นิโกรนะ เจ้ารับได้รึ อีกหน่อยมีลูกมีเต้าก็เหมือนหลานบักแดง” อุราทำเป็นสอนเพื่อน
นวลขมวดคิ้วจึ้กปากอย่างขัดใจ
“เอ๊ อย่าไปพูดเดี๋ยวติดปาก นิกง นิโกร ก็คนเหมือนกัน ขอให้รู้ดีรู้ชั่ว ไม่ผิดศีลห้า ไม่มุสาปลิ้นปล้อน แค่นั้นก็พอแล้ว”
“แหม มีปกป้องกันด้วย”
“ที่พูดเพราะข้อยเป็นห่วงเจ้า จะไปหลุดปากกลางหมู่ กลางฝูง เดี๋ยวสิโดนนิโกรตบเอาเด้”
“ข้อยรู้ๆ บ่หรอก ข้อยก็พูดแต่กับเจ้านี่แหละ”
“ที่รู้ๆ ได้ข่าวว่าเจสันเป็นหนุ่มรูปหล่อ พามาเจอข้อยตัวเป็นๆ ด้วยเด้อ ข้อยละเสียดายเจ้า อ้ายอุระหมายเจ้าให้เป็นพี่สะใภ้ข้อยตั้งแต่ยังไม่จบปอสี่”
“โธ่ บอกเจ้าแล้ว อ้ายอุระก็เหมือนพี่ชายข้อยคือกัน พวกเราโตมาด้วยกัน ไม่มีทางเป็นคู่ผัวตัวเมียหรอก อีกอย่างข้อยไม่ใช่คนดี สงสารอ้ายอุระ”
“โห อย่างนวลบ่ใช่คนดีแล้วใครจะดีเท่านวล เป็นแม่บ้านแม่เรือนก็ได้ เย็บผ้าก็ได้ รู้จักเก็บเงินออมเงิน เป็นลูกคนเดียว เป็นผู้หญิงกตัญญูรู้คุณ คิดแต่จะทำให้พ่อแม่อยู่ดีกินสบาย ไม่กิน ไม่เที่ยว ไม่ใจแตกทั้งที่อยู่ในดงฝรั่งเงินหนาหาง่ายขนาดนี้”
“บ่หรอก ข้อยยังร้าย ข้อยปากร้ายไง เจ้าเพิ่งว่าข้อยปากปลาร้า ไม่แน่แก่ตัวไป ข้อยอาจจะขี้บ่นจนคนรำคาญก็ได้”
“อย่างนวลอะนะ อมลูกอมมาพูดก็ไม่เชื่อ” อุรายิ้มกว้างปากจะฉีกเพราะขำเพื่อน
“ฮ่าๆ มีอย่างเหรอ เขาเรียกว่าอมพระมาพูดมั้ย มีอย่างที่ไหนอมลูกอมมาพูดก็ไม่เชื่อ”
อุรายกข้อมือมาดูเวลา นวลก็เพิ่งสังเกตว่าเพื่อนใส่นาฬิกาข้อมือสีทองเหมือนกำไรหน้าปัดเล็ก สีทอง สวยจนตาค้างเลย
“ข้อยไปละเด้ ข้อยจะสายจริงๆ แล้ว
“…”
นวลมองเพื่อนที่หยุดต่อล้อต่อเถียง วิ่งไปส่องกระจก ยืนบิดไปมา เมืองนี้กระจกเงาขนาดสูงกว้างทั้งตัวก็มีให้ส่อง นวลซื้อมาไว้เพื่อเวลาเย็บเสื้อผ้า ให้ลูกค้าผ้าที่นวลตกแต่งให้ส่องดูตัวเอง เพื่อนก็พลอยได้ใช้ไปด้วย
อุราเอื้อมมือไปเปิดประตูหันมาส่งจูบให้ นวลเดินไปส่ง ทันเห็นอุราเดินรีบเร่งไปบนถนน หันมาเห็นนวลเปิดประตูโผล่หน้ามาก็ตะโกนเสียงดังว่า
“คืนนี้ข้อยอาจไม่กลับมานอนห้อง ข้อยจะบอกอ้ายอุระไปรอรับตอนเลิกงานแล้วมาส่งเจ้าที่ห้องนะ เป็นห่วงเด้อ เสี่ยวข้อยสวยๆ แบบนี้ประเดี๋ยวเจอฝรั่งขี้เมามาลากไปปล้ำได้ร้องไห้ขี้มูกโป่งแน่”
“จ้ะ แม่เสี่ยว แม่เพื่อนรัก ร้ากกันจริงๆ”
นวลตะโกนตามหลัง แต่เธอไม่ฟังแล้ว รีบเดินจ้ำพรวดๆ ไปแล้ว นวลปิดประตูลงกลอนสำรวจประตูอีกครั้ง จึงกลับมางีบเอาแรง เพื่อตื่นไปทำงานอีกทีตอนมืด
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 15 : ฤาจะเป็นโชคชะตา
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 14 : สร้างตัวตน
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 13 : โลกเป็นโรงละครใหญ่
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 12 : ยินดีที่รู้จัก
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 11 : ในเรื่องเล่า
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 10 : ขวัญมาเด้อหล่า
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 9 : บังเอิญมีจริงไหม ?
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 8 : ชีวิตที่ต้องเรียนรู้
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 7 : น้องเขาเพิ่งมาใหม่
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 6 : ทางเลือกและทางรอด
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 5 : เฮ้ย ! นั่นที่นาใคร
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 4 : เอื้อยชอบแบบนี้
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 3 : ฝันร้าย
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 2 : เด็กเลี้ยงควาย
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 1 : โนนบุปผาแดง








