
บุปผาตีตรา บทที่ 19 : บ้านนอก
โดย : สีน้ำฟ้า
![]()
บุปผาตีตรา โดย สีน้ำฟ้า นวนิยายสะท้อนอคติและพลังคำพูด ผ่านชีวิต “นวลปราง” ที่ใช้การศึกษาโต้กลับคำครหา และ “อุรา” ผู้หลงทางจนกลายเป็นเมียเช่า เรื่องราวในอีสานยุคสงครามเวียดนาม ถ่ายทอดมิตรภาพ ความรัก และบาดแผลจากการถูกตีตรา ชี้ให้เห็นว่าคำพูดบางคำอาจผลักดันหรือทำลายชีวิตคนได้ อ่านออนไลน์ได้แล้วบนเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co
นวลรั้งตัวอุระไว้ แถมยังตะโกนเรียกอุราให้มาล้อมวงกินข้าวด้วยกัน ส่วนพ่อกับแม่บ้านโน้นก็เงียบตามเคย อุระบอกว่าแม่ติดดูทีวี เลยไม่ไปไหน ตั้งแต่มีทีวีเป็นของตัวเอง เพื่อนฝูงมาบ้าน มาคุยกัน หยอกกัน พ่อกับแม่ของเขามีความสุขมาก
ในวงข้าวที่นั่งกินบนพื้น มีกับข้าวเรียงราย ทั้งไข่เจียว น้ำพริกกะปิ ผักลวก ผักสด แกงจืด แกงเปอะ ยำปลากระป๋อง ผัดผัก นวลหุงข้าวสวยสำหรับแขก และมีข้าวเหนียวสำหรับพ่อแม่ จานแบ่ง ชามแบ่ง ช้อนกลาง ทุกอย่างแม้ไม่ได้ดีเท่าร้านอาหาร แต่นวลกับอุระก็จัดให้เต็มที่
“หวังว่าคงพอจะกินได้นะ ไม่มีเนื้อหมู่ เนื้อไก่ ต้องไปตลาด พวกเราซื้อกินมื้อต่อมื้อ ไม่ได้ซื้อมาแช่เย็นไว้ค่ะ”
“ดีมากเลย ฉันมีความสุขที่สุดเลยนวล”
ดวงฤดียิ้มกว้าง หันไปมองเจสัน ชายหนุ่มร่างสูง ตัวใหญ่ยักษ์ มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงเหมือนทหารทั่วไปในค่าย ที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นกางเกงม่อฮ่อมของพ่อ ตัวสั้นเต่อเหมือนใส่ขาสั้นกับเสื้อยืดคอกลมสีขาวตัวที่สวมมาก็ยิ้มขำ
“เป็นไงเจสัน ใส่สบายกว่ากางเกงชุดหล่อของคุณมั้ย”
“ดีมาก ไอชอบ เดี๋ยวกลับไปไอจะซื้อกางเกงแบบนี้ ไซซ์ฝรั่งติดบ้านไว้เลย”
นวลนั่งข้างแม่ เจสันนั่งถัดจากเธอ อุระ คุณดวง พ่อ อุรา นั่งเป็นวงล้อม ไม่น่าเชื่อว่าคุณดวงกับเจสันจะนบนอบขนาดที่ว่า บอกให้พ่อเป็นคนเปิดวงกินข้าวด้วยการให้พ่อตักก่อนคนแรก เธอยิ้มอย่างชื่นชม
‘คุณดวงแสนดีและสวยขนาดนี้ สงสัยต้องตัดใจจากเจสันแล้วกระมัง’
ดวงฤดีมองหน้าเจสันยิ้มๆ แล้วแอบถอนหายใจเบาๆ
“โอย อร่อยมาก”
ดวงฤดีเริ่มจ้วงอาหารทีละอย่างๆ จนครบทุกจาน กินแบบเอร็ดอร่อยจริงๆ ส่วนเจสันไม่ต้องพูดถึง ขนาดว่าเป็นฝรั่งอั้งม้อ ยังมีการขอเติมข้าวเป็นจานที่สองด้วย
“ใครเป็นคนทำ แกงเปอะ อร่อยสุดยอดเลย”
ดวงฤดีชมไม่ขาดสาย อุระหัวเราะ ยกมือ
“ผมครับ”
นวลยิ้มขำ
“โหย เก่งมากเลยอะ รู้ได้ไงว่าดวงไม่กินเผ็ด นี่มันพอดีมากๆ เลยนะ”
“พอเดาได้ ว่าชาวกรุงเขาไม่กินเผ็ด แต่ไม่คิดว่าจะกินปลาร้าด้วย”
“ของอร่อยเลยคุณ”
“เรียกพี่ก็ได้ครับ เหมือนนวล เหมือนอุรา พี่น่าจะเกิดก่อนใครในที่นี้”
“ได้ๆ สุดยอดพี่อุระ เอ๊ะ เรียกอ้ายดีกว่า ได้บรรยากาศดี อ้ายอุระเจ๋งสุดๆ ไปเล้ย”
ดวงฤดีไม่เรื่องมาก จนสายตาของอุระเริ่มเปลี่ยนไป และไม่พ้นการสังเกตของนวลและอุราที่แอบสบตากันแล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
เจสันตักยำปลากระป๋องแล้วโดนลูกโดด หูเริ่มแดง กะพริบตาน้ำตาปริ่มตาอย่างน่าเอ็นดู นวลรีบลุกไปหยิบขันน้ำดื่มและผ้าเช็ดหน้าของเธอส่งให้
“คุณต้องระวัง ถ้าสีแดง สีเขียว มันคือพริกขี้หนู เขี่ยทิ้งก็ได้ค่ะ จะได้ไม่เผ็ด”
เธอบอกเคล็ดลับให้ชายหนุ่ม ซึ่งตอนนี้ยกขันน้ำซดดังอึกๆๆ อย่างไม่เกรงใจใคร เสียงดังจนทุกคนหัวเราะอย่างเอ็นดู
เป็นการกินข้าวที่มีความสุขของทุกคน เรียกว่าเกลี้ยงกริบทั้งข้าวและกับข้าว นวลกับอุระช่วยกันเก็บ นวลกำลังจะไปล้างจานตามที่เคยทำ ดวงฤดีมาบอกว่าจะทำเอง ห้ามอย่างไรก็ไม่ฟัง อุระเลยมาขอเป็นผู้ช่วย ให้นวลไปนั่งคุยกับคนอื่นที่กำลังออกลีลาทั้งภาษาพูด ภาษาใบ้ ภาษามือ มาทุกกระบวนท่า
คืนที่ท้องฟ้ามีดวงดาวส่องสกาวสุกใส ไม่มีเมฆมาบดบัง สายลมพัดเย็นที่ชานเรือนบ้านยกสูง ด้านล่างสุมฟอนฟางไล่ยุงกลิ่นควันจางๆ ลอยมาปะทะจมูกแต่ไม่มีใครรังเกียจ สองหนุ่ม สามสาว นั่งคุยกันใต้แสงดาวด้วยเรื่องสัพเพเหระ จากเรื่องหนึ่งไปเรื่องหนึ่งด้วยภาษาที่ถนัดและเข้าใจกัน บางทีก็ปล่อยมุกฮากระจาย เสียงหัวเราะดังเลยเถิดไปหลายบ้าน
ก่อนแยกกันไปนอน ให้เจสันไปนอนบ้านอุระ ส่วนสามสาวนอนบ้านนวล พวกเขาได้สรุปโปรแกรมว่า เนื่องจากวันหยุดที่ตรงกันแบบหาได้ยากยิ่ง ทุกคนจะพากันไปไหว้พระ ดวงกับเจสันอยากเจอหลวงพ่อพระนักพัฒนาที่ไม่เคยแม้แต่จะเจอตัวแต่ได้ยินเรื่องเล่าแบบให้ความรู้สึกที่ชื่นชมและศรัทธา
เสียงไก่ขันยามเช้ารุ่งปลุกทุกคนให้ตื่นจากการหลับใหล อุระตื่นมาล้างหน้าแปรงฟันเสร็จกำลังจะเตรียมไปตักน้ำมาใส่ตุ่ม เจสันเดินเก้ๆ กังๆ ตามมา อุระจึงแนะแนวให้ว่าตื่นแล้วต้องทำตัวอย่างไร และเขาบอกให้เจสันรออยู่บ้านนวล เขาจะไปตักน้ำมาใส่ตุ่ม ฝรั่งหนุ่มวัยฉกรรจ์ร่างกายแข็งแรงล่ำบึ้ก บอกกับอุระว่าเขาจะไปช่วย ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ให้ตัวเอง อุระก็ไม่ขัด
หมู่บ้านนี้มีแหล่งน้ำอยู่บนภูเขาสูงต้องเดินไปไกล หลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดได้ประชุมและแนะแนวทางให้ ทุกบ้านออกเงินรวมกันเอาไปซื้อวัสดุอุปกรณ์ พวกผู้ชายในหมู่บ้านที่พอเป็นงานช่าง จัดการต่อท่อประปาจากตาน้ำบนภูเขาไหลมาตรงท้ายหมู่บ้าน แล้วจัดเป็นลานตักน้ำ
เจสันเดินบนถนนดินแดงตามอุระไปติดๆ บางทีน้ำฝนเซาะถนนจนเป็นร่องน้ำแต่ดินกลับแห้งผาก ยังรุ่งเช้า บนทางเดินด้านหน้าพวกเขามีชาวบ้านชายและหญิงสี่ห้าคนเดินนำ ทุกคนจะมีไม้คานพาดบ่า โดยหัวกับท้ายไม้หาบจะมีกระป๋องมีหูห้อยอยู่ มีคนหาบน้ำเดินสวนมา น้ำเต็มสองถังหน้าหลัง ผู้หญิงร่างท้วม สวมเสื้อยืดกับผ้าถุงเก่าๆ รองเท้าไม่ใส่ เดินแบกไม้คานเดินแบบสบายๆ กระป๋องน้ำยวบยาบตามจังหวะการเดิน เจสันมองคนเหลียวหลังเกือบเดินเข้าป่าริมทาง ถ้าอุระไม่ดึงแขนไว้เสียก่อน
พอมาถึงลานตักน้ำก็ต้องรอคิว ขนาดว่าเช้าตรู่ยังมีคนก่อนหน้าพวกเขาสามคน พวกเขาหันมามองเจสันแล้วยิ้มอายๆ เจสันเป็นหนุ่มรูปหล่อ ถึงแม้ผิวดำ ตัวดำผมหยิก แต่ก็มีเค้าโครงรูปหน้าที่หล่อเหลาชวนมอง ยามเขายิ้มเห็นฟันขาวกว่าสีผิว ผู้คนก็ยิ้มจนแอบหัวเราะ เขายิ้มตอบอย่างอารมณ์ดี สายตาของพวกเขาเป็นมิตร แม้จะพูดอะไรที่ฟังไม่รู้เรื่อง ถึงแม้จะทำท่าเหมือนซุบซิบแต่ก็ไม่ใช่คำเหยียดหยาม แววตาเปล่งประกายของพวกเขาบ่งบอกว่าพร้อมจะหยิบยื่นมิตรภาพดีๆ ให้
“สวัสดีครับ”
เจสันยกมือไหว้ทุกคนในที่นั้น เขาไหว้สวย นวลบอกอย่างนั้น และนวลเป็นคนสอนให้เขาไหว้สวยๆ โดยการประกบมือไหว้ตรงหว่างอกแล้วค้อมหัวลงนิดๆ คนที่ยืนอยู่ยิ่งหัวเราะเฮฮา ทึ่งว่าเขาพูดไทยได้ พูดอะไรมายาวเหยียด ชายหนุ่มได้แต่ยิ้มยิงฟันอย่างเดียว หันหาล่าม อุระมองตาเขาแล้วหัวเราะ แปลให้ฟังแบบสั้นๆ
เป็นเช้าชื่นที่เจสันสัมผัสถึงความอ่อนโยนของคนไทยรอบตัว คนแปลกหน้าที่เจอกันครั้งแรก ช่างแปลกเสียจริง สักวันเขาอาจจะมาอยู่ประจำที่นี่ ชีวิตเขาจะมีความสุขขนาดไหนหนอ เจสันมองฟ้าที่เริ่มสว่างกระจ่างตา
พ่อของนวลกุลีกุจอมารับถังน้ำจากชายหนุ่มฝรั่ง พ่อพูดว่าขอบใจหลาย ตามด้วยแท้งกิ้ว ภาษาที่พ่อหนุ่มผิวดำเข้าใจและยิ้ม พยายามพูดคำว่า ขอบใจหลาย เลียนแบบพ่อ ด้วยสำเนียงแปร่งๆ ที่บังคับลมปากและลิ้นพันกันเสียงรัวๆ ออกมาฟังแทบไม่รู้เรื่อง ทุกคนที่ได้ยินได้แต่หัวเราะแบบตลกขบขัน รวมทั้งตัวเขาเองด้วย
เจสันบอกให้ดวงฤดีแปลให้พ่อฟังว่า เขาจะเอาถังน้ำไต่ขึ้นบันไดไปใส่โอ่งบนบ้านเอง พ่อยิ้มส่ายหัวและโบกมือ ชี้ให้ดูขั้นบันไดแบบบ้านๆ ที่ทำเอง จากไม้ท่อนแข็งแรง ตีด้วยตะปู ไม่มีราวจับแล้วชี้มือไปที่ชายหนุ่ม ทำท่าสื่อว่าถ้าเขาเดิน มีถังน้ำ จะตกบันไดทั้งคนทั้งถังน้ำ ตบอกตัวเองพยักหน้า
“พ่อเฮ็ดเองดีกั่วไอ้หนุ่มเอ้ย เดี๋ยวเอ็งตกบันได”
ดวงฤดีหัวเราะ แม้ฟังภาษาอีสานไม่เก่งก็เข้าใจได้ แปลเป็นภาษาอังกฤษให้เจสันฟังอีกที สาวๆ ที่กำลังนึ่งข้าวเตรียมอาหารโผล่หน้ามามอง นวลสบตากับเจสันแล้วยิ้มเอียงอาย หลบตาก่อนจะมองเขาอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พ่อยังแข็งแรง”
พวกเขามองตามหลังพ่อที่หิ้วถังน้ำขึ้นบ้านไปแล้วยิ้มชื่นมื่น
“คุณดวง อยากดูแหล่งน้ำของพวกเราไหมคะ ตามพี่อุระไปได้นะ บ้านนอกที่นวลกับเพื่อนเห็นจนชิน อาจเป็นสิ่งแปลกใหม่น่าสนใจสำหรับคุณก็ได้”
“ฮึ้ย ดีเลย”
อุระโผล่หน้ามา
“ได้ยินว่าคุณดวงจะไปหาบน้ำกับพวกผมหรือครับ ไปสิเดี๋ยวพาไป เดินตามมาโลด”
อุระเดินนำ ดวงฤดีกับเจสันเดินตาม คุยกันไประหว่างทางคุยภาษาอังกฤษกันไฟแลบ
“ไอไปด้วยนะเจสัน เดินไกลไหม ไออยากไปดูแหล่งน้ำ”
“ไม่ไกล ยูไปก็ดีนะ ผมอยากเอาแหล่งน้ำมาไว้ในบ้าน ทุกคนจะได้ไม่ต้องเดินไปแบกน้ำมาแบบนี้อีก เราไปช่วยกันดูดีกว่า”
“อื้อ อาจจะเพราะเขายังไม่มีปั๊มน้ำ น้ำเลยไหลเบาๆ ตามธรรมชาติต่อเข้าบ้านไม่ได้ ไปๆ ไปดูกัน”
“ถ้าทำได้ ผมซื้อปั๊มน้ำให้เอง”
“ไอว่า เราไปคุยกับหลวงพ่อด้วย ไอว่าหลวงพ่อน่าจะรู้จักทางและวิธีทำ ทุกคนคงดีใจ ถ้าไม่ต้องหาบน้ำจากที่ไกลๆ แต่มีน้ำใช้ถึงบ้านเลย”
“นวลเคยบอกไอว่า ที่บ้านนวลมีบ่อน้ำ แต่ถ้าหน้าแล้งจะไม่มีน้ำ ตอนนี้หน้าแล้งแล้วหรือ”
“คงจะใช่ ที่ฝนตกน้อย ยูเห็นไหมล่ะ อยู่เมืองไทยมากี่ปี แถวนี้ฝนตกบ่อยไหม”
“โอ้ ใช่เลย ผมเจอฝนตกน้อยมาก”
“นั่นแหละ ที่นี่พระเจ้าอยู่หัวของพวกเรา กำลังอยู่ในระหว่างทดสอบการทำฝนเทียมด้วยนะ”
“โอ้ ดีมากๆ คิงของประเทศยูทำไมเก่งจัง”
“ท่านมาจากสวิสเซอร์แลนด์ไง”
“โอ้ ว้าว ใช่จำได้ นวลเคยพูดให้ฟัง ผมเคยเห็นนวลมีน้ำตาในโรงหนังด้วย ตอนที่มีเพลงก่อนฉาย”
“เขาเรียกเพลงสรรเสริญพระบารมี”
“มีมิวสิกวิดีโอ ผมเห็นคิงมีกิจกรรมเยอะแยะมาก คนไทยซาบซึ้งน้ำตาไหลแบบนี้ทุกคนไหม เวลาได้ยินเพลงนี้”
“เป็น…เป็นกันเกือบทุกคน ในหลวงของประเทศไทยเก่งมาก”
“นับตั้งแต่นวลมีน้ำตาในโรงหนัง ผมติดตามอ่านข่าวคิง ผมรักเมืองไทยมากๆ ผมว่าคนไทยโชคดีที่ได้เกิดเป็นคนไทย และมีคิงเป็นประมุขของชาติ”
“เฮ้! เจสัน ยูรักเมืองไทย หรือรักสาวไทย สารภาพมาซะดีกว่า”
ดวงฤดีแซว เจสันเงยหน้าหัวเราะเสียงดังอวดฟันขาวแวววาว
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 20 : เกิดมาเพิ่งเคยพบเคยเห็น
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 19 : บ้านนอก
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 17 : ดวงฤดี
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 16 : โรงหนังใหญ่
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 15 : ฤาจะเป็นโชคชะตา
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 18 : เงินหาง่าย
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 14 : สร้างตัวตน
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 13 : โลกเป็นโรงละครใหญ่
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 12 : ยินดีที่รู้จัก
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 11 : ในเรื่องเล่า
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 10 : ขวัญมาเด้อหล่า
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 9 : บังเอิญมีจริงไหม ?
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 8 : ชีวิตที่ต้องเรียนรู้
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 7 : น้องเขาเพิ่งมาใหม่
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 6 : ทางเลือกและทางรอด
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 5 : เฮ้ย ! นั่นที่นาใคร
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 4 : เอื้อยชอบแบบนี้
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 3 : ฝันร้าย
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 2 : เด็กเลี้ยงควาย
- READ บุปผาตีตรา บทที่ 1 : โนนบุปผาแดง








