บุปผาตีตรา บทที่ 9 : บังเอิญมีจริงไหม ?

บุปผาตีตรา บทที่ 9 : บังเอิญมีจริงไหม ?

โดย : สีน้ำฟ้า

Loading

บุปผาตีตรา โดย สีน้ำฟ้า นวนิยายสะท้อนอคติและพลังคำพูด ผ่านชีวิต “นวลปราง” ที่ใช้การศึกษาโต้กลับคำครหา และ “อุรา” ผู้หลงทางจนกลายเป็นเมียเช่า เรื่องราวในอีสานยุคสงครามเวียดนาม ถ่ายทอดมิตรภาพ ความรัก และบาดแผลจากการถูกตีตรา ชี้ให้เห็นว่าคำพูดบางคำอาจผลักดันหรือทำลายชีวิตคนได้ อ่านออนไลน์ได้แล้วบนเว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

แม่ค้าเดินมาถึงที่โต๊ะอาหารของทหารหนุ่ม ยืนยิ้มแป้นพร้อมรับคำสั่งซื้ออาหารจากเขา

“ผมขอน้ำส้มเพิ่ม ที่โต๊ะผม และเพิ่มให้สาวน้อยที่มาใหม่คนนั้นด้วย”

เขาพยักพเยิดไปทางโต๊ะของนวล แม่ค้ายิ้มเล็กยิ้มน้อย ด้วยความที่พูดกันภาษาอังกฤษ นวลฟังไม่เข้าใจ จึงไม่รู้ว่าตัวเองคือผู้ที่อยู่ในการสนทนาของพวกเขาด้วย

“ฮั่นแน่ ชอบแล้วหรือคะ” แม่ค้าเคยเป็นสาวมาก่อน หัวไวเชียวกับเรื่องแบบนี้

“น่ารักดี ผมเห็นเธอเมื่อวานที่ริมทางเดิน ผมออกมาจากโรงหนัง เห็นเธอกับเพื่อนเดินออกมาจากร้านก๋วยเตี๋ยว”

“ว้าว ฟังดูโรแมนติก อย่าบอกนะว่ารักแรกพบ ฉันรู้จักกับคุณมาปีกว่า ฉันไม่เคยเห็นคุณเดินควงผู้หญิงคนไหนเลย”

เจสันยิ้มยิงฟันขาว แม้เป็นคนผิวสีดำแต่เขาเป็นคนหล่อคมคาย สายตาของเขาอบอุ่น อ่อนโยน คำพูด พูดดีไม่เคยก้าวร้าว ไม่เคยตะคอก แม่ค้านึกชมชอบเขา นี่ถ้าลูกสาวเธออยู่ที่นี่จะยุให้จีบฝรั่งคนนี้ซะด้วยซ้ำ

“รอสักครู่นะ ฉันจะไปทำน้ำส้มคั้นให้คุณ”

นางเดินไปโดยไม่รอคำตอบ ไปถึงก็รีบหยิบส้มเขียวหวาน สด ใหม่ ออกมาล้างน้ำใส่ตะกร้าโปร่งให้สะเด็ดน้ำแล้วหยิบมาหั่นครึ่งจัดการคั้นน้ำออกมาสองแก้ว แก้วหนึ่งนำไปเสิร์ฟเจสันที่โต๊ะ อีกแก้วยกไปให้นวล

นวลที่กินไป ท่องศัพท์ไปมองอย่างงงๆ

“ชื่ออะไรจ๊ะสาวน้อย”

“นวลปรางค่ะ เรียกนวลสั้นๆ ก็ได้”

“ชื่อเพราะนะ อันนี้น้ำส้ม ออเร้นท์จุ้ย”

แม่ค้าก็สอนอีก

“อือ ค่ะ”

“แก้วนี้พิเศษ หนุ่มรูปหล่อโต๊ะโน้นเขาให้”

แม่ค้าผายมือไปทางเจสัน นวลตาโต ตกตะลึง มองตาม เขาคือหนุ่มฝรั่งคนนั้นแหละ คนแรกที่นวลสะดุดตาและจำได้ตั้งแต่เมื่อวาน ไม่คิดว่าเขาจะทัก สาวน้อยเขินอาย หน้าแดงก่ำ แต่ก็ยกมือไหว้แบบคนไทย ไหว้แบบรู้สึกขอบคุณ ไหว้แบบตกใจ ไหว้เพราะแก้เขิน นวลให้เหตุผลตัวเองไม่ถูกแล้วว่าไหว้เขาทำไม

“ฮัลโล้…”

เจสันเดินเข้ามาทักทายถึงที่โต๊ะ

“โอ้ ว้าว เจสัน คุณนี่นะ นี่เด็กสาวนะ เธอตกใจแย่แล้ว คงจะเพิ่งมาใหม่วันแรกเลย ฉันเพิ่งเจอเธอ ให้เดาคือมาอยู่หอพักในซอยแน่ๆ”

แม่ค้าส่งภาษาอังกฤษรัวๆ นวลนั่งแหงนหน้ามองตาค้างไปเลย

“เอื้อยคะ…คือส่งภาษาแซ่บแท้”

นวลไม่รู้จะชมว่าอะไร เพราะตอนนี้ภาษามันตีกันมั่วไปหมดในความรู้สึกของเธอ ไหนจะหนุ่มที่เธอแอบมองเมื่อวาน มายืนทักทายตรงหน้าอีก

‘โอ๊ย อายแท้ ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไหนดี’

ใบหน้ากลมเหมือนรูปพระจันทร์ออกเป็นสีชมพูระเรื่อ ริมฝีปากปากอ้าปากค้าง ดวงตากลมโตกะพริบตาหลุบลงต่ำ ทำอะไรไม่ถูก เกิดมาเพิ่งเคยเห็นฝรั่งเมื่อวาน วันนี้ได้คุยกับฝรั่งคนแรก ก็ดันเป็นคนที่เธอไปแอบมองเขาจนไม่รู้ว่าเขาจะโกรธเอาหรือเปล่า เขาจะรู้ไหมว่าเมื่อวานเธอแอบมอง

“ผมชื่อเจสัน”

เจสันเดินมาถึงโต๊ะ มองสาวน้อยทีหนึ่ง หันไปมองแม่ค้าซึ่งกำลังกลายร่างเป็นกามเทพจำเป็นของเขาทีหนึ่ง แม่ค้าใจดีร่างอวบอ้วนแต่ดูสุภาพอ่อนโยนยิ้ม รู้ว่างานเข้าก็เป็นล่ามจำเป็นให้พวกเขาซะหน่อย

“เขาบอกว่าเขาชื่อเจสัน นวลเอ้ย”

นวลพยักหน้า ยิ้มแหย คือไม่รู้จะตอบอย่างไร มือไม้เกะกะไปหมด

“นวลพูดตามป้านะ เวลาฝรั่งมาแนะนำตัว เราก็แนะนำตัวกลับไป บอกว่า ฉันชื่อนวลปราง เรียกว่านวล”

“ฉะ ฉัน ชื่อ นวล ปราง หรือ นวล”

นวลพยายามเลียนเสียงพี่สาวแม่ค้าให้ครบถ้วน เจสันยิ้มกว้าง ทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาน่ามองขึ้นอีกสิบเท่า ดวงตาสีดำขลับเป็นประกายเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ ยิ้มทั้งปากและนัยน์ตา

เจสันหันไปหาแม่ค้า

“มื้อนี้ผมจ่ายเองนะแม่ค้า และบอกเธอว่ายินดีที่รู้จักเธอ ผมเห็นเธอเมื่อวาน ผมจำได้ แต่วันนี้ผมต้องไปแล้ว ผมต้องไปทำงานกลับมาอีกทีอาทิตย์หน้า แล้วผมจะมาเจอเธอที่นี่ หวังว่าจะได้เจอกัน”

แม่ค้าผู้มีประสบการณ์การพูดภาษาอังกฤษมาหลายปี แม้สำเนียงไม่เก่งเท่าต้นฉบับ แต่ก็ฟังได้ครบถ้วนทุกใจความ

“เจสันบอกว่า ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร ค่อยๆ เรียนรู้ ไม่ต้องรีบให้รู้เรื่องภายในวันเดียว เดี๋ยวหัวจะระเบิด”

นวลนั่งที่โต๊ะ มองคนสองคนต่างชาติ ต่างภาษาหันไปหันมาอย่างมึนงง เจสันมองสาวน้อยด้วยความรู้สึกเอ็นดูเป็นที่สุด แม่ค้าช่วยแปลให้นวลฟัง ทั้งสอนไปด้วย

“ผมจะไปแล้วนะ”

เจสันหันหน้าไปพูดกับนวลโดยตรง ด้วยคำว่า

“บ้ายบาย”

เขายิ้มใส่ตาเธอ เป็นใบหน้าที่เหวอได้น่ารักที่สุดที่เจสันเคยเห็นมา นี่ถ้าไม่ติดว่าเพิ่งเจอกันซึ่งหน้าครั้งแรกและกลัวว่าสาวน้อยจะตื่นตระหนกกับพฤติกรรมคนต่างชาติต่างภาษา เขาคงจะดึงเธอมากอดเอียงแก้มไปแนบแก้มแบบชิดใกล้แล้วกระซิบข้างหูเบาๆ ไปแล้ว

แม่ค้าได้แต่ยิ้ม เมื่อเห็นท่าทางเก้ๆ กังๆ ของเจสัน เอามือผลักไหล่เขาเบาๆ

“ไปๆ คุณน่ะไม่ต้องอาลัยอาวรณ์แล้ว รีบไปทำงานเดี๋ยวสาย”

แล้วหันมาพูดกันนวล

“เจสันจะไปแล้ว นวลก็พูดบ้ายบาย แล้วพบกันใหม่”

นวลพูดตาม เจสันยิ้มกว้างให้อีกรอบ

“ผมต้องไปจริงแล้ว พบกันใหม่ครับ”

เจสันควักกระเป๋าเงินจ่ายให้แม่ค้า ค่าอาหารสองโต๊ะแถมทิปให้จุใจสำหรับค่าแปลภาษา ก่อนจะโบกมือลาสาวน้อยที่นั่งหน้าแดงก่ำอ้าปากหวออยู่ตรงหน้า

สองสาวในร้านอาหารเช้ามองตามร่างสูงสง่าของผู้ชายรูปหล่อในเครื่องแบบทหารที่เดินออกไปด้วยความรู้สึกแตกต่างกัน นวลอยู่คุยกับแม่ค้าอีกพักใหญ่ แม่ค้าก็บอกว่าเจสันไปทำงาน ซึ่งเขาจะหายหน้าไปหนึ่งอาทิตย์ แล้วจะกลับมาที่นี่ ถ้านวลไม่ลืมให้แวะเวียนมาที่ร้านนี้ เวลานี้ด้วย

ภาพหนึ่งที่ไม่มีใครทันสังเกต อุราตื่นแล้วออกมาเดินตามหาเพื่อนหยุดมองและเงี่ยหูฟังหนุ่มทหารจีไอจีบเพื่อนสาวบ้านโนนบุปผาแดงแล้วเดินจากไปเงียบๆ

นวลไหว้แม่ค้าด้วยความรู้สึกขอบคุณก่อนเดินออกจากร้านไป ตัวลอยๆ บอกไม่ถูกว่าควรรู้สึกอย่างไรดี เหมือนฝัน แต่หยิกตัวเองแล้วมันเจ็บเนื้อจริง สาวน้อยเดินต่อไปพลางเอามือเย็นเยียบของตัวเองมาแนบแก้มอุ่นๆ กลับไปทางหอพัก

เจ๊บอกว่าร้านเปิดสิบโมงแต่ต้องไปก่อนเวลาเพื่อเตรียมตัวเปิดร้าน เดี๋ยวถึงหอพักคงต้องอาบน้ำแล้วเดินออกไปทำงาน คงจะไปเจออุระที่ร้านเพราะไม่รู้ว่าเขาพักหอพักตรงไหน และไม่ได้นัดเวลาที่แน่นอน นวลไม่มีนาฬิกาและที่หอพักก็ไม่มีนาฬิกา ถามจากแม่ค้าร้านอาหารเช้าเมื่อกี้เธอว่าบอกว่าเจ็ดโมงครึ่งแล้ว

อุราชอบทำงานที่บาร์มาก เพราะได้ตื่นสาย ทำงานตอนกลางคืนไม่ร้อน ไม่กี่วันก็คล่องงาน เธอเป็นคนผิวเข้ม หน้าตาสวย จมูกเล็กมีสันนิดๆ ดวงตาสีน้ำตาลขนตางอนเช้งโดยไม่ต้องใส่ขนตาปลอม มีนวลเป็นเพื่อนอุราเลยแต่งตัวดูดี น้อยสอนให้แต่งหน้าบางๆ ลิปสติกสีอ่อน หนุ่มๆ มาติดตามจีบเยอะ แต่เธอกลับแอบมองหนุ่มคนหนึ่ง ผิวสีเข้ม ผมหยิก ชอบมานั่งคนเดียวที่โต๊ะมุมห้อง บางทีมีเพื่อนมาด้วย แต่ไม่เคยเห็นเขาเมาหรือโวยวาย ดูเป็นผู้ดีมาก แอบไปสืบกับสาวๆ ที่ทำงานด้วยกัน ได้ยินว่าเขาชื่อเจสัน เป็นทหารเกณฑ์ ไม่เคยเกาะแกะผู้หญิงคนไหน ไม่มีเมียเช่า อุรามองเขาเงียบๆ เธอถูกชะตาผู้ชายคนนี้แต่เหมือนว่าเขากำลังจีบนวล จึงได้แต่มองและแอบชอบอยู่อย่างนั้น

ส่วนนวลทำงานอย่างขยันขันแข็ง คิดถึงแม่และพ่อที่อยู่ที่บ้าน เลิกงานจากร้านก๋วยเตี๋ยวมาช่วยล้างจาน ล้างแก้วทุกวัน อาจจะมีมาช่วยเสิร์ฟบ้างถ้าพนักงานขาด มีเงินเก็บอุ่นกระเป๋ามันดีแบบนี้เอง นวลคิดอย่างลิงโลดใจ เมื่อเก็บเงินได้เป็นกอบเป็นกำ ไม่นานต่อมาเมื่อสบโอกาส จึงชวนกันไปซื้อทองแล้วขอลาหยุดงานกลับบ้านพร้อมกัน

สองสาวพากันเดินตัวลีบเข้าไปที่ร้านทอง เกาะแขนติดกันแจเป็นครั้งแรกของชีวิตที่ได้เข้ามาในที่ร้านแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะตบๆ คลำๆ ว่ามีเงินในกระเป๋ายังอยู่ไหม อุราเอียงหน้ามาจนหัวชนกับนวลกระซิบเบาๆ

“นวล นวลเอาแบบไหน อันนั้นก็สวยลายละเอียดเส้นเล็กไม่น่าเกลียด”

นวลยิ้มกริ่มมองทองรูปพรรณที่เรียงรายอยู่เต็มตู้ อุระคล่องแคล่วกว่า เหมือนไม่ได้มาครั้งแรก เขาเลือกได้แล้ว เขาซื้อสร้อยคอหนึ่งบาทให้พ่อ ซื้อแหวนเกลี้ยงให้แม่ แล้วไปนั่งรออยู่มุมหนึ่ง ไม่นานสองสาวก็เริ่มปล่อยตัวตามสบายเมื่อได้สัมผัสทองจริงๆ ลวดลายของมันสวยเหลือเกิน อุราเลือกซื้อสร้อยคอเส้นเล็กสำหรับตัวเอง และแหวนให้พ่อ

“เร็ว สายแล้วเดี๋ยวเราไปซื้อขนมที่ตลาดอีก จะไม่ทันรถเที่ยวต่อไปเอานะ”

อุระเร่ง นวลชี้สร้อยคอขนาดหนึ่งบาทให้พ่อ และแหวนให้แม่เหมือนอุระ แม้เงินจะได้มาเพียงพอสำหรับทองคำบาทละห้าร้อยกว่าบาทอีกหลายเส้น แต่ต้องเหลือเงินสดไว้ให้พ่อกับแม่ด้วย นวลคิดวางแผนไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว จ่ายเงินสดให้ ทางร้านทองหยิบกระเป๋าของแถมมาให้คนละใบ

นวลยกมือไหว้เถ้าแก่เนี้ยที่คอยหยิบทองส่งให้ดูลวดลาย และไหว้ไปถึงอาแปะผัวของนางที่นั่งมองอยู่ไม่ไกลจากเมีย พอเห็นนวลยกมือไหว้ แกเลยก้มๆ เงยๆ หยิบกระเป๋าส่งให้อีกใบ

“ลื้อไหว้สวย อั๊วแถมให้ๆ”

“ขอบคุณค่ะเถ้าแก่”  นวลยิ้มกว้าง รู้สึกโชคดีที่ได้รับความเอ็นดูจากพ่อค้า

“ลื้อไม่ซื้อใส่เองเหลอ สวยๆ เยอะแยะ ไม่แพง”

อาแปะเถ้าแก่ร้านทองพูดไทยถือว่าชัดมากแล้ว แต่ยังไม่ชัดพอถึงขั้นออกเสียงถูกทั้งหมด เหมือนเขาอยู่เมืองไทยมานานแล้ว แต่บางทีก็ได้ยินเขาพูดจีนรัวๆ กับเมีย

“เจ๊ที่ร้านบอกว่าพวกเราอย่าใส่ทองเส้นโตๆ เดี๋ยวนี้ขโมยขโจรมันก็มีมาก เราเป็นผู้หญิงกลับบ้านเดินข้างถนนคนเดียวจะถูกวิ่งราวหรือว่าถูกฉุดเอาได้”

“ฮ่อๆ อาเจ๊คนนั้นพูดก็ถูก ปลอดภัยๆ อั๊วอยากให้ลูกค้าทุกคนปลอดภัยดีกว่า”

“พวกเราได้ครบกันแล้ว ขอบคุณมากนะคะ ของพวกนี้พวกเราจะกลับบ้านเอาไปให้พ่อแม่ ไปก่อนนะคะ โอกาสหน้าพวกเราจะมาใหม่”

“ฮ่อๆ โชคลีๆ”

 



Don`t copy text!