
ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 17 : เงาแค้นคืบคลาน
โดย : สิรี กวีผล
ยามเสียงเพรียกหา นวนิยายจากโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 โดย สิรี กวีผล เรื่องราวความหลงใหลในเสียงดนตรีและความเข้าใจผิดจนกลายเป็นแรงอาฆาตแค้น บทเพลงรักจะกลายเป็นบทเพลงแค้น ทำนองรักจะกลายเป็นเศร้าเคล้าน้ำตาอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์ anowl.co
แสงไฟสลัวของที่จอดรถหน้าบ้าน เป็นแสงเดียวที่กำลังส่องสว่างอยู่ในขณะนี้ เสียงรถยนต์ของสุทธิภัทรกำลังแล่นเข้าบ้าน ยามค่ำคืนบ้านของเขาดูวังเวง ดูเศร้าโศก และดูเหงากว่าที่เคยเป็น แสงจันทร์ในยามนี้ดูจะสว่างกว่าไฟในบ้านของเขาอีก
“พ่อจะไม่ยอมให้บ้านเราเป็นแบบนี้อีกแล้ว” สุทธิภัทรพูดกับตัวเองก่อนเดินเข้าบ้าน เขาไล่เปิดไฟในบ้านให้กลับมาสว่างไสวตามเดิม สมัยแม่บ้านของสุทธิภัทรรีบออกมาต้อนรับ
“คุณหนูอยู่ที่ไหนครับ ป้าสมัย”
“บนห้องค่ะคุณผู้ชาย” สมัยมองหน้าสุทธิภัทรอย่างหวั่นเกรง เพราะเธอเห็นสุทธิภัทรอารมณ์ร้อนและชอบทะเลาะกับสลิลทิพย์
“คุณหนูกินข้าวหรือยังครับป้า”
“ยังไม่ยอมทานอะไรเลยค่ะ” สมัยเศร้า เป็นห่วงสลิลทิพย์มาก
“สมัยจัดอาหารไปให้ผมสองชุดที่ห้องคุณหนูนะครับ” สุทธิภัทรกอดสมัย สมัยตกใจ ผงะออกจากตัวสุทธิภัทร “ผมขอโทษนะครับป้า ขอบคุณที่ดูแลคุณหนู ดูแลบ้านให้นะครับ” สุทธิภัทรยกมือไหว้ สมัยรับไหว้อย่างไม่ทันตั้งตัว สุทธิภัทรอยากจะขอบคุณและขอโทษเพราะสมัยเป็นคนเก่าคนแก่ของทิพย์ปภา เธอรักและห่วงใยครอบครัวของเขา และคอยดูแลครอบครัวของเขาอย่างดีมาตลอด สมัยน้ำตาซึม
“เดี๋ยวป้ารีบจัดให้นะคะ” สมัยยิ้มออก
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้น สลิลทิพย์กำลังกลิ้งตัวอยู่บนเตียงเล่นโทรศัพท์มือถือ ได้ยินเสียงเคาะประตูก็แปลกใจ มือถือตกใส่หน้าจนร้องโอ๊ย เธอจับหน้าผากตัวเองถูๆ เดินออกมาเปิดประตู
“พ่อ มีอะไรหรือเปล่าคะ” สลิลทิพย์ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าพ่อจะอยู่ในอารมณ์ไหน
“พ่อขอโทษนะลูก ที่ก่อนหน้านี้พ่อทำตัวไม่สมกับเป็นพ่อเท่าไร ทั้งๆ ที่ลูกเสียแม่ไปคนนึงแล้ว พ่อยังไม่คอยดูแล หรือปลอบลูกเลย” สุทธิภัทรน้ำตาซึม
“หนูไม่โกรธคุณพ่อหรอกค่ะ และหนูไม่ได้เสียแม่ไปคนเดียว คุณพ่อเองก็เสียคนที่คุณพ่อรักมากที่สุดในชีวิตไปเหมือนกัน เราสองคนต่างเสียคนที่เรารักไป” สุทธิภัทรได้ยินลูกพูดแบบนี้ยิ่งรู้สึกผิด เขาเป็นพ่อที่คิดถึงแต่ความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้ง
“หนูแค่สงสัยว่า คุณพ่อที่แสนดีของหนูหายไปไหน อะไรที่ทำให้คุณพ่อเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ แล้วทำไมหนูถึงดูแลคุณพ่อไม่ได้” สุทธิภัทรโผเข้ากอดลูกสาวแน่น เขาพร่ำขอโทษสลิลทิพย์
“พ่อรู้ตัวว่าพ่อเป็นพ่อที่แย่มาก หนูให้โอกาสพ่ออีกครั้งได้ไหม” สลิลทิพย์พยักหน้ากอดพ่อไว้แน่น สมัยเดินมาเห็นภาพสองพ่อลูกกลับมาเข้าใจกันก็ดีใจ เดินถือถาดอาหารเข้ามาให้ทั้งสองคน
“กินข้าวกับพ่อนะลูก พ่อให้สมัยจัดอาหารมาให้”
“งั้นเราไปกินที่โต๊ะอาหารก็ได้ค่ะ” สองพ่อลูกเดินนำลงไปข้างล่าง ป้าแก้วเดินตามมาจัดแจงเตรียมอาหารที่โต๊ะ บรรยากาศในบ้านกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“พรุ่งนี้พ่อจะไปเยี่ยมลุงณินที่โรงพยาบาล เดี๋ยวบ้านนู้นจะมารับพ่อตอนสายๆ หนูไปด้วยกันนะ” สลิลทิพย์วางช้อนอาหารลงทันที สุทธิภัทรจับสังเกตได้ก็สงสัย
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” สลิลทิพย์เงียบไม่ตอบ “ทะเลาะกับเจ้าคีร์มาอีกแล้วใช่ไหม” สุทธิภัทรรู้ทัน
“วันก่อนพี่ณัฐ เขามาให้หนูช่วยพิสูจน์เรื่องหนึ่ง” เธอไม่กล้าเล่าให้พ่อฟังตรงๆ “แล้วพอดีพี่ณัฐเป็นลม หนูเลยประคองไว้ คีร์มาเห็นว่าหนูกอดกับพี่ชายของเขา ก็เลยไม่พอใจ หนูจะพูดอะไรก็ไม่ฟัง”
สลิลทิพย์บ่นเป็นชุด สุทธิภัทรมองหน้าลูกสาวตัวเองแล้วก็ขำ เขาหัวเราะอย่างที่สลิลทิพย์ไม่เคยเห็นมานาน สายตาสลิลทิพย์เหวี่ยงใส่พ่อนิดหน่อย สุทธิภัทรเห็นก็พยายามกลั้นขำ “ขอโทษๆ พ่อนึกถึงแม่ของลูกขึ้นมา แม่หนูน่ะ พอเห็นพ่อคุยกับผู้หญิงคนอื่นทีไร ก็มาโวยวายใส่พ่อตลอดไม่เคยฟังพ่ออธิบายเลยสักครั้ง”
“แล้วพ่อไม่โกรธแม่เหรอคะ”
“จะโกรธทำไม ถ้าแม่ไม่รักพ่อ แม่ไม่หึง ไม่หวงพ่อขนาดนั้นหรอก” สลิลทิพย์เริ่มคิดตามที่สุทธิภัทรพูด เธอเริ่มหน้าแดง
“ใช่ไหม” สุทธิภัทรย้ำ แกล้งลูกสาว “เจ้าคีร์รักหนูมากนะ ดูท่าทางก็ไม่เลวเป็นลูกเขยพ่อได้ แต่ต้องเรียนให้จบกันก่อน ทำงานเก็บเงินมาขอลูกสาวพ่อให้ได้ก่อนถึงจะยกให้”
“ใครจะแต่งกับเขาคะพ่อ ไม่มีทาง คนไม่มีเหตุผลพรรค์นั้น” สลิลทิพย์เขิน หูแดงหน้าแดงไปหมด กินข้าวใส่ปากแก้เขิน
พวกมึงจะไม่มีทางเสวยสุขกันได้อีก
ดวงวิญญาณของเที่ยงอ่อนแรงลง อำนาจมนตร์ดำบังตาหรืออำนาจเรียกคีตะก็เสื่อมลง ด้วยที่เขาทำลายส่วนหนึ่งของวิญญาณไปอย่างตึกฝรั่งและบรรดาวิญญาณทั้งหลายที่เขาจองจำเอาไว้ และจี้พระที่มีพลังพุทธคุณสูงได้ทำให้เรี่ยวแรงของเขาหายไปจนเกือบถึงขีดสุด
“กูจะไม่ยอมให้อะไรทำร้ายกูได้อีก” แรงอาฆาตพยาบาทของเที่ยงเพิ่มสูงขึ้นเป็นทวีคูณ ยิ่งได้รับรู้เรื่องราวของคีตะและสลิลทิพย์เขาก็ยิ่งอาฆาต แรงแค้นที่ต้องการแก้แค้นเพื่อนสนิทและคนรักเก่ามากขึ้น เที่ยงทำลายทุกอย่างที่เรือนการเวก ตัวเรือนค่อยๆ กัดกร่อนลง หลังคาไม้พุงพังค่อยๆ ทล่มลงมา เที่ยงหัวเราะสะใจ เรือนการเวกคือทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ตอนนี้เขายอมแลกกับทุกอย่างที่เขามีแม้แต่วิญญาณที่เหลือ เขาจะต้องทำลายเพื่อนรักและคนรักเก่าของเขาให้ได้
ประตูห้องพักผู้ป่วยมีพยาบาลและหมอเข้าๆ ออกๆ รถเข็นเล็กๆ มีเข็มและอุปกรณ์น้ำเกลือวางเรียงรายกันอยู่ พยาบาลเข้ามาถอดสายน้ำเกลือให้คณินทร์ เขาลุกขึ้นมานั่ง เดิน ได้ปกติ คีตกานต์เข้ามาเห็นก็ดีใจที่สามีตนเองกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ผมก็ออกจากโรงพยาบาลได้” คณินทร์บอกคีตกานต์ เธอกอดสามีไว้แน่น จนคณินทร์แปลกใจ “มีอะไรกอดผมซะแน่น”
“ไม่มีค่ะ ดีใจที่คุณกลับมาเป็นปกติ” คีตกานต์เลือกที่จะไม่บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและสุทธิภัทร คีตกานต์ไม่อยากให้ทั้งสองคนทะเลาะกันอีก เรื่องนี้จะอยู่ที่เธอและจบลงที่เธอเพียงคนเดียว “มีคนเขาอยากมาเยี่ยมคุณค่ะ”
สุทธิภัทรเดินเข้ามาในห้อง คณินทร์แอบไม่พอใจกำลังจะอ้าปากด่าเพื่อนตัวเอง คีตกานต์จับมือเขาไว้แน่นเป็นเชิงห้าม สุทธิภัทรเห็นคีตกานต์กับคณินทร์รักกัน เขาก็รู้สึกผิดและรู้สึกว่าตัวเองทำตัวแย่เกินกว่าที่ใครจะให้อภัย
“มีอะไร” คณินทร์เสียงเข้ม ในใจเขาทั้งโกรธเพื่อนอยากจะต่อยหน้า แต่อีกใจก็โกรธไม่ลง
“กูจะมาขอโทษ ขอโทษนะณิน” สุทธิภัทรพูดจากใจ
“เออ กูไม่โกรธ” คีตกานต์ สุทธิภัทรแปลกใจ มองหน้าคณินทร์อย่างสงสัย “สงสัยอะไรกัน ก็ไม่โกรธจริงๆ ชีวิตกูมีเวลาอีกไม่เยอะจะโกรธมึงไปทำไม อีกอย่างเราทะเลาะต่อยกันมาตั้งแต่วัยรุ่น แค่นี้ทำอะไรกูไม่ได้หรอก”
สุทธิภัทรน้ำตาซึม “แต่นี่กูทำมึงเกือบตายเลยนะ ไม่โกรธกูหน่อยเหรอ”
“ถ้ามึงไม่เข้ามาให้กูกอด กูจะโกรธมึง” เพื่อนรักทั้งสองคนกอดกัน กลับมาเป็นเพื่อนคอยอยู่ข้างๆ กันเหมือนเดิม คีตกานต์ยิ้มให้กับทั้งสองคนที่เข้าใจกัน
“ภัทรยอมไปหาหมอเพื่อปรึกษาเรื่องภาวะทางอารมณ์แล้วนะ” คีตกานต์บอกคณินทร์
“ทีกูพูดกูบอกไม่เคยฟัง พอเมียกูพูด มึงทำตามเลย เอาไงกันแน่” คณินทร์แซว เห็นสุทธิภัทรอ้ำๆ อึ้งๆ เขาก็เปลี่ยนเรื่องพูด “พอๆ พวกเราต้องช่วยลูกกันก่อน เรื่องอื่นไว้ทีหลัง” สุทธิภัทรสงสัยว่าเรื่องอะไร
สวนหย่อมของโรงพยาบาล เก้าอี้ตัวเดิม บรรยากาศเดิม คนเดิม แต่มีเพิ่มเติมคือคณณัฐ เขารู้สึกรำคาญใจที่น้องชายของเขาไม่ยอมไปง้อสลิลทิพย์สักที และสลิลทิพย์เองก็ฟอร์มเยอะ
“พี่กับทิพย์ไม่มีอะไรในใจและนอกใจทั้งนั้น” คีตะนั่งหน้านิ่ง สลิลทิพย์ก็ไม่พูดไม่จา คณณัฐเหยียบเท้าน้องชายตัวเองให้เป็นคนพูด ก่อนที่ตัวเองจะเดินไปหาพ่อกับแม่ที่ห้องพักผู้ป่วย
“ทิพย์ คีร์ขอโทษ คีร์จะไม่ใจร้อน หุนหันพลันแล่น และจะฟังทิพย์อธิบายทุกอย่างก่อน คีร์สัญญา” คีตะหันมาหาสลิลทิพย์ คีตะแอบจับมือสลิลทิพย์ เขากุมมือนั้นไว้แน่น สลิลทิพย์พยายามดึงมือออกแต่ไม่สำเร็จ
“ปล่อยนะคีร์” เสียงนั้นไม่ค่อยจริงจังเท่าไร
“หายโกรธก่อน แล้วคีร์จะปล่อย” คีตะมองสลิลทิพย์ นัยน์ตาของเขาแสดงความรู้สึกชัดเจนจนสลิลทิพย์ต้องหลบ
“ทิพย์ไม่โกรธคีร์ก็ได้” คีตะดีใจยกมือหญิงสาวขึ้นมาบรรจงจูบที่หลังมือ “ทำอะไร” สลิลทิพย์หน้าแดง
“คีร์รักทิพย์นะ” เป็นครั้งแรกที่คีตะบอกความรู้สึกกับสลิลทิพย์ตรงๆ เธอถึงขั้นพูดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร “คีร์จะทำตัวเองให้ดีขึ้นให้คู่ควรกับทิพย์ ถึงวันที่ทิพย์รู้สึกว่าคีร์เหมาะสมกับคำว่า รัก ของทิพย์ ทิพย์ค่อยบอกคีร์ก็ได้”
คีตะกุมมือสลิลทิพย์เอาไว้ เขาเห็นเธอไม่ขัดขืนก็หมายถึงคำตอบที่เธอตอบรับความรักของเขา
“ขอบคุณที่อยู่กับคีร์มาตลอดนะ” สลิลทิพย์พยักหน้า “ไปหาคุณพ่อคุณแม่กัน ฤกษ์แต่งงานต้องมาแล้วละ” สลิลทิพย์ตีคีตะแกมหยอก
“ไหนว่ารอได้”
“แสดงว่าทิพย์รับรักคีร์แล้วนะ พูดแบบนี้” รอยยิ้มของเขาดูสดใสกว่าที่เคย รอยยิ้มของเธอก็เช่นกัน
“ไปหาคุณพ่อคุณแม่ได้แล้ว พี่ณัฐไปไหนแล้วเนี่ย” สลิลทิพย์จับมือคีตะให้ลุกขึ้น พร้อมกับลากเขากลับห้องพักผู้ป่วย ทั้งสองหยอกล้อกันจนถึงห้องพัก
“แหม ดีกันก็หวานกันเหลือเกิน” คณณัฐแซวตั้งแต่หน้าประตูห้อง สายตาผู้ใหญ่ทุกคู่ต่างจับจ้องมาที่ คีตะและสลิลทิพย์เป็นตาเดียว สุทธิภัทรเหลือบไปเห็นมือลูกสาวถูกคีตะจับมือไว้ เขาส่งเสียงกระแอมเสียงดังและดุมาที่คีตะ เขารีบปล่อยมือจากสลิลทิพย์ทันที
“มานี่เลยเจ้าตัวดี มีเรื่องใหญ่โตแต่กลับไม่เล่าให้ใครฟัง” สุทธิภัทรกอดคอคีตะเข้ามา คีตะยิ้มแห้งๆ สลิลทิพย์สงสัยว่าเรื่องอะไร
เดี๋ยวพวกมึงจะได้รู้ทุกเรื่องแน่
เช้าวันใหม่เหมือนจะสดใสกว่าที่เคยเป็นมา คีตกานต์ คณณัฐ คีตะ สุทธิภัทร สลิลทิพย์ มากันพร้อมหน้าเพื่อมารับคณินทร์กลับบ้าน ครอบครัวของเขามีจำนวนคนเพิ่มมาอีก 2 คน ทั้งเพื่อนรักและว่าที่ลูกสะใภ้ คณินทร์นั่งรถเข็นออกมาที่หน้าโรงพยาบาล รถตู้ที่บ้านของเขาจอดเทียบเพื่อรับคณินทร์กลับบ้าน
“ผมขับตามรถคุณพ่อไปนะครับ” คณณัฐ คีตะ และสลิลทิพย์อยู่ในรถอีกคัน ให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนนั่งรถกลับบ้านไปด้วยกัน
ก่อนจะถึงบ้านได้ไม่นาน ฟ้าก็มืดครึ้มเหมือนพายุจะมา ลมกระโชกแรง เสียงฟ้าร้องคำรามดังกึกก้อง แต่ทุกคนมองออกไป เมฆนั้นก่อตัวแค่เพียงไม่กี่ช่วงตึก รถตู้ที่คณินทร์นั่งมาต่างมองหน้ากันอย่างเป็นกังวล คีตกานต์มองหลังหารถของลูกชายตนเอง เห็นกำลังขับตามมาไม่ไกลนัก
“จะมีอะไรหรือเปล่าคะคุณ” คีตกานต์เริ่มวิตก สุทธิภัทร คณินทร์ต่างมองหน้ากันอย่างหาคำตอบไม่ได้ ภายในรถของคณณัฐ คีตะ สลิลทิพย์ ทั้งสามคนไม่ได้สนใจสภาพลมฟ้าอากาศด้านนอกเท่าไรนัก ทั้ง 3 เปิดเพลงฟัง นั่งคุยกันตามประสาหนุ่มสาว จนเสียงเพลงเริ่มเปลี่ยนไป เพลงสากลในทำนองเร้าใจกลายเป็นเสียงซอด้วงสูงแหลม ทำนองเดิมเดียวกับที่คีตะเคยได้ยินมาตลอด เขาทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่สนใจ เสียงทำนองนั้นชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ความเศร้าโศก ความผิดหวัง ถูกส่งผ่านมาทางเสียงเพลง
“พี่ณัฐ ได้ยินอะไรไหม”
“ได้ยินอะไรเหรอ” คณณัฐกำลังฮัมเพลงสากลอย่างสบายใจ คีตะเริ่มกังวล
“พี่ณัฐไม่ได้ยินเหรอคะ ทิพย์ได้ยินเสียงซอด้วงเล่นเป็นทำนองเพลงเหมือนกำลังบอกรักใครสักคน แต่ทำนองดูผิดหวัง เศร้าๆ ยังไงไม่รู้ค่ะ” คีตะหันไปหาสลิลทิพย์ท่าทางตกใจ คณณัฐปิดวิทยุทันที
“ทิพย์ได้ยินด้วยเหรอ”
“อือ แต่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ได้ยินอยู่หลายครั้งเหมือนกันนะ” สลิลทิพย์นึกย้อนไปสมัยก่อน
“แล้วยังไงต่อทิพย์ ได้ยินแล้วทิพย์ทำยังไง” คีตะอยากรู้ว่าทิพย์ย้อนอดีตได้เหมือนเขาไหม
“ก็ไม่มีอะไร ได้ยินแล้วก็เงียบไป แค่เคยฝันถึงทำนองแปลกๆ แบบนี้อยู่บ้าง เหมือนจะมีกลอนที่เข้ากับทำนองนี้ด้วยนะ”
“ทั้งสองคนได้ยินอะไรกัน พี่ไม่เห็นเข้าใจ ไม่เล่นอะไรแผลงๆ นะ แค่ผีเข้าพี่ก็สยองมากพอแล้ว” คณณัฐไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผีๆ
“ไม่เล่นนะพี่ณัฐ ผมได้ยินจริงๆ แต่เพิ่งรู้ว่าทิพย์ก็ได้ยินเหมือนกัน”
คณณัฐกำลังขับรถเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน จู่ๆ ก็เกิดแสงวาบเหมือนแสงแฟลช สว่างจ้าเข้ามาในรถของคณณัฐที่กำลังขับอยู่ เขาเหยียบเบรกกะทันหัน โชคดีที่ไม่มีรถยนต์ตามมาด้านหลัง แสงสว่างหายไปพร้อมกับที่นั่งข้างคนขับที่ว่างเปล่า คณณัฐ สลิลทิพย์มองหน้ากันอย่างไม่เชื่อสายตา สลิลทิพย์ตะโกนเรียกหาคีตะ มองซ้ายมองขวาก็ไม่เจอใคร เธอลงจากรถตะโกนเรียกหาคีตะ ภายในใจเธอเป็นห่วงเขาแทบจะเป็นบ้า คณณัฐลงมากอดสลิลทิพย์ไว้ให้ใจเย็น เขาพยายามทำให้เธอมีสติและรีบพาเธอขึ้นรถกลับบ้าน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 20 : กงล้อเวียนบรรจบ
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 19 : สาสน์สั่งเสีย
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 18 : ทำนองที่หายไป
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 17 : เงาแค้นคืบคลาน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 16 : ความรักที่ซุกซ่อน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 15 : แรงอาฆาตหวนคืน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 14 : กลับบ้าน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 13 : ม่านบังตา
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 12 : กงล้อแห่งกาลคำสาป
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 11 : จิตใต้สำนึก
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 10 : บทเพลงท่อนสุดท้าย
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 9 : ร้องบรรเลงเพลงประสาน
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 8 : ตัวโน้ตที่เปลี่ยนแปลง
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 7 : ความลับต่างภพ
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 6 : เรือนการเวก
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 5 : เรื่องเร้นที่ซ่อนลับ
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 4 : บทเพลงแห่งรัก
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 3 : อัฏฐกรเมธา
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 2 : เสียงเพรียกจากอดีต
- READ ยามเสียงเพรียกหา บทที่ 1 : ซอสะอื้น