ยาใจด้วยรัก บทที่ 5 : ความเจ็บปวดที่ไม่มีเสียง

ยาใจด้วยรัก บทที่ 5 : ความเจ็บปวดที่ไม่มีเสียง

โดย : ลิลนิล

Loading

ยาใจด้วยรัก โดย ลิลนิล เรื่องราวฟีลกู้ดของสาวไทป์แมวดำและเด็กหนุ่มไทป์หมาโกลเด้นที่จะช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของการใช้ชีวิตให้มีความสุขมากขึ้น นวนิยายโรแมนติก คอมเมดี้ อบอุ่นหัวใจ ดราม่า ที่อ่านเอาเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะมอบความสุขให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน

ในห้องน้ำของสำนักงานอันเงียบสงัด หญิงสาวผมสีดำยืนอยู่เพียงลำพังที่หน้ากระจก จ้องมองใบหน้าซีดเซียวที่สะท้อนอยู่ในนั้น มือทั้งสองข้างของเธอสั่นเทาไม่หยุด ก่อนหน้านี้เบสต์รู้สึกว่าพูดแรงเกินไป จึงออกตามหาฟ้าใสเพื่อขอโทษ แต่กลับได้ยินประโยคบาดใจเกินทน ดวงตาของเธอสั่นไหวและร้อนวูบ

อย่าร้องไห้ เธอบอกตัวเอง

อย่าอ่อนแอ เรื่องแค่นี้เอง หญิงสาวพยายามข่มอารมณ์ที่พรั่งพรูออกมาเหลือคนานับ…

เมื่อคิดว่าเริ่มสงบใจลงได้ เธอวักน้ำล้างหน้าเพื่อปกปิดความเศร้าหมอง ประจวบเหมาะกับที่คะนิ้งเดินเข้ามาพอดี

“อยู่นี่เอง” ร่างเล็กตรงเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล เบสต์รีบซ่อนความรู้สึกเอาไว้ แต่ก็ไม่สามารถสงบนิ่งได้แบบเมื่อก่อน

“เราขอโทษนะเบสต์ เรารู้ว่าเบสต์หวังกับเรื่องนี้ไว้มาก ไม่คิดว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้” คะนิ้งอธิบาย

“พี่ชัยทำไม่ถูก เราก็ไม่พอใจ เราคิดว่าเบสต์เหมาะกับตำแหน่งนี้มากกว่าเรา แต่ในเมื่อผลถูกประกาศออกมาแบบนี้แล้ว เราหวังว่าเบสต์จะยังเป็นเพื่อนกับเราอยู่…” คะนิ้งบีบมือของเบสต์เอาไว้แน่น สีหน้าของเธอดูลำบากใจจนเบสต์รับรู้ถึงความหวังดีนั้น

ในเมื่อผลลัพธ์มันเป็นแบบนี้และคะนิ้งก็ไม่ได้ผิดอะไร เธอก็คงทำได้แค่ต้องยอมรับมันสินะ…

คิดได้ดังนั้น เบสต์จึงกระชับมือที่จับอยู่กับมือของเพื่อนสาวแน่น

“ขอโทษคะนิ้งด้วยนะ ยินดีด้วยที่ได้เลื่อนตำแหน่ง!” เบสต์ยิ้มแสดงความยินดี

ใช่แล้ว นี่เป็นสิ่งที่ควรจะทำในฐานะเพื่อน

หลังจากคืนดีกัน คะนิ้งถือโปรเจกต์เดิมของเบสต์ต่อในฐานะหัวหน้า โดยมีเบสต์เป็นลูกทีมคอยสนับสนุน ถึงจะยังรู้สึกหม่นหมองแต่งานที่ประดังประเดเข้ามานั้นก็ไม่มีเวลาให้เธอได้พักทำใจ ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนเดิมกับก่อนหน้าที่เคยเป็นมาตลอด เบสต์ทำได้เพียงคิดว่าเธอต้องพยายามใหม่อีกครั้ง พยายามให้มากขึ้น ความพยายามคงไม่ทรยศหักหลังคนที่ตั้งใจ

 

เวลาล่วงเลยผ่านจนถึงวันก่อนจัดอีเวนต์ประมาณ 1 สัปดาห์ คะนิ้งกำลังนั่งดูซีรีส์ภายในห้องส่วนตัวของหัวหน้าแผนกที่เธอเพิ่งย้ายเข้ามาหลังได้รับตำแหน่ง ทันใดนั้นชายวัยกลางคนที่คุ้นเคยผลักประตูเข้ามา

“ไงจ๊ะนิ้ง โต๊ะทำงานใหม่ชอบไหม” ชัยพูดพลางส่งยิ้มหวาน คะนิ้งกดหยุดซีรีส์ที่กำลังเล่นอยู่ ท่าทีไม่เกรงกลัวที่ถูกผู้จัดการจับได้ว่าอู้งาน

“ชอบสิคะ เพราะพี่ชัยแท้ๆ นิ้งเลยได้เลื่อนตำแหน่งแบบนี้ ขอบคุณนะคะ” คะนิ้งพูดเสียงออดอ้อน

“พี่ต้องได้รางวัลอะไรรึเปล่าน้า~”

ชายหนุ่มพูดพลางเดินเข้ามาใกล้หญิงสาวที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงาน เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ พร้อมวางมือลงบนที่วางแขนเก้าอี้ทั้งสองข้าง คล้ายกับการโอบตัวเธอไว้ไม่ให้หนี คะนิ้งยิ้มน้อยๆ ก่อนจะ     เอื้อมมือไปโอบรอบคอของเขา ดึงตัวชายวัยกลางคนเข้ามากอดพร้อมมอบจูบเบาๆ ให้เป็นรางวัล

“ขอบคุณค่ะ” คะนิ้งคล้ายมือออกพร้อมส่งยิ้มหวานหยดอีกครั้ง ชัยฉีกรอยยิ้มกว้างจากความพึงพอใจที่เต็มตื้น ทั้งสองแอบคบกันได้ประมาณ 1 ปีแล้ว แต่ที่ไม่เปิดตัวเพราะไม่ต้องการให้กระทบภาพลักษณ์ผู้จัดการบริษัทของชัย

“แล้วโปรเจกต์เป็นยังไงบ้าง พร้อมไหม” ชายวัยกลางคนถามความคืบหน้าของงานที่ใกล้ถึงเส้นตาย

“ตอนนี้รอให้เบสต์ทำมาให้อยู่ค่ะ ถึงช่วงนี้ยัยนั่นจะทำงานช้า แล้วก็ผิดเยอะก็เถอะ”

“เคยตัวนะเรา คอยใช้เพื่อนทำงานให้แบบนี้” ชัยต่อว่าแต่เป็นเชิงหยอกล้อมากกว่าจริงจัง

“ก็แหม…ยัยเบสต์ทั้งเก่ง ทั้งบ้างาน ถ้าว่างเกินกลัวว่าเพื่อนจะรู้สึกว้าเหว่ค่ะ ก็เลยให้ช่วยงานเยอะๆ” คะนิ้งตอบแบบขอไปที

“แต่ยังไงเราก็ต้องเรียนรู้ไว้บ้างนะ เผื่อวันไหนเบสต์ไม่อยู่เราจะได้ทำเองได้ ที่นิ้งได้ย้ายมานั่งห้องนี้ ส่วนหนึ่งก็เพราะผลงานของเบสต์นะ”

ใช่แล้ว ที่บอร์ดบริหารพูดว่าผลงานของเบสต์ไม่มากพอน่ะเรื่องจริง เพราะผลงานของเธอถูกเขารายงานไปเป็นผลงานของคะนิ้ง แฟนสาวสุดที่รักหมดแล้วนั่นเอง

“ค่า ค่า หยุดพูดถึงผู้หญิงคนอื่นสักทีเถอะ ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้นสักหน่อย” คะนิ้งตัดบท

“พูดแบบนี้ใจร้ายจัง” ชัยหยอกเย้าขำๆ ก่อนจะดึงตัวคะนิ้งมาหอมอีกฟอดใหญ่

แม้จะมีสีหน้าบึ้งตึงเล็กน้อย แต่คะนิ้งก็ไม่ได้ปัดป้องหรือปฏิเสธรอยจูบที่ประทับลงบนแก้มขาวเนียนของเธอ

“นิ้งก็คบไว้เพราะผลประโยชน์เท่านั้นแหละค่า” สาวร่างเล็กที่ผู้คนหลงใหลได้ปลื้มว่าเป็นนางเอกเผยด้านนางร้ายออกมาอย่างชัดเจนเมื่ออยู่กับแฟนหนุ่มสองต่อสอง

 

ได้ยินหมดเลย

เบสต์นั่งเหม่ออยู่บนโต๊ะทำงานด้วยใจที่ว่างเปล่า แรกเริ่มเดิมที เธอตั้งใจจะนำเอกสารสรุปและพรีเซนต์ที่เสร็จแล้วส่งให้คะนิ้งตรวจดูความเรียบร้อย แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เห็นและได้ยินความจริงที่แสนเจ็บปวดขนาดนี้ เธอแทบจะล้มทั้งยืนแต่ก็พาตัวเองกลับมานั่งที่โต๊ะได้สำเร็จ

อารมณ์ของหญิงสาวมันผสมปนเปกันไปหมด ทั้งโกรธ เสียใจ ผิดหวัง แต่ที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือท้อแท้     เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่า ต่อให้จะพยายามอีกสักแค่ไหน หรือต่อให้ทำงานหนักอีกสักเท่าไร เธอก็คงจะไม่สามารถเป็นคนที่ประสบความสำเร็จได้อย่างคนอื่นเขา

อาจจะเป็นแบบที่แม่ว่าไว้…คนอย่างเธอคงจะไม่ไหวหรอก

ไม่ไหว

เบสต์ปวดหัวตื้อๆ มาหลายวัน มันทำให้เธอทำงานช้าและหลงลืมอยู่บ่อยครั้ง หญิงสาวรู้ตัวเองดีว่าช่วงนี้ประสิทธิภาพการทำงานของเธอแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เธออยากจะร้องไห้เหลือเกินแต่น้ำตาก็ไม่ไหลออกมา เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเสาไม้…เสาเอกที่คอยรับน้ำหนักค้ำจุนคนอื่นๆ เธอจะล้มไม่ได้เพราะจะทำให้คานไม้อื่นที่พาดอยู่โค่นลงตามไปด้วย ถึงกระนั้นเสาที่ภายนอกดูจะแข็งแรงและสวยงามต้นนี้ ภายในกลับถูกปลวกแทะกัดกินจนเป็นโพรงโหว่

เบสต์ไม่รู้จะทำอย่างไรดี จะลาออกทั้งที่สภาพเศรษฐกิจแย่ขนาดนี้ คนไร้ความสามารถอย่างเธอ ก็กลัวจะหางานใหม่ทดแทนบริษัทที่ทั้งใหญ่และสวัสดิการดีแบบนี้ไม่ได้ เหนืออื่นใดดูจากสภาพจิตใจของเธอ หญิงสาวคงไม่พร้อมที่จะออกไปสู้ที่ไหนแน่ๆ

เธอเหนื่อย ไม่อยากพยายามอีกต่อไปแล้ว…

คลิก!

หญิงสาวเหมือนได้ยินเสียงบางอย่างในหัว เปลี่ยนความรู้สึกปวดหัวที่เป็นมานานให้กลายเป็นความรู้สึกโล่งวูบ เหมือนในหัวสมองของเธอมันว่างเปล่า…ภายในของเธอว่างเปล่า…

เธอถอนหายใจ…

สักพักก็ถอนหายใจอีก…

หญิงสาวรู้ดีว่ามีอะไรในหัวของเธอที่มันเปลี่ยนไปแต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้

ไม่ไหว

เบสต์รู้สึกเวียนหัวอย่างรุนแรงจนเธอต้องรีบวิ่งเพื่อไปอาเจียนในห้องน้ำ มือไม้สั่น…

แปลกมากเธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน

ไม่ไหว

ไม่ไหว

ไม่ไหว

ร่างกายของเธอมันฟ้องว่าเธอไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไปแล้ว เบสต์จึงตัดสินใจใช้วันลาทั้งหมดที่มีเพื่อหยุดพัก หญิงสาวกลับมานั่งที่โต๊ะประจวบกับที่ชัยเดินออกมาจากห้องของคะนิ้งพอดี

“พี่ชัยคะ เบสต์รู้สึกไม่สบาย เบสต์ขอลาช่วงบ่ายนะคะ”

ผู้จัดการหนุ่มครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนตอบรับ

“ได้สิ พักผ่อนแล้วก็หายไวๆ นะ พรุ่งนี้จะได้มาช่วยกันปั้นโปรเจกต์ต่อ”

เบสต์ฟังแล้วถึงกับสะอึก แม้ประโยคแรกจะแสร้งเหมือนว่าเอาใจใส่ แต่ประโยคหลังกลับเอาเรื่องงานและผลประโยชน์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง

“เอ่อ…เบสต์คิดว่าจะลาไปสิบวันทีเดียวเลยค่ะพี่ชัย เบสต์รู้สึกเหนื่อยสะสม เบสต์ต้องพักจริงๆ”

“ลาเยอะขนาดนั้น ทั้งที่งานจะเริ่มอาทิตย์หน้าอยู่แล้ว เธอคิดอะไรอยู่กันแน่” ถึงน้ำเสียงจะแข็งกร้าวไปบ้าง แต่ชัยก็ยังคงแสดงสีหน้ายิ้มแย้มในคราบของพี่ชายที่แสนดี

“แต่เบสต์ไม่เคยใช้วันลาเลยนะคะ และนี่ก็เป็นวันลาของเบสต์ที่เก็บไว้ ถูกต้องตามนโยบายบริษัท”

“รอให้ผ่านอีเวนต์ไปก่อนไม่ได้เหรอ พี่อยากให้เราอยู่ในช่วงเวลาของความสำเร็จไปด้วยกันนะ” เขายังคงแสดงท่าทีห่วงใยเหมือนเดิม จนหญิงสาวรู้สึกหลอน ว่าตัวตนไหนคือร่างที่แท้จริงของผู้ชายคนนี้กันแน่

“เบสต์ไม่ไหวค่ะพี่ชัย ไม่ได้จริงๆ” ดวงตาของหญิงสาวเริ่มพร่ามัว แค่จะยืนคุยให้มั่นคงก็รู้สึกฝืนเต็มที ชัยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วถอนหายใจออกมาแรงๆ

“ก็ได้ เบสต์พักผ่อนเถอะ เรื่องที่บริษัทให้พี่กับคะนิ้งจัดการต่อเอง ยังไงสุขภาพของเราก็สำคัญกว่า” ชัยว่าพลางตบที่ไหลของหญิงสาว 2-3 ทีเป็นการให้กำลังใจ เบสต์ยิ้มรับด้วยใบหน้าซีดเซียว ในที่สุดเธอก็ได้หยุดพักสมดั่งใจหวัง แต่หญิงสาวไม่รู้เลยว่านี่เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ



Don`t copy text!