ยาใจด้วยรัก บทที่ 9 : ความห่วงใยของคนแปลกหน้า

ยาใจด้วยรัก บทที่ 9 : ความห่วงใยของคนแปลกหน้า

โดย : ลิลนิล

Loading

ยาใจด้วยรัก โดย ลิลนิล เรื่องราวฟีลกู้ดของสาวไทป์แมวดำและเด็กหนุ่มไทป์หมาโกลเด้นที่จะช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของการใช้ชีวิตให้มีความสุขมากขึ้น นวนิยายโรแมนติก คอมเมดี้ อบอุ่นหัวใจ ดราม่า ที่อ่านเอาเชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จะมอบความสุขให้กับทุกคนได้อย่างแน่นอน

แสงแดดอ่อนๆ ในยามเช้า ส่องเปลือกตาที่ปิดสนิทของหญิงสาวให้รำคาญ เธอค่อยๆ ตื่นขึ้นบนเตียงนอนที่แสนคุ้นเคย เบสต์สะลึมสะลือเยื้องย่างเท้าลงจากเตียงอย่างเชื่องช้า หากแต่สิ่งที่เหยียบลงไปกลับเป็นร่างกายนุ่มของมนุษย์ ไม่ใช่พื้นแข็งที่เคยคุ้นชิน

“โอ๊ย!”

ภพสะดุ้งตื่นด้วยน้ำหนักที่บดขยี้ลงบนท้องเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เบสต์รีบชักเท้ากลับด้วยความตกใจ ทั้งสองคนลุกขึ้นมานั่งสบตากันปริบๆ หญิงสาวในสภาพผมยุ่งเหยิงจ้องมองเด็กหนุ่มที่เธอไม่รู้จักอย่างไม่วางตา มองไล่จากใบหน้าของเด็กหนุ่มลงมายังส่วนลำตัวของเขา ทำให้เธอเพิ่งตระหนักได้ว่า เขาเปลือยท่อนบนอยู่!

สภาพตรงหน้าว่าน่าตกใจแล้ว แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือเธอเองก็ใส่แต่ชุดชั้นในเหมือนกัน!

เบสต์กรี๊ดลั่นจนเด็กหนุ่มต้องพุ่งตัวเอามือปิดปากของเธอไว้ป้องกันเพื่อนบ้านแตกตื่นอีกรอบ ภพกระวีกระวาดหาผ้าขนหนูที่เขาใช้ห่อตัวเธอเมื่อคืนมาคลุมปกปิดร่างกายของหญิงสาวอย่างมิดชิด เมื่อเจ้าของห้องเริ่มใจเย็นลง เด็กหนุ่มจึงเริ่มปริปากอธิบาย

“ผมไม่ได้ทำอะไร สาบานได้” เขาชูสามนิ้วขึ้นมาแบบลูกเสือ

“เมื่อวานคุณสติแตกมาก ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยเอาน้ำเย็นราด แต่คุณสลบไปเลย ผมกลัวแทบแย่นึกว่าทำคนตาย”

เมื่อได้ยินดังนั้นหญิงสาวเริ่มพิจารณาจากสภาพการณ์ที่เป็นอยู่ ตอนนี้เธอยังใส่กางเกงตัวเมื่อวาน และผ้าขนหนูที่เด็กหนุ่มคนนี้พูดถึงก็น่าจะหลุดออกเพราะเธอนอนดิ้น ระหว่างที่หญิงสาวกำลังวิเคราะห์ เด็กหนุ่มเดินออกไปเอาเสื้อยืดของเขาที่ตากไว้ที่ระเบียงพอแห้งหมาดๆ มาสวมใส่ เบสต์เริ่มสบายใจขึ้นเมื่อตระหนักได้ว่าทุกอย่างมันไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่เธอกลัว

“ปกติเวลาเพื่อนเมาอ้วก ผมก็จะเอาผ้าขนหนูมาม้วนตัวมันไว้แบบนี้แหละ คุณอย่าถือสาเลย”

ภพว่าพลางเดินไปเปิดตู้เย็นของหญิงสาว กวาดตามองของที่ถูกแช่อยู่ภายใน ก่อนหยิบนมวัวในขวดพลาสติกมาเทใส่แก้วแล้วอุ่นในไมโครเวฟหน้าตาเฉยประหนึ่งเป็นบ้านของตัวเอง

“ที่บ้านไม่เคยสอนเรื่องมารยาทเหรอ” หญิงสาวกล่าวอย่างไม่พอใจเมื่อเห็นพฤติกรรมของเด็กหนุ่มที่หยิบจับข้าวของของเธอโดยไม่ขออนุญาต

“ไม่รู้สิ พอดีไม่เคยมีพ่อแม่สั่งสอนน่ะ” เขาพูดพลางลดตัวลงนั่งที่ปลายเตียงและยื่นนมอุ่นๆ ในแก้วเซรามิกให้หญิงสาว ตอนแรกเธอลังเลที่จะรับแต่เด็กหนุ่มกลับยัดมันใส่มือของเธอ หญิงสาวเลยต้องใช้สองมือถือเอาไว้อย่างเสียไม่ได้

ด้วยความอุ่นของแก้ว และไอร้อนที่ลอยขึ้นมาทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีความอยากที่จะลิ้มรสมันอยู่ดี…

“ผมชื่อภพนะ อยู่ห้องข้างๆ แล้วคุณอะ ชื่อไร”

เด็กหนุ่มแนะนำตัวพร้อมกับส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร หญิงสาวมองใบหน้าหล่อเหลาสักครู่อย่างชั่งใจ…

“เบสต์” เธอตอบสั้นๆ ด้วยเสียงอันแผ่วเบา

“ดูแล้วคุณน่าจะอายุมากกว่าผม งั้นขอเรียกพี่นะ”

หญิงสาวไม่ตอบ เด็กหนุ่มจึงถือว่าเธอตกลง

“พี่เบสต์เมื่อวานเกิดไรขึ้นอะ ผมเจอพี่นั่งอยู่ตรงระเบียง ตกใจนึกว่าพี่จะโดดเลยปีนห้องมาเนี่ย”

เด็กหนุ่มเล่าเหตุการณ์เมื่อวานที่เอาไปพูดต่อให้ใครฟังก็คงหัวเราะ

คนบ้าอะไรวะปีนระเบียงตอนตี 1

“ทำไมต้องทำขนาดนั้นด้วย เราไม่รู้จักกันสักหน่อย” เบสต์กล่าวเสียงอ่อย ก้มหน้าดวงตามองต่ำ

“ผมไม่อยากมีผีข้างห้องอะพี่”

เขาตอบกวนๆ แต่เบสต์กลับขำไม่ออก ทันใดนั้นเองเบสต์จำได้ว่าเธอมีโปรเจกต์สำคัญต้องไปทำ

ใช่ เธอต้องไปทำงาน แต่เอ๊ะ…เธอโดนไล่ออกแล้วนี่นา

ตระหนักได้ดังนั้น หญิงสาวไม่รู้ว่าจะต้องดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไรในเมื่อเป้าหมายชีวิตเพียงอย่างเดียวของเธอเพิ่งถูกบดขยี้ไปเมื่อวาน เบสต์ก้มหน้าลงพยายามกลบเกลื่อนความเศร้าที่บัดนี้พรั่งพรูออกมาเกินกว่าจะควบคุมไหว เธอมีสีหน้าบิดเบี้ยว ไหล่สั่นเทิ้ม ส่งแรงไปถึงน้ำนมสีขาวอุ่นในแก้วจนมันกระเพื่อมดูคล้ายวงน้ำที่เกิดขึ้นจากหยดน้ำ ทว่าในความเป็นจริงกลับไม่มีน้ำสักหยดไหลออกจากดวงตาของหญิงสาว

เด็กหนุ่มเห็นดังนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ สายตาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่ดูอ่อนแอ และเปราะบาง พร้อมจะแตกสลายได้ทุกเมื่อ ผิดกับรอยยิ้มสดใสเมื่อครั้งแรกที่เขาพบเธอ ภพหยิบแก้วนมในมือของหญิงสาวไปวางไว้บนโต๊ะก่อนลดตัวลงนั่งข้างๆ เธอ

“พี่ไม่โอเคใช่มั้ย”

ผู้ถูกถามส่ายศีรษะช้าๆ ยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาปิดบังใบหน้าที่สภาพดูไม่ได้ เห็นดังนั้นภพได้แต่ถอนหายใจอย่างกังวล

“พี่เบสต์ เคยได้ยินเรื่องจิตแพทย์ไหม” เขาเปรยขึ้นเป็นเชิงถาม หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่ง

“ผมอยากให้พี่ลองไปหาหมอดูนะ บอกตามตรงอาการพี่แม่งโคตรน่าเป็นห่วงเลย”

“ฉันไม่ได้บ้านะ” หญิงสาวปฏิเสธ ชายหนุ่มจึงเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเธอเป็นการปลอบ

“ปรึกษาหมอไม่จำเป็นต้องบ้านะพี่ เดี๋ยวนี้เค้าเปิดกว้าง คนไปหาเยอะแยะ เราก็ไปคุยเล่นๆ ถ้าไม่เป็นไรก็จะได้สบายใจ แต่ถ้าเจออะไรก็จะได้รักษาไง ดีมั้ย”

เขายิ้มอย่างอ่อนโยน ความอบอุ่นของฝ่ามือส่งผ่านเส้นผมของเธอจนรู้สึกได้ หญิงสาวเหลือบมองสีหน้าของชายผู้อ่อนวัยกว่าผ่านช่องว่างระหว่างนิ้วเรียวยาวของเธอ หัวใจรู้สึกเต็มตื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

อันที่จริงหญิงสาวรู้ตัวเองดีกว่าใครว่ามันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในสมองของเธอ ตั้งแต่ได้ยินเสียง ‘คลิก’ ครั้งนั้น เหมือนสวิตซ์ร่างกายของเธอมันถูกสับให้อยู่ในโหมดชัตดาวน์ อาการกินไม่ลงนอนไม่หลับยังคงอยู่มาจนไม่รู้เป็นวันที่เท่าไร

เหมือนร่างกายมันสั่งให้เธอตายไปจริงๆ

“พี่อยากลองดูไหม ผมไปเป็นเพื่อนได้นะ” ภพถามซ้ำอีกครั้ง

เบสต์ไม่ได้ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ เด็กหนุ่มจึงขอยืมมือถือของหญิงสาว เพื่อโทร.ติดต่อทำนัดจิตแพทย์กับโรงพยาบาล ทว่าโทรศัพท์ของเธอกลับดับไปแล้วจากการถูกปากระแทกเมื่อวาน โทรศัพท์ภพเองก็อยู่ในห้องของเขา ครั้นจะให้ปีนระเบียงกลับที่เดิม ตอนนี้เจ้าตัวกลับไม่มีความกล้ามากพอ

เวรกรรม… บทคนจะเท่ดันโดนขัดซะได้



Don`t copy text!