‘มหรสพเวรา’ ผลงานพีเรียดเรื่องแรกของ ‘คีตาญชลี แสงสังข์’ ที่คว้ารางวัลชนะเลิศจาก โครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่น ๔

‘มหรสพเวรา’ ผลงานพีเรียดเรื่องแรกของ ‘คีตาญชลี แสงสังข์’ ที่คว้ารางวัลชนะเลิศจาก โครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่น ๔

โดย : กิ่งสุรางค์ อนุภาษ

Loading

ด้วยความตั้งใจและต้องการพัฒนางานเขียนของตัวเองให้ดีขึ้น ‘คีตาญชลี แสงสังข์’ จึงสมัครเข้าร่วมโครงการอ่านเอาก้าวแรก รุ่น ๔ และนั่นทำให้เธอพัฒนาผลงานของตัวเองที่มีจนกลายมาเป็น มหรสพเวรา นวนิยายดรามา ที่แฝงไว้ด้วยความรัก ความลับ และกลิ่นอายของวงการภาพยนต์ไทยเมื่อกว่าหกสิบปีที่แล้วจนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศจากโครงการได้สำเร็จ

เพราะอะไรถึงชื่อ มหรสพเวรา

“ที่มาของชื่อ มหรสพเวรา เป็นการพยายามคิดให้เข้ากับเนื้อหาของเรื่องที่เล่าถึงเป็นวงการภาพยนตร์ไทยค่ะ ซึ่งยุคนั้นเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านจากละครเป็นหนัง เราเซตติ้งไว้ที่ปี พ.ศ. ๒๔๙๘ และคำว่า ‘มหรสพ’ นั้นให้ทั้งความเก่าและความยิ่งใหญ่ของความบันเทิงไทย เลยเลือกคำนี้ ส่วน ‘เวรา’ มาจากเนื้อหาของเรื่องที่นำเสนอเรื่องเวรกรรม และบางประเด็นทางพุทธศาสนา เลยเลือกมาใช้ กลายเป็น มหรสพเวรา ค่ะ

เรื่องนี้จะพาทุกคนย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่กรุงเทพฯ ยังนิยมเรียกว่าพระนคร บ้านเมืองยังมีอากาศ ๓ ฤดู คือ ร้อน ฝน หนาว  ไม่ใช่ ร้อน ร้อนมาก และ ร้อนมากๆ เป็นยุคความทันสมัยหลังปฏิวัติอุตสาหกรรมที่มีไฟฟ้าใช้อย่างแพร่หลาย มีรถราง โทรศัพท์บ้านแล้ว ซึ่งนอกจากผู้อ่านจะได้เห็นวิถีชีวิตยุคนั้น ยังจะได้เข้าไปเห็นการผลิตภาพยนต์ ๑๖ มม. อย่างใกล้ชิดด้วยค่ะ”

มหรสพเวรา โดยสังเขป

พระนคร พุทธศักราช ๒๔๙๘ ทัพเที่ยง อาจารย์นักเขียนหนุ่ม ย้ายมาอยู่เรือนก้านมะลิเพราะจักรชวนเขามาเขียนบทภาพยนตร์ในเรือนก้านมะลิ ทัพเที่ยงได้พบกับผีสาวชื่อกลิ่นเข้ามาขอความช่วยเหลือ แต่หล่อนกลับเป็นใบ้พูดกันไม่รู้เรื่อง ระหว่างที่ทัพเที่ยงหาทางช่วยกลิ่น งานสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาและจักรก็เจอแต่ปัญหา ทัพเที่ยงจะทำอย่างไรเพื่อผ่านอุปสรรคต่างๆ ทั้งการสร้างภาพยนตร์ซึ่งไม่ใช่ของง่ายและการช่วยผีสาวให้หลุดพ้นไปจากเรือนก้านมะลิให้ได้

“สำหรับเรื่องทางพุทธศาสนามีข้อมูลอยู่แล้วค่ะ แต่เรื่องวงการบันเทิงยุคเก่านั้นไม่มีข้อมูลเลย ที่มีก็ผิดๆ ถูกๆ ตอนลงมือเก็บข้อมูลพอรู้ความจริงก็ต้องเปลี่ยนฉากที่ตั้งใจไว้หลายฉาก และเปลี่ยนตัวละครบางตัวให้ตรงกับไทม์ไลน์จริงๆ ของวงการบันเทิงค่ะ ส่วนเวลาที่ใช้ในการเขียนเรื่องนี้ จำได้ว่าส่งก่อนหมดเวลาประกวด ๑ วัน น่าจะใช้ไปประมาณประมาณ ๖ เดือนเฉพาะการเก็บข้อมูลและลงมือเขียน ไม่นับเวลาคิดพล็อตมาก่อนหน้านั้นแล้วนะคะ

“ส่วนตัวคิดว่าการให้รายละเอียดในฉากต่างๆ น่าจะสะท้อนความเป็นตัวเองค่ะ เพราะนอกจากจะชอบแนวสืบสวนสอบสวนแล้วก็เป็นสายข้อมูล แต่ก็พยายามระวังให้พอดี เดี๋ยวจะกลายเป็นสารคดีไป (หัวเราะ) ถามว่าเรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องที่ผ่านมาอย่างไร ถ้าชัดๆ คือเป็นงานพีเรียดเรื่องแรกของตัวเองเลยค่ะ ก็ขอสมัครเข้าสู่อ้อมอกอ้อมใจ ของนักเขียนนักอ่านนิยายพีเรียดด้วยนะคะ”

ความสนุกและท้าทาย

“การนำบุคลากรในวงการภาพยนตร์เข้ามาอยู่ในเรื่องนับเป็นความท้าทายในการเขียนอย่างมากค่ะ เจตนาคือยกย่องและบันทึกเรื่องราวของพวกท่านซึ่งมีส่วนร่วมในการผลักดันวงการบันเทิงไทยให้เดินมาถึงทุกวันนี้ ด้วยเนื้อเรื่องนั้นเอื้อให้สามารถเอ่ยถึงอยู่แล้ว แต่ก็มีความท้าทายระดับทะเยอทะยานของตัวเองคือตัวละครหลักอย่างทัพเที่ยง และจักรนั้นได้มีโอกาสได้สนทนากับบางท่านจริงๆ ไม่ใช่เพียงการเอ่ยถึง ดังนั้น การทำงานในส่วนนี้จึงต้องตรวจสอบหลายขั้นตอนและใช้เวลามาก เลยอยากจะให้ลองอ่านกันดูค่ะ

สำหรับพัฒนาการในการเขียนนิยายเรื่องนี้นั้นส่วนตัวมีสองอย่างที่ได้ฝึก คือการเขียนงานพีเรียด กับการเขียนฉากพระ-นางค่ะ ถ้าพูดตามทฤษฎีแล้ว มหรสพเวรา มีเส้นเรื่องหลักเป็นรักสามเส้า ฉากพระ-นาง เลยสำคัญกับตัวเรื่อง ซึ่งถือว่าตัวเองได้ฝึกฝนทั้งการเขียนเรื่องรัก ทั้งงานพีเรียด เลยรู้ว่าการเขียนพีเรียดไม่ง่ายเลย เขียนจบก็อยากจะกราบนักเขียนหลายท่านๆ ที่สร้างงานย้อนยุคมาให้อ่าน ถ้าไม่มาเขียนเองก็ไม่รู้ว่ายากขนาดนี้

ส่วนความประทับใจที่ได้จากเรื่องมหรสพเวราคือบรรยากาศบ้านเมืองยุคนั้นค่ะ มันดูไม่วุ่นวาย เรียบง่ายแต่ก็มีความทันสมัย ไม่ลำบาก เพราะมีไฟฟ้า มีรถยนต์ มีเครื่องจักรอุตสาหกรรมแล้ว อีกอย่างก็เรื่องกลยุทธ์ ชั้นเชิง ในธุรกิจภาพยนตร์สนุก ซับซ้อนไม่ผิดกับการตลาดและวงการบันเทิงยุคนี้เลยค่ะ”

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก

“แก่นของเรื่องนี้คือ โทสะที่กัดกินมนุษย์นั้นกำจัดได้ด้วยความเมตตา แต่ก็อาจไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าเราจะเข้าใจจนเมตตาใครสักคนได้ ก็อาจต้องเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเขา ซึ่งเมื่อเรากำจัดความโกรธความแค้นออกไปได้ ชีวิตเราจะเบาสบายเพราะไม่ต้องถือของหนักอย่างความโกรธความแค้นเอาไว้… แต่นั่นแหละค่ะ อย่างที่บอก… ไม่ใช่เรื่องง่าย เหมือนตัวละครในเรื่องกว่าจะหลุดพ้นได้ก็ต้องเจอสถานการณ์ต่างๆ ด้วยตัวเอง”

ฝาก มหรสพเวรา ในอ้อมใจ

“การทำงานเรื่องนี้ตัวเองอาจจะเขียนเองคนเดียว แต่กว่าจะมาถึงมือผู้อ่าน คนเขียนไม่ได้ทำคนเดียวค่ะ เพราะได้ผ่านความร่วมมือของหลายๆ ฝ่ายใน สำนักพิมพ์กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง โดยเฉพาะ บก. พี่ต้อม (รัญชณ์ ตรีธรรมวุฒิกุล) เราช่วยกันดูรายละเอียด จุดเล็กจุดน้อย แม้แต่ศัพท์คำเดียวก็ต้องมาดูว่าตรงยุคสมัยไหม

“ขอฝาก มหรสพเวรา สำหรับนักอ่านสายพีเรียดที่ชอบบรรยากาศบ้านเมืองในอดีต รักสามเส้าซึ้งๆ สำหรับนักอ่านสายรัก และเรื่องลึกลับสำหรับนักอ่านสายระทึกขวัญ ด้วยนะคะ อ่านแล้วมีความเห็นอย่างไรมาพูดคุยกันในเพจสำนักพิมพ์กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง หรือที่อ่านเอาก็ได้ค่ะ อยากฟังทั้งคำเสนอแนะและอยากฟังทั้งบรรยากาศยุคสมัยนั้น ถ้าใครจะพอทันบ้างนะคะ”

Don`t copy text!