“ประมวลรัก ประมวลร้าย” ผลงานนิยายที่ทำด้วยหัวใจที่เป็นสุข โดย ขจรพัฒน์ สุขภัทราพิรมย์
โดย : YVP.T
“จะเป็นใคร ทำอาชีพอะไรก็เขียนนิยายได้” เพราะนักเขียนเจ้าของผลงาน “ประมวลรัก ประมวลร้าย” ที่ออนไลน์อยู่ในขณะนี้ คืออดีตทนายความที่ผันตัวมาสู่อาชีพนักเขียนอย่างเต็มตัว งานเขียนที่ออกมาสนุกสนานกลมกล่อมแค่ไหน ยอดผู้อ่านที่ดีวันดีคืนคือคำตอบที่ชัดเจนที่สุด
“สวัสดีครับ…ผู้อ่านชาวอ่านเอาทุกท่าน ผม ‘ขจรพัฒน์ สุขภัทราพิรมย์’ หรือ ‘จ๋อ’ เคยเป็นทนายความที่ภูเก็ตและกรุงเทพฯ มาก่อน ขณะเดียวกันก็เขียนหนังสือไปด้วยแต่ไม่มาก เริ่มต้นด้วยแนว how to กฎหมายแบบอ่านง่ายเกือบทั้งหมด เช่น เปลี่ยนหนี้หนักเป็นหนี้เบา (กฎหมายเกี่ยวกับหนี้), รวยได้แน่จากธุรกิจอสังหาฯ ถ้ารู้กฎหมาย, เคลียร์หนี้ทีเดียวจบ, คู่มือเขียนพินัยกรรม (อย่าปล่อยให้คนที่รักต้องลำบากแก้ไขไม่ยากแค่เขียนพินัยกรรม) เล่มพินัยกรรมนี้จะเป็นแนวเรื่องสั้นแฝงความรู้ ได้รับรีวิวค่อนข้างดีมากครับ
“นอกจากนี้ก็มีเกี่ยวกับสุนัข คือเรื่อง ‘ช่อมาลีหมาเน่าผู้น่ารัก’ และวรรณกรรมเยาวชนที่ได้ชมเชยจากแว่นแก้วเรื่อง ‘กล่องตุ๊กตาใสกับจดหมายของพ่อ’ แต่หลังจากที่รู้ว่าป่วยเป็นมะเร็งตับระยะสามเมื่อต้นปี พศ. 2562 ก็ต้องคิดว่า เราจะดูแลตัวเองยังไงดี ก็ได้ข้อสรุปว่า ตลอดเวลาที่เป็นทนายความมา 10 กว่าปี เรารู้ว่า เวลาทำคดีเราจะค่อนข้างเครียดพอสมควร และบางคดีใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานเป็นปีๆ แต่ โรคที่เราเป็นไม่ควรเครียด และคดีที่สู้กันเป็นปีๆ มันก็มี ผม ก็กลัวว่าทนายความจะตายก่อนคดีถึงที่สุด พอคิดสะระตะแล้ว จึงตัดสินใจหยุดดีกว่า ซึ่งผมไม่เสียดายนะครับ เพราะมองว่างานทุกงานมีคุณค่าและสามารถสร้างรายได้ให้เราได้ทั้งนั้น ถ้าเรามุ่งมั่นมากพอ ไม่ว่าจะเป็นทนายความหรือนักเขียน ผมก็เลยตัดสินใจหยุดงานกฎหมายทั้งหมด และหันมาเขียนหนังสือเต็มตัวกระทั่งวันนี้ครับ”
การเขียนหนังสือ…คือการถ่ายทอดจินตนาการออกมาเป็นตัวหนังสือ
ความที่คุณจ๋อเป็นคนที่ชอบใช้จินตนาการกับเรื่องต่างๆ และรู้สึกอยากนำจินตนาการของตัวเองมาเล่าให้คนอื่นได้รับรู้บ้าง จึงเกิดเป็นความคิดที่อยากเขียนนิยายที่อ่านสนุก แต่ขณะเดียวกันก็สามารถให้ข้อคิดกับคนอื่นได้ด้วย เขาลงมือเขียนและเมื่อได้ข่าวการเปิดอบรมโครงการช่องวันอ่านเอา ก็ไม่พลาดสมัครเข้าร่วมทันที
“ผมติดตามเพจ ‘อ่านเอา’ มาตลอดครับ และได้ข่าวของโครงการช่องวันอ่านเอา ครั้งที่ 2 ก็จากเพจอ่านเอา ตอนตัดสินใจสมัคร ผมยอมรับว่าลึกๆ แล้ว ความฝันของผมคือ อยากเห็นจินตนาการของตัวเองกลายเป็นตัวละครที่มีชีวิตจริงๆ และที่อ่านเอาก็ให้โอกาสตรงนี้ พอเข้าร่วมก็รู้สึกว่า ตัวเองได้ทั้งความสนุก ความอบอุ่น ได้ความรู้เพิ่มเติม และที่สำคัญผมชอบอ่านเอาที่ให้โอกาสกับทุกคนครับ”
“ประมวลรัก ประมวลร้าย” คือผลงานจากโครงการช่องวันอ่านเอาครั้งที่ 2
เมื่อโชคชะตาเล่นตลก ให้โอกาส ‘วสิน’ ผู้พิพากษาอนาคตไกลวัย 53 ปี ที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำได้กลับมาอีกครั้ง…ในร่างของ ‘จอมพล’ เด็กหนุ่มวัยยี่สิบสาม!
แต่เอาละ…กลับมาแล้ว ก็ต้องสืบกันสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้พิพากษาอนาคตไกลอย่างเขา
อุบัติเหตุคืนนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร!?
เรื่องสืบคดีก็เรื่องหนึ่ง แต่ดันมีเรื่องหัวใจเข้ามาเอี่ยว…แถมสาวคนนั้นคือ ‘มินตรา’ ลูกสาวของเขาเอง!!
“ด้วยเราพอมีความรู้ด้านกฎหมาย และป่วยเป็นโรคร้าย เคยคิดเล่นๆ ว่าถ้าเราตายแล้วจู่ๆ ลืมตาขึ้นมากลายเป็นเราตอนวัยรุ่น แต่ความทรงจำคือตัวเราที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวก่อนตายคงเพลินไม่น้อย เลยกลายเป็นพล็อตหลัก แต่ตั้งใจบิดให้ตัวเอกเสียชีวิตจากการฆาตกรรมแทนที่จะป่วยตาย และกลับมาในร่างเด็กหนุ่มคนอื่นที่ไม่ใช่ตัวเองแทนน่าจะน่าสนใจ
“ส่วนข้อมูลต่างๆ ผมเขียนไปหาไป ในเรื่อง “ประมวลรัก ประมวลร้าย” นั้น ตรงข้อมูลด้านกฎหมายหรือวิธีพิจารณาคดีต่างๆ ผมพอรู้บ้าง แต่ที่ต้องหาเพิ่มเติมคือเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตหลังความตาย โดยหาข้อมูลจากหนังสือธรรมะ ศึกษาเรื่องศาสนาและ จิตวิญญาณค่อนข้างเยอะ โดยดูจากหนังสือที่เรามีก่อน นอกเหนือจากนั้นก็ค้นข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตจากจากหลายๆ แหล่งข้อมูลมาเปรียบเทียบกันครับ”
ขอเพียงได้ทำ…และทำด้วยหัวใจที่เป็นสุข
หลังจากอบรมเสร็จ คุณจ๋อต้องเข้าผ่าตัดใหญ่และต้องพักฟื้นอยู่เป็นเดือนกว่าจะมีแรงเขียน เวลาก็ผ่านไปทุกวัน แต่เขาก็ไม่หวั่น ลุกขึ้นปั่นงานจนเสร็จสมใจ
“ผ่าตัดเสร็จต้องพักฟื้นต่อเป็นเดือน ทำให้ผมมีเวลาน้อยมากในการเขียนเรื่องนี้ ถ้าจำไม่ผิดผมใช้เวลาเขียนต้นฉบับ ประมวลรัก ประมวลร้าย น่าจะไม่เกินสองอาทิตย์ ตอนแรกกะว่าจะทิ้ง ไม่ส่งแล้ว เพราะมองว่าอย่างไรก็คงไม่ทัน แต่พอนั่งนิ่งๆ สัก 2-3 วัน ก็คิดว่าโอกาสเข้ามาหาแล้วทำไมถึงไม่เอา ถ้าไม่ทำคือแพ้ มันน่าอาย ทีมะเร็งตับยังเอาอยู่ สู้ยิบตาจนใกล้ชนะแล้ว เรื่องแค่นี้ทำไมไม่ทำ เลยตัดสินใจนั่งเขียนจนจบครับ
“ผมมองว่าวิธีผ่านอุปสรรคไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามอยู่ที่วิธีคิดของคนที่กำลังเผชิญหน้ากับมันอยู่ว่ามีมุมมองต่ออุปสรรคเหล่านั้นอย่างไรบ้าง สำหรับผมทุกสิ่งที่เข้ามาล้วนมีเหตุผลของมันเสมอ หน้าที่ของเราคือจัดการแก้ไขไปตามที่สมควร ที่สำคัญคือต้องจัดการแก้ไขด้วยหัวใจที่เป็นสุขเท่านั้น สุดท้ายผลลัพธ์จะออกมาเช่นไรให้เป็นเรื่องของฟ้าแล้ว ส่วนเรื่องของเราคือ… ได้ทำก็พอแล้ว”
เห็นด้วยกับอ่านเอาไหมว่า “ได้ทำก็พอแล้ว” เป็นเพียงประโยคสั้นๆ แต่มีพลังมากมายจริงๆ แต่ก่อนที่จะได้ลงมือทำ…ได้เป็นนักเขียน คุณจ๋อบอกกับเราว่า “ต้องอ่านให้เยอะ เพราะก่อนจะเป็นนักเขียน ต้องเป็นนักอ่านก่อน เมื่ออ่านเยอะคลังคำ คลังประโยค พล็อตเรื่อง ฯลฯ มากมายก็จะอยู่ในหัวเรา เมื่อถึงเวลาที่เราจะเขียน คลังข้อมูลเหล่านี้บ่อยครั้งมันจะออกมาโดยอัตโนมัติจากหัวของเรา…จะ OUT PUT ได้ ต้อง IN PUT ให้มากพอ”
สุดยอดไปเลยใช่ไหมคะทุกคน ใครที่กำลังท้อ ไปไม่ถูก เริ่มต้นไม่ได้ ลองใช้วิธีที่คุณจ๋อแนะนำดูนะคะ