
“สุดสมรภูมิ” นิยายดาร์กเข้มข้นจากปลายปากกา ‘ปิยะพร ศักดิ์เกษม’
สำหรับคนที่ชื่นชอบงานเขียนแนวดาร์ก บาดลึก และหน่วงใจ สุดสมรภูมิ คืออีกหนึ่งนิยายขนาดสั้นที่ไม่ควรพลาด ผลงานเรื่องนี้ ยังคงเป็นเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่ ปิยะพร ศักดิ์เกษม เลือกเขียนสไตล์นี้ ซึ่งได้ฝากฝีไม้ลายมือไว้ตั้งแต่ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๓๙ ที่นิตยสารสกุลไทยก่อนจะนำมาตีพิมพ์เป็นรูปเล่มให้ได้อ่านกัน
ซึ่งแม้เวลาจะผ่านไปเกือบ ๓๐ ปี แต่เรื่องราวที่ว่าด้วยเรื่องราวของกิเลสและความเลวร้ายของมนุษย์ก็ยังคงร่วมสมัยอยู่เสมอ
สำนักพิมพ์กรู๊ฟ พับลิชชิ่ง ได้นำผลงานชิ้นนี้กลับมาพิมพ์ใหม่อีกครั้ง ด้วยเพราะเห็นว่าเรื่องราวดำมืดและซับซ้อนของสุดสมรภูมิ ยังคงท้าทายและสร้างความตื่นเต้นให้ผู้อ่านรุ่นใหม่ได้เหมือนเดิม และแม้นักเขียนจะกล่าวบ่อย ๆ ว่านิยายแนวสยองขวัญนั้นไม่ใช่แนวถนัด แต่หากเปิดอ่านไล่บรรทัดตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว เชื่อมั่นว่าจะต้องประทับใจกับฝีมือการเล่าเรื่องที่เข้มข้นและซับซ้อนอย่างแน่นอน
สุดสมรภูมิ กรรม ความรุนแรง และปรัชญาชีวิต
สุดสมรภูมิเป็นนิยายที่พี่เอียด (ปิยะพร ศักดิ์เกษม) เล่าว่าเธอได้รับแรงบันดาลใจมาจากการผสมผสานหลายแหล่ง ทั้งข่าว บทสัมภาษณ์คนดัง และจินตนาการของเธอเอง “เก็บเล็กผสมน้อยมาจากข่าว จากบทสัมภาษณ์คนดังในนิตยสาร เอามาโยนลงไปในหม้อที่เต็มไปด้วยจินตนาการ แล้วปรุงออกมาได้เป็น สุดสมรภูมิ หนึ่งชามค่ะ และการเขียนเรื่องแนวนี้เป็นเพราะอยากลองเขียนเรื่องและแนวที่ไม่เคยเขียนค่ะ ส่วนเหตุผลที่ไม่กลับมาเขียนอีก อาจเป็นเพราะยังไม่ได้พล็อตที่เหมาะสมก็ได้”
ในเรื่องนี้มีตัวละครเพียงไม่กี่ตัว แต่แต่ละตัวล้วนมีอะไรที่น่าติดตามด้วยกันทั้งนั้น อย่างเช่น สุดาวดี หนึ่งในตัวเอกของเรื่องพี่เอียดสร้างให้เธอเป็นผู้หญิงฉลาด มีเสน่ห์ แต่โหดร้าย “เราแนะนำให้ผู้อ่านรู้จักที่มาที่ไปและบุคลิกของเธอตั้งแต่ตอนเริ่มเรื่อง หลังจากนั้นพฤติกรรม ความคิด และถ้อยคำของเธอทุกบททุกตอนก็จะพาให้ผู้อ่านเข้าใจเธอเองค่ะ”
นอกจากสุดาวดีแล้ว ยังมีตัวละครอีกตัวคือสมภูมิที่มีอะไรน่าสนใจไม่แพ้กัน โดยตัวละครตัวนี้เคยผ่านสงคราม ทำให้สูญเสียทั้งร่างกายและจิตใจ นัยหนึ่งเรารู้สึกว่าเขาคือเหยื่อแต่อีกนัยหนึ่งเขาก็กลับกลายมาเป็นผู้ล่าในเวลาต่อมาได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ
สำหรับ กริช แมวหางขอด เสือดำ หรือเพื่อนสนิทของสมภูมิที่ชื่อบัวลอยนั้น แม้จะมีคนถามพี่เอียดมาโดยตลอดว่ามีนัยยะแฝงอะไรไว้ไหม นักเขียนของเราก็แนะนำว่า อยากให้ผู้อ่านใช้จินตนาการของตัวเอง แต่ส่วนบัวลอยนั้นคือปมที่คาใจสมภูมิ ซึ่งจะตีความอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับผู้อ่านเช่นกัน”
เรียกได้ว่า ผลงานเรื่องนี้พี่เอียดเล่นกับจินตนาการของนักอ่านอยากหนัก ซึ่งเปิดโอกาสให้ตีความไปได้ต่างๆ นานา ขึ้นอยู่กับมุมมองและประสบการณ์ของแต่ละคน
นอกจากจะเล่นกับจินตนาการของคนอ่าน นิยายเรื่องนี้ยังเรียกได้ว่ามีความรุนแรงและความตายเป็นเครื่องมือสื่อสารแนวคิดอีกด้วย “เชื่อว่าผู้อ่านเมื่ออ่านแล้วจะเห็นว่าความรุนแรงจะสร้างความรุนแรงต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด สงครามคือความหายนะทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ในท้ายที่สุด ใครทำกรรมใดไว้ก็ต้องรับผลกรรมนั้น อาจมาในรูปแบบต่างๆ กันค่ะ” สำหรับเทคนิกในการกำหนดขอบเขตความรุนแงและการควบคุมจังหวะอารมณ์นั้น พี่เอียดบอกว่าไม่ได้ใช้เทคนิกอะไรเลย “ทุกสิ่งดำเนินไปตามจังหวะของเรื่อง เราแค่ไม่เขียนสิ่งที่อุจาดหรือบาดความรู้สึกผู้อ่านเกินไปค่ะ”
ผลงานเรื่องสุดสมรภูมินั้นแม้มีความยาวไม่มาก แต่สามารถตีแผ่อะไรออกมาได้อย่างมากมาย หนึ่งในนั้นคือมีความหมายเชิงปรัชญาแฝงไว้ให้ผู้อ่านได้ขบคิดเรื่องของกรรมที่เกิดขึ้นกับตัวละคร ซึ่งพี่เอียดกล่าวว่า “ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใด สร้างกรรมมาแบบไหน ผลของกรรมนั้นก็จะตามมาตอบสนองเราอย่างไม่มีทางเลี่ยง แค่ไม่รู้ว่ามันจะมาทันเราเมื่อไหร่และที่ไหนเท่านั้นเอง”
ดาร์ก เข้มจัด แต่อร่อยเหมือนดื่มอเมริกาโน่
หลายคนอาจสงสัยว่าพี่เอียดมีเทคนิการเขียนยังไงที่ทำให้เรื่องดาร์กและหนักหน่วงอย่างสุดสมรภูมินั้นสนุก ชวนติดตามได้ “ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เราแค่มีโครงเรื่อง ตัวละครที่ชัดเจน รายละเอียด ข้อมูล และฉากครบ เมื่อสิ่งเหล่านี้เข้มข้นอยู่ในใจ เราก็เขียนเล่าไปตามที่ตัวละครดำเนินเรื่อง เห็นภาพในหัวอย่างไรก็ใช้ตัวอักษรถ่ายทอดออกมา และผลงานเรื่องนี้มาจากแค่อยากลองเขียนสิ่งที่ไม่เคยเห็น ไม่เคยเจอ มีเรื่องอาถรรพ์ ภูติผีปีศาจ อำนาจทางจิต และภาพลวงตา อีกทั้งยังเป็นการเป็นกระจกสะท้อนสังคมด้วย ซึ่งปกติผลงานของพี่ก็จะสอดแทรกแง่คิดและสะท้อนสังคมอยู่ในทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นแนวไหนอยู่แล้วค่ะ”
เมื่อถามว่าพี่เอียดจะกลับมาเขียนแนวสยองขวัญให้ได้อ่านอีกไหม เธอก็ตอบกลับมาว่า “อนาคตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน จึงไม่สามารถตอบได้ค่ะ”
แม้ สุดสมรภูมิ จะเป็นผลงานแนวสยองขวัญเรื่องเดียวของ ปิยะพร ศักดิ์เกษม แต่เชื่อว่าความเข้มข้นของเรื่องราว ตัวละคร และโทนดาร์กที่บาดลึก จะทำให้เรื่องนี้ยังคงอ่านสนุกและทิ้งร่องรอยทางอารมณ์ให้ผู้อ่านได้คิดตามกันไปได้อีกนานเลยละค่ะ