การกลับมาของนักเขียนนิยายแฟนตาซีรุ่นบุกเบิก โสภี พรรณราย

การกลับมาของนักเขียนนิยายแฟนตาซีรุ่นบุกเบิก โสภี พรรณราย

โดย : ศรัณยู นกแก้ว

Loading

‘มนตราตะเกียงแก้ว’ ภาค 5 ของ สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ได้เปิดตัวต่อนักอ่านในฐานะนิยายเรื่องใหม่ล่าสุดของ อ่านเอา พร้อมการกลับมาในรอบ 20 ปี ของคุณยายทาฮิร่า ชิกเก้น คุณยายบาบาร่า เจ้าไทเกอร์ ซึ่งครั้งนี้คือการเขียนนิยายออนไลน์ครั้งแรกของ โสภี พรรณราย

 

“เมื่อก่อนทำงานบริษัท ถึงเวลาพักเที่ยง

กินข้าวเสร็จเราก็จะเอากระดาษฟุลสแก๊ปขึ้นมาเขียน

ใครจะทำอะไรฟังเพลงพี่ก็เขียนของพี่ไปได้

กลับมาบ้านก็เขียนบนโต๊ะกินข้าว เขียนเสร็จก็ส่งกระดาษต้นฉบับให้สำนักพิมพ์เลย

ทุกวันนี้ก็ยังเขียนต้นฉบับด้วยลายมือลงในกระดาษอยู่”

 

ในโลกแห่งวรรณกรรมประเภทแฟนตาซียุคปัจจุบันนั้น อำนาจเวทมนตร์ได้กลายเป็นความลี้ลับอันแสนธรรมดาที่นักเขียนมักหยิบยกมาร่ายใส่ผู้อ่านให้ตกอยู่ใต้มนต์สะกดแห่งจินตนาการ ที่ทำให้โลกของเหล่าพ่อมด แม่มดได้ออกมาโลดแล่นอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งนั่นแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเมื่อ 20 ปีก่อนที่เข็มทิศของวงการนวนิยายไทยพุ่งไปที่แนวดราม่า เล่าชีวิต สะท้อนสังคม หรือไม่ก็ความรักเศร้าเคล้าโรแมนติก

กระทั่งมีนักเขียนนามปากกา โสภี พรรณราย ได้ใช้ปลายปากกาเสกแม่มดเจนนี่ คุณยายทาฮิร่า และเจ้าชิกเก้น ให้ออกมาโลดแล่นพร้อมความโด่งดังของนวนิยาย สาวน้อยในตะเกียงแก้ว จากนั้นดินแดนแห่งพ่อมดแม่มดจึงได้ถูกเปิดเผยต่อนักอ่าน และทำให้ สาวน้อยในตะเกียงแก้ว กลายเป็นหนึ่งในนิยายแฟนตาซีในตำนานที่แฟนๆ ต่างตั้งตารอคอยภาคต่อในทุกๆ 5 ปี และล่าสุด ‘มนตราตะเกียงแก้ว’ ภาค 5 ของ สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ก็ได้เปิดตัวต่อนักอ่านในฐานะนิยายเรื่องใหม่ล่าสุดของ อ่านเอา พร้อมการกลับมาในรอบ 20 ปี ของคุณยายทาฮิร่า ชิกเก้น คุณยายบาบาร่า เจ้าไทเกอร์ และแน่นอนว่านี่คือการเขียนนิยายในโลกออนไลน์ครั้งแรกของ… โสภี พรรณราย

 

20 ปีแห่งโลกเวทมนตร์

“ต้องขอบคุณทางอ่านเอาด้วยที่ให้พี่มาเขียนตรงนี้ เพราะตั้งแต่นิตยสารทยอยปิดตัวลงไปก็เหลือเขียนส่งให้ที่เดียวคือ นิตยสาร กุลสตรี ซึ่งกำลังมีเรื่อง สามีชั่วคืน ตีพิมพ์อยู่ พอทางอ่านเอาชวนพี่ ก็เลยเป็นโอกาสครบปีที่ 20 ของ สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ก็เลยเขียนภาค 5 ของสาวน้อยในตะเกียงแก้วส่งให้เลยดีกว่า ใช้ชื่อ มนตราตะเกียงแก้ว โดยเฉลี่ยนิยายชุดนี้จะเขียนตอนใหม่ในทุกๆ 5 ปี”

แทบไม่น่าเชื่อว่าเวลา 20 ปีจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะที่ผ่านมา นิยายทุกภาคของ สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ได้รับการสร้างเป็นละคร ซึ่งนั่นทำให้คนดูอย่างเราๆ จำภาพคุณยายทาฮิร่า และเจ้าชิกเก้นได้ชัดเจน เช่นเดียวกับชื่อของ โสภี พรรณราย ที่กลายมาเป็นนักเขียนนวนิยายแฟนตาซีรุ่นบุกเบิกและโด่งดังไปพร้อมๆ กับโลกเวทมนตร์ที่ได้สร้างขึ้นมา

“จริงๆ เขียนนิยายมาร่วม 40 ปีแล้ว แต่คนเพิ่งจะมารู้จักว่าใครคือ โสภี พรรณราย ก็ตอนที่เขียนไปได้ 20 กว่าปี ตอน สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ได้ถูกนำมาทำละคร พอละครออนแอร์ ได้รับฟีดแบ็กที่ดี ‘คุณแดง’ – สุรางค์ เปรมปรีดิ์ ก็บอกให้เขียนภาคต่อไปส่งมาเลย เพราะอยากจะทำละครภาคต่อ และนั่นก็เป็นการเขียนนิยายแบบสดของพี่ครั้งแรก ไม่ต้องเขียนส่งนิตยสารและรอเป็นปีเพื่อรวมเล่มเป็นหนังสือ และ แม่มดน้อยตัวป่วน ซึ่งเป็นภาค 2 ก็เขียนเขียนจบภายใน 1-2 เดือน ก่อนจะมีภาค 3 ตามมาในอีก 5 ปีคือ อสูรน้อยในตะเกียงแก้ว ภาค 4 คือ พ่อมดเจ้าเสน่ห์ ซึ่งทั้งหมดเขียนขึ้นจากความประทับใจในตอนเด็กๆ ที่เราเคยได้ดู แม่มดเจ้าเสน่ห์ นางเอกชื่อสแมนต้า และต่อมามีเรื่อง ทรามวัยกายสิทธิ์ เป็นความทรงจำในวัยเด็กที่เราคิดถึง พอมีโอกาสก็เลยอยากจะเอาความทรงจำนั้นกลับมาอีกครั้ง”

“นามปากกาโสภี พรรณราย

รับประกันเลยว่าเป็นงานเขียนที่ไม่มีความรุนแรง

ทุกคนในครอบครัวอ่านได้ ไม่หนักหน่วง

แม้จะเป็นดราม่าก็จะมีโรแมนติกคอเมดี้เข้ามาแทรก อ่านไปอมยิ้มไปก็พอ”

 

จากนัก (แอบ) อ่าน สู่วงการนักเขียน

แม้นิยายของ คุณโสภี พรรณราย จะค่อนไปทางโลกแฟนตาซี แฝงความโรแมนติกคอเมดี้ เช่น สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ขิงก็ราข่าก็แรง ลูกตาลลอยแก้ว คุณพ่อหวานแหวว คุณหนูเทวดา ผักบุ้งกุ้งนาง ฯลฯ ทว่าจุดเริ่มต้นในวงการวรรณกรรมของ คุณโสภี พรรณราย มาจากเรื่องสั้นและนิยายลึกลับสยองขวัญ

“พี่เริ่มต้นการเป็นนักเขียนด้วยการเป็นนักอ่าน ชอบมากที่สุดคือนิยายจีนกำลังภายใน แต่ก็ต้องแอบอาม่าอ่านนะ เพราะอาม่าเป็นคนจีนรุ่นเก่าที่ไม่ได้ส่งเสริมลูกผู้หญิงในเรื่องนี้ อ่านนิยายให้อาม่าเห็นไม่ได้เดี๋ยวถูกตี จะมาได้อ่านตอนไปเรียนหนังสือ ที่บ้านครูเขารับนิตยสาร ก็มีนิยายลงเป็นตอนๆ ที่ชอบมากคือนิตยสาร ดรุณี การเป็นนักอ่านทำให้เราอยากเขียนเรื่องเองบ้าง ก็เลยเขียนเรื่องสั้นแนวลึกลับประเภท 8 ตอนจบส่งขายบ้าง เขียนเป็นสิบเล่ม พอเห็น ดรุณี เปิดรับผลงาน ก็เลยลองเขียนส่งบ้าง พอส่งเรื่อง แฝดสาวเจ้าเสน่ห์ ไปปุ๊บ คุณชิต กันภัย บรรณาธิการ ก็โทรมาให้เราเข้าไปคุยเพื่อจะตีพิมพ์เรื่องนี้ ซึ่งคุณชิต ถือได้ว่าเป็นครูคนแรกที่สอนเรื่องการเขียนให้ เพราะตอนที่ส่งไปเรายังแบ่งบทไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ และคุณชิตก็เป็นคนตั้งนามปากกา โสภี พรรณราย และก็ใช้ตั้งแต่นั้นมา”

 

นิยายบนโต๊ะกับข้าว

และแม้ คุณโสภี พรรณราย จะก้าวเข้ามาสู่การเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัว ทว่าก็ยังคงทำงานประจำ เป็นพนักงานบริษัทในตำแหน่งด้านการบัญชีเรื่อยมาถึง 20 ปี โดยมีกระดาษฟุลสแก๊ปและปากกาหนึ่งด้ามเป็นเครื่องมือที่สามารถหยิบขึ้นมาเขียนได้ทันทีในช่วงเวลาพักเที่ยง คุณโสภีบอกกับเราว่า โต๊ะทำงานตัวแรกนั้นแท้จริงก็คือโต๊ะกินข้าว และทุกวันนี้ คุณโสภี พรรณราย ก็ยังใช้โต๊ะกินข้าวเป็นที่ประจำสำหรับนั่งเขียนงาน

“เมื่อก่อนทำงานบริษัท ถึงเวลาพักเที่ยง กินข้าวเสร็จเราก็จะเอากระดาษฟุลสแก๊ปขึ้นมาเขียน ใครจะทำอะไรฟังเพลงพี่ก็เขียนของพี่ไปได้ กลับมาบ้านก็เขียนบนโต๊ะกินข้าว เขียนเสร็จก็ส่งกระดาษต้นฉบับให้สำนักพิมพ์เลย ทุกวันนี้ก็ยังเขียนต้นฉบับด้วยลายมือลงในกระดาษอยู่ กลายเป็นคนที่เขียนด้วยคอมพิวเตอร์ไม่เป็นจริงๆ ตอนนี้ก็ใช้วิธีเขียนลงกระดาษและให้อีกคนช่วยพิมพ์ให้”

 

ความในใจที่ไม่เคยบอก

แม้จะอยู่ในแวดวงนักเขียนมาอย่างยาวนานร่วม 40 ปี แต่ตลอดเวลาที่ให้สัมภาษณ์ คุณโสภี พรรณราย มักจะบอกกับเราเสมอว่าตัวเองนั้นเป็นนักเขียนที่เชย มีประสบการณ์ชีวิตน้อย และยังต้องพัฒนาเรื่องงานเขียนไปอีกมาก

“หากเป็นนามปากกา โสภี พรรณราย รับประกันเลยว่าเป็นงานเขียนที่ไม่มีความรุนแรง ทุกคนในครอบครัวอ่านได้ ไม่หนักหน่วง แม้จะเป็นดราม่าก็จะมีโรแมนติกคอเมดี้เข้ามาแทรก อ่านไปอมยิ้มไปก็พอ แต่ก็จะมีผู้อ่าน หรือแม้แต่บรรณาธิการเองก็เคยบอกว่าพี่เป็นคนเขียนห้วน สำนวนโวหารไม่ได้สละสลวยมากนัก ซึ่งในส่วนของตัวพี่เอง ถ้าจะให้เขียนให้ค่อยๆ ไป มีความสละสลวย พี่ทำไม่ได้ อาจจะเป็นด้วยนิสัยใจร้อน ชอบความกระชับก็เป็นได้ เช่น ถ้าบอกว่ากำลังดื่มชา คือดื่มเลย ไม่ได้มองว่าแก้วชานั้นสวยอย่างไร แต่ก็อยากจะบอกกับผู้อ่านตรงนี้ว่า พี่ขอโทษจริงๆ จะพยายามพัฒนาตัวเองให้เขียนห้วนน้อยลงนะคะ จะพยายามให้มีความสละสลวยขึ้น แต่ที่ยังจะเหมือนเดิมคือความสนุกของพล็อต โดยเฉพาะ มนตราตะเกียงแก้ว เรื่องนี้ที่ถือว่าเป็นอีกงานที่ยาก ใช้เวลาคิดพล็อตเกือบจะนานสุดคือร่วม 2 เดือน”

มนตราตะเกียงแก้ว

 

และสำหรับใครที่ไม่เคยอ่านนิยายชุด สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะ สาวน้อยในตะเกียงแก้ว ทุกภาคนั้นสามารถหยิบจับขึ้นมาอ่านได้แบบจบในตอนโดยไม่ต้องเท้าความ จะมีก็เพียงคุณยายทาฮิร่า ชิกเก้น คุณยายบาบาร่า และเจ้าไทเกอร์ เท่านั้นที่ตามติดผู้อ่านไปทุกภาค

ใน มนตราตะเกียงแก้ว ภาค 5 นี้นั้นความวุ่นวายระหว่างเมืองเวทมนตร์และโลกมนุษย์กำลังจะเกิดขึ้น หลังจากที่คุณยายทาฮิร่าได้ค้นพบว่า… ตะเกียงวิเศษได้หายไป ซึ่งคุณผู้อ่านสามารถติดตามได้ที่อ่านเอาแห่งนี้

……………………………………………….

ภาพ : อนุวัฒน์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยา

Don`t copy text!