บางกะเจ้า ปอดของกรุงเทพ
โดย : สุวิทย์ เมฆวิบูลย์
ไม่ได้มีแค่ นิยายออนไลน์ ให้อ่าน ที่ อ่านเอา แต่เรายังมีเรื่องราวการเดินทางของ สุวิทย์ เมฆวิบูลย์ ชายหนุ่มผู้ที่เชื่อว่า การเดินทางกับการดื่มกิน คือองค์ประกอบสำคัญในการเติมไฟ เพิ่มพลังให้ชีวิต และเขายินดีแบ่งปันขุมพลังนี้กับผู้อ่าน “อ่านเอา” ได้ อ่านออนไลน์
…………………………………………..
– บางกะเจ้า ปอดของกรุงเทพ –
เรียนจบใหม่ๆ อาจารย์ส่งไปควบคุมงานก่อสร้างท่าเรือและโกดังสินค้าที่บางกะเจ้า สมัยนั้นเพิ่งมีถนนรัชดาภิเษกตัดใหม่เลียบแม่น้ำ (ปัจจุบันคือถนนพระราม 3) ต้องต่อรถเมล์ 3 สาย จากบ้านเชิงสะพานพระราม 6 ลงรถที่ป้ายเปลี่ยวๆ แล้วเดินเข้าซอยวัดดอกไม้ สมัยนั้นป่าเขียวพืดริมถนน เงียบเหงา รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ วิ่งบนถนนกันน้อยมากๆ นานๆ ถึงจะมีรถเมล์มาสักคัน ต้องนั่งเรือข้ามฟากไปฝั่งบางกะเจ้าที่ตอนนั้นยังเป็นป่าดิบๆ เลย มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียว ต้นมะพร้าว ไม้ผล ไม้ยืนต้นอากาศดีมาก ไม่มีร้อน เพราะลมพัดถ่ายเททั้งวัน จนโด่งดังมาเป็นปอดกรุงเทพฯ ตั้งใจหลายหนว่าสักวัน จะชวนเพื่อนซี้ไปปั่นจักรยาน ไปเตร่ในสวน เลาะชุมชน ตลาด วัด แล้วมองหาโอกาสไปเที่ยวป้อมพระจุลฯ ที่อยู่ในละแวกเดียวกัน เพราะยังไม่เคยไปเห็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของเมืองไทย ในช่วง ร.5 ที่เราต้องผ่านวิกฤตกับการคุกคามของมหาอำนาจฝรั่งเศส และการสูญเสียพื้นที่ลาวกับกัมพูชาไป
วันนี้โอกาสทองก็มาถึง เพื่อนๆ มัธยมอำนวยศิลป์แก๊ง มศ. 5 ขาประจำที่ตะลอนทัวร์ทั้งในและต่างประเทศ มีหัวโจกนักปั่นจัดเส้นทางและจุดเช็กอินเด็ดๆ นัดรวมพลขึ้นรถตู้ เลาะทางด่วนไปลงแถวพระประแดง แวะกินข้าวแกงจีระพันธ์เจ้าดังร้านอร่อยที่สามแยกพระแดง เยื้องๆ ธนาคารกรุงเทพ แนะนำเลย แกงเขียวหวานเนื้อ/ไก่ ผัดเผ็ดปลาดุก ไก่ทอด จัดจ้านทั้งรสชาติ ความหอมและเผ็ดของพริกแกง ราคาก็ถูกได้ใจ 40-50 บาท คุ้มจริงๆ ที่ได้มาเจอเธอ
แล้วก็มุ่งเข้าไป ‘บางกะเจ้า’ ที่หลายคนได้ยินได้อ่านบ่อยๆ แต่ส่วนใหญ่ยัง ไม่เคยไป มันเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งที่เป็นบริเวณโค้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา รูปร่างคล้ายกระเพาะหมู ครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 6 ตำบลของ อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ได้แก่ บางกะเจ้า บางน้ำผึ้ง บางกอบัว บางกระสอบ บางยอ และ ทรงคะนอง คิดเป็นพื้นที่ประมาณ 12,000 ไร่ เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2520 ได้มีมติคณะรัฐมนตรี กำหนดให้บางกะเจ้าเป็นพื้นที่สีเขียว เหมาะแก่การเพาะปลูก โดยไม่อนุญาตให้ทำการก่อสร้างตึกหรืออาคารที่มีความสูงเกินกว่าที่กำหนด และเมื่อปี 2549 นิตยสาร Time ได้ยกให้พื้นที่บางกะเจ้าเป็น The best Urban Oasis of Asia หรือที่เรียกว่า เป็นปอดกลางเมืองที่ดีที่สุดในเอเชียนั่นเอง
แม้ระยะเวลาจะผ่านมาหลายสิบปี สถานที่แห่งนี้ยังถือว่าเป็น ‘ปอด’ ฟอกอากาศให้กรุงเทพฯ และ จ.สมุทรปราการ ได้อย่างดีเสมอมา หาที่จอดรถตู้และนัดเพื่อนคนอื่นที่ลานจอดรถ M-bike เช่าจักรยาน คันละ 20 บาท ปั่นไปเลยทั้งวัน เลาะสวน ผ่านท่าเรือ ทะลุออกบ้านเรือน ชุมชน และวัดต่างๆ ขับไล่ๆ กันไปบนพื้นคอนกรีตกว้าง 1 เมตร สร้างยกสูงขึ้นจากระดับดินเดิม เพื่อหนีน้ำท่วม แคบจนแทบจะสวนกันไม่ได้ แต่ชาวบ้านจะให้นักท่องเที่ยว ผ่านไปก่อน บางคนก็ชะลอรถ มอเตอร์ไซค์ เดิน หยุดที่จุดกว้างกว่า เพื่อหลีกทางกัน ถ้อยทีถ้อยอาศัย สังคมไทยใกล้กรุงเทพฯ ยังมีให้เห็นครับ
บ่ายกลับไปกินข้าวย่านราษฎร์บูรณะ ร้านโต๋วโภชนา ในซอยสุขสวัสดิ์ 25 ที่ถนนแคบมากและสวนกันไม่ได้ แนะนำให้เข้าทางราษฎร์บูรณะ 16 จะถึงร้านง่ายกว่า มีที่จอดรถแต่จอดได้ค่อนข้างน้อย เมนูเด็ดคือ ผัดเลือด เป็ดพะโล้ กุ้งผัดพริกหยวก ปลาช่อนผัดคื่นฉ่าย ต้มยำปลาน้ำใส ผัดคะน้าปลาเค็ม อร่อยเหมือนเดิม สมฝีมือที่สะสมมา 60 ปี ควรจองโต๊ะก่อนล่วงหน้า ไม่งั้นมีสิทธิ์อดหม่ำ หรืออาจรอจนอาหารหมด อิ่มแล้วก็ขอข้ามไปฝั่งตลาดปากน้ำ เดินหาขนม กาแฟดื่มกัน แล้วสำรวจตลาดก่อนจะนั่งเรือข้ามฟาก ย้อนกลับไปป้อมพระจุลจอมเกล้า สุดถนนสุขสวัสดิ์ เป็นป้อมที่ในหลวง รัชกาลที่ 5 ทรงดำริให้สร้างขึ้นและทรงมาทดลองยิงปืนเสือหมอบด้วยพระองค์เอง
และมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในเช้าวันที่ 28 พฤษภาคม 2436 ป้อมพระจุลฯ เป็นที่ยิงต่อสู้กับเรือรบฝรั่งเศสในวิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 หรือ พ.ศ. 2436 ที่คนไทยจะต้องจารึกว่าเกิดเหตุการณ์สำคัญระดับชาติขึ้น ณ ที่แห่งนี้ เมื่อบ้านเมืองตกอยู่ในวงล้อมล่าอาณานิคมของอังกฤษและฝรั่งเศส จากป้อมนี้มีการยิงถล่มเรือนำร่องของกองทัพฝรั่งเศสที่รุกล้ำน่านน้ำไทยจนจมไปหนึ่งลำ นำไปสู่การยุติข้อพิพาทเขตแดนริมฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงที่ยืดเยื้อมากว่าทศวรรษ แม้จะลงเอยที่ไทยต้องเสียดินแดน 1 ใน 3 เพื่อรักษาเอกราชไว้ เดินวนดูวิดีทัศน์ อ่านข้อมูลในอดีต แผนที่ประเทศสยาม ภายในอนุสรณ์สถานกึ่งพื้นที่การเรียนประวัติศาสตร์และธรรรมชาติ แล้วสลดใจและหดหู่ ชิงชังกับฝรั่งเศส สเปน ฮอลันดา อังกฤษ ที่รุกรานล่าอาณานิคม หาแหล่งอาหาร วัตถุดิบ และผลประโยชน์จากประเทศที่ด้อยกว่า โหดจริงๆ เลย
ป้อมพระจุลจอมเกล้าปัจจุบันนี้ขึ้นตรงกับฐานทัพเรือกรุงเทพฯ กองทัพเรือได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้ประชาชนเข้าชมด้วย จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการ ไปมาสะดวกไม่ไกลมาก ไปเช้ากลับเย็นได้อย่างสบายๆ มีร้านอาหารคล้ายสโมสร ตั้งอยู่ริมน้ำ แต่ไม่แนะนำให้กิน ชิมมาแล้ว ฝีมือปรุงรสชาติยังไม่ถึงขั้นและไม่สามารถบริการลูกค้า เพราะคนมาเที่ยวในวันหยุดมากเกินกำลัง ทำให้เสียบรรยากาศ ทั้งเสียงดังหนวกหู คนนั่งกันแน่นเต็มร้านไปทุกที่ ไม่สะดวกสบายด้วยประการทั้งปวง