จุดดับในแก้วไวน์ บทที่ 4 : จะตามหาไม่ว่าเธออยู่ไหน
โดย : ม. มธุการี
จุดดับในแก้วไวน์ กับเรื่องราวของทารทรา ดาราสาวที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม สิททิชน คนรักเมื่อครั้งอดีตจะช่วยเธอได้ไหม แล้วเธอคือผู้บริสุทธิ์ในคดีนี้จริงๆนะหรือ นวนิยายสั้นเรื่องล่าสุดของ ม.มธุการี ที่อ่านเอา…ที่นี่ ที่เดียว…นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณ อ่านออนไลน์
**************************
– 4 –
ไพรแวะมาส่งข่าวเรื่องเส้นทางการเดินทางออกนอกประเทศของลูซี่ ปรากฎว่าไม่มีวี่แววว่าฝ่ายนั้นจะใช้เส้นทางไหน ไม่ว่าจะเป็นทางน้ำทางบกหรือทางอากาศ
“มีอีกทางคือเดินเท้า แต่ผู้หญิงตัวคนเดียวคงไม่ทำ” ไพรว่า
“แสดงว่าเขายังต้องพักอยู่เมืองไทยแน่นอน อาจจะปนเปในกลุ่มนักท่องเที่ยว และอาจจะไม่ต้องระวังตัวอะไรเพราะคิดว่าตัวเองหลุดพ้น ไปจากการสงสัยของทางเจ้าหน้าที่แล้ว ยิ่งมีข่าวทารทราถูกจับกุมตัว”
“ทางเดียวคือเฮียต้องหาทางประกบตัวผู้หญิงคนนี้ให้ได้ก่อน”
“แกนึกว่ามันง่ายนักหรือวะ”
“ก็ไม่น่าจะยากนะ อาจจะประกาศหาตัวทางสื่อต่างประเทศ เช่นบางกอกโพสต์ยังงี้ ว่ามีเพื่อนต้องการพบรึอะไรก็ว่ากันไป” ไพรบอกแผน “ยังไงต้องล่อให้ออกจากถ้ำเสียก่อน”
“เกิดเขาไหวตัวเปิดหนีไปเลย”
“ถ้าจะหนีนะคงหนีนานแล้ว แบบนี้แสดงว่านอนใจแล้ว ยิ่งทารทราเจอหมายจับนะ”
ผมเริ่มเห็นด้วยกับไพร เพราะถ้าไม่เสี่ยงและปล่อยให้กาลเวลาผ่านไป ผลลัพท์ที่ได้มาอาจจะเป็นศูนย์มากกว่าเดิม
รีบจัดการประกาศตามหาฝ่ายนั้นทางหน้าหนังสือพิมพ์ ให้เบอร์โทรเอาไว้เสร็จสรรพ จากนั้นก็อยู่กับการรอคอย
ผมเล่าให้ทารฟังถึงแผนนี้และทารก็ช่วยกันออกความเห็น
“ทารว่าเราน่าจะหลอกล่อด้วยเงิน เท่าที่ดูเขาคงจะหาทางจับคุณสิทมาก่อนก็ได้ วินอาจจะหลอกว่าเปิดพินัยกรรมคุณสิทแล้วและมีชื่อเขาอยู่ด้วย ล่อให้มาปรากฏตัวเสียก่อน”
“แล้วจะเอาพินัยกรรมที่ไหนไปแสดงถ้าเขามาเจอ”
“ไม่จำเป็นนี่ ไม่จำเป็นจะต้องไปเจอเอาเลยด้วย พอมาปรากฎตัววินก็รีบตามประกบอย่าให้คลาดสายตา ยังไงอย่าให้เขาหนีไปได้เสียก่อน”
มันเป็นไอเดียที่ดี แต่ปลาจะกินเบ็ดแน่หรือ…
ผมคอยอยู่หลายวัน จนเกือบจะยกเลิกความหวัง โทรศัพท์ลึกลับจากสาวผมแดงก็มาถึงตามคาด
“คุณลงแจ้งความตามหาฉัน…” มันเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงแปร่งไปทาง เม็กซิกันอย่างเห็นได้ชัด ผมรีบอัดเทปเสียงเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะบอกหล่อนไปว่า
“มันเนื่องมาจากพินัยกรรมของคุณสิททิชนนะ ผมชื่อวินเป็นทนายส่วนตัวของเขา จากการเปิดพินัยกรรมมันมีชื่อคุณที่ได้รับส่วนแบ่งจากกองมรดกร้อยล้านของเขาด้วย อีกอย่างก่อนเสียชีวิตเพื่อนผมก็เอ่ยถึงคุณตลอดเวลา…”
“เขาพูดถึงฉัน…” น้ำเสียงนั้นแปลกใจ
“เขาห่วงใยคุณมากนะ เห็นว่าคุณอยากใช้ชีวิตที่เมืองไทย ตามพินัยกรรมคุณได้บ้านหลังหนึ่งที่ภูเก็ตกับเงินก้อนจำนวนสิบล้านบาท”
“คุณพูดจริงๆหรือ“ เสียงนั้นตื่นเต้นจนระงับไม่อยู่
“ผมมีเช็คสั่งจ่ายในนามคุณ กับชื่อในโฉนดบ้านและที่ดินที่จะมอบให้คุณเป็นการส่วนตัว ถ้าคุณจะเดินทางมาพบผมที่สำนักงาน ก็เชิญแจ้งวันเวลานัดหมายมา”
“ฉันไม่สะดวกที่จะเดินทาง ถ้าคุณจะมาพบฉันด้วยตนเอง ตอนนี้ฉันพักอยู่ที่พัทยา” หางเสียงยังระแวดระวัง
“คุณก็ให้ที่อยู่ผมมา…”
“เรานัดเจอกันที่ร้านกาแฟจะสะดวกกว่า”
หล่อนบอกชื่อร้านกาแฟและถนนหนทางมาเสร็จสรรพ
“ฉันจะไม่ให้เบอร์โทรศัพท์คุณ ที่โทรนี่ก็โทรจากที่สาธารณะ ก็ไม่จำเป็นจะต้องโทรถึงฉัน เราเจอกันตามวันเวลาที่ฉันนัดไว้ก็แล้วกัน”
ท่าทางเจ้าหล่อนจะระมัดระวังตัวพอใช้ทีเดียว แต่อะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าปลาได้ติดเบ็ดเข้าแล้วตามแผนการของทาร…
ผมโทรส่งข่าวไปถึงทารทราในทันที
“ทารบอกแล้วว่าต้องล่อด้วยเงิน” ทารทราหัวเราะมาตามสาย
“แล้วตกลงวินจะทำไงต่อไป สำหรับทารนะพอรู้ว่าเขายังไม่ได้หนีไปไหน ก็แทบจะหายสงสัยไปแล้ว”
“หมายความว่าไง”
“คนผิดจริงน่ะต้องหนีไปนานแล้ว อีกอย่างเห็นว่าท้องด้วยไม่ใช่หรือ ผู้หญิงท้องกับการฆ่าคนตายทั้งคนน่ะมันไม่ง่ายเลยนะวิน”
“ไปๆมาๆทำท่าว่าทารจะไปเป็นพยานให้เขา”
“เพราะทารไม่อยากให้เราเล่นงานคนผิด มันบาปกรรม อีกอย่างเขาน่าจะรักคุณสิทจริงถึงตามมาหาถึงที่นี่ แสดงว่าเขาต้องพบปะเจอะเจอกันตอนที่ทาร ยังอยู่ที่คอนโดฯ ถึงขนาดตั้งท้องขึ้นมา”
“แล้วทารไม่ระแคะระคายมั่งเลยหรือ”
“ก่อนหน้านั้นไม่เลยนะ มาสงสัยตอนเจอที่ล็อบบี้เข้าอย่างจังตอนที่เขาอยู่กับคุณสิท แต่ยังไม่รู้ว่าท้อง”
“เห็นว่าโดนซ้อมด้วย”
“เขาร้ายมากนะคุณสิทนี่น่ะ แต่กับทารยังไม่กล้า คิดว่านานๆไปยังไม่แน่ เขาอารมณ์แรง ก็ศิลปินนี่นะ แต่ทารเคยบอกไว้แล้วว่าถ้าถึงขั้นมาลง ไม้ลงมือกับทาร มันก็ต้องจบกันไปข้าง ทารคงไม่ยอมลงให้เขาง่ายๆ แหม่มคนนี้จะต้องรักเขามากถึงได้ยอมมาขนาดนี้ ทารถึงยังไม่อยากเชื่อ ว่าจะเป็นฆาตกรตัวจริง ผู้หญิงของเขามีอีกตั้งมากมาย ไม่รู้ละ ทารเริ่มสงสารเขาขึ้นมา กำลังท้องด้วย”
ทารของผมใจอ่อนเสมอไม่เคยเสื่อมคลาย งดงามทั้งรูปลักษณ์และหัวใจ
แต่จะให้ผมเลิกสงสัยผู้หญิงคนนั้นคงเป็นเรื่องยากเสียแล้ว เพราะความรักกับความแค้นมันมักจะมาด้วยกันชนิดแยกจากกันไม่ได้ เรื่องของอารมณ์ตัวเดียวล้วนๆ
ผมเดินทางไปพัทยาพร้อมกับไพรเมื่อถึงวันนัดหมาย ตามหาร้านกาแฟร้านนั้นจนเจอ มันอยู่ในซอกมุมเร้นลับที่มีนักท่องเที่ยวมากหน้าหลายตาที่นั่น
ผมกับไพรแยกกันนั่ง ไพรอยู่ในรถส่วนตัว แต่ผมยึดที่นั่งในร้านปะปนกับนัก ท่องเที่ยวในนั้น กะให้แน่ใจว่าจะคลาดสายตาเราสองคนไปไม่ได้เลย…
แล้วเจ้าหล่อนก็มาตามนัด กรุยกรายในชุดกระโปรงตัวยาวรุ่มร่ามเหมือนฮิปปี้ สวมแว่นตาดำปกปิดใบหน้าแถมด้วยหมวกปืกกว้าง ที่แปลกก็คือไม่มีวี่แววว่าจะท้องเหมือนภาพเก่าๆในกล้องวงจรปิดที่เคยเอามาดูกัน
ฝ่ายนั้นเข้ามานั่งสั่งกาแฟที่โต๊ะหัวมุมใกล้ทางออก นั่งจิบกาแฟไปก็ดูเวลาไปด้วย ในขณะที่ผมโทรนัดแนะกับไพรว่า ถ้าออกมาเมื่อไหร่ให้ไพรตามประกบไป ทันทีอย่าให้คลาดสายตา
นานพอสมควรหล่อนจึงลุกเดินงุดๆไปจ่ายค่ากาแฟที่เคาน์เตอร์ จากนั้นก็ออกจากร้านไปยืนเรียกรถตุ๊กๆ โดยมีเจ้าไพรออกรถและตามรอยไปติดๆ ป่านนี้คงรู้แล้วว่าโดนผมหลอก ไม่มีบ้าน ไม่มีเงิน ไม่มีแม้กระทั่งพินัยกรรม คงรู้ตัวว่าเจอขบวนการแหกตาเข้าให้แล้ว
ผมรีบเดินโฉบไปที่โต๊ะหัวมุมตัวนั้นและแอบกวาดเอาถ้วยกาแฟใส่ถุงที่เตรียมเอาไว้โดยไม่มีใครทันเห็น จากนั้นก็จ่ายค่ากาแฟและเดินออกมานอกร้าน อย่างน้อยผมก็ได้ลายนิ้วมือจากถ้วยกาแฟของหล่อนเก็บเอาไว้เป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง
ผมกลับเข้ารถส่วนตัวและโทรติดต่อกับไพรทันที
“เข้าโรงแรมทวีสินไปแล้วเฮีย น่าจะพักอยู่ที่นั่น“ ไพรเอ่ยไปถึงโรงแรมดาวเดียวในย่านทรุดโทรมแห่งหนึ่งของตัวเมือง
“แกก็นั่งเฝ้าที่นั่นไปเลย ถ้าเขาไปไหนให้ตามตลอดอย่าให้คลาดสายตา ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ทุกระยะ ส่วนฉันจะตามไปเช็คอินเข้าโรงแรมทวีสิน จากนั้นเราผลัดกันเฝ้า”
ไม่มีวันที่ผมจะปล่อยให้เหยื่อตัวนี้เล็ดรอดสายตาไปได้อีกแล้ว การตามหาตัวเจอเป็นเรื่องใหญ่ ทารอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมแน่ใจว่านี่คือฆาตกรที่เรากำลังตามหาตัวอย่างแน่นอน
ห้องพักที่ผมเช็คอินเข้ามาเป็นห้องเตียงคู่ในราคาที่ฝรั่งถังแตกมีปัญญาเช่าไม่ยาก ในสภาพที่ทรุดโทรมสมราคา มีระเบียงเล็กๆยื่นออกไปให้ชมวิวตึกสีสนิมที่กระหนาบซ้ายขวา มองเห็นผิวทะเลอยู่ห่างไกลมากพอให้รู้ว่านี่คือพัทยา
แค่นี้ผมก็ได้กลิ่นความถังแตกของแหม่มหัวแดงที่น่าจะเล่นเอาเถิดกับกฎหมายได้ไม่นาน เหตุผลที่ตกหลุมพรางของผมได้อย่างง่ายๆ แน่ใจว่าเจ้าหล่อนจะต้องติด ต่อถึงผมอีก แล้วก็จริงดังคาด เจ้าหล่อนโทรมาอีกครั้งและผมก็รีบกดอัด เสียงเอาไว้ทันทีเหมือนกัน
“ฉันไม่เจอคุณที่ร้านกาแฟ คุณไปถูกที่รึเปล่า” ถามเสียงเข้มมาตามสาย
“ถูกแน่นอน เพราะผมเจอคุณนี่” ผมบอกไป
“คุณหมายความว่าไง” เสียงเริ่มลังเล
“ก็หมายความว่าผมเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับ ชัดๆก็คือตำรวจนั่นแหละ เราตามคุณมาพักใหญ่ ตั้งแต่คุณไม่ยอมมาให้การตามหมายเรียก”
“ฉันจะต้องไปให้การเรื่องอะไร ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนี่” เสียงเริ่มขุ่น
“การที่คุณไม่มาตามหมายเรียกนั่นก็ผิดแล้ว เพราะคุณกำลังพัวพันกับคดีคุณสิททิชนโดยตรง เราสืบรู้มาอีกว่าคุณมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับเขา และกำลังมีลูกกับเขาด้วย”
“ฉันแท้งแล้ว” เสียงนั้นร้อนรน “อีกอย่างเราเลิกติดต่อกันไปแล้ว”
“แต่คุณก็ยังไปปรากฏตัวที่คอนโดฯของเขาก่อนหน้าที่เขาจะตาย”
“ก็ตั้งหลายวัน เขานัดให้ฉันไปเอาเงินทำแท้ง มันก็แค่นั้น ฉันก็ตัดสินใจเลิกรากันไป จะกลับเม็กซิโกอยู่แล้วพอดีเจอเพื่อน ไม่คิดด้วยซ้ำว่าฉันไปเป็นผู้ต้องสงสัยได้ยังไง ไหนว่าจับดาราคนนั้นไปแล้ว เขามิยิ่งน่าสงสัยไปกว่าฉัน อีกอย่างถ้าคุณมีหลักฐานป่านนี้คงจับฉันไปแล้ว จะปล่อยให้ฉันลอยนวลอยู่ทำไม”
“ทางเรากำลังรวบรวมหลักฐานอยู่นะ และแน่ใจว่าจะพลิกรูปคดีแน่ เราถึงต้องประกบตัวคุณไว้ อีกอย่างถ้าคุณคิดจะหนีตอนนี้ คุณจะถูกควบคุมตัวทันที ที่ด่านตรวจทุกด่าน เพราะเราสั่งการเอาไว้แล้ว”
เจ้าหล่อนอึ้ง และผมก็คิดว่าผมโกหกได้น่าเชื่อไม่เบา รีบพูดต่อว่า
“แม้ตอนนี้เราก็รู้แล้วว่าคุณพักอยู่ที่ไหน คุณเจอหมายจับแน่ไม่ต้องห่วง ผมถึงอยากให้คุณคิดดูให้ดีๆ การสารภาพที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีจะเป็น ประโยชน์กับคุณด้วย อย่างน้อยคุณก็จะได้รับการผ่อนผันโทษจากหนักเป็นเบา ไม่ถึงขนาดต้องเจอโทษประหารอย่างที่เราตั้งเป้ากันเอาไว้”
ผมได้ยินเสียงถอนใจยาวเหยียด เพราะถ้าเป็นผมๆก็รู้ถึงการจนมุมชนิดดิ้นไม่หลุดเอาทีเดียว จะรอหมายจับ หรือจะเดินเข้ามาสารภาพเอง ฆาตกรตัวจริงมีทางเลือกแค่สองทาง นอกเสียจากว่าเจ้าหล่อนจะเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างแท้จริง…