จุดดับในแก้วไวน์ บทที่ 5 : คำสารภาพ

จุดดับในแก้วไวน์ บทที่ 5 : คำสารภาพ

โดย : ม. มธุการี

Loading

จุดดับในแก้วไวน์ กับเรื่องราวของทารทรา ดาราสาวที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม สิททิชน คนรักเมื่อครั้งอดีตจะช่วยเธอได้ไหม แล้วเธอคือผู้บริสุทธิ์ในคดีนี้จริงๆนะหรือ นวนิยายสั้นเรื่องล่าสุดของ ม.มธุการี ที่อ่านเอา…ที่นี่ ที่เดียว…นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณ อ่านออนไลน์

**************************

– 5 –

 

“แล้วทางคุณคิดว่ามีหลักฐานอะไรจะมาจับฉัน“ เสียงนั้นลังเลหนักกว่าเดิม

“ผมคงไม่โง่ที่จะบอกคุณไป  แต่คุณคนเดียวที่จะช่วยตัวคุณได้เวลานี้  ถ้าคุณหาทนายตอนนี้  เขาก็อาจจะเสนอให้คุณปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา  แต่อย่าลืมว่าเขาไม่ได้มาติดคุกหรือว่าตายไปกับคุณด้วย“

“ฉันอยากขอเวลาคิด…”

“ก็ติดต่อผมมาได้ทุกเมื่อ  ตามเบอร์ที่ผมให้ไว้“

เท่านั้น…เหยื่อนอกจากจะติดเบ็ดแล้วยังทำท่าว่าจะตกหลุมพรางจนดิ้นไม่หลุดเสียอีกด้วย  และนี่คือฆาตกรตัวจริงอย่างปราศจากข้อสงสัย  เพราะคนบริสุทธิ์จะต้องยืนยันในความบริสุทธิ์ของตนเองและไม่พูดอย่างที่เจ้าหล่อนพูด

…การขอเวลาคิด…นั่นบอกถึงอะไรได้บ้าง…

ผมโทรติดต่อถึงทารในทันทีเพื่อส่งข่าวดีที่ว่า  ทารเองแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ผมบอกไป

“คือเขาเชื่อว่าวินเป็นตำรวจลับ”

“เชื่อสนิท”

“แต่ยังไม่ยอมรับสารภาพ”

“บอกขอเวลาคิด  คนบริสุทธิ์จริงจะพูดอย่างนั้นหรือทาร  คือคงเห็นแล้วว่าดิ้นไปก็ไม่รอด  อีกอย่างผมแน่ใจว่าถังแตกขนาดนั้น คงไม่มีปัญญาวิ่งหาทนาย  นอกเสียจากว่าทางเราจะจัดให้  แต่ส่วนใหญ่จะแนะนำให้รับสารภาพ เพื่อโทษหนักจะได้เป็นเบาเสียมากกว่าจะให้สู้คดีที่ศาล”

“ก็คงต้องรอดูจนกว่าเขาจะติดต่อมาอีก  แล้วถ้าเกิดไม่ติดต่อ”

“ผมก็บอกไปว่าให้รอหมายจับอย่างเดียว  ทางเรารู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน  ทำสงครามประสาทอย่างนี้ไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็จนมุมสารภาพออกมาเอง  อีกอย่างผมอัดเทปที่พูดคุยกันทางโทรศัพท์เอาไว้หมดแล้ว  เชื่อด้วยว่ามันจะเป็นหลักฐานสำคัญ”

“วินก็รอบคอบดีนี่นะ  นี่ทารเบาใจไปเยอะเลยนะเนี่ย  แต่คิดไม่ถึง เหมือนกันนะว่าผู้หญิงคนนั้นจะทำได้”

“ความรักความแค้น  มันมาด้วยกันเสมอนะทารต้องจำเอาไว้อย่าง”

ถึงตอนนี้ก็คือการรอคอย  แน่ใจว่าผมจะต้องได้คำสารภาพ  เวลานั้นมาถึงเมื่อไหร่ทารก็ปลอดภัยเมื่อนั้น

ผมโทรติดต่อให้ไพรมาพักที่ห้อง  ส่วนผมลงไปเกร่ดูลาดเลาที่ล็อบบี้ชั้นล่าง ผลัดเปลี่ยนเวลากันเฝ้ายามอาจจะตลอดทั้งคืนทีเดียว  เพื่อป้องกันการหลบหนี  แม้จะแน่ใจว่าเจ้าหล่อนคงไม่โง่พอที่จะทำอย่างนั้น…

ในล็อบบี้มีโซฟาให้ผมได้นั่ง  มองฝรั่งโทรมๆที่เดินเข้าเดินออกพร้อม ผู้หญิงหากิน  มีมุมมืดที่แอบซื้อขายยาแลกเปลี่ยนจนเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาในย่านนี้

ผมมองหากล้องวงจรปิดที่มีอยู่ทั่วไป  เจ้าหล่อนอาจจะรอดพ้นสายตา ผมไปได้แต่คงไม่มีวันจะหลุดพ้นสายตาของเครื่องเทคโนโลยีไปได้แน่นอน  จารกรรมยุคใหม่มันไม่ง่ายเหมือนอดีตที่ผ่านมาอีกแล้ว  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับการตามหาคน

ผมนั่งเฝ้าอยู่นานและไพรก็ลงมารับช่วงต่อตอนดึก  พอผมเข้าห้องพักเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น  เดาว่าเป็นเจ้าหล่อนและก็ใช่จริงๆ  รีบอัดเสียงเอาไว้ขณะที่การสนทนากำลังเริ่มต้นขึ้น  และหล่อนก็พูดมาอย่างเร่งร้อน

“ฉันรู้มาว่าผู้ต้องหาที่นี่ไม่ค่อยจะได้รับความเป็นธรรมสักเท่าไหร่  อะไรจะเป็นหลักประกันได้ว่าฉันจะได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการศาลที่นี่ล่ะ ทนายฉันก็ไม่มี”

“คำสารภาพเท่านั้นที่จะช่วยคุณได้  อย่างน้อยคุณจะได้รับโทษสถานเบา”

“แล้วถ้าหากมันเป็นการป้องกันตัว  จากคนที่ทำร้ายร่างกายเรามาตลอด ทั่วโลกเขามีกฎหมายป้องกันสตรีเพศที่ถูกกระทำ  อาจถึงขั้นไม่มีโทษนั่นเลย”

หล่อนพูดระแวดระวัง

“ทำไมคุณไม่ปล่อยให้เป็นการวินิจฉัยของศาล”

“เพราะฉันกลัวว่าศาลจะไม่ให้ความเป็นธรรมไง  ตามความเป็นจริงแล้วฉัน ไม่ควรต้องได้รับโทษเสียด้วยซ้ำไป  ในเมื่อเขาตบตีฉันจนแท้งลูก  ฉันมีหมอเป็นพยานเกี่ยวกับเรื่องนี้  ฉันพร้อมที่จะสู้คดีนะถ้าเอาเข้าจริงๆ”

คำสารภาพเหล่านั้นพรั่งพรูออกมาเหมือนเจ้าตัวจะหยุดคำพูดตัวเองไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

“ผมต้องการให้คุณเข้าไปให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องนี้  เราจะให้ความเป็นธรรมกับคุณจนถึงที่สุด” ผมรีบบอกไป

“ฉันจะนัดมอบตัวกับคุณวันพรุ่งนี้ดีกว่า  ต้องยอมรับว่าฉันกลัวและสับสน ใจมากเลยในตอนนี้  สัญญานะว่าคุณจะหาทนายให้ฉัน”

“ผมสัญญา”

หล่อนวางสายไปและผมก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก  ผมได้คำสารภาพ นั่นเท่ากับว่าทารจะรอดพ้นคดีนี้ในที่สุด  ไม่มีอะไรที่เป็นปริศนาอีกต่อไปแล้ว  รอคอยก็แค่การพาหล่อนเข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ที่กรุงเทพฯ

หลังจากนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมอีกต่อไป  แต่เป็นไปตามขั้นตอนของตัวบทกฎหมาย  ความบริสุทธิ์ของทารทราจะได้เป็นที่ประจักษ์ต่อทุกฝ่ายเสียที

สั่งให้ไพรเฝ้าที่ล็อบบี้ตลอดคืนเพื่อป้องกันการหลบหนี  ส่วนผมรีบติดต่อบอกทารในทันที

“เขาจะมอบตัวพรุ่งนี้  เราก็พาเขาเข้ากรุงเทพฯเลย  สารภาพตลอดข้อหา อ้างว่าถูกทำร้ายร่างกายจนแท้งลูก  เขาถึงได้โกรธแค้นมาก”

“ต๊าย  คุณสิทนี่ร้ายกาจขนาดนั้น  ทารไม่อยากจะเชื่อเลย” ทารทราอุทานมาตามสาย

“ผมถึงบอก  ว่าความรักกับความแค้นมันแยกกันไม่ได้หรอก  นี่เขากลัวแต่ว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม”

“ถ้าเป็นเมืองนอกทารว่าเขาหลุด  ถูกทำร้ายขนาดนั้น  วินน่าจะเป็นทนายช่วยเขานะ”

“ยากนะตราบใดที่มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า  นอกเสียจากจะยิงกันตายเดี๋ยวนั้น อาจเรียกได้ว่าป้องกันตัว  นี่เขาวางแผน  รอบคอบเสียด้วย  ไม่สนใจว่า ใครจะรับเคราะห์แทน  ผมอาจจะเห็นใจเขามากกว่านี้ถ้าเขาติดต่อสารภาพเอง  ไม่ใช่เพราะจนมุมในลักษณะนี้  ผมช่วยเขาไม่ได้หรอกนะทาร  หัวใจมันไม่ให้ ผมจะไม่ช่วยคนผิด  ทารน่าจะรู้ใจผมดีในเรื่องนี้”

“ทารเข้าใจ  ที่พูดเพราะทารสงสารเขาเท่านั้นเอง”

“ผมว่าเขาเหี้ยมออกปานนั้น  ร้ายกาจมากนะคนแบบนี้  เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ผมจะพาส่งเจ้าหน้าที่  ให้เขาไปจัดการกันเอาเอง”

กว่าจะรู้ว่าผมไม่ทันผู้หญิงคนนั้นก็ต่อเมื่อวันรุ่งขึ้นผ่านไปเกือบทั้งวันโดยไร้วี่แววว่าฝ่ายนั้นจะติดต่อมาถึงผมอีก  จนผมเริ่มเอะใจว่าอาจจะหนี

ไพรยืนยันว่าไม่พบหล่อนออกจากโรงแรมแม้จะเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา

ผมตัดสินใจไปติดต่อพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์  พอถามถึงชื่อลูซี่ เปเรซ ฝ่ายนั้นก็ว่า

“ออกไปแล้วครับ  ไม่มาจ่ายค่าห้องต่อตอนเที่ยงทางเราก็เช็คเอ้าท์ออกไปเลย  ห้องหับไม่มีเสื้อผ้าข้าวของอะไรอีก”

ผมงงเป็นไก่ตาแตก  ถามออกไปว่า

“โรงแรมนี่มีประตูหลังออกไปรึเปล่า  โดยไม่ผ่านล็อบบี้”

“มีครับ  มีประตูหนีไฟด้านหลังสุด”

ก็เท่านั้นเอง  เปิดไปแล้ว  ชนิดไม่ทิ้งร่องรอยอะไรเอาไว้ด้วย  ผมต้องจ่ายเงินไปก้อนหนึ่งเพื่อขอดูภาพจากกล้องวงจรปิด  สิ่งที่พบคือตรงประตูหลังมีฝรั่งเดินเข้าออกนับไม่ถ้วน  แต่ไร่วี่แววแม่ลูซี่ผมแดงคนนั้นแต่อย่างใด คล้ายจะหลบออกไปโดยปาฏิหาริย์ก็ไม่ปาน

คว้าน้ำเหลวกลับเข้ากรุงเทพฯกับไพรสองคน

“ผมว่าเขาเกิดเปลี่ยนใจ จึงตัดสินใจหนี” ไพรออกความเห็น

“หรือไม่ก็จับได้ว่าโดนทางเราแหกตา” ผมเสริม “เพราะท่าทางไม่ใช่คนโง่ อาจสงสัยว่าทำไมเราไม่ตามจับตั้งแต่พบครั้งแรก  ไม่มีตำรวจที่ไหนเขาทำกัน  รอให้มามอบตัวเอง  เลยถือโอกาสเผ่น”

“ทำไมกล้องจับไม่ได้ล่ะ” ไพรยังสงสัย

“อาจจะมีวิชาพรางตัว” ผมโกรธจนขำ

“แต่ยังไงก็ยังไม่กล้าหนีออกนอกประเทศแน่  เพราะกลัวโดนด่านกักตัว เรายังมีเวลาพอ  เฮียมีคลิปเสียงที่อัดเอาไว้ไม่ใช่หรือ”

“แล้วทำไม”

“หาทางปล่อยข่าวออกไป  เชื่อสิ  ว่าสื่อต้องช่วยเราเล่นข่าวนี้แน่”

“แล้วถ้าเราเอาไปให้กับทางเจ้าหน้าที่ล่ะ”

“มีสิทธิ์เรื่องจะเงียบ  ดีไม่ดีหาว่าเราทำคลิปปลอมขึ้นมาเองอีก”

ผมเห็นด้วยกับไพรในแง่นี้  การเป็นนักสืบส่วนตัวให้ทารจะทำให้เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อถืออะไรเราได้ง่ายๆ

 



Don`t copy text!