“แม่รักยักษา” เมื่อตัวละครในวรรณดคีไทยวาร์ปมาสนุกในยุค 2020
โดย : YVP.T
เคยคิดเล่นๆ กันไหมคะว่าถ้าเกิดตัวละครในเรื่องนั้นมาปรากฎตัวในเรื่องนี้จะสนุกแค่ไหน แล้วถ้ายิ่งเปลี่ยนบริบทเรื่องราวเข้าไปอีกล่ะ ชีวิตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร ตอนนี้ความคิดเล่นๆ ที่ว่านี้เป็นจริงแล้ว เพราะ “อลินา” จัดให้ ในผลงานล่าสุดแสนสนุกที่ยิ่งอ่านยิ่นฟินยิ่งทำให้จินตนาการคึกคัก ใน “แม่รักยักษา”
เพราะอะไร ‘อลินา’ จึงนึกสนุกนำตัวละครต่างๆ ในวรรณคดีไทยที่รู้จักกันมานานมาสร้างสรรค์จนกลายเป็นตัวละครต่างๆ ใน “แม่รักยักษา”
“เกิดจากความคิดสนุกๆ ที่ว่า ถ้าตัวละครต่างๆ ในวรรณคดีมีชีวิตจนถึงปัจจุบันจะเป็นอย่างไรนะ พวกเขาจะจะใช้ชีวิตอย่างไร กินอยู่อย่างไร ทำงานทำการอะไร ตัวละครที่จบลงด้วยการครองคู่อยู่ด้วยกันอย่างหวานชื่น จะยังคงรักใคร่กันดีไหม แล้วถ้าเขาเหล่านั้นมาใช้ชีวิตอยู่ในยุคนี้ ตัวละครไหนควรมาจับคู่กับอาชีพอะไรที่จะเหมาะสมกับอาชีพเดิม อุปนิสัยเดิมๆ
“อย่างพันธุรัตนี่ทำอะไรไม่เป็นเลยนอกจากรักเด็ก ดังนั้นครูอนุบาลจึงน่าจะเหมาะสมที่สุด หรือกากีเนื้อหอม ต้องทำเครื่องหอมขายสิ ถึงจะเข้ากันดีที่สุดแล้ว รจนาก็เปิดร้านดอกไม้ร้อยมาลัยระดับเทพ จันท์เทวีเปิดร้านอาหารตำรับชาววัง (แท้) มี signature dish คือต้มจืดฟักสลัก หรือความสามารถของฤๅษีแปลงสารจะเป็นอะไรไปไม่ได้เลยต้องเป็นแฮ็กเกอร์และนักปลอมแปลงเอกสารมือหนึ่ง คนเขียนก็แบบ…ยิ่งคิดยิ่งสนุก เพราะตัวละครในวรรณคดีไทยมีหลากหลายมาก เรียกได้ว่าทุกอาชีพมีหมดค่ะ”
แต่ทำไมอลินาจึงเลือก “พันธุรัต” มาเป็นตัวเอกในเรื่องนี้
“คงต้องบอกว่า ตอนเด็กๆ เวลาอ่านสังข์ทองทีไร สิ่งที่ทำให้รู้สึกขัดใจที่สุดก็เห็นจะเป็นแม่ยักษ์พันธุรัตนี่แหละค่ะ เธองาม เธอสูงส่งเป็นรานีครองเมือง รับพระสังข์เป็นลูกบุญธรรมก็ทุ่มเทให้หมดทุกอย่างทั้งทรัพย์สินเงินทองและความรัก ความรักของแม่รัตอาจจะไม่ถูกต้องเพราะไม่ได้บอกความจริงเรื่องตนเป็นยักษ์ให้สังข์ทองรู้ แต่แม่รัตไม่เคยทำร้ายสังข์ทองเลย ขนาดลูกวิดบ่อทองไปเกือบครึ่ง (คิดดูว่าชุบทั้งตัวจะต้องใช้เนื้อทองเท่าไหร่) หอบสมบัติล้ำค่าประจำเมืองหนีไป แม่รัตยังห่วงตามไป พอลูกไม่กลับแม่รัตก็ยังห่วงกลัวลูกอดตายจึงสอนมหาจินดามนตร์ไว้ให้เรียกเนื้อเรียกปลา จากนั้นก็อกแตกตาย จบ ตัวละครตัวหนึ่งตายเพราะลูกขโมยของหนีไปแล้วไม่ยอมกลับบ้าน แต่แปลกที่ตัวละครดีๆ แบบนี้ยังถูกจัดว่าเป็นตัวร้ายที่ต้องตายด้วยเหตุผลที่เธอเป็นยักษ์
“คิดแล้วก็…เอาล่ะเขียนเรื่องในแง่มุมมองของยักษ์เสียหน่อยแล้วกัน ให้นางยักษ์ตนนี้เป็นนางเอก และให้นางมีเพื่อนสนิทนางเป็นยักษ์ที่ถูกด่าถูกประนามจากอีกเรื่อง แถมพ่วงด้วยกากีนางเอกผู้ถูกกระทำอีกราย จนกลายเป็นกลุ่มนางงามสามโลกไปในที่สุด”
นั่นแปลว่า คนอ่านจะได้พบตัวละครนิสัยเดิมที่มีความเปลี่ยนไป พร้อมมีเซอร์ไพร้ส์ในเรื่องหรือเปล่า
“ทั้งสองอย่างค่ะ พื้นฐานอุปนิสัยใจคอจะยืนพื้นจากวรรณคดีเดิมตามการตีความของคนเขียน ซึ่งอาจจะไม่เหมือนกับคนอ่านท่านอื่นๆ นะคะ อย่างอลินาเองมองว่าสังข์ทองออกจะนิสัยเด็กๆ นางสิบสองก็เป็นดาวเคราะห์ของผู้ปกครอง ซึ่งถ้าอ่านจากเรื่องราวจริงๆ นี่ เกิดมาพ่อที่เคยเป็นเศรษฐีก็จนลงทันที เพราะมีลูกสิบสองคน แถมเธอยังไม่ขยับช่วยงานการใดๆ เลย สันตรารับไปเลี้ยงก็ไม่รู้สิ้นเปลืองอีกเท่าไหร่ โสนน้อยเรือนงามจริงๆ อ่อนแอมาก ถูกกุลากลั่นแกล้งขโมยตัวตนก็จำยอมไม่ลุกขึ้นมาสู้เลย
“ทั้งหมดนี้เราเอามาต่อยอดว่า ถ้าตัวละครเหล่านี้มีชีวิตถึงปัจจุบัน เวลาจะเปลี่ยนแปลงอะไรพวกเขาบ้าง นอกจากจะต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยแล้ว นิสัยจะเปลี่ยนแปลงไปไหม จะเติบโตขึ้นจากเดิมไหม ตัวละครเรียนรู้ความผิดพลาดอะไรจากเรื่องราวเดิมหรือเปล่า ดังนั้นในแม่รักยักษา ตัวละครจึงเป็นตัวละครเดิมที่มีพัฒนาการขึ้นหรือลงตามกาลเวลาค่ะ”
ความยากในการนำตัวละครที่คุ้นเคยมาสู่บริบทปัจจุบันคืออะไร
“ส่วนตัวคิดว่าการปรับตัวละครให้เป็นปัจจุบันไม่ยากนะคะ อย่างที่บอกว่าตัวละครแทบทุกตัวมีจุดเด่นที่สามารถปรับเป็นคนยุคปัจจุบันได้เลย นักเขียนรู้สึกสนุกด้วยซ้ำ เวลาคิดว่าตัวละครตัวนี้จะทำงานอะไรหรือมีพัฒนาการอย่างไรในยุคนี้ อย่างแม่รัตเคยรักเด็กมายุคนี้ก็ยังคงคอนเซปเดิมรักเด็ก รักศิลปินเคป๊อบหน้าใส ยังทุ่มไม่อั้นจนเป็นติ่งตัวแม่ไปเลย หรือแก้วหน้าม้าอาจจะขี้เหร่ อาจจะกระโดกกระเดกเดินโครมครามแบบม้า แต่พอมาถึงยุคนี้ สบายค่ะ สูงยาวเข่าดี เดินกระแทกๆ อย่างมั่นใจ เอาฟันม้าออกแล้วไปเดินแบบเป็นนางแบบชั้นนำได้
“จริงๆ เรื่องยากน่าจะเป็นการค้นเนื้อหาที่ต่อเนื่องจากเรื่องที่เรารับรู้มามากกว่า เพราะเวลาทำให้เนื้อหาจริงๆ ในวรรณคดีเปลี่ยนแปลงไป บางเรื่องก็ถูกดัดแปลงและถูกเข้าใจว่าผูกโยงกัน แถมมีเรื่องต่อที่เราเรียนหรืออ่านไปไม่ถึงอีกเยอะ และบางทีค้นไปค้นมาก็ทำให้ใจสลายได้เพราะเรื่องมันไม่ใช่เป็นแบบที่เราคิดหรือรับรู้มา”
ความหมายของ “แม่รักยักษา”
“คำว่า ‘แม่รักยักษา’ นำมาจากบทละครนอกสังข์ทอง พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยค่ะ เป็นคำที่เปิดตัวพันธุรัตครั้งแรก โดยท้าวภุชงค์ช่วยพระสังข์มาจากแพแตก แต่เลี้ยงเด็กในเมืองบาดาลไม่ได้เลยคิดหาคนเลี้ยงต่อ แล้วก็นึกถึงพันธุรัตขึ้นมาได้เลยส่งพระสังข์มาเมืองของพันธุรัต เนื้อหาจะเริ่มที่ว่า ‘สารท้าวภุชงค์ทรงศักดิ์ คิดถึงแม่รักยักษา แต่สหายวายปราณนานมา ชั่วช้ามิได้มาเยี่ยมเยือน’ ดังนั้นเมื่อพันธุรัตเป็นนางเอกเรื่องนี้ ชื่อเรื่องจึงเป็น ‘แม่รักยักษา’ ค่ะ”
ควรอ่านสังข์ทองก่อนมาอ่านแม่รักยักษาไหม
“จริงๆ เชื่อว่าสังข์ทองเป็นวรรณคดีหรือละครที่คนไทยรู้จักกันดีอยู่แล้วนะคะ ต่อให้ไม่เคยอ่านมาก่อนก็น่าจะรู้เรื่องกันดีอยู่แล้ว ฉะนั้นไม่ต้องอ่านสังข์ทองมาก่อนก็อ่านแม่รักยักษาได้ค่ะ แต่ถ้าจะให้อินและเข้าใจมุกของเรื่องแบบสุดๆ อ่านก่อนก็ดีนะคะ อ้อ…ฝากอ่านนางสิบสอง กากี โสนน้อยเรือนงาม พระอภัยมณี ปลาบู่ทอง (หัวเราะ) ล้อเล่นค่ะ อ่านได้เลยค่ะ คิดว่าถึงจะไม่เคยอ่านเรื่องราวพวกนี้มาก่อนก็คงพออ่านตามได้อย่างสนุกค่ะ
“ยังไงก็ฝากคนอ่านรักและเอาใจช่วยแม่รัต นางเอกยักษ์ตนนี้ด้วยนะคะ”
ร่วมสัมผัสเรื่องราวสนุกๆ ในชีวิตของบรรดาตัวละครจากวรรณดคีไทยที่กระโดดข้ามยุคมาปี 2020 ไปกับ ‘อลินา’ และ “แม่รักยักษา” กันได้แล้วที่ www.lookangoon.com หรือตามร้านหนังสือทั่วไป