ลำนำพราย บทที่ 3 : จากป่าดงสู่เวียงเจียงใหม่ (2)

ลำนำพราย บทที่ 3 : จากป่าดงสู่เวียงเจียงใหม่ (2)

โดย : เก็ตตะหวา

Loading

ลำนำพราย นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศ โครงการอ่านเอาก้าวแรก ๓ โดย เก็ตตะหวา เรื่องราวของหนองน้ำที่มีเรื่องเล่าและความลึกลับ มีภูตร้ายพรายผีที่หมายจะเอาชีวิตผู้คนที่กรายใกล้หรือที่จริงแล้วเป็นเพราะความโหดร้ายของมนุษย์กันแน่ที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขัดขวางความต้องการภายในจิตใจ นวนิยายสนุกๆ อีกหนึ่งที่ anowl.co

เช้าวันใหม่หลังจากได้เงินพนันจากเพื่อนร่วมวงไปมากโข ประจวบกันนักมวยร่างยักษ์ในค่ายมวยของเจ้าสิงห์มีชัยชนะเหนือคู่เปรียบมวยจากคุ้มใต้ นั่นทำให้เจ้านายอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เมื่อซัดสายตาเห็นแม่ครูคนงามผู้ฝึกสอนนางรำ พาน้องเขยท่าทางแข็งแรงเอาการเอางาน มาฝากเนื้อฝากตัวเพื่อทำงานใช้แรงงานเป็นคนสวน จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด

“เอาเต๊อะๆ เห็นแก่แม่ครูที่ฝึกสอนช่างฟ้อนในคุ้มสิงห์ คำมั่นให้งดงามอ่อนช้อยสร้างชื่อเสียง ข้าจะฮับญาติสูไว้ในคุ้มนี้ แต่ฮับได้อีกแหมคนเดียวเน้อ ที่นี่บ่มีหน้าที่ใดว่างแล้ว ข้าเก่าเต่าเลี้ยงเต็มคุ้ม ข้าบ่ฮับเลี้ยงคนเพิ่มแหมแล้ว” เจ้านายรับปากฝากคำ พ่อหนานถาจึงมีที่อยู่เป็นกระต๊อบหลังเล็ก ปลูกอยู่ปลายท้ายสวนในคุ้ม คอยดูแลต้นไม้ ดอกไม้ในคุ้มสิงห์คำมั่นแต่นั้นมา

ส่วนบัวหอม พ่อกับป้าพาไปฝากไว้ที่บ้านพ่อเลี้ยงคอร์ท แหม่มคอร์ทมีเด็กๆ อยู่ในอุปการะหลายคน ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่ และอาศัยอยู่กับครอบครัวพ่อเลี้ยงคอร์ทตั้งแต่ยังเล็ก จนโตพอที่จะเข้าเรียนก็ส่งเรียนหนังสือทุกๆ คน

“บัวหอมยังต้องปรับตัวอีกมาก พ่อเลี้ยงอนุญาตให้มาเรียนแบบไปกลับได้ กลางวันจะมาเรียนการเรือน มาเรียนทำขนมกับแหม่มตอนกลางวัน ส่วนยามค่ำคืน จะกลับไปพักอยู่กับพ่อที่ทำงานก็ได้”

พ่อเลี้ยงคอร์ทกลับมาจากรักษาคนไข้ในถิ่นไกลปืนเที่ยง ซึ่งต้องเดินทางบนหลังม้ากลับมาในตอนเย็น ถึงจะเหน็ดเหนื่อยมากเพียงไหน ก็ยังมีเมตตารับบัวหอมไว้ให้เล่าเรียน

เด็กหญิงบัวหอมเติบโตขึ้น ตามเวลาผันผ่านภายใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ ร่มฉำฉาไม้สูงใหญ่ร่มเย็น แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นไม้หมายคู่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค

ฤดูกาลที่ผ่านพ้น สายฝนพรำ ลมหนาวพร่างพรู ใบฉำฉาแห้งๆ ร่วงลงจากต้นไม้ใหญ่ แวดล้อมเรือนในที่พำนักบ้านของพ่อเลี้ยงคอร์ท บ้านพ่อเลี้ยงคอร์ทเป็นคฤหาสน์หลังงามที่สุดในแถวย่านบ้านนั้น ด้วยว่าชาวบ้านธรรมดาน้อยนักที่จะก่อสร้างบ้านก่ออิฐถือปูนสไตล์บ้านฝรั่ง มีซุ้มโค้งและหน้าต่างบานไม้ สร้างแบบตะวันตก มีปล่องไฟ และระเบียงไม้ยื่นออกมาจากตัวบ้าน มีประตูหน้าต่างมากมายหลายชั้น หน้าต่างบ้านที่รายรอบ ทำให้ลมหอบเอาสายลมพัดพาความเย็นผ่านในฤดูร้อน และบนหลังคามีปล่องไฟ ด้านล่างมีเตาผิงให้ความอบอุ่นในฤดูหนาว

สำหรับประตูไม้สองชั้นในบ้าน เป็นประตูห้องรับแขก แยกจากเรือนพักอาศัย สำหรับเป็นห้องให้พ่อเลี้ยงคอร์ทรับแขก หรือตรวจรักษาคนไข้

บ้านพ่อเลี้ยงคอร์ทตั้งอยู่ใกล้ๆ กับโรงพยาบาล โดยมีเพียงถนนกั้น เพียงแค่ข้ามถนนไปอีกฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นที่ตั้งของโรงพยาบาลแมคคอร์มิค ที่พ่อเลี้ยงคอร์ทเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น ด้วยทุนทรัพย์ของมิตรสหายจากแดนไกล เศรษฐีนีชาวอเมริกันที่ชื่อว่า มิสไซรัส แมคคอร์มิค เพื่อใช้เปิดสถานรักษาพยาบาลผู้เจ็บไข้ในล้านนา และประกาศศาสนา ให้การดูแลรักษาโดยไม่เลือกเชื้อชาติ ศาสนา

“วันนี้แม่เลี้ยงคอร์ทฝากขนมคุกกี้ไปให้คนไข้ที่โรงพยาบาลหลายสิบชิ้นนะบัวหอม” พ่อเลี้ยงคอร์ททักทายสาวน้อยวัยสดใส เกล้าผมมวยมุ่นต่ำ ตาคม ยิ้มแย้ม ยื่นห่อผ้าที่ภายในบรรจุขนมจนเต็มมารอยื่นให้พ่อเลี้ยงคอร์ทที่หน้าประตูเรือน ก่อนที่จะออกไปตรวจรักษาคนไข้ในโรงพยาบาล

“ฝีมือเจ้าแหมแม่นก่บัวหอม ตี้จ่วยเป็นลูกมือแม่เลี้ยง” หมอคอร์ทหรือป้อเลี้ยงคอร์ทของชาวบ้าน ยื่นมือรับอย่างชอบใจ

“แม่นแล้วเจ้า แม่เลี้ยงสอนข้าเจ้าจ๊าดนัก ทั้งงานบ้านงานครัว นอกจากสอนหนังสือไทยและฝรั่งที่ต้องเล่าเรียนแล้ว พ่อชมว่าข้าเจ้าบ่เล่นเป็นลูกลิงแหมแล้ว” บัวหอมในวัยสาว ช่างพูด ช่างเจรจา

“ขยันฝึกอ่านงานเขียนมากๆ นะเจ้า เพื่อเตรียมความพร้อมของโรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์เรียบร้อย เจ้าจะได้ช่วยงานพ่อเลี้ยงในโรงพยาบาล งานห้องผ่าตัดด้วย ช่วยแบ่งเบาภาระแม่เลี้ยง” แหม่มคอร์ทสตรีชาวตะวันตก ผิวขาวร่างสูงโปร่ง ยิ้มแย้มอย่างอารมณ์ดี เมื่อเดินมาส่งสามีที่หน้าประตู และได้ยินบทสนทนาดังกล่าว เดินมาสมทบ

“บัวหอม เจ้าดูเฉลียวฉลาด เจ้าต้องขยันหมั่นเฮียนตั้งใจเฮียนเน้อ” แม่เลี้ยงเอ่ยปากย้ำคำกับลูกศิษย์คนโปรด

ต่อมาเมื่อมีการตั้งโรงเรียนฝึกหัดนางพยาบาลแห่งโรงพยาบาลแมคคอร์มิค บัวหอมจึงรีบยื่นใบสมัครเข้าเรียนต่อโดยไม่รีรอ สถานที่เรียนในระยะแรกของสาวๆ ที่สมัครเข้ามาเรียนพยาบาล คือห้องอาหารบ้านพ่อเลี้ยงคอร์ทนั่นเอง โดยมีแหม่มคอร์ทสอนการเล่าเรียนเขียนอ่าน และวิชาโภชนาการที่แหม่มถนัด ส่วนพ่อเลี้ยงคอร์ทสอนวิชาทางการแพทย์และการพยาบาล

เมื่อมีการฝึกปฏิบัติการจริงที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิค จึงมีการปรับปรุงหลักสูตรเป็น 3 ปี โดยมิสแอลเนส ซึ่งเป็นพยาบาลที่จบจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอบกินส์ เป็นผู้อำนวยการของโรงเรียนพยาบาลเป็นคนแรก มีการปรับปรุงหลักสูตร และทำข้อสอบเพื่อรับใบประกาศนียบัตรร่วมกับโรงเรียนการพยาบาลของสภากาชาดสยาม

ตึกนอนคนไข้เป็นเรือนไม้สองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ แบ่งเป็นห้องสองฟากฝั่ง สองปีกแยกกันระหว่างคนไข้ชายหญิง ในฝั่งตึกนอนของคนไข้หญิง มีนักเรียนพยาบาลชื่อบัวหอมในชุดฝึกปฏิบัติงาน เป็นชุดที่เป็นกระโปรงจีบรอบตัวยาว เสื้อด้านในสีขาวและทับด้วยเอี๊ยมสีฟ้า สาวสวยกำลังใช้ผ้าชุบน้ำในกะละมังขนาดย่อมที่ใส่น้ำอุ่นเช็ดตัวคนไข้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนไข้หนักที่นอนนาน ด้วยโรคฝีในท้อง ท้องมานตัวเหลือง ผอมซีดตาโหลลึก ผ่ายผอมนอนติดเตียง ซึ่งอยู่ใกล้หน้าต่างริมสุด คนไข้รายนี้มารักษาตัวที่นี่ได้จะสองเดือนแล้ว อาการมีแต่ทรงกับทรุด

“แต่เราพวกหมอ ไม่เคยหมดหวังในการรักษาคนไข้” พ่อเลี้ยงคอร์ทบอกกับทีมผู้ให้การพยาบาลอย่างนั้น คนไข้คนนี้ชื่อแม่นายม่านแก้ว คนไข้คนนี้ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างดีที่สุด แม้ว่าร่างกายจะทรุดโทรมลง แต่หัวใจยังมีความหวังเรืองรอง

เพราะตอนนี้ ความหวังอันเรืองรองตัวเล็กๆ กลมอ้วน ขาวฟูเหมือนซาลาเปา เจ้าก้อนนั้นกำลังแง้มผ้าม่านที่ถูกดึงกั้นรอบเตียง เพื่อป้องกันสายตาจากภายนอกขณะที่บัวหอมกำลังให้การพยาบาล

“พี่สาวฮับ ต๋อมแต๋มจะเข้าไปเยี่ยมนายแม่ม่านแก้วได้รึยังฮับ” เสียงเล็กๆ ออดอ้อนดังเบาๆ อยู่แถวรอยต่อของผ้าม่านสีขาวรอบเตียงคนไข้

“เสร็จพอดี พี่เช็ดตัวแม่นายเสร็จแล้ว คุณหนูเข้ามาหาคุณแม่ได้เลยค่ะ” บัวหอมเปลี่ยนเป็นพูดภาษากลางที่ใช้อย่างเป็นทางการ เพื่อสนทนากับเด็กชายต๋อมแต๋มลูกชายแม่นายม่านแก้ว เพราะคหบดีชาวลำปางสองแม่ลูก เป็นเชื้อสายพ่อค้าพม่าที่มาจากลำปาง และใช้ภาษาไทยกลางเป็นภาษาหลัก

เด็กชายต๋อมแต๋มผู้นี้ ได้มาเรียนที่โรงเรียนเอกชนใกล้ๆ กับโรงพยาบาล

หลังเลิกเรียนตอนเย็นของทุกๆ วัน เด็กชายจะเดินเลียบกำแพงโรงเรียน ลัดเลาะข้ามเข้ามาหา มาเยี่ยมแม่ที่นอนเป็นคนไข้อยู่นาน นานจนคุ้นเคยกับทุกๆ คนที่นี่

“มีขนมคุกกี้ข้าวโอ๊ตที่แหม่มคอร์ทฝากมาให้แม่ด้วย แม่เก็บไว้ที่หัวเตียง ต๋อมแต๋มเอาไปกินสิลูก” แม่นายม่านแก้วเอ่ยเสียงอิดโรยบอกกับลูกชายวัยเจ็ดขวบ พลางชี้นิ้วไปที่ขนมบนโต๊ะหัวเตียง บัวหอมช่วยเอื้อมมือไปหยิบขนมชิ้นโตยื่นให้เด็กชายที่รีบรับไปกินอย่างเอร็ดอร่อย

“อ่ำ อ่ำ อาหย่อยจังเลยคับ แต่ทำไมแม่ไม่กิน” ปากเด็กชายคาบคุกกี้ที่เหลือไว้ครึ่งอัน แต่ไม่วายหันมาถามคนป่วย ซึ่งนอนแซ่วยิ้มเซียวอยู่บนเตียง

“แม่ไม่หิวลูก แม่อิ่มแล้ว” คนไข้กลืนอาหารอะไรแทบไม่ลง แม้แต่น้ำซุปน้ำข้าว ตอบลูกชายแล้วต้องรีบหันหน้าเข้าหาข้างฝา ขอบตาร้อน

“แล้วทำไมแขนของแม่เล็กกว่าแขนหนูล่ะ” เด็กชายเอาท่อนแขนอวบอ้วนผิวขาวนวลเทียบกับแขนลีบเล็กของผู้เป็นแม่

“เทียบดูทุกๆ วัน แขนหนูโตขึ้นในขณะที่แขนแม่เล็กลงๆ” หนูน้อยช่างเจรจาเอ่ยจ้อ ด้วยวัยเดียงสา โดยไม่ได้สังเกตว่าผู้เป็นแม่เม้มปากแน่นจิกมือเกร็ง กลั้นก้อนสะอื้นลงคอไม่ให้ลูกชายเห็นความเจ็บปวดอ่อนแอนั้น

“เดี๋ยวพี่ขอให้ยาคุณแม่ก่อนนะ ต๋อมแต๋มคนเก่งออกไปรอข้างนอกประเดี๋ยวเดียวนะ เสร็จแล้วพี่ไปหา” นักเรียนพยาบาลบัวหอมสังเกตเห็นอาการเจ็บป่วยที่กำลังก่อตัวขึ้นของคนไข้ จากเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายเต็มหน้า จึงรีบให้ยาหลังให้การพยาบาลเบื้องต้นตามที่หมอคอร์ทสั่งไว้

“แม่นายหลับแล้วเหรอฮะ ทำไมวันนี้แม่หลับไวจัง” เด็กชายชะเง้อคอยาวมองเข้าไปในประตูห้องคนไข้ เห็นแม่นอนหลับตาพริ้ม ทรวงอกกระเพื่อมหายใจขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ

“คุณแม่นอนหลับพักผ่อนหลังได้รับยาไปนะคับต๋อมแต๋ม” บัวหอมเก็บอุปกรณ์พร้อมกับห่มผ้าให้คนไข้เสร็จแล้วถึงเดินออกมาบอกกับหนูน้อย

“ว้า แย่จัง วันนี้คุณแม่นอนไว ต๋อมแต๋มยังไม่ได้ให้คุณแม่สอนทำการบ้านเลย” เด็กชายยื่นปากอย่างน้อยใจ หน้าสดใสหมองหม่นลง

“พี่ช่วยสอนการบ้านให้เอาไหม” บัวหอมนั่งลงบนระเบียงไม้หน้าห้องคนไข้ระหว่างแบ่งสองฟากคนไข้หญิงชาย

“ครับ” เด็กชายตัวอ้วนรีบรับปากอย่างยินดี พลางยิ้มกว้างจนตาหยี

“ที่บ้านมีช้างหลายเชือก เลี้ยงช้างไว้ลากไม้” เด็กชายวาดรูปบ้านไม้หลังใหญ่ด้วยลายเส้นโย้เย้ และใต้ถุนบ้านไม้ที่ยกสูงนั้นผูกล่ามเลี้ยงช้างไว้หลายเชือก ต๋อมแต๋มชี้นิ้วไปที่ช้างแล้วขยายความว่า

“การบ้านของวันนี้ คือคุณครูให้วาดรูปบ้านและสัตว์เลี้ยงของฉัน”

“ที่บ้านของต๋อมแต๋มเลี้ยงช้างไว้ใต้ถุนบ้าน โดยผูกล่ามไว้ที่เสาเรือน คุณพระ!” บัวหอมอุทานเอามือทาบอกทำตาโต ก่อนลอบมองหนูน้อยผู้มีรูปร่างศีรษะทุยสวย ที่กำลังก้มหน้าก้มตาวาดรูปอย่างขะมักเขม้น

“บ้านต้องหลังใหญ่และแข็งแรงขนาดไหนถึงจะเลี้ยงช้างไว้ใต้ถุนบ้านได้คะ” พี่สาวพยาบาลผู้ทำท่าตกใจ ทำตาโตสอบถามเหมือนเป็นเรื่องแปลกมหัศจรรย์ ทำให้เด็กชายช่างจ้อเงยหน้าขึ้นมา เล่าถึงบ้านที่จากมาผ่านความทรงจำ

“เป็นบ้านที่มีเสาไม้สักต้นใหญ่ ใหญ่มาก ขนาดหลายคนโอบไม่รอบ มีมากมายหลายต้นจนนับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้แม่นายบอกว่าต้องขายบ้านที่ลำปางเพื่อเอาเงินทองมาใช้จ่ายรักษาแม่ที่เชียงใหม่แล้ว พวกเราย้ายมาอยู่บ้านอีกหลังที่เชียงใหม่ คงไม่ได้กลับไปลำปางอีกแล้ว”

เด็กชายเอ่ยถึงบ้านเกิดอย่างอาลัย “ที่คิดถึงที่สุดคือช้างน้อยลูกช้างใหญ่ มันตัวน้อยๆ ชอบเล่นน้ำเหมือนเด็กๆ” เพื่อนเล่นยามเยาว์ยังอยู่ที่ลำปาง เพราะแม่ช้างต้องชักลากไม้ทำงาน พูดถึงตอนนี้เด็กชายก็หยุดคำพูด เบะปากทำหน้าเศร้า ก่อนที่ทำนบน้ำตาจะร่วงพรูลงมาอาบสองข้างแก้ม

“โอ๋ โอ๋ อย่าร้องนะ เดี๋ยวพี่จะร้องตาม เพราะพี่ก็เคยมีบ้านอยู่บ้านนอกตอนที่พี่ยังเป็นเด็ก บ้านที่จากมาไกล ออกไปจากที่นี่มาก เป็นเพราะพี่ป่วยบ่อย พ่อก็เลยต้องขายบ้านขายวัวเพื่อเป็นค่ายารักษาชีวิตพี่” บัวหอมรีบลูบหลังลูบไหล่ร่างข้างตัวไว้ พลางเล่าเรื่องของตัวเอง

“พี่ก็เคยเป็นคนไข้เหรอครับ” เด็กชายสูดน้ำมูกดังพรืดหยุดร้องไห้ หันมาให้ความสนใจทันที

“พยาบาลก็เป็นคนไข้ได้นะครับ แล้วพอรักษาหายก็เลยมาเรียนพยาบาลไงจ๊ะ” บัวหอมพยักหน้า ยืนยันตามคำตอบ

“ถ้าอย่างนั้นแม่ของผม แม่นายม่านแก้ว ก็ไม่ต้องเป็นคนไข้ตลอดไปใช่ไหมครับ” เด็กน้อยถามอย่างมีความหวัง แววตาวิบวับวิงวอนนั้น เงยหน้ามองพี่สาวคนสวยอย่างต้องการคำตอบ

“พี่จะดูแลรักษาพยาบาลแม่นายม่านแก้วอย่างดีที่สุด พ่อเลี้ยงคอร์ทเคยบอกไว้ว่า เราต้องไม่หมดหวังในการรักษาพยาบาลจ้ะ” พยาบาลฝึกหัดเลี่ยงที่จะตอบคำถาม แต่ก็พยายามรักษาความหวังของเด็กชายตัวน้อยไว้ เพราะชีวิตยังคงหล่อเลี้ยงไว้ด้วยความหวัง



Don`t copy text!