ลำนำพราย บทที่ 4 : มิตรภาพต่างวัย (1)
โดย : เก็ตตะหวา
ลำนำพราย นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศ โครงการอ่านเอาก้าวแรก ๓ โดย เก็ตตะหวา เรื่องราวของหนองน้ำที่มีเรื่องเล่าและความลึกลับ มีภูตร้ายพรายผีที่หมายจะเอาชีวิตผู้คนที่กรายใกล้หรือที่จริงแล้วเป็นเพราะความโหดร้ายของมนุษย์กันแน่ที่พร้อมจะทำลายทุกสิ่งที่ขัดขวางความต้องการภายในจิตใจ นวนิยายสนุกๆ อีกหนึ่งเรื่องที่ anowl.co
เจ้าตัวน้อยตุ๊ต๊ะนามต๋อมแต๋ม เด็กนักเรียนชายวัยราวแปดขวบ เดินลัดเลาะริมรั้วโรงเรียนเพื่อมาเยี่ยมแม่ซึ่งเป็นคนไข้นอนนานที่โรงพยาบาลแมคคอร์มิคทุกวันหลังเลิกเรียนตอนเย็น โดยเจ้าหนูน้อยมักจะหอบการบ้านให้พี่พยาบาลปีสองที่ขึ้นฝึกปฏิบัติงานเวรบ่าย ช่วยสอนการบ้านให้เสมอๆ ในขณะที่พี่พยาบาลก็มักจะมานั่่งอ่านหนังสือให้แม่นายของเขาฟังข้างเตียงเป็นประจำเช่นกัน
“วันนี้มีขนมคุกกี้ให้กินไหมครับ” เด็กน้อยรีบถามหลังจากนั่งลงที่เก้าอี้ข้างเตียงผู้เป็นแม่
“มีสิ วันนี้แหม่มคอร์ทท่านฝากคุกกี้ชิ้นโตมาให้ลูกด้วย พี่บัวหอมเล่าให้แหม่มคอร์ทฟังว่าลูกชายแม่ชอบกินขนมฝีมือท่าน” แม่นายม่านแก้วเอื้อมมือผอมจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกไปหยิบเอาขนมบนโต๊ะหัวเตียงให้ลูกชายตัวอ้วน
“อ่ำ อร่อยนะฮะ แม่ชิมสิ” เด็กน้อยใช้มืออ้วนกลมของเขาบิขนมเป็นชิ้นเล็กๆ ป้อนให้แม่
“แม่อิ่มแล้ว แม่กินอะไรไม่ค่อยได้” แม่เบือนหน้าหนี
“ทำไมล่ะฮะ แม่ผอมลงมากจนมือหนูกำรอบข้อมือแม่ได้แล้ว นิ้วมือแม่ก็เล็กกว่านิ้วหนูอีก
เด็กชายกำมือรอบข้อมือแม่ แล้วเปรียบเทียบขนาดนิ้วมืออ้วนป้อม กับนิ้วมือเล็กๆ เรียวยาวแห้งจนเหมือนหนังหุ้มกระดูก แล้วทำหน้าแปลกใจที่แม่ไม่ยอมกินขนมหรืออาหารอื่นใดมาหลายวันจนพี่บัวหอมต้องบอกว่าหมอคอร์ทให้น้ำเกลือและสารอาหารทางเส้นเลือดให้แม่ตั้งแต่เมื่อวาน
“พี่บัวหอมว่าเมื่อไหร่แม่จะได้กลับบ้านครับ ต๋อมแต๋มคิดถึงบ้านแล้ว คิดถึงช้างน้อย”
เด็กผู้มีเพื่อนเล่นเป็นช้าง นั่งลงแกว่งขาดุ๊กดิ๊ก เมื่อพี่สาวคนสวยหลอกพามานั่งรับลมเย็นๆ ริมระเบียงหน้าห้องพักคนไข้ และเจ้าตัวน้อยยื่นเท้ากลมป้อมลงไปยังริมระเบียงที่ยื่นออกมานอกตัวอาคาร
“ไว้พรุ่งนี้พี่จะถามพ่อเลี้ยงคอร์ทให้นะคะ” พยาบาลฝึกหัดเอื้อมมือขยี้หัวทุยที่มีเส้นผมสีดำเข้มปกคลุมราวสายไหมอย่างเอ็นดู
“ต๋อมแต๋มอยากกลับบ้านที่ลำปาง” เด็กชายทำเหมือนไม่เข้าใจคำว่าขายให้คนอื่นไปแล้ว
“พี่ก็อยากกลับบ้านที่บ้านนอก” บัวหอมเข้าใจคำว่าขายไปแล้ว แต่ที่นั่นก็คือบ้านที่โหยหา บ้านที่มีใครบางคนรออยู่ รออยู่ที่หนองน้ำมรกตที่คร่าชีวิตพี่บัวคำ และใครๆ บอกว่าพี่บัวคำยังคงรออยู่ที่นั่น
“หนองน้ำนั้นกว้างใหญ่ มีกอบัวริมรอบขอบเขตเต็มน้ำ กลิ่นดอกบัวหลวงหอมรวยรินลอยมาตามลม นกกินปลาบินโผลงน้ำฉวัดเฉวียน ครู่เดียวก็โผขึ้นฟ้าพร้อมคาบปลาสีเงินตัวเล็กๆ ในปาก หนองน้ำแห่งนี้มีปลาอุดมสมบูรณ์ แต่ปลาในน้ำนี้ไม่มีใครกล้ากิน ปลาจากหนองสะเรียมเขาว่าเป็นปลากินคน ในน้ำนี้มีเมืองผีซ่อนอยู่ใต้น้ำลึก วันดีคืนดี จะมีเสียงมโหรีปี่พาทย์ดังขึ้นมาจากใต้น้ำ โดยเฉพาะวันพระใหญ่ จะมีเสียงดนตรีที่ไม่มีคนเล่นดังแว่วมาจากหนองน้ำอาถรรพณ์” เสียงหมาหอนรับกันเป็นทอดๆ เมื่อบัวหอมเริ่มเล่านิทานอันเป็นตำนานของหมู่บ้านของตัวเอง หมู่บ้านที่จากมา
“ไม่เอาแล้ว วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะฮะ ต๋อมแต๋มกลัวผี” เด็กชายยกมือปิดหูสองข้าง พร้อมกับหดขาเล็กๆ นั้นเข้ามาในอาคารโดยเร็ว แถมเหลียวมองรอบๆ ตัวท่าทางเลิ่กลั่ก พร้อมๆ กับกระเถิบตัวเข้ามานั่งเบียดชิดพี่สาวนักเล่านิทานอย่างหวาดกลัว
“นี่แค่เริ่มต้น” บัวหอมยิ้มเย็นให้กับเสียงหมาที่หอนรับกันเป็นเสียงอันวังเวงน่ากลัว
เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เงียบเหงา แม่เลี้ยงคอร์ทหยุดให้นักเรียนกลับไปเยี่ยมบ้าน แต่สำหรับบัวหอมผู้ซึ่งไม่มีบ้านให้กลับ จำต้องกลับไปยังที่ทำงานของพ่อและป้าคนคุ้มสิงห์รักษา บ้านพักคนงานซึ่งเป็นกระต๊อบน้อยอยู่ท้ายคุ้ม โดดเดี่ยว ห่างไกล
ใช่ว่าบัวหอมจะไม่คิดถึงพ่อและป้าบัวผัน แต่การที่จะผ่านไปยังเขตพักคนงานได้ จำต้องเดินผ่านเข้าทางประตูไม้สักบานใหญ่หน้าคุ้มเพื่อแจ้งต่อยามก่อนเข้าไป และต้องเดินผ่านลานดินข่วงสำราญที่เป็นเวทีจัดระบำรำฟ้อน เวทีมวย และบ่อนไฮโลถั่วโปไพ่อีก แถวนี้มีพวกผู้ชายคอยจ้องมองตาเป็นมัน แถมปากเป็นนกคอยหาเรื่องแซว ผิวปากหวีดหวิว ก่อกวนให้รำคาญใจ
สมัยก่อนเมื่อยังเป็นเด็กเล็ก บัวหอมยังไม่เป็นที่น่าจับตามอง เด็กหญิงสามารถวิ่งเข้าออกใช้ประตูเล็กด้านข้างของพวกแม่ครัวได้อย่างสะดวกสบาย แต่มาระยะสองสามปีหลัง เมื่อมีคนปากเปราะสังเกตเห็นบัวหอมแตกเนื้อสาว จึงคอยเคร่งครัดการเข้าออกคุ้ม และตามยั่วเย้าแหย่ให้วุ่นวายแถมน่ารำคาญ
เสียงบรรเลงเพลงเห่กล่อมด้วยปี่สะล้อซอซึงดนตรีพื้นเมืองเสนาะหูเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เมื่อร่างบางโปร่งระหงของสาวน้อยจากรั้วโรงเรียนพยาบาลลูกศิษย์หมอคอร์ท เดินผ่านเข้ามาในครรลองสายตาของคนหมู่มากที่ลานดินแห่งคุ้ม ซึ่งเป็น ‘ข่วงแสนสำราญ’ ของพวกผู้ชายรวมทั้งเจ้านายในคุ้มสิงห์คำมั่น
เสียงดนตรีบรรเลงกระชั้นถี่ และบทจ๊อซอชวนกระดากดังขึ้นอย่างตั้งใจให้บัวหอมได้ยิน “พ่อเลี้ยงชิตกับมิตรสะหลวย เอาสาวนอนตวย (นอนด้วย) สองคืนสิบห้า (รูปี) อี่หลวงนอนเตียง อี่ออนนั่งท่า (นั่งรอ) ขะจั๋ยโวยๆ พ่อเลี้ยง (รีบๆ ไวๆ พ่อเลี้ยง) พ่อเลี้ยงชิตกับมิตรสะหลวย เอาสาวนอนตวย สองคืนสิบห้า อี่ดำขอเงิน อี่เฮือนขอผ้า อี่โนจาขอจ๊าง (ช้าง) ขะจั๋ยโวยๆ พ่อเลี้ยง”
บทค่าวซอจบลงตามด้วยเสียงโห่ประดังมาไม่ขาดสาย จากหมู่คนชายที่นั่งร่ำสุราอยู่ในวงการพนัน
“จะฟั่งไปไหนเล่าบัวหอมคนสวย นั่งอู้ตวยหมู่อ้ายเขาก่อน” ชายนักมวยคนหนึ่งรูปร่างกำยำล่ำสันปราดเข้ามาประชิด พร้อมถือวิสาสะดึงมือสาวน้อยให้นั่งลงล้อมวงกินเหล้า
เพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือกระทบหน้าดังฉาดใหญ่ เสียงเน้นหนักแน่น ทำให้ดนตรีที่บรรเลงดังคลอเพลงอุบาทว์นั่นหยุดชะงักงัน ภาพที่คนส่วนใหญ่มองเห็นก็คือ ลูกกวางน้อยกลายเป็นนางเสือ สะบัดข้อมือจากการเกาะกุม ในชั่วพริบตา ฝ่ามือนั้นสะบัดฟาดหน้าชายผู้กล้าฉุดรั้งจนสั่นสะท้าน
“อี่บัวหอมมึงกล้าตบกู” นักมวยร่างใหญ่คำรามลั่น หมายจะโผนโจนเข้าสั่งสอนหญิงสาว แต่ต้องชะงักงัน เมื่อเห็นเนื้อสมันน้อยยืนจังก้าหน้าเชิด ในดวงตามีประกายกล้าสีสนิม ราวกับมีกองไฟลุกโชนในดวงตาคู่นั้น
“เออ กูกล้าทำมากกว่าตบสั่งสอนอีก มึงกล้าก็ก้าวเข้ามาสิ ไอ้พะก่าเงี้ยว” บัวหอมเท้าสะเอว เน้นคำชื่อชัด ราวรู้จักชื่อนั้นมาเนิ่นนาน นางเสือสาวสะบัดมีดซุยสั้นวาววับคมปลาบออกจากห่อพกเอวชายพกซิ่นตี๋นก๋านอย่างรวดเร็ว บัวหอมยืนมั่นเอามีดปลายแหลมชี้หน้านักมวยเมาสุราจนหน้ามืด
“พอ พอแล้ว เลิกยั่วแหย่บัวหอมเสียที น้องมันเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ อิดๆ พวกอีนางช่างฟ้อนพวกนี้ ขะจั๋ยมาพาพวกนักมวย พวกพี่ๆ หมู่สูไปเข้าค่ายฝึกซ้อมไป๊” เสียงแผดร้องก้องดังของป้าบัวผันมาถึงก่อนตัว ซึ่งมาพร้อมขบวนลูกๆ นางรำช่างฟ้อนในคณะซึ่งกรูกันมาทั้งหมด สาวๆ ต่างรีบเข้ามาห้ามปราม ฉุดรั้งพวกผู้ชายให้เข้าประจำค่ายมวย เหตุการณ์จึงสงบลง
ป้าลากบัวหอมเข้าบ้านจนได้ พักจนใจเย็นลง จึงตั้งคำถามกับหลานสาว
“ไผหื้อสูพกมีดพกของมีคมไว้กับตั๋วหือบัวหอม” ป้าบัวผันแอบมองมีดซุยมีดสั้นเล่มน้อยที่ด้ามไม้แกะสลักลวดลายเสืออย่างงดงามอย่างหวาดๆ
“พ่อข้าเจ้าแกะด้ามมีดซุยหื้อไว้ป้องกันตั๋ว พ่อเลี้ยงคอร์ทก่อนุญาตหื้อพกมีดได้” บัวหอมตอบหน้าตาเฉย
“เป็นแม่ย่าแม่ยิงสุดุร้ายอย่างอี้ไผจะเอาไปเป่นเมีย” ป้ายังคงไม่เห็นด้วย แถมสอนสั่งมารยาสตรีหลายเล่มเกวียน “เป็นแม่ยิงต้องฮู้จักเอาอกเอาใจ๋ป้อจาย ต้องเรียบร้อยอ่อนหวาน”
“พ่อเลี้ยงคอร์ทยังสอนวิชายิงปืนหื้อข้าเจ้าตวย พ่อเลี้ยงชมว่าข้าเจ้ายิงปืนแม่น” บัวหอมตัดบทเมื่อป้าสอนบทกุลสตรียืดยาว ป้าบัวผันเอามืออุดปากเบิกตาโต ลมตี่ตื้นตากลับเมื่อหลานสาวบอกเล่าอีกคำ
“พ่อเลี้ยงหื้อนางพยาบาลพกปืนขึ้นวอร์ดได้ตวยนา” ถึงตอนนี้ป้ายกมือทาบอกเรอดังเอิ้ก
“พ่อเลี้ยงชิตกับมิตรสะหลวย เอาสาวนอนตวยสองคืนสิบห้า อี่ดำขอเงิน อี่เฮือนขอผ้า อี่โนจาขอจ๊าง” เสียงเพลงสัปดี้สีประดน ดังล้อเลียนหมอมิชชั่นนารี หมอชีคกับมิสเตอร์หลุยส์เพื่อนทำไม้ ที่แปรเปลี่ยนไปจากทางเดินของมิชชันนารีเมื่อลาออกไปเป็นพ่อค้าไม้สัก
เสียงค่าวซอนั้นดังก้องมาเป็นระยะๆ จากวงสุรากลางลานข่วงแสนสำราญทั้งคืน เสียงล้อเลียนนั้น ทำให้บัวหอมนอนพลิกไปมา กระสับกระส่ายอยู่จนค่อนรุ่ง