โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 14 : การจากลา (1)

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 14 : การจากลา (1)

โดย : ปีกดอกไม้

Loading

โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน นิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจีนโบราณ ผลงานรางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 ของ ปีกดอกไม้ หรือ รสริน พระปริยัติ อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงน้ำชาและเรื่องราวของผู้คนที่นี่ รวมถึงปริศนาเบื้องหลังของน้ำชาความทรงจำนี้ อ่านได้แล้วที่เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co

ในตอนเช้า หลังจากผ่านคืนไหว้พระจันทร์มาทุกอย่างยังคงดำเนินไปเช่นปกติ ท้องฟ้าสว่างเปิดกว้าง ป่าไม้ที่ล้อมรอบก็เขียวชอุ่ม มวลอากาศที่ไหลเวียนอยู่ก็แสนจะสดชื่นทำให้บรรยากาศน่าสบาย หากจะมีสิ่งใดที่แปลกไปกว่าทุกวันก็คงเป็นการปรากฏตัวของแขกซึ่งเดินทางมาเยือนจากเมืองจีน

ทั้งที่ทุกอย่างน่าจะดี มโนชากลับรู้สึกว่าเช้านี้อารมณ์ของทุกคนช่างแปรผกผันกับความรู้สึกชื่นมื่นเมื่อได้พบคนรู้จักคุ้นเคย ตรงกันข้ามกลับมีความอึมครึมคล้ายเมฆฝนที่ปกคลุมอยู่ ที่เป็นอย่างนี้เธอเพิ่งจะมารู้เอาทีหลังว่าเป็นเพราะคนจากแดนไกลนั้นนอกจากเจตนาต้องการมาพบพี่เหมยซีแล้วยังได้นำเอาข่าวบางอย่างที่ไม่ใช่เรื่องดีมาด้วย และผู้ที่ได้รับข่าวร้ายนั้นก็คือพ่อบ้านจาง

“ลูกสาวคนเล็กป่วยเป็นมะเร็งปอดทั้งที่บ้านไม่มีใครสูบบุหรี่เลยสักคน มีแต่พ่อของเธอซึ่งก็คือคุณอาจางนี่แหละแต่ท่านก็เลิกสูบมานานมากแล้ว ยิ่งพอรู้อย่างนี้เข้า คนเป็นพ่อก็อดจะโทษตัวเองไม่ได้ว่าเป็นเพราะตัว ว่าเพราะตอนเด็กๆ ลูกสาวชอบมาขลุกอยู่ด้วยกันในห้องทำงาน คุณอาเพราะเหนื่อยบวกเครียดกับธุรกิจก็มักจะสูบบุหรี่อยู่ในบ้านเสมอ” เสิ่นต้าชานซึ่งตอนนี้นั่งอยู่ยังเคาน์เตอร์หน้าร้านเอ่ยเล่าเรื่องเก่า

“แต่พ่อบ้านจางที่เป็นคนสูบก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่คะแล้วทำไมลูกสาวถึงจะเป็นขึ้นมาได้ อายุก็น้อยกว่า ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย”

“ก็นั่นละมันบอกไม่ได้เลยว่าเกิดจากอะไร ก็ไอ้โรคนี้น่ะนะมันก็เกิดจากที่เซลล์ร่างกายของคนเราทำงานผิดปกติ สูบบุหรี่ก็เป็นเพียงสาเหตุหนึ่งเท่านั้น ทั้งยังไม่ได้สูบทางตรงเสียด้วย เพียงแต่คนเป็นพ่อก็อดจะโทษตัวเองไม่ได้ ยิ่งฝั่งนั้นเป็นลูกสาวคนเล็กแต่กลับมาป่วยก่อนพี่น้องคนอื่น ทั้งยังป่วยก่อนพ่อตัวเองเสียด้วยซ้ำ เรื่องไม่ควรจะเกิดเลยแท้ๆ”

“โรคดำเนินไปถึงไหนแล้วหรือคะ” เซี่ยเหมยซีเอ่ยถามด้วยสีหน้าไม่สบายใจนัก

“เห็นว่าไม่ใช่ระยะแรกแต่ก็ยังพอจะทำการรักษาตามขั้นตอนได้ ทีนี้พี่น้องก็คุยกันว่าลูกสาวคนเล็กอยากจะได้ใช้ช่วงเวลานี้อยู่กับพ่อเพราะตั้งแต่โตมาก็เหมือนจะห่างเหินกันไป เธอว่าก็เหลือแต่พ่อนี่แหละเพราะแม่ก็ไม่อยู่แล้ว”

“อย่างนี้พ่อบ้านจางก็ต้องกลับเมืองจีนสินะคะ” มโนชาเอ่ยถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

“ก็คงต้องกลับพร้อมกันกับพี่เลยในคราวนี้” เสิ่นตาชานเอ่ยเรียบพลางหันไปสบตากับเซี่ยเหมยซีอย่างมีความนัย “แล้วเธอล่ะเหมยซี”

เซี่ยเหมยสีมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ยังตัดสินใจไม่ได้ในทันที อันที่จริงเธอตัดใจจากใครคนนั้นแล้วอย่างเด็ดขาดและตั้งใจจะตอบตกลงสำหรับคำถามของเสิ่นต้าชานที่เคยถามมาตลอด เพียงแต่เมื่อมีเรื่องของพ่อบ้านจางเข้ามาก็ทำให้ต้องกลับมาคิดทบทวนอีกครั้ง หากเธอจากไปด้วยอีกคน คนข้างกายคุณเฉินก็จะลดลงไปอีกหนึ่ง

แม้จะตัดใจแล้วแต่คนที่เธอสนใจความรู้สึกมากที่สุดก็ยังคงเป็นเขา ถึงแม้ไม่ได้รับความรักตอบแต่ก็ใช่จะกลายเป็นคนอื่นไปเลยในชั่วข้ามคืน เขายังคงเป็นคนที่มีบุญคุณกับเธอ ไม่ใช่แค่เรื่องน้ำชาความทรงจำที่ทำให้เธอก้าวต่อไปได้เท่านั้น หากเขายังมีส่วนช่วยในกระบวนการเยียวยารักษาบาดแผลในใจ ทั้งยังให้ความเป็นห่วงเป็นใยด้วยความหวังดีตลอดมา

เฉินเอินไม่ผิดเลยที่ไม่ได้รักเธอ เขารักเธอไม่ได้เซี่ยเหมยซีรู้ดี และสิ่งนี้ก็คือการเห็นแก่เธออย่างที่สุดในความคิดของเขา

“เหมยซียังไปไม่ได้ค่ะพี่ต้าชาน” เซี่ยเหมยซีเอ่ยออกมาเมื่อยามอยู่กันสองต่อสอง ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เธอผิดต่อเขา ทั้งที่เสิ่นต้าชานอุตส่าห์มาหาถึงที่นี่ มาดูเพื่อให้แน่ใจว่าเธอสบายดี มาเพื่อจะได้เอาขนมไหว้พระจันทร์ของโปรดมาให้ ส่วนเรื่องของพ่อบ้านจางก็เพราะยังไงก็ต้องมาอยู่แล้วเขาถึงได้อาสากับเพื่อนรุ่นน้องออกไป หากไม่เช่นนั้นจางหมินก็คงมาด้วยตัวเอง

“พี่เข้าใจดี เดิมทีที่เคยเร่งรัดเหมยซีก็เพราะสถานการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างตอนนี้ หากเหมยซีต้องการเวลาสักหน่อยพี่ก็เข้าใจ เพียงแต่พี่อยากให้รู้ว่ายังมีคนที่รออยู่ หวังว่าเหมยซีก็คงเข้าใจพี่เหมือนกัน” มือหนาอบอุ่นคู่นั้นยื่นมาประคองมือบางของเซี่ยเหมยซีเอาไว้ก่อนจะบีบเบาๆ เพียงครู่เขาก็ละมาหยิบบางสิ่งออกจากกระเป๋ากางเกง

“พี่คิดมาตลอดทางตั้งแต่ตอนนั่งเครื่องมาจากเมืองจีน ตอนขับรถมาที่นี่ก็นั่งนึกมาตลอดว่าจะพูดกับเหมยซียังไงดี จะเร่งรัดหรือบีบบังคับเหมยซีเกินไปหรือเปล่าเพราะพี่รู้ว่าเหมยซีผูกพันกับคนที่นี่มาก” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักใจ “แต่ชีวิตของคนเรามีเพียงชีวิตเดียว ทุกคนล้วนต่างเกิดมาด้วยตัวคนเดียวทั้งสิ้น ต่างเป็นอิสระและต้องแยกจากกันในท้ายที่สุด ตอนนี้ทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนร่วมเดินทางตลอดชีวิตอันยาวนานนี้แต่จุดหมายสุดท้ายต่างก็ต้องแยกจากกันไปอยู่ดี แต่พี่ยังหวังว่าระยะของการเดินทางในช่วงชีวิตของเหมยซีต่อจากนี้เราจะได้เดินไปด้วยกัน”

เซี่ยเหมยซีน้ำตาคลออย่างซาบซึ้งตื้นตัน ทั้งยังบังเกิดความสงสารขึ้นอย่างจับจิตจับใจ

เธอรู้ดีว่าความรักที่ไม่ได้รับการสนองตอบนั้นมีความรู้สึกอย่างไร ความอดทนของเธอสิ้นสุดลงแล้ว ของเสิ่นต้าชานเองก็ไม่รู้จะอีกนานแค่ไหน ถึงเวลานั้นจริงเธอก็คงเสียใจหากเขาถอดใจจากไป เวลาสองสามปีก็ถือว่าไม่น้อยสำหรับคนที่มีคุณสมบัติอย่างเขา ผู้หญิงอย่างเธอยังจะหวังอะไรอีกหรือ

มือบางหยิบแหวนขึ้นมาดูก่อนจะพยักหน้าตกลง ไม่มีความลังเลอยู่ในสีหน้า สุดท้ายน้ำตาซึ่งวาวแสงแข่งกับเพชรเม็ดงามก็ร่วงหล่นลงพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง



Don`t copy text!