โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 15 : ส่งกันเป็นพันหลี่ สุดท้ายก็ต้องร่ำลา (1)
โดย : ปีกดอกไม้
โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน นิยายโรแมนติกแฟนตาซีที่มีกลิ่นอายจีนโบราณ ผลงานรางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 4 ของ ปีกดอกไม้ หรือ รสริน พระปริยัติ อ่านเอานำมาให้ทุกท่านได้เพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของโรงน้ำชาและเรื่องราวของผู้คนที่นี่ รวมถึงปริศนาเบื้องหลังของน้ำชาความทรงจำนี้ อ่านได้แล้วที่เว็บไซต์อ่านเอา anowl.co
เวลาเคลื่อนผ่านรวดเร็วโดยไม่ทันได้รู้ตัว เมื่อปีใหม่สากลย่างเข้ามาปฏิทินก็ถูกเปลี่ยน เทศกาลตรุษจีนเองก็พ้นไปแล้วเช่นกัน พริบตาเดียวก็เป็นเวลากว่าครึ่งปีแล้วที่พ่อบ้านจางกลับเมืองจีนไป งานแต่งงานของเซี่ยเหมยซีและเสิ่นต้าชานก็กำลังจะเกิดขึ้น มันถูกจัดขึ้นที่เมืองลี่เจียงซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าบ่าว ดังนั้นทุกคนจึงจะได้มาเจอกันอีกครั้งในคราวนี้
พบเจอก็เพื่อจะร่ำลากันอีกครั้ง
ลี่เจียงเป็นเมืองที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลยูนนาน ปลายเดือนมีนาคมแบบนี้ถือเป็นช่วงฤดูใบไม้ผลิ อากาศดีดอกไม้เบ่งบานรับการเริ่มต้นใหม่ ภูเขามังกรหยกที่ดูอลังการสามารถมองเห็นได้จากที่ไกลนั้นถูกปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปีดูคล้ายกับประติมากรรมหินอ่อนชั้นดี
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของมโนชาที่เมืองจีนเพราะเธอเคยมาเรียนที่เฉิงตูเมื่อเกือบสองปีก่อน ถึงจะเที่ยวมาแล้วหลายที่แต่เป็นครั้งแรกของเธอที่นี่
ดวงตาใสกระจ่างพิจารณาบรรยากาศแปลกใหม่รวมถึงผู้คนที่พบเจอ ในนี้หลายคนเป็นคนคุ้นเคย หันซ้ายมองไปก็พบเข้ากับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีในชุดสูทสากลแสนสุภาพ
โชคชะตาอันแปลกประหลาดนำพาให้เธอมาเจอกับเขาอย่างไม่น่าเชื่อ จนถึงเดี๋ยวนี้ยังงงตัวเองไม่หายที่จู่ๆ ก็รับงานที่โรงน้ำชา
เรื่องราวมากมายรวมถึงผู้คนที่นี่ล้วนเป็นปริศนา มโนชาก็เหมือนเด็กๆ อยากรู้อยากเห็นแต่ก็ยังนิ่งสงบอดทนอย่างรอเวลา เธอเชื่อว่าอีกไม่นานของที่ซุกซ่อนอยู่ด้านในปริศนาอันลึกลับของโรงน้ำชานี้และตัวตนของเขาที่ถูกห่อหุ้มอยู่จะเผยตัวออกมาเมื่อถึงเวลา
บ้านของเสิ่นต้าชานอยู่ไม่ไกลจากเมืองโบราณลี่เจียงมากนัก มันเป็นบ้านทำจากหินทว่าด้านในนั้นกลับถูกตกแต่งอย่างทันสมัย แต่ละชั้นมีระเบียงทางเดินที่นำไปสู่ห้องต่างๆ อีกหลายห้อง
โรงน้ำชาถือโอกาสนี้ปิดชั่วคราวเพื่อให้ทุกคนมาร่วมแสดงความยินดีกับเซี่ยเหมยซีและเสิ่นต้าชาน ป้าจูแม่ครัวใหญ่ถูกจองตัวล่วงหน้ามาหลายเดือนก็กระตือรือร้นจะทำหน้าที่ พ่อบ้านจางซึ่งตอนนี้อาการของลูกสาวดีขึ้นก็พอจะปลีกตัวมาได้ในวันงาน เว้นแต่สวีสุ่ยเหอที่อาสาอยู่โยงเฝ้าอยู่ที่เมืองไทย
งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นอย่างอบอุ่นสวยงามราวภาพวาด เริ่มจากที่บ้านของฝ่ายชายก่อนจะได้ไปรับเจ้าสาวซึ่งพิธีถูกจัดขึ้นในโรงแรมที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
มโนชาและป้าจูจัดการเรียกซองแดงได้เป็นกอบเป็นกำ และเจ้าตัวดีที่ทุกคนเรียกจนติดปากก็ไม่ยอมปล่อยพี่เหมยซีสักทีด้วยการซ่อนรองเท้าของเจ้าสาวอย่างดิบดี ไม่ว่าเพื่อนเจ้าบ่าวจะหายังไงก็หาไม่พบ หนักเข้ามากๆ ซองแดงก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เธอถึงยอมเอารองเท้าที่ซ่อนไว้ออกมา เจ้าบ่าวเจ้าสาวถึงได้พากันออกไปทำพิธียกน้ำชาให้ทางญาติฝ่ายหญิงได้
จนเมื่อจะต้องย้ายไปทำพิธีที่บ้านของฝ่ายชายความอาลัยก็บังเกิดขึ้นในใจของเจ้าสาว
เซี่ยเหมยซีรู้ว่าครั้งนี้คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะได้พบหน้าเขาคนที่มีบุญคุณดังชื่อ ความรักที่อัดแน่นอยู่ในใจ สุดท้ายก็ไร้ทางจะเอ่ยออกไป เทียบกับช่วงชีวิตของเขามันอาจเหมือนพริบตาเดียวแต่สำหรับเธอมันคือเวลาค่อนชีวิต และต่อจากนี้ก็คงจะไม่ได้เจอกันอีก
เธอเหมือนลูกสาวที่แต่งออกต่อไปก็จะเป็นสมบัติของบ้านสามี บ้านของเธอจะไม่ใช่ที่โรงน้ำชาอีกต่อไป เธอมาเจอเขาอีกไม่ได้เซี่ยเหมยซีรู้ดีเพราะรูปลักษณ์ที่ไม่ได้เปลี่ยนไปนี้จะทำให้เสิ่นต้าชานเกิดความสงสัยและคำถามมากมายจะผุดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน
อารมณ์ของเซี่ยเหมยซีในตอนนี้ค่อนข้างแตกต่างกับอีกคนเพราะเขารู้สึกเหมือนผู้ปกครองของเธอมาตลอด เมื่อเห็นคนที่ดูแลมากว่ายี่สิบปีจะได้ไปใช้ชีวิตมีความสุขเหมือนเขาพายเรือส่งเธอได้ถึงฝั่ง
ภาพวันแรกของเธอแวบเข้ามา เซี่ยเหมยซีเด็กสาวคนนั้นเติบโตเป็นหญิงสาวที่สวยงามเยือกเย็น เป็นความงามเช่นเดียวกับภูเขามังกรหยกที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางด้านหลัง ทนหนาวมายาวนานและยืนหยัดได้อย่างสวยงาม
ณ บ้านของเจ้าบ่าวซึ่งเป็นสถานที่จัดเลี้ยง ญาติฝ่ายหญิงของเซี่ยเหมยซีก็เป็นบรรดาคนที่เคยทำงานที่โรงน้ำชา มโนชาค่อนข้างแปลกใจที่เห็นคนเก่าคนแก่มากมายหมุนเวียนเปลี่ยนหน้าเข้ามาจับไม้จับมือผู้เป็นเจ้าของโรงน้ำชา ดวงตาฝ้าฟางหลายคู่เต็มไปด้วยความดีใจ ตื้นตัน ซาบซึ้ง ก่อนจะผละจากไปเงียบๆ ปล่อยให้เขา…คนสำคัญคนนั้นได้กินอาหารอย่างสบายโดยไม่ได้รบกวนใดๆ อีก
เธอเดินเล่นไปมาในงานด้วยความอยากรู้ ภาษาถิ่นกับจีนกลางปะปนกันพอฟังออกได้คร่าวๆ ว่าฝั่งนั้นต่อว่าทางฝั่งเจ้าของโรงน้ำชาที่รั้งเอาตัวเซี่ยเหมยซีไว้ใช้งานนานหลายปี
“เขารักกันแต่มีอุปสรรคเรื่องอายุต่างหาก” มโนชาเอ่ยขึ้นลอยๆ กับป้าปากไม่ดีเป็นภาษาบ้านเกิดเมืองนอนที่ไม่มีใครเข้าใจเว้นแต่บุคคลหนึ่งซึ่งนั่งห่างออกไป “ก็ถ้าคุณเฉินอายุมากกว่านี้สักสิบปีป่านนี้พี่เหมยซีไม่เหลือมาถึงหลานป้าหรอกรับรองได้เลย ใครรั้งตัวเอาไว้ใช้งานกันวันๆ ออกจะว่าง ป้าอยากรู้ว่าว่างไม่ว่างมาถามคนนี้นี่”
ชายหนุ่มที่กำลังเพลิดเพลินกับอาหารตรงหน้าถึงกับชะงักมือ นัยน์ตาหงส์เหลือบมองไปยังคนที่เสนอหน้าป้วนเปี้ยนบ่นบรรดาป้าขี้นินทาอยู่หน้างานด้วยแววตาขบขัน ก่อนจะหันไปกระซิบกับพ่อบ้านจาง
“คนของคุณจางว่าฉันกับเหมยซีรักกัน ถ้าไม่มีอุปสรรคเรื่องอายุก็คงลงเอยกันได้ ทางนั้นว่าถ้าฉันอายุมากกว่านี้สักสิบปีป่านนี้เสิ่นต้าชานก็คงไม่มีงานแต่งงาน” พ่อบ้านจางหัวเราะออกมาเสียงดัง
“คนของเรามันใช้ได้” เอ่ยพลางรินเหล้าให้กับชายหนุ่ม “วันดีอย่างนี้ดื่มกันหน่อยเถอะคุณเฉิน”
เขาไม่ได้ปฏิเสธ มือหนากระดกเหล้าเข้าคอหมดจอกก่อนจะกลิ้งถ้วยกระเบื้องในมือเล่น สายตาจับจ้องไปยังเจ้าของบทสนทนาเมื่อครู่ที่กำลังพยายามสื่อสารกับเด็กน้อยด้วยภาษาท้องถิ่นที่เรียนมาไม่กี่คำแต่มันออกมาน่าตลกขบขันเสียมากกว่า
ดวงตายาวรีมองไปอีกด้านก็พบกับเซี่ยเหมยซีในชุดเจ้าสาว ความรู้สึกผิดที่ยึดเซี่ยเหมยซีติดเอาไว้ ความหนักอึ้งที่เหมือนแบกชีวิตและความสุขของคนคนหนึ่งไว้ก็เบาบางลงในชั่วขณะ
อันที่จริงสิ่งที่เขารู้สึกว่ามันหนักอึ้งคือความรู้สึกนั้นของเธอต่างหาก ความรักและความจงรักภักดีบัดนี้มันถูกมอบให้ใครอีกคนด้วยความเต็มใจ เขาดีใจที่ได้เห็นเธอมีความสุขเสียที มีความสุขที่จะได้รักใครสักคนจนสุดหัวใจและได้รับความรักนั้นตอบ
งานแต่งยังคงดำเนินต่อไป แต่คนที่ดื่มเหล้าเข้าไปพลันเกิดอารมณ์บางอย่าง เขาเลือกที่จะปลีกตัวออกมาอย่างเงียบๆ เดินดูอาคารสิ่งก่อสร้างของบ้านเจ้าภาพและชมสวนไปเรื่อยๆ กระทั่งสองขาพาตัวเองออกมายังถนนสายยาวทำจากอิฐเรียบลื่นที่คดเคี้ยวไปมาและเหมือนจะทอดยาวไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ณ ที่แห่งนี้เหมือนเวลาจะหยุดเดินไปด้วย สถาปัตยกรรมแบบเก่า อาคารบ้านเรือนเก่าๆ มีชีวิตมายาวนานเหมือนกันกับเขา นึกสงสัยอยู่ในใจว่าถนนเส้นนี้กับสะพานที่พาดผ่านสายน้ำน้อยใหญ่เหล่านี้จะพาเขาไปที่แห่งไหนและจะพาไปเจอกับอะไรที่ปลายทาง
มือหนาไล้ไปตามกำแพงอิฐขณะเดินเรียบเรื่อย แสงแดดยามบ่ายสาดส่องตกต้องเป็นเงาทาบลงกับพื้น ดอกไม้ที่เริ่มจะบานรับฤดูใบไม้ผลิหลากสีสันประดับตามข้างทาง ลมโชยผ่านก็พัดพากลิ่นหอมมาเป็นระยะ ต้นหลิวที่ขึ้นอยู่ริมน้ำโดนลมก็แกว่งไกวกิ่งก้านอ่อนพลิ้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้เขานึกถึงบ้านเกิด
แต่หากจะกล่าวว่าเป็นความอบอุ่นที่หวนระลึกถึง เป็นความสุขใจที่ได้กลับมา ก็ไม่ใช่โดยสิ้นเชิง บ้านที่มีเพียงตัวบ้านแต่คนที่บ้านกลับไม่มีใครอยู่แล้ว มันเป็นความรู้สึกแบบนั้นเอง
เดินมาเรื่อยๆ เข้าใกล้เมืองโบราณเข้ามาทุกที ข้ามสะพานแล้วสะพานเล่าราวกับไร้จุดหมาย แต่แล้วเขาก็กลับหยุดฝีเท้าลงเมื่อเจอสิ่งที่ไม่ได้อยู่ในแผน
เมื่อครู่เขายังสงสัยว่าเส้นทางนี้มันจะพาเขาเดินไปที่ไหนและไปเจอกับอะไร แต่ท้ายที่สุดมันก็กลับพาเขามาหยุดลงตรงหน้าคนคนหนึ่งซึ่งกำลังส่งรอยยิ้มสว่างเจิดจ้าและอบอุ่นยิ่งกว่าแสงแดดยามบ่ายมาให้ เขาคลี่ยิ้มออกมานึกคำพูดไม่ออก สุดท้ายก็เพียงแต่พูดอะไรส่งๆ ไปไม่ตรงกับความรู้สึกดีใจที่ได้พบกับคนรู้จักซึ่งเกิดขึ้นในใจอยู่ในขณะนี้
“แอบตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
มโนชาหุบยิ้ม หน้าคว่ำทันทีที่ได้ยิน
“ถ้าแอบเดินตามจริงจะมาอยู่ข้างหน้าได้ยังไงคะ แอบตามก็ต้องอยู่ข้างหลังสิ นี่ซินมาของซินดีๆ พอเห็นคนรู้จักก็ดีใจรีบเดินมา มาหาว่าเราแอบตามอีก” ชายหนุ่มหัวเราะออกมา
“ว่าตามเธอแล้วกัน” ดวงตายาวรีมองคนตรงหน้า มีความลังเลเกิดขึ้นเพียงครู่แต่สุดท้ายก็เอ่ยปาก “มาเดินด้วยกันเถอะมโนชา ข้างหน้ามีร้านขายขนมขายอาหารแปลกๆ อยู่หลายร้านที่เธออาจจะยังไม่เคยกิน” เขาพูดเปิดแอปพลิเคชันตัวกลางชำระเงินในโทรศัพท์แกว่งไกวไปมาตรงหน้า มโนชายิ่งยิ้มกว้างไปอีกที่เดี๋ยวนี้เขารู้จักเธอยิ่งกว่าอะไรและรู้ว่าจะหลอกล่อได้ด้วยวิธีไหน
“ถ้าอย่างนั้นซินก็ขอรบกวนด้วยนะคะ”
เดินไปอีกไม่นาน ตลอดเส้นทางสองฟากฝั่งนั้นก็เต็มไปด้วยร้านค้าจำนวนมากที่นับยังไงก็คงไม่หมด ขายตั้งแต่เสื้อผ้าแฟชั่นและแบบชนเผ่า ขายสมุนไพรต่างๆ จนถึงเครื่องประดับเครื่องเงิน แต่สิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับมโนชาก็คือของกินที่เขาเอามาล่อนั่นแหละ ถึงแม้เธอจะรู้สึกว่ากระเพาะปริ่มเต็มมาจากที่งานแต่งงานแล้วก็ตาม
“อันนี้คืออะไรคะ” เธอถามคนข้างๆ ไม่ได้นึกหรอกว่าเขาจะรู้คำตอบหรือเปล่า
“เป็นชีสทอดกินคู่กับแยมกุหลาบ” ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะส่งสัญญาณกับคนขาย พอเงินถูกตัดชีสทอดก็เข้ามานอนแอ้งแม้งอยู่ในมือของมโนชาเป็นที่เรียบร้อย
“ขอบคุณค่ะ รสชาติกับเนื้อสัมผัสอร่อยแปลกๆ ดีเหมือนกัน” เธอเอ่ยให้ความเห็น
“ที่ลี่เจียงขนมที่มีกุหลาบเป็นส่วนผสมเป็นของขึ้นชื่อ…ขอบใจ…” พูดพลางรับชีสแผ่นที่มโนชายื่นให้ เขาเอามันเข้าปากด้วยท่าทางเป็นธรรมชาติ “เดินไปข้างหน้าก็คงเจอร้านขายขนมเปี๊ยะไส้กุหลาบอีกหลายร้าน”
“เราแวะได้มั้ยคะ” มโนชาหมดสิ้นความเกรงใจ เธอทำท่าเลียนแบบท่าทางในการใช้โทรศัพท์ในมือของเขาจ่ายเงิน ด้วยรู้ดีอยู่ว่ายังไงเขาต้องไม่ให้เธอจ่ายเงินเองแน่ แต่เธอก็อยากจะกิน ดังนั้นแล้วจะเกรงใจไปทำไม
“ได้ แต่ต้องทำเวลากันหน่อย” เขาหัวเราะก่อนจะบรรยายต่อไป “เธอรู้ไหมว่าลี่เจียงได้ขึ้นเป็นมรดกโลกเมื่อไม่กี่ปีนี่เอง โชคดีที่เรามาเดินกันตอนนี้เพราะช่วงเย็นทัวร์ที่ขึ้นไปเที่ยวยังภูเขาหิมะมังกรหยกจะกลับลงมาจนถนนหนทางนี่แน่นขนัดเลยละ” มโนชาค่อนข้างทึ่งที่เขารอบรู้ไปเสียทุกเรื่อง
“นั่นใช่ไหมคะภูเขามังกรหยก เราเดินไปกันได้ไหมคะซินอยากไปเห็นใกล้ๆ” เธอละทิ้งความอยากกินชั่วขณะ
“ไม่ได้ เพราะมันมีขนาดใหญ่มากดูจากตรงนี้ก็เลยเหมือนใกล้ แต่จริงๆ แล้วมันไม่ได้ใกล้ขนาดนั้น เราเดินกันไม่ไหวหรอก หากอยากไปพรุ่งนี้ค่อยไปก็แล้วกัน อันที่จริงมาถึงลี่เจียงหากไปไม่ถึงภูเขามังกรหยกนี่ก็เหมือนมาไม่ถึง” มโนชายิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ
รอยยิ้มนี้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็มักจะทำให้คนยิ้มตามได้เสมอ เธอไม่อายที่จะใช้ภาษาท้องถิ่นแบบกระท่อนกระแท่นสื่อสาร ความไม่ขัดเขินและความกล้าบ้าบิ่นในบางครั้งทำให้คนเอ็นดูและหัวเราะตาม
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 22 : ทางเลือกที่เห็นแก่ตัว (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 21 : วันฝนตก (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 21 : วันฝนตก (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 20 : สวีสุ่ยเหอ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 20 : สวีสุ่ยเหอ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 19 : เรื่องบังเอิญ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 19 : เรื่องบังเอิญ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 18 : ปล่อยเธอไป (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 18 : ปล่อยเธอไป (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 17 : สุสานบรรพชน (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 17 : สุสานบรรพชน (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 16 : ความจริงที่เผยออกมา (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 16 : ความจริงที่เผยออกมา (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 15 : ส่งกันเป็นพันหลี่ สุดท้ายก็ต้องร่ำลา (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 15 : ส่งกันเป็นพันหลี่ สุดท้ายก็ต้องร่ำลา (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 14 : การจากลา (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 14 : การจากลา (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 13 : วันไหว้พระจันทร์ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 13 : วันไหว้พระจันทร์ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 12 : ความลับในหออำพัน (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 12 : ความลับในหออำพัน (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 11 : ความปวดใจของเซี่ยเหมยซี (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 11 : ความปวดใจของเซี่ยเหมยซี (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 10 : เขาเป็นใครกันแน่ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 10 : เขาเป็นใครกันแน่ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 9 : สิ่งสำคัญคือลมหายใจ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 9 : สิ่งสำคัญคือลมหายใจ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 8 : นายตำรวจ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 8 : นายตำรวจ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 7 : ฝันร้าย (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 7 : ฝันร้าย (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 6 : เรื่องซุบซิบ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 6 : เรื่องซุบซิบ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 5 : เฉินเอิน (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 5 : เฉินเอิน (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 4 : ซินที่แปลว่าหัวใจ (3)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 4 : ซินที่แปลว่าหัวใจ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 4 : ซินที่แปลว่าหัวใจ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 3 : แขกคนพิเศษ (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 3 : แขกคนพิเศษ (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 2 : พ่อบ้านจาง (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 2 : พ่อบ้านจาง (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 1 : เซี่ยเหมยซี (2)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน บทที่ 1 : เซี่ยเหมยซี (1)
- READ โรงน้ำชาความทรงจำสีอำพัน : บทนำ